Interview

PANICIAN วงร็อกรุ่นใหม่ที่เข้าใจการเปลี่ยนแปลงของวงการ

จากอดีตเด็กฝึกงานค่ายเพลง Smallroom สู่วงดนตรีชื่อแปลก Panician ที่ปล่อยเพลงออกมาแล้วสามเพลง ได้แก่ Want, Wish และ What’s On Your Mind? แม้ว่าแต่ละเพลงจะมีสไตล์ดนตรีที่แตกต่างกันออกไป แต่สิ่งที่เราสังเกตได้คือการที่พวกเขาไม่หยุดเรียนรู้ หรือปรับตัว โดยเข้าใจการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมดนตรี นำไปสู่ความจริงจังในโปรดักชัน วิธีการนำเสนอตัวเอง ที่ปรับใช้กับตัวเองได้ดี แม้จะยังลองผิดลองถูกอยู่ก็ตาม ลองมาคุยกับพวกเขากัน

Panician

Panician นี่ต้องอ่านว่าอะไรนะ

เท็ด: เอาจริง ๆ ตอนแรกเราทำวงกันมาพักนึงแล้วยังไม่ได้ชื่อสักที เราเลยใช้วิธีเลือกชื่อเพลงของศิลปินที่อยากเอามาเป็นชื่อวงของตัวเอง เพราะเห็นหลาย ๆ วงก็ทำแบบนี้ (โทน: แก้ปัญหาปลายเหตุมาก) ทีนี้ก็เลือกมาสองชื่อ มี Gondry ของ Hyuk Oh แล้วก็ Panic Station ของ Muse

ตอนนั้นจะเอนไปทาง Gondry จริง ๆ ต้องอ่านว่า ‘กอน-ดรี้’ แต่พวกผมอ่านว่า ‘กอน-ดราย’ อยู่ดี ๆ โทนก็พูดขึ้นมาว่าสวัสดีครับ พวกเรา กอนดราย คลายเครียด! พวกเราพูดว่า กอนดราย คุณพูดว่า คลายเครียด กอนดราย คลายเครียด!!!’ คือมันคิดไว้แล้วว่าถ้าขึ้นเวทีต้องพูดแบบนี้ ไป ๆ มา ๆ รู้สึกว่าฮาไป เลยโหวตอีกครั้ง ก็เลือกเป็น Panic Station

พอได้ชื่อแล้ว ผมก็รู้สึกว่าชื่อมันไม่เท่ ยาวด้วย เค้กเลยเสนอว่า เปลี่ยน Station เป็น cian หรือ tion ไหม ก็เลยมาลงที่ Panician (แพนิเชียน)

มารวมตัวกันได้ยังไง

โทน: พวกเราเจอกันที่ฝึกงานหมดเลย ก็ฝึกที่ Smallroom ครับ แล้วเขาก็ให้ทำเพลงกัน

เค้ก: มันมีโปรเจกต์นึงของพี่รุ่ง เขาให้เด็กฝึกงานทำโปรเจกต์เหมือนเป็นค่ายเพลง ทำ PR โปรโมตเอง มีวงของตัวเอง ถ่ายรูปเอง เขาก็เลือกกันว่า มีใครทำดนตรีเป็นบ้าง แล้วช่วงนั้นพวกผมชอบเล่นกีตาร์ตรงลานของ Smallroom เขาก็ไปคุยกันมาเสนอว่า อะ พวกกูจะให้พวกมึงทำวงนะ

เท็ด: พอทำแล้วมันไม่สำเร็จ เลยกลับไปเรียนกันต่อ ผ่านไปปีนึงผมจำได้ว่าเค้กทักมาว่าอยากทำวงต่อ ช่วงนั้นผมว่าง ๆ อยู่ก็ตัดสินใจว่าเอาดิ

โทน: รอบแรกเราก็มารวมตัวกัน 5 คนมั้ง ไป ๆ มา ๆ เจ๊งอีกรอบ

เค้ก: คือเราไปเจอกันที่คอนเสิร์ตพี่เจ Penguin Villa เราก็คุยกันปกติ แล้วนัดกันไปกินข้าวต้มที่ซ้ง วังหิน ว่าอยากทำต่อ ก็มีมือกีตาร์อีกคนมาทำสักแปปนึง แล้วก็เฟด ๆ กันไป ความที่ต่างคนต่างไม่ว่าง

