Article Interview

Daydreaming, SXSW, และเรื่องอาหารที่ทำให้คุณทึ่งกับ My Life As Ali Thomas

  • Writer: Ratchanon Charoensettasilp
  • Photographer: Warner Music Thailand

แม้พวกเขาจะไม่มีผลงานใหม่เลยมาเกือบสามปี แต่พวกเราก็ยังได้ฟังเพลงของ My Life As Ali Thomas ตลอดเวลา แต่ในที่สุดซิงเกิ้ลล่าสุดอย่าง Daydreaming ก็ถูกปล่อยออกมาให้ทุกคนชื่นใจ ด้วยดนตรีที่สดใหม่กว่าเดิมแต่ยังมีกลิ่นอายของเสียงกลองและกีตาร์อันผ่อนคลาย กับเสียงร้องนุ่มนวลชวนหลงใหล Fungjaizine เลยชวนพวกเขาและเธอมาพูดถึงเพลงนี้พร้อมอัพเดตชีวิต รวมถึงเรื่องอาหารที่ทำให้คุณต้องทึ่งในตัวพาย!!

การกลับมาทำเพลงใหม่ครั้งนี้แตกต่างจากการทำอัลบั้มก่อนหน้านี้บ้างไหม

ตาว: ก็แตกต่างเกือบทุกอย่างครับ เหมือนเราหายไปสองปี หลังจากปล่อยอัลบั้ม Paper ไป

พาย: สองปีเลยหรอ (หัวเราะ)

แร็ค: อาจจะเกือบสามเลยมั้ง

ตาว: ตอนนั้นเราก็ใช้เวลากับอัลบั้ม Paper ค่อนข้างมาก เหมือนปล่อยอัลบั้มเสร็จ ทุกอย่างที่เราทำไปในอัลบั้มก็เหมือนใช้พละกำลังทุกอย่างไป เลยยังไม่มีไอเดียอะไรใหม่ ๆ การที่กลับมาทำ Daydreaming ก็ต้องหา source อะไรใหม่ ๆ inspiration ใหม่ ๆ ซึ่งก็ใช้เวลาสักพักหนึ่ง พอเราได้เราทำเพลงก็เหมือนเป็นการเริ่มอะไรใหม่หมดเลย

แล้วได้บทเรียนอะไรกลับมาไหมจากการอัลบั้ม Paper ที่ได้นำมาปรับใช้ในเพลง Daydreaming

แร็ค: วิธีทำเพลงก็ส่วนหนึ่ง วิธีการซ้อมหรือจะเป็นวิธีมองภาพสุดท้ายก็อีกส่วนหนึ่ง สมมติพายมีภาพในหัว เราก็ต้องออกมาคุยกันว่าซาวด์จะออกมาเป็นยังไงอีกที (พาย: เอ๊ะ แต่เพลงนี้เราเขียนด้วยกันหนิ (หัวเราะ)) ใช่ ๆ แต่ภาพสุดท้ายเราก็ต้องมาดูด้วยกัน เหมือนพาร์ตกีตาร์เราจะใส่ยังไงต่อ มีแอมเบียนต์อะไรที่ใส่ไปในเพลงได้ วิธีการทำงานกับพี่ ๆ technician ในห้องอัดเพลงก็จะชัดเจนขึ้นว่าเราอยากได้อะไรใส่ลงไป

พาย: สำหรับเรา เราว่ามันไม่เชื่อมกันเท่าไร เหมือนเวลามันผ่านไป เราก็โตขึ้น เเล้วเราก็เรียนรู้ทุกอย่างมากขึ้นอยู่แล้ว มันไม่ใช่แค่การเรียนรู้จากอัลบั้ม แต่ก็เป็นการเรียนรู้ชีวิตไปด้วย รู้สึกว่าเพลง Daydreaming มันเป็นอะไรที่เราแค่เบื่อเพลงล็อตเก่า เราก็เลยทำอะไรใหม่ ๆ แต่ไม่ใช่ว่าทำอะไรใหม่เพื่อจะมาเพิ่มของเดิม เหมือนโล๊ะกระดานทิ้งไปเเล้วเรามาดูว่าเราจะทำอะไรดี อาจจะทั้งในเชิงของเนื้อร้องและความรู้สึก มันจะ bright ขึ้น มันไม่ใช่ว่าเราเอา Paper มาแล้วคิดว่าเราจะทำ Paper แบบใหม่ มันเหมือนเราเริ่มทางใหม่เลย ไม่ได้เซ็ตอะไรด้วย เหมือนเดินทางที่ใหม่แล้วดูว่าที่ใหม่นี้มันมีอะไรให้เราได้บ้าง

