Article Interview

เพราะทุกวันคือความทรงจำที่สวยงาม Sweat16

  • Writer: Gandit Panthong
  • Photographer: Chavit Mayot

‘สวัสดีค่ะ พวกเรา Sweat16‘ คือคำกล่าวทักทายแรกของพวกเธอ ก่อนหน้านี้ตัวผมเองได้มีโอกาสสัมภาษณ์พวกเธอไปแล้วในรายการ เรดิโอเห็ด ของ ฟังใจ ซึ่งในครั้งนั้นน้อง ๆ ยังเป็นศิลปินหน้าใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวมาได้ไม่นาน ทำให้เรื่องราวที่พูดคุยในวันนั้นอาจจะยังถามได้ไม่เต็มที่เท่าที่ควร ครั้งนี้ผมจึงอยากแก้ตัวอีกครั้งด้วยการนัดสัมภาษณ์น้อง ๆ ใหม่เพื่อถามถึงเพลงใหม่ที่กำลังปล่อยออกมาอย่าง ความทรงจำที่สวยงาม เพลงจังหวะช้าที่มีเนื้อหาสวยงามเหมาะกับพวกเธอ เอ้า ไม่พูดอะไรมากแล้วตามมาอ่านกันเลย น้อง ๆ Sweat16 รอพวกคุณอยู่ครับ 

รายชื่อสมาชิกที่ทำให้สัมภาษณ์กับทาง Fungjaizine ในครั้งนี้ ได้แก่

แอ๊นท์ —วรินดา เนินเพิ่มพิสุทธิ์
มิวสิค —จิดาภา จงสืบพันธ์
ม่านมุก —ชดาธาร ด่านกุล
เอ๋ —วาสนา พิมพ์จันทร์
เฟรม —สุธาสินี เอมทอง
พาด้า —ปภาดา ตันติประสงค์ชัย
เพชร—พรรษา บุณยะกลัมพ
มิ้น —ทสมา เทศน์ธรรม

ความทรงจำที่สวยงาม  เพลงนี้พูดถึงอะไร

แอ๊นท์: เป็นเพลงที่พูดถึงเรื่องราวของมิตรภาพว่า ระหว่างที่เราอยู่ด้วยกันในช่วงเวลานึง เรามีมิตรภาพที่ดีต่อใครบ้าง อาจจะไม่จำต้องกับเพื่อน มันสามารถเป็นกับอะไรก็ได้ เราเองก็อยากมอบเพลงนี้ให้กับแฟนคลับ เปรียบเสมือนว่า วันใดวันนึงทุกคนก็ต้องจากลากันไป แต่พอเราได้นึกย้อนมาในช่วงเวลานี้ เราก็จะมีความสุข มีความทรงจำที่สวยงามอยู่เสมอ

บรรยากาศระหว่างการถ่ายทำมิวสิกวิดิโอที่ประเทศญี่ปุ่น

มิวสิค: mv ตัวนี้ไปถ่ายกันที่โอกินาว่าประมาณ 3 วัน พวกเราสนุก ๆ มากกับบรรยากาศการถ่ายทำ แต่ว่าก็แอบเหนื่อยนิดนึง นอนดึกตื่นเช้ากันหน่อย ซึ่งทุกอย่างก็ผ่านไปด้วยดี พวกเราก็เต็มที่ในการทำงานครั้งนี้ โดยมันก็จะมีอุปสรรคต่าง ๆ เช่น เรื่องเวลา แสงแดด สภาพอากาศด้วย ที่นั่นจะเป็นสถานที่ที่ฝนตกบ่อยมาก ไปถึงก็ฝนตกเลย เราก็ต้องหาช่วงเวลาในการถ่ายทำกันไป