เท็ด: แล้วผมกับโทนก็ไปญี่ปุ่นกัน ไปดู Summer Sonic ก็คุยกันว่า เราอยากทำวงอีกครั้งให้มันได้ซักทีว่ะ ล่มมาสองรอบและ (FJZ: เพื่อไปเล่น Summer Sonic?) (หัวเราะ) ก็ฝันให้ไกลก่อนครับ แล้วเหมือนช่วงนั้นตัดสินใจว่าจะเหลือ 3 คนแล้ว พอกลับมาก็บอกเค้กว่า เราจะจริงจัง ต้องคุยกันมากขึ้นกว่านี้ ต้องเจอกันบ่อย ๆ

Panician

กังวลไหมตอนที่วงเหลือแค่ 3 คน

เค้ก: ผมไม่กังวลเลย เพราะไม่ได้คิดอะไรเลย ฟีลอยากทำล้วน ๆ ครับ

โทน: ตอนแรกพวกเราก็กังวลแหละว่าจะเป็นแนวไหนดี จะโพสต์ร็อก หรือดรีมป๊อป มันยังหาแนวไม่ได้ สุดท้ายก็ปล่อย ๆ ไป แล้วมาดูกันว่าเพลงที่ขึ้นโครงมาเนี่ย เราสามารถไปทางไหนได้ ไม่ได้จำกัดว่าเราอยากเป็นอะไรกันแน่

เค้ก: ไม่สนใจว่าเพลงนี้ต้องเป็นแนวนี้ ต่อไปจะเป็นแนวนี้ แต่ไปในเชิงที่ว่าพอเราขึ้นเมโลดี้ ขึ้นทำนองมา มันไปในทิศทางไหนได้ เราก็พามันไปให้สุดเลย แต่ก็จะผสมสิ่งที่เราชอบลงไปในทุก ๆ เพลง

แล้วชอบอะไรบ้าง

เท็ด: เราชอบไม่เหมือนกันเลยครับ แต่ก็ยังอยู่ในพวกจำกัดความว่าร็อก ชอบที่ได้สับกีตาร์ หนัก ๆ

โทน: ผมชอบ math rock ญี่ปุ่นต่าง ๆ แต่ก็มีความชอบ Arctic Monkeys เหมือนกัน ชอบ Radiohead ชอบ Mew

คิดว่าจำเป็นไหมถ้าเราชอบวงนี้ จะต้องหาเรื่องราวเบื้องหลังอื่น ๆ นอกเหนือจากเพลงของเขาอ่านด้วย

เท็ด: ผมอะชอบ แต่ไม่รู้เพื่อน ๆ ชอบไหม แล้วผมจะเปิด YouTube ฟังก่อนนอนประวัติมือกีตาร์นักร้องผมชอบหมดเลย จะได้รู้เรื่องราวของเขากว่าจะมาถึงตรงนี้ ว่าเขาทำยังไง ผ่านเรื่องอะไรมา เป็นสิ่งที่น่าจดจำมากกว่าชีวิตทั่วไป

โทน: ผมชอบอ่านพวกประวัติสุด ๆ แบบตำนาน Jimi Hendrix, Nirvana

เค้ก: ส่วนของผมจะเป็นแบบ ช่วงไหนเราอินวงไหน จะไล่ฟังทุกอัลบั้มของเขาเลย ตั้งแต่ชุดแรก ไม่ค่อยได้สนใจประวัติมาก แต่บางทีผมก็จะดู YouTube เหมือนกัน

Panician

เท็ด: แต่ผมว่าถ้าเราอยากศึกษามันก็ได้ แต่สุดท้ายอยู่ที่ฟีลเราอยู่ดี การที่เราไปศึกษาว่าเขามีไอดอลเป็นวงไหน ก็ไปดูให้ถึงต้นตอของที่มาของเพลงเขา ซึ่งจริง ๆ มันอาจจะทั้งจำเป็นและไม่จำเป็น แต่อย่างผมรู้สึกว่า ถ้าแค่เราชอบ เดี๋ยวมันก็ผสม ๆ กันอยู่แล้ว