ก็คือค่อนข้างเปิดกว้างกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับเพลงนี้

พาย: ใช่ ๆ เเล้วแต่ความรู้สึกเลย ทำงานกับ energy ใหม่ ๆ หมดเลย

ตาว: แล้วก็มีเรื่องการจัดการทำเดโม่หรืออัดเพลงอะไรแบบนี้ ขั้นตอนต่าง ๆ ก็จะดีขึ้นกว่าเดิม เราจะมองภาพได้ใหญ่ขึ้น

แล้วในแง่ความแตกต่างในเชิงของแนวดนตรีและความรู้สึกที่มันต่างไปในเพลงนี้ล่ะ

AพายDaydreaming เราคอนโทรลมันมากขึ้น เหมือนในเชิงของแรงบันดาลใจหรือพลังงาน เรารู้สึกว่ามันเป็นอะไรใหม่ ๆ แต่พอเราได้ตรงนั้นมาแล้วเรารู้สึกเหมือนวง My Life As Ali Thomas มี creative control มากขึ้น เราเริ่มเข้าใจว่าอะไรเป็นจุดแข็งแรงของเรา อันไหนเป็นจุดที่เราไม่เคย explore อะไรแบบนี้ เราเริ่มรู้ว่าอะไรมากขึ้นข้อจำกัดของพวกเราอยู่ตรงไหน ในเชิงของ Daydreaming ตอนที่สร้างเพลงขึ้นมา มันก็คือฟีลใช่ปะ แต่พอได้ฟีลตรงนั้นมาแล้ว เรามาล็อกว่าเราจะลงตรงไหนดี เหมือนเรามี craftmanship มากขึ้น อารมณ์เหมือนเราเริ่มทำอาหารแล้ววันนี้เราเเบบ เอ้อ จะทำอาหารไทย เหมือนไม่ใช่ว่าจะเท ๆ ลงไปอย่างเดียว จะมาเริ่มควบคุมว่าเราทำแบบนี้ได้ไหม อย่าง Daydreaming ดนตรีป๊อปในความหมายของพวกเราเป็นยังไง

พูดถึงเพลงนี้แล้วขอถามที่มาของเพลงนี้หน่อย ว่ามันเริ่มต้นมาจากอะไร?

พาย: เราเบื่อ epic songs (หัวเราะ)

แร็ค: ก็มาจากการแจมกันนี้แหละ เป็นเพลงแรกที่เกิดขึ้นจากการแจมกันจริง ๆ เหมือนพายก็บอก พี่แร็ค ลองหาคอร์ดมาเล่นกัน แล้วก็แจมไปเรื่อย ๆ สักพักหนึ่ง แล้วมีอยู่วีคหนึ่งที่เราคิดคอร์ดชุดนี้มา แล้วตาวก็ตีกลองแบบหนึ่ง พายก็ลองฮัมทำนองใส่เนื้อร้องเข้าไปก่อน พอมันได้ฟีลเหมือนที่พายบอกขึ้นมา มันก็น่าเอามาลองลงดีเทลว่าเพลงมันจะออกมาเป็นยังไง รูปแบบประมาณไหน ป๊อปแล้วต้องใส่เยอะเหมือนเมื่อก่อนไหม ก็เกิดการพัฒนาในเชิงของโครงสร้างเพลง

แล้ว process ทั้งหมดนี้ใช้เวลานานไหมกว่าจะออกมาเป็นเพลง

พาย: Daydreaming เขียนวันเดียวเลย! ที่เหลือคือลงดีเทล แต่หลัก ๆ ทั้ง verse ทั้ง pre-hook คือวันนั้นหมดเลย (แร็ค: เหมือนแจมกันวันนั้นแล้วชอบตรงนี้ เลยขยายมันดีเทลมันมาเรื่อย ๆ) จริง ๆ รวมไปถึงคำร้องและทุกอย่างเลยนะ วันนั้นวันเดียวเลย ที่เหลือคือมานั่งปรับ ๆ