แอ๊นท์: ไปหลายสถานที่เลยค่ะ มีทั้งชายหาด โรงเรียน สถานที่ต่าง ๆ ของโอกินาว่า

ม่านมุก: มีพวกร้านอาหารด้วย พวกเราก็ได้ไปกินกันทุกร้านเลย

ความทรงจำในการมาเป็น Sweat 16 ของแต่ละคน

แอ๊นท์: จริง ๆ ตั้งแต่เข้ามาอยู่ในวงนี้สิ่งที่ประทับใจก็คือ ทุกคนก็ยอมรับซึ่งกันและกัน พวกเราทุกคนเข้ากันได้โดยไม่ต้องปรับตัวอะไรมาก อันไหนที่ปรับได้เราก็พยายามช่วยกันปรับเหมือนมีวิธีการที่มานั่งคุยกันปรับตรงนี้ หรืออย่างเรื่องกินคือเรื่องที่เราทุกคนจะมาปรึกษากัน รวมไปถึงเวลาไปแสดงที่ต่าง ๆ ทุกคนก็รู้สึกเต็มที่กับแฟนคลับ แฟนคลับก็ส่งพลังมาให้เรา สิ่งที่ประทับใจต่อตัวแฟนคลับคือ เหมือนเขาพยายามให้กำลังใจเรา ค่อยเชียร์เรา มันเหมือนเป็นสิ่งที่แปลกเหมือนกัน ใครก็ไม่รู้ที่เขาไม่รู้จักเรามาก่อน แล้ววันนึงเรามาเจอหน้า เขามาชอบมาปลื้มเรามาก ๆ มันก็เป็นสิ่งที่เราประทับใจมากที่คนนึงจะมาชอบเราได้ขนาดนี้

พิม: ของพิมขอพูดเรื่องแฟนคลับเลยละกัน เราไม่เคยคิดมาก่อนเลยในชีวิตว่าจะมีคนให้ความสำคัญ ให้ความรักกับเรามากขนาดนี้ มันเป็นอะไรที่รู้สึกแปลกใหม่และอบอุ่นในใจมาก ๆ บางทีเขาก็ชอบทำอะไรให้เราเซอร์ไพร์สตลอดเลย บางทีอยู่เงียบ ๆ เขาก็ตะโกนชื่อวงเราออกมา เราก็ตกใจและแปลกใจ แต่ก็มีความสุขทุกครั้งที่เราได้เจอซึ่งกันและกัน เราได้มอบความสุขให้เขาและเขาได้มอบความสุขให้เรากลับมา เป็นความรู้สึกดีมาก ๆ

มิ้นท์: ดีใจมากๆ ที่ได้อยู่ร่วมกับเมมเบอร์ทุกคน เราก็อยู่ด้วยกันมานานแล้ว ทุกคนก็เปรียบเสมือนครอบครัว มิ้นท์มีน้องสาวเพิ่มเยอะมากขึ้น ก็รู้สึกว่า ซน ๆ อ้วน ๆ ชวนกันไปกินประจำ ส่วนในเรื่องของแฟนคลับอันนี้ก็ประทับใจมาก ๆ เหมือนกัน ไม่คิดมาก่อนว่าตัวเราจะมีคนที่อยากจะเป็นกำลังใจให้เยอะขนาดนี้ พวกเขาจะเป็นคนที่คอยส่งกำลังใจให้กับเราในยามที่ท้อแท้หรือในวันที่เราเหนื่อยนะ จากตรงนี้มันก็ทำให้เรารู้สึกว่า เรามีกำลังใจมากขึ้นและพยายามให้มากขึ้น เพื่อน้อง ๆ ของเราด้วยและเพื่อแฟนคลับที่น่ารักของเราด้วย 

เพชร: สิ่งที่ประทับใจก่อนเลยในการเป็น Sweat16 คือทุกคนมีเป้าหมายเดียวกัน มีความตั้งใจในการฝึกซ้อมและก็มีความพยายามมาก ๆ ค่ะ พวกเราผ่านอะไรด้วยกันมาเยอะมาก ๆ ทั้งปัญหาอุปสรรคต่าง ๆ เราก็อดทนแล้วก็ใช้ความพยายามเข้าสู้ ทุกคนตั้งใจว่า เราต้องถึงฝั่งฝันได้ในสักวัน ถึงแม้ว่าท้อบ้างมีเรื่องราวต่าง ๆ เข้ามาแต่ก็ไม่ยอมแพ้ อันนี้เป็นสิ่งที่เราประทับใจในตัวทุก ๆ คน เหมือนเราอยู่ด้วยกัน เวลาเจอปัญหา เราก็จะมาคุยกันมาคิดว่า เออเราจะทำยังไงดี ซึ่งเราก็ผ่านมันมาได้ ส่วนแฟนคลับ เหมือนทุกคนเป็นพลังบวกให้กับเราทุกวันตลอดเวลาเลย ตอนแรกก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าความรู้สึกนั้นมันจะเกิดขึ้นยังไง เหมือนกับว่าเราเคยเห็นแต่คนอื่น ๆ เขามีคนไปค่อยให้กำลังใจ แต่พอเราเป็นแบบนั้นบ้าง มันเหมือนเป็นอะไรที่ให้กำลังใจเราและเป็นแรงผลักดันให้เราอยากจะทำทุกอย่างให้ทุกคนมีความสุขจริง ๆ