โทน: ผมไปฟัง ‘ป๋าเต็ดทอล์ก’ เขาไปคุยกับ อะตอม ชนกันต์ แล้วเขาพูดว่าถ้าคนเขาด่าเรา wanna be ถ้าเราไม่ wanna แล้วเมื่อไหร่เราจะเป็น be สักทีอะมันก็จริงนะ ตอนต้นเราต้องอยากเป็นอย่างเขาให้ได้ก่อน แต่ไม่รู้ว่าเราจะเป็นแบบเขาได้หรือเปล่า เพราะเดี๋ยวระหว่างทางเราก็คงจะเจอเส้นทางของเราเอง แต่ถามว่ามันคือการก็อปไหม มันก็ไม่ได้จะก็อปหรอก

เท็ด: ผมว่ามันไม่เกี่ยวว่าต้องไปทางนั้นไหม ศิลปะมันยังไงก็ได้ครับ บางทีพอดูเหมือนเราเนิร์ด จริง ๆ แล้วเราอาจจะกำลังเก๊กเพื่อให้ดูเท่ว่าเราชอบวงนี้ สุดท้ายมันก็ไม่เกี่ยวอยู่ดี แค่เราชอบ แล้วเราก็อยากทำแบบนั้น อยากเท่เฉย ๆ (หัวเราะ)

กว่าจะมาเป็นแบบตอนนี้ยากไหม

เท็ด: ผมว่ายาก ก่อนหน้านี้จะเป็นผมกับโทนขึ้นมาก่อน พอขึ้นมาก็ยังไม่ใช่ ทำออกมาแล้วเหมือนคนนั้น เหมือนคนนี้ กว่าจะลงล็อก แล้วเราก็ต้องคุยทั้งวิธีเล่นของโทน ของผม การร้องของเค้ก เค้กชอบแบบไหน ก็คิดว่า เอายังไงกันดีว้า ซึ่งเพลงแรก Want ก็ใช้เวลาประมาณ 3 เดือนตั้งแต่รวมวงมา

อย่างเพลงนี้ เนื้อเพลงมาทีหลังสุดเลย มันเป็นเดโม่สั้น ๆ จากที่โทนเคยทำเล่น ๆ (โทน: สมัยม.ปลาย) แล้วมันอัพขึ้น Soundcloud แล้วตอนฝึกงานสองปีที่แล้วมันก็เปิดให้ฟัง ผมจำได้ว่าตอนนั้นผมชอบเพลงนี้ ลูก แต่วแด่ว ๆๆ ตอนฮุก แล้วผมก็ขอเอาไปทำต่อ ท่อนฮุกก็ได้เมโลดี้มา ทำให้นึกถึงคำว่าสุดลูกหูลูกตารู้สึกว่ามันแปลกดี ผมเลยเขียนทั้งหมด เวิร์ส 1, 2 ให้เข้ากับคำนั้น

เค้ก: แต่ที่เพลงสอง Wish มาทำภาษาอังกฤษ เพราะผมคิดว่ามันอยู่ที่ตัวเพลงนั้น คนขึ้นเพลงรอบนี้จะเป็นผมกับเท็ดผมจะคิดคอนเซ็ปต์ว่า เพลงนี้ให้อารมณ์ประมาณนี้ ผมก็เล่นกีตาร์ขึ้นมา ฮัมเมโลดี้ ผมชินการฮัมเป็นภาษาอังกฤษมั่ว ๆ รู้สึกว่าเข้าปากกว่า ก็จะให้เป็นภาษาอังกฤษ แต่ถ้าเพลงไหนขึ้นมา แล้วเราฮัมเป็นภาษาไทยออกไปโดยไม่รู้ตัว ก็จะเป็นเพลงไทย ซึ่งตอนนี้เพลงที่มีอยู่เป็นเพลงไทยก็มีเยอะ แต่เราปล่อยเพลงอังกฤษก่อน

เท็ด: Wish เริ่มจากผมเล่นกีตาร์ ขึ้นคอร์ดมา Em7 กับ Dm7 มันดูเป็นเพลงที่กำลังขับรถด้วยความปล่อยวาง ก็นึกมู้ดแบบนี้ มันเลยได้เนื้อว่าเรากำลังจะขับรถไปส่งเธอให้ถึงฝันของเธอนะ ไปเจอความสุข สุดท้ายเราก็เป็นคนเศร้า (โทน: ปลายทางนั้นมันไม่มีเรา) แล้วก็ยังคิดว่าถ้าวันนี้ยังมีเราก็คงจะดี คือคิดพลอตไว้แบบนั้น แต่พอมาเข้าเนื้อจริง ๆ อีกทีก็เปลี่ยนเรื่องไปเลย แล้วก็มีเสียงผู้หญิงเข้ามาเป็นเสียงที่เล่าความคิดเรา พยายามใส่ให้มันขยายความรู้สึกของเราเข้าไปในคอรัส อย่างอินโทรกลางก็มีเสียงผู้หญิงถามว่า เป็นไงบ้าง ทำอะไร กินข้าวหรือยัง มันเป็นสิ่งที่เราคิดในหัว แบบ เราได้แค่ขอให้มันเกิดขึ้นแบบนั้นอีกรอบนึงได้ไหม