เป็นครั้งแรกเลยรึเปล่าที่ทุกอย่างเกิดขึ้นภายในวันเดียว หรืออันนี้คือเรื่องปกติของวง

พาย: ใช่ เป็นครั้งแรกที่เริ่มจากศูนย์แล้วทุกอย่างเกิดขึ้นพร้อมกัน ทุกพาร์ตเลยตั้งแต่กีตาร์ กลอง ภายในวันเดียวเลย

ตาว: บางทีเพลงก็เกิดขึ้นโดยในเวลาที่เราไม่สามารถคาดเดาได้ (หัวเราะ)

Daydreaming

แล้วความรู้สึกของวงกับเพลงนี้ล่ะ เป็นไงบ้าง

พาย: เราพอใจมาก ๆ กับเพลงนี้นะ เป็นแค่เหมือนทุกอย่างมันออกมาเหมือนที่พวกเราคิดไว้ แล้วความตั้งใจที่วางไว้ เหมือนเป็นแม่แบบ แล้วสร้างออกมาได้เป็นไปตามที่วางไว้เลย ส่วนตัวตรงนี้เราชอบ เพราะมันโชว์ว่าเราสามารถคุมการทำงานของตัวเองได้ ไม่ใช่แค่เทลงไปมั่ว ๆ ให้มันเพราะ รึเปล่า? คนอื่นรู้สึกงั้นไหม (หัวเราะ)

แร็ค: (ยิ้มอ่อน)

พาย: คือ ถึงมันเริ่มจากความมั่วก็เถอะ มันเหมือนเป็นความมั่วที่ทุกคนรู้ craftmanship ของตัวเอง รู้ว่าหนักเบาคืออะไร เหมือนเรารู้จักตัวเองมากขึ้น

ตาว: ก่อนหน้านี้เวลาเราทำเพลง ทุกอย่างมันจะดูลน ๆ เหมือนมันไม่ค่อยมีเวลาคิด อันนี้รู้สึกเหมือนมีสเปซที่เราสามารถแบบ ค่อย ๆ ทำทีละอย่างได้ สามารถวางได้ว่า เราจะทำอันนี้ก่อน พอทำ process อันนี้เสร็จค่อยไปทำอันนี้ต่อ แต่ตอนที่เราทำอัลบั้ม Paper เนี่ย คือลอตแรกออกไปปุ๊ป ลอตสองต้องอัดละ อัดทีละห้าเพลง มันเลยไม่ค่อยได้โฟกัสทีละเพลง ตอนนั้นบางทีเราก็ไม่แน่ใจว่าเพลงนี้ดีหรือยัง แต่มันมี timeline ของมัน เราก็ต้องส่งงานให้ทัน (พาย: เหมือนได้มีเวลาประดับจานอะไรงี้ปะ) ใช่ ๆ อาหารก็จะดูน่ากินขึ้น (หัวเราะ)

เห็นไปโชว์ล่าสุดที่ Cat Expo เป็นไงบ้างครับ

ตาว: พอใจนะ พอใจในหลาย ๆ งานที่ผ่านมา กับการที่กลับมาเล่นโชว์เต็ม ๆ อีกครั้ง เพราะช่วงก่อนที่เราเริ่มทำเพลงก็เบรค ๆ กันไป แล้วเหมือนมีเพลงใหม่ด้วย การกลับมาเล่นก็รู้สึกว่าทุกอย่างโอเค พายก็พูดเก่งขึ้น (หัวเราะ)

พาย: ก็ไม่ได้เล่นเกือบปีเนอะ

แร็ค: คนก็อบอุ่นดี มาดูกันมากขึ้น

การกลับมาเล่นสดหลังจากที่ไม่ได้เล่นนานแล้ว รู้สึกประหม่า ตื่นเต้นอะไรไหมหรือรู้สึกเหมือนเดิม

ตาว: เหมือนที่คุยกันตอนเล่นสดก็รู้สึกประหม่าน้อยลงเนอะ เหมือนเราเล่นดนตรีแล้ว relax ขึ้น รู้สึกไม่มีใครเครียดกับมัน ปกติเราเล่นแล้วจะรู้สึกแบบกลัวเล่นผิด ท่อนนี้จำไม่ได้ แล้วมันจะเกร็งไปหมดเลย ตอนนี้สบาย ๆ ช่างมัน

พาย: ผิดก็ผิด (ขำ)