พาด้า: การได้มาอยู่กับเพื่อน ๆ การได้ฝึกซ้อม คิดอะไรร่วมกัน การได้มารู้จักแต่ละคน ได้รู้จักชีวิต รู้จักความฝันทุก ๆ อย่างและก็ช่วยกัน เดินไปด้วยกัน เดินไปสู่สิ่งที่ตัวเองอยากจะทำ อยากจะเป็นไอดอลเป็นอะไรที่ให้คนเข้าใจ ด้านแฟนคลับก็รู้สึกว่า ประทับใจเขาที่ให้กำลังใจเราตั้งแต่เริ่ม มันก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ

เฟรม: ทุกคนก็จะพูดถึงเมมเบอร์กับแฟนคลับในภาพรวมใช่ไหม หนูก็จะมีเหตุการณ์ที่จำได้คือการเล่นบัดดี้กัน เหมือนกิจกรรมนี้ใช้เวลาประมาณ 2 อาทิตย์ เฟรมไม่เคยรู้สึกตัวว่า บัดดี้เฟรมคือคนนี้มาก่อน เขาจะมอบสิ่งดี ๆ ให้เราโดยที่เราไม่รู้ตัว ซึ่งเขาทำได้สมบูรณ์แบบมาก ๆ อย่างเฟรมกลับบ้านกับเขาทุกวัน เขาก็จะซื้อขนมโตเกียวให้ทุกวัน เขาดูแลทุกคนไม่ให้เรารู้ตัวด้วย พอเฉลยเฟรมช็อกมาก ตกใจมากว่า เอ้า พี่เอ๋เองเหรอเนี่ย เพราะว่าเรานึกถึงคนอื่นตลอดเวลาเลย กลับกลายเป็นว่า เราเห็นมุมมองการให้อีกแบบนึงที่ไม่จำเป็นต้องสื่อสารผ่านของอะไรอย่างใดอย่างนึงเลย การเทคแคร์บางอย่างมันอาจจะไม่ได้เหมาะสมกับเราเพียงอย่างเดียว มันสามารถให้ทุกคนได้เท่าเทียมกัน อันนี้ก็เป็นอีกส่วนนึงที่ประทับใจในตัวเมมเบอร์เหมือนกัน อย่างพี่ม่านมุกนี่เหมือนเป็นผู้ปกครองหนูไปแล้วอะ ไปรับไปส่งหนูมากกว่าคนในบ้าน แล้วกับตัวแฟนคลับก็มีเรื่องประทับใจมาก ๆ อยู่แล้ว เราก็อยากจะพัฒนาตัวเองและพยายามยิ่งขึ้นเข้าไปอีก

เอ๋: การที่ได้มามีนามสกุลร่วมกันกับเพื่อน ๆ นี่ล่ะค่ะ นามสกุล Sweat16 เป็นอีกครอบครัวที่เอ๋รักมากและมันเป็นอีกความรู้สึกที่เอ๋รู้สึกว่า ทั้งเมมเบอร์และตัวแฟนคลับด้วย ในทุกครั้งที่เราอยู่ด้วยกันมันจะเต็มไปด้วยความอบอุ่น มันไม่ได้เป็นในรูปแบบสถานะของไอดอลกับแฟนคลับนะ แต่มันเป็นในสถานะที่เป็นพี่เป็นน้อง มีการแซวเล่นกันตลอด อย่างวันนี้มีการเดินสายแฟนคลับก็เดินสายตามพวกเราตลอด มันเหมือนเพื่อนกันไม่ว่าเราจะทำอะไรเขาก็จะให้คำแนะนำตลอด อีกอย่างนึงก็คือแต่ละคนมีความตลกมาก วงเราเนี่ยใคร ๆ ก็บอกว่าเราเป็นวงตลก แฟนคลับเราก็ตลก แฟนคลับเขาก็จะชอบแซวพวกเรา (หัวเราะ) จะมีความเล่นกันตลอดเวลา เป็นความน่ารักในครอบครัวของพวกเรา