เค้ก: What’s On Your Mind? ตอนนั้นทะเลาะกับแฟน แล้วแฟนเราชอบเงียบ ถามว่าเป็นอะไรก็ชอบบอกว่าไม่ได้เป็นอะไร ผมก็เลยเขียนเพลงเลย แล้วก็ขึ้นริฟฟ์กีตาร์มาก่อน ได้คำว่า ‘Tell me’ มาจากตรงนั้น แล้วก็เอาคำนี้เป็นหลัก เขียนยาวมาจนเป็นแบบนี้ แล้วก็มีของเท็ดที่เขียนด้วย ผมว่าเพลงส่วนใหญ่ท่อนฮุกจะมาจากเท็ด ส่วนผมจะเป็นคนเล่าเรื่อง 1 2 3 4 แต่จะไม่มีท่อนฮุกที่คลุมเรื่องทั้งหมดไว้เท็ดจะเป็นคนทำฮุกเพื่อสรุปให้ได้

แฟนรู้หรือยังว่าเขียนถึง

เค้ก: เพิ่งรู้เมื่อกี้เนี้ย นั่งอยู่ด้วยกัน (หัวเราะ) ผมเขียนจากชีวิตผมหมดเลย ทุกเพลงที่มีอยู่ตอนนี้ เหมือนเราต้องอินอะ ถ้าไม่อินมันจะเขียนไม่ได้ มีอยู่ช่วงนึงที่ผมเขียนได้เป็นสิบเพลงเลย (เท็ด: ทำไมเขียนได้เยอะ) เมาไง

เท็ด: ถ้าเวลาทำเพลง ผมจะไปหนักดนตรีซะมากกว่า จะให้เค้กคิดเนื้อกับเมโลดี้ร้อง เพราะเค้กเป็นคนร้อง คิดอะไรออกแล้วพูดออกมา ผมว่ามัน insight กว่าอีกอย่างคือปกติเวลาผมคิดเมโลดี้มามันจะโน้ตสูงกว่าที่เค้กร้องก็เลยให้มันคิดเองเลยจะได้ไม่ฝืน

ได้ YEEZA (ยิ้ม วง Somkiat) มาช่วยโปรดิวซ์

เท็ด: พี่ยิ้มมาช่วยตอนเพลง What’s On Your Mind ผมเป็นตากล้องของสมเกียรติ แล้วตอนนั้นขับรถไปที่งานที่สมเกียรติจะไปเล่น ผมก็เอาให้พี่โบ๊ทกับพี่ยิ้มฟัง ฟังจบเขาก็บอกว่าเออ พวกมึง นัดวันว่างแล้วเข้ามาทำดิผมก็คิดว่าพูดเล่น เขาบอกว่าถ้าเดโม่โครงไก่มาโอเคงี้ ก็ไปต่อได้เขาจะมีภาษาของเขา (หัวเราะ)

เค้ก: พอไปทำแล้วเหมือนพี่ยิ้มเขาดึงสิ่งที่พวกผมคิดอยู่ข้างในออกมาให้ได้ชัดขึ้น เพลงเราตอนเดโม่มันใช่เลย เขาดึงออกมาให้หมดเลย แบบ เข้าใจเรามาก ๆ ขอบคุณพี่ยิ้มที่ช่วยตรงนี้ครับ

เท็ด: อย่างตอนกระบวนการทำ ตั้งแต่ตอนอัด พวกผมปกติก็แค่ต่อเข้าซาวด์การ์ด ยิงเข้า Logic แล้วอัดเลย แต่กับพี่ยิ้มจะมีกระบวนการคิดที่ creative มาก ต้องเบสแบบนี้ ไม่จำเป็นต้องเบสแพง เบสถูกมันจะทำให้ได้ความอย่างงี้ เสียงมันต้องก่องแก่ง เมื่อก่อนเราจะคิดแค่ต้องของแพง เสียงมันดี แต่พี่ยิ้มเขาจะดึงประสิทธิภาพของแต่ละอันออกมาได้ มันดีมากเลยครับ