เห็นว่าวงจะไป SXSW ด้วย ตื่นเต้นไหม รู้สึกยังไงบ้างที่ได้ไป

แร็ค: ตอนนี้ยังไม่ตื่นเต้น มีอะไรหลายอย่างที่ต้องทำหลายอย่างมาก (หัวเราะ) คือส่วนตัวเป็นคนที่ตื่นเต้นต่อเมื่อมันจะใกล้ถึงเวลามาก ๆ เเล้ว แบบนี้กำลังจะไปแล้ว จะเล่นแล้วนะ มันเป็นอะไรอย่างงั้นมากกว่า

พาย: น่าจะตื่นเต้นกันข้างเวทีตอนนั้นมากกว่า ช่วงซาวด์เช็กงี้

ตาว: ก่อนไปนี่ตื่นเต้นเรื่องของมากกว่า จะเตรียมของไปยังไง ของจะมาครบไหม (หัวเราะ)

แร็ค: ใช่ พอเราได้ยินข้อมูลจากเพื่อน ๆ ว่า ต้องแพคของดี ๆ นะ ระวังเอฟเฟกต์ กีตาร์หักนะ เราก็จะมานั่งดีเทลเรื่องพวกนี้แทน ยังไม่ได้ตื่นเต้นกับตัวโชว์มากเท่าตรงนั้น

วงคาดหวังอะไรกลับมาไหม

พาย: อู้วว!! กินอาหาร!!

ตาว: เขาบอกสเต็กที่นั้นอร่อย

แร็ค: (ทำเสียงเศร้า) แต่ไม่ได้กินเนื้อแล้ว มีพายกินได้คนเดียวแล้ว

พาย: ตั้งตารอที่จะไปเที่ยวมากค่ะ เหมือนเราทำเพลงแต่เพลงทำให้เราไปเที่ยวได้ ก็ดีเลยล่ะ

แร็ค: ถือว่าไปเก็บประสบการณ์แหละ (ทำเสียงเข้ม) ได้อะไรกับมาก็เป็นสิ่งที่ดีทั้งนั้น

พาย: ไปกิน! (หัวเราะ)

ตาว: ฟังเพลงใหม่ ๆ ด้วย

แร็ค: ไปเที่ยว ไปกิน ไปเจอผู้คน ไปเจอวัฒนธรรมใหม่ ๆ (พาย: ไปเจอใครเนี่ยพี่แร็ค (หัวเราะ) อ้ะ ต่อ ๆ) ไม่ตอบละ (หัวเราะ)

มาพูดถึงเรื่องกิน มีคนหนึ่งฝากมาถามว่าอยากกินแฟรี่เบรดที่พายทำ เมื่อไรจะได้กินอีก (หัวเราะ)

พาย: โคตรน่าสงสารอะ (หัวเราะ)

แร็ค: ที่ไหนนะ?

ตาว: ที่งาน meet & greet อะ (หัวเราะ)

พาย: เอ้อ ที่มันแบบโคตรอร่อยอะ

คือเขาติดใจจริง ๆ ถึงกับฝากเรามาถามว่าอยากกินอีก มันอร่อยมาก

แร็ค: เขาท้องไม่เสียใจไหมครับ?

พาย: เฮ้ย เราใช้ส่วนผสมที่สะอาดเหอะ (ขำ)

ตาว: อาหารนี้ต้นกำเนิดมาจากอะไรนะ เล่าหน่อยสิ้

พาย: คือ เราอยู่โรงเรียนประจำตอนเด็ก ๆ มันเป็นอะไรที่เราจะได้กินตลอดเวลา ก็คือขนมปังทาเนย โรยน้ำตาลสี ๆ เนี่ย เราก็เลยรู้สึกว่าในงาน meet & greet มันก็ดูน่าเอามาแกล้งคนอื่นต่อ เป็นสิ่งที่เราต้องเผชิญตอนเด็ก ๆ (หัวเราะ) (FJZ: โอ้ย ละคนก็ชอบด้วยนะ) เราก็เลยอยากให้คนอื่นได้ experience สิ่งที่เราโตมาด้วย

ตาว: คนกินก็จะได้รู้สึกเหมือนได้อยู่ส่วนหนึ่งในโลกของพาย

แร็ค: ยินดีเข้าสู่โลกของพายนะครับ (หัวเราะ)