ม่านมุก: ทุกคนนี่ล่ะค่ะ เหมือนว่าเหตุการณ์ต่าง ๆ ทั้งหมดที่เกิดขึ้นมันมีทั้งที่เราต้องกอดคอร้องไห้ หัวเราะแบบสุดเสียง หัวเราะจนท้องแข็ง เราผ่านทั้งความสุขและความทุกข์หลาย ๆ อย่างมาด้วยกัน แต่แน่นอนเรามีจุดมุ่งหมายที่เหมือนกันก็คือต้องการมอบความสุขผ่านเสียงดนตรีให้ทุกคนค่ะ และก็มันเป็นโมเมนต์ที่มุกชอบมาก ๆ เลยนั่นก็คือ การได้แสดงอยู่บนเวที อย่างตัวมุกเองอยากจะเป็นนักร้องตั้งแต่เด็ก แล้วมันเป็นความใฝ่ฝันที่รอมาตลอดจนอายุเท่านี้แล้วได้มาอยู่กับน้อง ๆ เราฝึกกันมานานมากเป็นปีกว่าเราจะได้ขึ้นเวทีจริงมันผ่านอะไรมาเยอะมาก ทั้งความท้อ ความเสียใจ ความกดดัน จนวันนึงมันเกิดขึ้นจริงและก็มีแฟน ๆ ของพวกเราให้กำลังใจและส่งเสียงเชียร์พวกเราอยู่ เราไม่เคยคิดว่าชีวิตนึงจะได้ยินเสียงเรียกชื่อจากแฟนคลับของตัวเอง มันเป็นความรู้สึกที่ฮึกเหิม ความเหนื่อยความท้อต่าง ๆ มันหายไปหมดเลยเมื่อเราได้เจอกับเขา แล้วก็จริง ๆ แล้ววงเราเป็นวงที่สู้มาก ๆ ในระดับนึง แฟนคลับของเราก็สู้ไม่แพ้กัน เราต้องฝ่าฟันอุปสรรคมาพร้อมกับเขา เขาเองก็จะพยายามทำให้คนข้างนอกรู้จักเรา อยากจะขอบคุณคนเหล่านั้นมาก ๆ เป็นเหมือนกับทุกอย่างของพวกเราจริง ๆ ต้องขอบคุณมาก ๆ ค่ะ

มิวสิค: ความประทับใจในวงก่อนนะ อย่างที่ทุกคนรู้พวกเราผ่านอะไรมาด้วยกันเยอะและค่อนข้างเป็นเวลานาน มิวคิดว่า ตอนแรกเรามีกันเยอะกว่านี้ เหมือนพอเวลาผ่านไปเรื่อย ๆ ก็เริ่มหาย ๆ ไป จนเหลือเรา 13 คน เราเคยคิดว่าทำไม 13 คนนี้ถึงอยู่ต่อ แต่ว่า สิ่งนึงอาจจะเป็นเพราะความฝันของพวกเราทุกคนด้วยทุกคนเหมือนจิ๊กซอว์ที่ต่อกัน ถ้าวันนึงมันหายไปก็จะมีช่องโหว่ ถ้าเหลือ 12 คน มันก็เหมือนกับสมาชิกในครอบครัวเราหายไป มันไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ก็อยากจะขอบคุณทุกคนที่สู้และอยู่ด้วยกันมาถึงทุกวันนี้ ส่วนแฟนคลับทุกอย่างที่เขาทำมันมีค่าและเป็นความทรงจำที่สวยงามมาก ๆ เขาก็คอยทำอะไรให้พวกเราตลอด มีอะไรก็จะไปเชียร์ตามตลอด ใครว่าอะไรเขาก็จะคอยอธิบาย คอยปกป้องเหมือนเป็นพ่อแม่เรา