แบบนี้คือเวลาเขียนเพลง คิดเป็นซิงเกิ้ล หรือมองเผื่ออัลบั้มไว้แล้ว

เค้ก: เผื่อไว้แล้วครับ อัลบั้มจะทำปีหน้า แต่อาจจะเปลี่ยนคอนเซ็ปต์ระหว่างทาง อันนี้จะรวมเป็น EP ก่อน

เท็ด: เค้กคิดคอนเซ็ปต์ไว้แล้ว อันที่ทำอยู่ตอนนี้ให้เป็นช่วงทดลอง อยากทำอะไรก็ทำออกมาโดยไม่ต้องคิดมากขนาดนั้น เลยออกมาเป็นเพลง ๆ

ในฐานะวงหน้าใหม่ คิดว่าวงการดนตรีตอนนี้เป็นยังไง

เท็ด: ผมว่าตอนนี้มันมีแนวที่เป็นกระแสที่ยุคนี้เขาจะชอบทำ ถามว่าซ้ำไหม มันก็ไม่ซ้ำมาก แต่เข้าใจว่าเป็นสิ่งที่ฮิตกัน

โทน: เหมือนสมัยเราเด็ก ๆ เขาจะฮิตอีโมกัน คนจะทำแนวนั้นเยอะ มันแอบตอบยากนิดนึง อย่างช่วงนี้ดรีมป๊อปอาจจะฮิต แต่เดี๋ยวอนาคตมันจะเปลี่ยนแน่นอน ก็ไม่รู้เลยว่าจะเป็นยังไง แต่ยุคนี้ก็มันดีครับ คนดูกล้าทดลองกัน

เท็ด: แต่ถ้าลองนั่งหาจริง ๆ มันมีอะไรที่เป็นเพลงทดลองให้ฟังเยอะมาก

โทน: เหมือนเมื่อก่อน เราชอบ My Chemical Romance มา เราก็จะจับแนวนั้นมาทำเพลงทีเดียวจบ แต่สมัยนี้เราชอบทั้ง MCR ชอบ The Strokes เอา Dua Lipa กับ John Mayer มารวมกันอีก มันก็ได้เป็นแนวใหม่แล้วก็อาจจะออกมาฟังได้อร่อย

เค้ก: เหมือนยุคนี้ปล่อยเพลงกันได้ง่ายขึ้นด้วยมั้งครับ มันเลยมีความมันกว่าเมื่อก่อนที่มีให้ฟังไม่กี่วง ตอนนี้มีเยอะมากขึ้น มีให้ฟังเยอะกว่าเดิม

มองตัวเองว่าอยู่ในจุดไหนของซีนอินดี้

เท็ด: น่าจะอยู่ในจุดที่ ฟังใจ จะพาไปเล่นครับ (หัวเราะ)

เค้ก: เรายิ่งกว่าชนกลุ่มน้อยของซีนอีก (หัวเราะ) ผมไม่ได้อยากได้รับการยอมรับ แต่อยากให้เพลงมันถูกเปิดมากขึ้นกว่านี้ ไปถึงหูมากขึ้น ไม่จำเป็นต้องชอบเรา ผมไม่สนใจ แต่อยากให้คนได้ฟังก่อน

คาดหวังจะให้วงไปถึงตรงไหน

โทน: อยากไปอยู่ premiere league นะแต่ก็ยังไม่ได้อยู่อยากให้ลองเปิดรับเพลงของพวกเราดู

เค้ก: อยากหางานเล่น อยากไปเล่น Big Mountain แต่ไม่รู้เขาจะจัดไหม อยากให้มีคนตั้งใจมาดูเรา ร้องเพลงเรา

เท็ด: สุดท้ายทำเพลงทั้งหมดก็เพราะอยากเล่นสดครับ ถ้างานไหนมีให้เล่น ให้พวกผมได้ไปเล่นอะ (หัวเราะ) จริง ๆ เคยคุยกันรอบนึง เป้าหมายตอนนั้น เค้กกับโทนไป Maho Rasop ไปเมาตัวเหลวในนั้น กลายร่างเป็นร่างสอง แล้วก็คุยกันว่า ‘ถ้า Maho Rasop จัดนะ พวกเราต้องได้ไปเล่น’ (หัวเราะ) สุดท้ายก็ขอแค่ได้ไปเล่นเฟสติวัลครับ