พาย: เรากินมาหกปีเลยนะเว้ย โรงเรียนประจำจะไม่ค่อยลงทุนในอาหาร มีอะไรก็จะแบบ เออ แบบนี้นี่แหละ ก็เลยอยากแชร์ให้คนอื่น

แร็ค: ความลำบาก.. (ทำหน้ายี้)

พาย: อร่อยเหอะ! เราชอบมาก

ตาว: แต่กินมาหกปีไง

พาย: เอ้อ เรากินมาหกปีไง มันก็เลยแบบว่า… (หัวเราะ)

ตาว: นอกจากความอร่อยแล้วยังมีความเคยชิน เอ๊ะ หรือคนเขาอาจจะอยู่โรงเรียนประจำมาเหมือนกันปะ เขาเลยชอบอะไรเหมือน ๆ กัน (หัวเราะ)

พาย: เหมือนโรงเรียนประจำนักเรียนมันเยอะด้วยแหละ เขาก็เลยให้อะไรแบบง่าย ๆ เป็นถาด ๆ เวลาเลิกเรียนหรือก่อนเข้าเรียนงี้ ก็ตั้งเป็นถาด ๆ เราก็จะแบบ (ทำหน้าแบบกล้ำกลืนฝืนกิน)

แล้วจะมีงาน meet & greet แบบนี้อีกไหม

พาย: ได้ค่ะ ไว้อาจจะมีอะไรแบบนั้นอีก

ตาว: ฟังใจ จะจัดแบบ ฟังใจฟู้ด อะไรงี้มะ (หัวเราะ) เดียวพายไปทำให้ครับ

พาย: แต่เอาจริง ๆ ตอนนั้นคนอื่นทำหมดเลย ยกเว้นเรา (ตาว: คนนี้เป็นคนกินครับ) คือเราทำประมาณสองสามแผ่นแรกค่ะ แล้วที่เหลือคือแบบ พวกแกทำกันต่อไปนะ

เป็นเหมือนอาจารย์สอนทำงี้

พาย: เปล่า (หัวเราะ) คือเหมือนเราทำหกด้วย โรยน้ำตาลแบบเละหมดเลย (หัวเราะ)

ตาว: ใช่ คนอื่นก็เลยไล่แบบ พายเลิกทำเหอะ อย่าทำอีก เนยเยิ้มหมดเลย

ก็ว่ารสชาติมันไม่เหมือนกันในแต่ละชิ้น

ตาว: เค็ม ๆ ปะครับ ไม่รู้มีมือใครบ้าง (หัวเราะ)

แล้วปกตินี่คือแต่ละคนชอบทำอาหารกันอยู่แล้วรึเปล่า

ตาว: โอ้โห ไม่เลยครับ ต้องเชฟแร็ค

แร็ค: ชอบทดลองไปเรื่อย ๆ (FJZ: มีเมนู signature ประจำตัวเองไหม) ถ้าเอาของตัวเองตอนนี้ก็เป็นหมูตุ๋นขี้เมา

ตาว: ไม่ใช่ขี้เมาเผ็ดนะครับ ขี้เมาคน (หัวเราะ)

แร็ค: เวลากินเบียร์ละคึก ๆ ก็เอาสิ่งที่พ่อสอน เอาสิ่งที่มีในบ้านมาผสมอะไรแบบนั้น

พาย: ซึ่ง ingredients ในบ้านก็มีเเต่เหล้า

แร็ค: ก็เอาไปหมักหมูได้งี้

คนอื่นได้ลองกินกันหรือยัง

ตาว: ไม่กล้ากินครับ (หัวเราะ)

แร็ค: ยังไม่ได้เอาให้ลองเลย พึ่งทำได้ไม่กี่ครั้งเอง

พาย: จริง ๆ พูดมานานมากละนะ

ตาว: น่าจะเป็นปีละครับ ไม่ได้กินสักที

พาย: เป็นหมูใน imaginary ของพี่แร็คค่ะ

แร็ค: ไว้ต้องเอามาให้ลองละ เผื่อมีฟังใจฟู้ด ตอนนี้เอาแค่ไข่เจียวไปก่อน ง่าย ๆ (หัวเราะ)

แล้วพายทำอาหารด้วยไหม

พาย: คือเราทำ แต่เราคิดว่าคนอื่นน่าจะกินไม่ได้ แต่เราชอบของเราแบบนี้ (แร็ค: พายเป็นคนกินอาหารจืด) มาก อาจจะเป็นเพราะเหมือนเราอยู่เมืองนอกแล้วเราก็ไม่มีอาหาร เราก็จะทำเท่าที่เราทำได้ แต่เราชอบทำมากเลยนะ

ตาว: เคยครั้งหนึ่งไปกินข้าวกัน แล้วสั่งอาหารมา พายแบบ ‘เฮ้ยแก อร่อยมากเลย’ เราก็ตักกินแล้วแบบ เอ่อ จืดมาก!!