ได้เห็นแฟนคลับที่เขามาดูบ้างไหม รู้สึกอย่างไรบ้าง

แอ๊นท์: สนุกไปกับเขานะ เราเองก็มีความคิดที่อยากจะลงไปเต้นแบบเขาเหมือนกัน

พิม: รู้สึกมันมากจริง ๆ เวลาเต้น เสียงเชียร์แฟนคลับจะทำให้เราเต้นเร็วขึ้นด้วยนะ (หัวเราะ) 

เฟรม: ถ้างานไหนไม่มีพวกเขาก็จะรู้สึกโล่ง ๆ เหมือนอะไรมันหายไป

ม่านมุก: จริง ๆ มุกเคยถามเหมือนกัน อยากรู้ว่าตอนที่เขาตะโกนกันอยู่ ถ้าเราไปอยู่ตรงวงล้อมข้างล่างจะรู้สึกอย่างไรบ้าง เขาก็บอกว่า มันเป็นทฤษฏีที่เราต้องเข้าร่วมไปด้วยไม่รู้ตัว อยู่ ๆ ดีเราก็ไปเต้นกับเขาได้นะ มันทำให้รู้สึกสนุกและก็อยากที่จะส่งมอบพลังให้กับไอดอลบนเวทีด้วย

ก่อนขึ้นเวที​ Sweat16 เตรียมตัวอย่างไรบ้าง

แอ๊นท์: ปกติก็จะรวมพลังกัน บางทีก็กอดกันแล้วพูดว่า วันนี้เราต้องทำแบบไหน ทำเต็มที่ไม่ต้องคิดมาก ขึ้นไปสนุกและมอบความสุขให้ทุกคน ทำทุกอย่างให้มันออกมาดีที่สุด สนุกกับทุกสิ่งทุกอย่าง บางทีก็แล้วแต่เวทีด้วยนะ บางงานที่ใหญ่มากเราก็จะตื่นเต้นกันทุกคน

ม่านมุก: อย่างมิวสิคเขาก็จะอาศัยช่วงที่เสียงเพลงดัง ๆ ก็ตะโกนออกมาบ่อยเลย

มิวสิค: มันเหมือนเป็นการเรียกแรงนะ สักพักคนอื่นในวงก็ทำตาม

งานโชว์ที่ Sweat16 ประทับใจที่สุด

แอ๊นท์: Cat T- Shirt ที่ผ่านมาเลย อย่างปีที่แล้ว เราก็โชว์ที่นี่เป็นครั้งแรก ตอนนั้นไม่มีชื่อวง เป็นเด็กผู้หญิงธรรมดาเท่านั้นเอง ใส่เสื้อยืด กระโปรงปกติคล้าย ๆ กลุ่มเด็กคัฟเวอร์มาเต้นกับพื้น ไมค์ก็ไม่มี แต่พอมาปีนี้เหมือนได้รู้ตัวเองว่า วงเรามาไกลกว่าตอนนั้นมาก ๆ เราได้ขึ้นเวที มีแฟนคลับมาเยอะ ทุกคนสนุกไปกับเรา มันก็เป็นอีกภาพที่ร้องเพลงไปด้วย เราก็นึกถึงตอนที่เรามาครั้งแรกว่าตอนนั้นเราแทบไม่มีอะไรเลย ตอนนี้มันถือว่ามาไกลมาก ๆ มันก็เหมือนเป็นการเพิ่มความสุขให้กับเราให้อีกด้วย

เฟรม: งานนี้มันเป็นงานที่ตื่นเต้นมาก ๆ เลยนะ ยังหันไปพูดกับมิวสิคอยู่เลย เหมือนเราได้กลับมาบ้านได้แสดงอีกครั้ง

ม่านมุก: แต่ปีแรกพวกหนูไปขายเสื้อไม่มีคนซื้อเลยนะ คนเดินผ่านไปอย่างเร็ว (หัวเราะ)

วิถีชีวิตที่เปลี่ยนไป

เอ๋: ก่อนหน้านี้ที่จะมาเป็น Sweat16 เอ๋จะเป็นคนเงียบ ๆ เพื่อนไม่ได้เยอะ พอมาอยู่ตรงนี้มันก็จะมีคนที่ให้ความสนใจ มีคนรักและให้กำลังใจเราเลยทำให้รู้สึกว่า จากคน ๆ นึงที่มองโลกในแง่ไม่ดีเท่าไร แต่ทุกคน ๆ เริ่มให้กำลังใจ เริ่มเปิดโลกบวกให้กับเอ๋ ทำให้เราก็คิดว่าชีวิตเอ๋มีความสุขเพิ่มมากขึ้น เราสดใสมากขึ้นกว่าแต่ก่อนเยอะเลย 