ในตอนนี้ที่มีวงแข่งขันกันในตลาดเยอะมาก Panician มีวิธีทำให้เพลงไปถึงคนฟังเยอะ ๆ ได้ยังไง

โทน: บูสต์โพสต์ (หัวเราะ) ค่าทำเพลงยังไม่ได้จ่ายพี่ยิ้มเลย อย่างพวกผมถึงจะซีเรียสกับการทำเพลง แต่ต้องซีเรียสกับการโปรโมตด้วย ด้วยความที่พวกผมเข้าใจว่าเพลงมันไม่ได้อยู่ได้ด้วยเพลงอย่างเดียวแล้ว มันเป็นเรื่อง marketing ด้วย พวกผมเลยต้องวางภาพลักษณ์ของตัวเองด้วย แต่ไม่ได้ฝืนนะ แค่ต้องจริงจัง

เค้ก: พวกอาร์ตเวิร์ก หรืออะไรก็ตามที่คนจะมองเห็น พวกภาพ วิชวล mv แต่ก็ต้องอยู่ในความชอบของพวกเราก่อนเป็นอันดับแรก

โทน: อย่างผมทำงานบางทีบริษัทผมก็สอน ก็จะพอมีความรู้มาบ้างนิดนึง แล้วผมก็จะเป็นคนดูหลังบ้าน ดูว่าบูสต์ปุ่มไหน ก็ยังโชคดีที่ได้ตรงนี้มา

เท็ด: เหมือนเราได้คลุกคลีกับคนที่ทำงานตรงนี้ ก็เลยได้อะไรมาด้วย แต่เราก็ยังทดลองอยู่ เพราะเราไม่รู้จุดที่ว่าอันไหนดีจริง ๆ

เค้ก: พวก mv พวกผมก็ทำเองตัดเองมีรุ่นพี่มาถ่ายให้คิดเรื่องอะไรของเราทำสีเอง

โทน: พวกเราเรียนด้านโปรดักชันกันมาหมด เลยไม่ค่อยเป็นปัญหาสำหรับพวกเราเท่าไหร่ คิด ถ่าย ตัด ทำสีเอง ในพวกเราได้หมด ก็เลยน่าจะโชคดีตรงนี้

เท็ด: แต่มันก็เหนื่อยโคตร ๆ (หัวเราะ)

เค้ก: แต่จ้างได้นะครับ

ถ้าวางแผนมาหมดขนาดนี้แล้ว คิดว่าความเป็น Panician คืออะไร

เท็ด: ผมรู้ว่าไอ้เค้กจะตอบว่าอะไร มันจะบอกว่า Panician คือความเท่ครับ (หัวเราะ) อยากเท่ไว้ก่อน อย่างในการโปรโมต รูปอะไรก็แล้วแต่ หรือการพิมพ์ภาษาอังกฤษ ก็พยายามให้ไปทางนั้น

เค้ก: แต่จริง ๆ ไม่เท่หรอก คิดไปก่อน (หัวเราะ)

ฝากถึงเพื่อน ๆ ที่อยากทำวงเหมือนกัน

เค้ก: ทำไปเถอะครับ ผมเองก็ไม่ได้มีความรู้เรื่องดนตรีมาก (โทน: พวกเราสามคนเลย ไล่สเกลกีตาร์ยังไม่เป็นเลย) แต่ทำเพราะชอบ ทำเพราะอยากทำล้วน ๆ อาจจะทำงานไปด้วย คือถ้าเรามีเวลาว่างก็ใส่ให้สุด บางทีผมทิ้งงานแล้วมาทำเพลง

โทน: ฝากผลงานของพวกเรา Panician ด้วยครับ เพลงล่าสุดที่ปล่อยมาคือ What’s On Your Mind? ฟังได้แล้วที่ YouTube และ Fungjai สตรีมมิงอื่นกำลังมา แต่เราเอาฟังใจก่อนครับ (หัวเราะ)

Facebook Comments

Next:


Montipa Virojpan

อิ๊ก เนิร์ดดนตรีที่เพิ่งกล้าเรียกตัวเองว่าเป็นนักเขียนตอนอายุ 25 ชอบเดินเร็ว นอกจากขนมปังกับกาแฟดำแล้วก็สามารถกินไอศกรีมกับคราฟต์เบียร์แทนมื้อเช้าได้