แร็ค: ตอนนั้นคิดว่าเขาเอาเส้นไปต้มแล้วเอามาใส่ในจานเฉย ๆ ไม่ผสมอะไรให้เลยหรอ (ขำ)

ตาว: ขอเผาได้ไหมเนี่ย คือ เวลาพายกินมาม่า กินมาม่าต้มน้ำไม่ใส่เครื่องปรุงเนี่ย ก็กินได้ (พาย: อร่อย!) คิดว่ามาม่าต้มน้ำร้อนธรรมดาเนี่ย กินได้อะ ทำได้ไง

พาย: ไม่ ๆ คือมันไม่ใช่อย่างงั้นเว่ย คือแกต้องเข้าใจว่ามันอร่อยในแบบของมันอะ เข้าใจปะ (น้ำเสียงจริงจังมาก) คือถ้าจะไปเทียบกับการกินข้าวเปล่าเนี่ย ข้าวเปล่ามันก็อร่อยในแบบที่ข้าวเปล่ามันจะเป็น ก็ต้อง appreciate ตรงนั้น อย่างเช่นมาม่าเนี่ย ก็เหมือนกัน เหมือนแกไม่ใส่เครื่องปรุง มันก็อร่อยในแบบที่มันเป็นเส้นที่มีผงชูรสในนั้นอยู่แล้ว มันจะมีกลิ่นเส้นของมัน ใส่น้ำซุปไม่ต้องเยอะมาก เดียวมันจืดไป ก็ใส่กลาง ๆ แบบนี้ แล้วทุกอย่างจะมีความอร่อยของมัน

ตาว: น้ำร้อนอะ คุณจะได้อินกับน้ำร้อนที่มันมีเส้นเฉย ๆ อยู่

แล้วใส่อะไรเพิ่มไหม หรือไม่ใส่เลยเนี่ย

พาย: ไม่ใส่ ๆ อร่อยออก (แร็ค: ลองดู ๆ) คืออย่างวันอื่น เราก็กินแบบใส่ แต่ไม่ใส่ก็อร่อย ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะกินแบบไม่ใส่..

แร็ค: แนะนำให้คนที่อ่านสัมภาษณ์รอบนี้ ให้ลองไปทำดูกันนะครับ ลองไปทำมาม่าต้มน้ำเปล่าแล้วก็กิน

พาย: แต่มาม่าคัพนะ ต้องมาม่าคัพ แล้วก็ใส่น้ำพอดีเส้น (ตาว: นี้เป็นสูตรจารย์พาย ไปลองกันได้ (หัวเราะ)) จริง ๆ ใส่น้ำมันมะกอกด้วยก็ได้ มันก็จะเป็นฟีลเหมือนกินสปาเก็ตตี้อิตาเลี่ยนอะ มีน้ำแบบนิดนึง ถ้าเป็นคนชอบกินน้ำมันมะกอกอะนะ คือเราก็ชอบกิน (ตาว: นึกถึงอาหารเด็กเลย (หัวเราะ)) มันอร่อยเว้ย!

งั้นเอามาปนกันแล้วกันครับ หมูตุ๋นขี้เมากับมาม่า

พาย: ไม่ได้ ๆ แกอย่าไป take ความบริสุทธิ์ของเส้นมาม่ากับอะไรแบบนั้น

แร็ค: เขาเป็นสายแบบไม่ต้องปรุงอะไร ให้มันอร่อยด้วย ingredient อะไรของมันงั้น

พาย: คือถ้าเส้นมันไม่อร่อย มันก็ไม่ใช่ นึกออกปะ (หัวเราะ) คือถามว่าทำอะไรเป็นเยอะไหม ไม่ แต่จะทำในสิ่งที่ทำเป็น

ตาว: เป็นเชฟคนละสายมาก ใส่น้ำร้อนเป็นอย่างเดียว (หัวเราะ)