เฟรม: เรื่องการวางตัว พอเราเริ่มมีคนรู้จักมากขึ้น ตอนแรกที่เป็น Sweat16 เราก็คิดอยู่เสมอว่า ไม่มีใครรู้จักเราหรอก จนวันนึงเราโดนทักขึ้นมา เราก็งงว่า เขารู้จักเราด้วยเหรอ เฟรมก็รู้สึกเปลี่ยนไปเหมือนกัน ตอนที่เขาทักแบบหนูอยู่ในชุดนอนแล้วมีคนมาทัก หลังจากนั้นก็เลยต้องหวีผม ใส่ชุดให้รัดกุม วางตัวดีขึ้น ตอนนี้ติดใส่ผ้าปิดปากกับใส่หมวกมากขึ้น น่ากลัวไหม (หัวเราะ) เฟรมเป็นคนที่ไม่ชอบแต่งหน้าบ่อย ถ้าหลีกเลี่ยงการแต่งหน้าได้ก็จะเลี่ยงให้มากที่สุด

พาด้า: การวางตัวค่ะ การอยู่ในสังคมนี้เราต้องเจอคนที่รู้จักเราพอสมควร แต่ก่อนไม่มีใครรู้จักเราเลยนะ แล้วพอมีคนมารู้จักเรา มาพูดมาทักทาย เราก็รู้สึกว่า เฮ้ย ทำไมเขาชื่นชอบเราขนาดนี้ เขาพยายามให้กำลังใจเรา รู้สึกดีใจมากที่เปลี่ยนไปอีกคือ การจัดตารางชีวิตตัวเองแบบต้องทำโน้นทำนี่ แต่ก่อนก็ยังมีเวลาว่างที่จะนอนหรือทำอย่างอื่น แต่เดี๋ยวนี้ก็จะมีตารางที่เราต้องซ้อม ทำอะไรเวลานี้ มีตารางเยอะมากขึ้น ตอนนี้ก็ต้องพัฒนาตัวเองไปเรื่อย ๆ เพิ่มมากขึ้น

เพชร: ในเรื่องชีวิตประจำวันแน่นอนมันเปลี่ยนไป แต่ก่อนเราก็จะมีเวลาอยู่กับครอบครัวมากกว่านี้ แต่พอมาอยู่ตรงนี้เหมือนก็ต้องปรับตัว การเรียนด้วย ทำงานด้วย อีกเยอะแยะมากมายเลย ทั้งนี้ทั้งนั้นมันเป็นความเปลี่ยนแปลงที่เราเต็มใจ พอมาอยู่ตรงนี้เราก็มีความสุข มันมีแรงผลักดันและแรงจูงใจว่า ทำตรงนี้ไปเพื่ออะไร ไม่เคยคิดว่า การที่เราต้องเสียสละเวลาส่วนตัวมาเพื่อคนอื่นมันจะทำได้จริง ๆ เหรอ แต่มันก็เป็นความสุขที่เราเลือกแล้ว ทำได้เต็มที่และตั้งใจจะทำให้เต็มที่ต่อไป

มิ้นท์: ด้วยความที่ตัวเองตามไอดอลมาเหมือนกันก็พอรู้ว่าคนที่เป็นไอดอลเขาปฏิบัติตัวกันยังไง มันดูเยอะ ดูยากเนอะ แต่พอตัวเองได้มาเป็นตรงนี้จริง ๆ ก็รู้สึกว่า เฮ้ยสิ่งที่เราทำมันถูกต้องแล้ว การเดินทางไปไหนมาไหน การแต่งตัว รวมไปถึงกิริยามารยาทด้วยแล้ว ส่วนที่เปลี่ยนไปจริง ๆ เลยน่าจะเป็นเรื่องความมั่นใจในตัวเอง แต่ก่อนก็ไม่มั่นใจในตัวเองเลย รู้สึกแบบว่า เฮ้ยเราไม่โอเคนะ ในเรื่องของหน้าตาชอบคิดมาก แล้วเราก็มีคนให้กำลังใจเรา ทำให้ความกังวลของเราค่อย ๆ หายไปแล้ว ทำให้มีความมั่นใจในตัวเองมากขึ้น พร้อมที่พัฒนาตัวเองต่อไปรักสวยรักงาม