 

พาย: คือถ้ากินคนเดียวก็กินได้ แต่ถ้าคนอื่นกินก็จะแบบ what the f**k แต่ถ้าจะชื้อต้องชื้อรสต้มยำด้วยนะ (ตาว: แต่ไม่ใส่น้ำต้มยำ) คือกินแล้วถ้าเบื่อก็ใส่ต้มยำ (ตาว: แล้วส่วนใหญ่ใส่ไหม) ไม่ค่อย (หัวเราะ) แต่ว่ามันเป็น option ไง คือถ้าจะชื้อทั้งทีก็ชื้อรสที่ตัวเองชอบด้วย เผื่อเบื่อแล้วก็เอ้อ ใส่ได้เลย (ตาว: แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่ใส่ไง)

แร็ค: ขอแนะนำครับ มาม่าต้มยำที่ไม่ใส่เครื่องต้มยำ ต้มกับน้ำร้อนปกติ พอดี ๆ แล้วกินครับ ใส่ olive oil ได้นิดหน่อย สูตรเชฟพาย

พาย: แย่กว่าแฟรี่เบรดอีกอะ (หัวเราะ)

กลับมาที่คำถามเกี่ยวกับวงกันบ้าง ก้าวต่อไปของวงจะเป็นยังไงบ้าง จะมีอัลบั้มใหม่หรืออะไรให้คอยติดตามกัน

ตาว: ตอนนี้ก็เหมือนรวบรวมสสารมาทำอัลบั้มกันอยู่ครับ การทำอัลบั้มมันค่อนข้างกินเวลามาก

พาย: เหมือนพวกเราก็ละเอียดกันมากขึ้นด้วยค่ะ อะไรที่มันเราไม่ได้รู้สึกว่ามันลงตัวจริง ๆ ก็จะไม่เอา อัลบั้มแรกมันยังมีความว่าแบบ เออ เอาเพลงนี้มาก่อน จะได้เต็ม ๆ แต่รอบนี้คือเหมือนแบบเราคัดงานตัวเองจริง ๆ ด้วย ก็จะใช้เวลามากขึ้น

แร็ค: แล้วพอทำทีละ single ด้วย ก็รู้สึกว่าทุกคนจะได้มีโอกาสเลือก รายละเอียดของมันเยอะขึ้น ไม่ต้องมานั่งล่ก ๆ รู้ว่าอันไหนที่มันใช่ไม่ใช่ จะได้ถอดเข้าถอดออกได้

พาย: แล้วก็รู้สึกเหมือนทำอัลบั้มครั้งนี้ เราก็ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้ทำอีกหรือเปล่า แล้วพอเหมือนนี้เป็นโอกาสที่ได้ทำรอบที่สอง ก็เลยอยาก craft ให้มันมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะเราก็รู้ว่าทุกอย่างมีวันหมดอายุของมัน แล้วถ้าเรามีโอกาสที่จะได้ทำครั้งที่สอง ก็อยากทำให้มันเต็มไปด้วยสิ่งที่เราต้องการมากที่สุด

มีอะไรฝากแฟนเพลงของ My Life As Ali Thomas ไหมเอ่ย

ตาว: ครับ ก็อยากฝากเพลง ตอนนี้เรามีซิงเกิ้ลที่ชื่อว่า Daydreaming แล้วก็ฝากฟังในทุก ๆ สตรีมมิ่งครับ

แร็ค: ก็ขอบคุณสำหรับที่ติดตามกันมาครับ ฝากผลงานใหม่ด้วย ถ้ามีผลงานต่อ ๆ ไป ก็ฝากติดตามไปเรื่อย ๆ อย่าทิ้งกันครับ กับขอฝากมาม่าไว้ในอ้อมใจ

พาย: ฝากติดตามวงละกันค่ะ เราก็จะติดตามทุกคนไปด้วย

ติดตามข่าวสารความเคลื่อนไหวและผลงานเพลงใหม่ ๆ ของพวกเขาได้ที่เพจ my life as ali thomas

Facebook Comments

Next:


Peerapong Kaewthae

แม็ค เป็นคนชอบฟังเพลงเพราะเป็นกิจกรรมที่ทำคนเดียวได้ และก็ชอบแนะนำวงดนตรีหรือเพลงใหม่ ๆ ให้คนอื่นรู้จักผ่านตัวอักษรตลอดเวลา