พิม: ส่วนตัวพิมเอง เมื่อก่อนจะเป็นคนที่เหมือนชอบอยู่ในกรอบสี่เหลี่ยมของตัวเอง จะทำอะไรก็ไม่ค่อยกล้าฉีก ความเป็นตัวเองเท่าไร เหมือนพอเรามาอยู่ตรงนี้ก็ได้เรียนรู้อะไรมากขึ้นจากเพื่อน ๆในวง จากพี่ ๆ ทีมงาน แล้วก็ได้รับประสบการณ์ได้เรียนรู้สิ่งใหม่มากขึ้น กล้าก้าวข้ามตัวเองมากขึ้น แต่เราก็ยังอยู่ในกรอบและกฏเกณฑ์ของความถูกต้องนะ 

แอ๊นท์: ที่เปลี่ยนไปเลยน่าจะเป็นเรื่องความรับผิดชอบที่มากขึ้น มากกว่าชีวิตปกติ อย่างเราเป็นวัยรุ่นเราก็แค่เหมือนมีหน้าที่เรียนหนังสือ แต่พอเรามาเป็นไอดอลเราก็มีหน้าที่การงานเพิ่มมากขึ้นรวมถึงแอ๊นท์เป็นกัปตันด้วย มันก็จะมีหน้าที่ที่เราต้องดูแลทุกคนในวง ทั้งเรื่องที่เราจะคุยกับพี่ทีมงานว่าวันนี้ที่เรามีโชว์จะต้องแก้ไขมีตรงไหนบ้าง มีสเต็ปอะไรบ้าง ค่อนข้างที่จะทำการรับผิดชอบในเรื่องนี้ค่อนข้างเยอะ แล้วก็บวกกับความคิดมากขึ้น พอเราเป็นกัปตันวิธีการพูดที่จะคุยกับคนในวงก็ต้องมีวิธีในการพูดไม่ให้เขาไม่เสียกำลังใจ ไม่เสียน้ำใจ คิดหนักกว่าแต่ก่อนด้วย แต่เราก็มีความสุขในสิ่งที่เราทำอยู่ตอนนี้ มันก็เหมือนกับว่าได้มารับประสบการณ์อีกแบบนึง ซึ่งเราก็ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีและโตขึ้น

ม่านมุก: สิ่งที่เปลี่ยนไปก็คือ น้ำหนัก (หัวเราะ) พูดเล่นนะคะ จริง ๆ แล้วก็มีหลายสิ่งที่เปลี่ยนไปเยอะมาก แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปที่สุดน่าจะเป็นมุมมองเรื่องความฝัน มุกเองเป็นคนที่แบบชอบฝันโน่น ฝันนี่ตลอดเวลา หนูเป็นคนที่อินและเซนซิทีฟเรื่องราวของความฝัน ความที่อยากจะเป็นอะไรต่าง ๆ จนมาอยู่ตรงนี้ เมื่อก่อนมุกก็มองว่า เราต้องจัดการความฝันของตัวเอง พอมาอยู่ตรงนี้มันไม่ใช่แค่นั้นแล้วอ่ะ ตอนนี้มันมีความฝันทั้งหมด 13 ความฝันมันเลยกลายเป็นว่า มุกไม่ได้มองแค่ตัวเองอีกต่อไปแล้ว ทุกวันนี้เรามองทุกคนและมันทำให้เราพร้อมจะสู้ไปด้วยกันมาก ๆ ค่ะ

มิวสิค: สำหรับมิวสิคก็พูดกันไปหมดแล้วนะ (หัวเราะ) เรื่องของเวลาละกัน ด้วยความที่เด็กกว่าคนอื่น บางทีเราก็ติดเล่น ยังอยากมีชีวิตวัยรุ่น ยังขี้เกียจทำโน่นทำนี่ ไปโรงเรียนยังอยากเล่นกับเพื่อน แต่พอมาอยู่ตรงนี้เราก็ต้องมีความรับผิดชอบมากขึ้น เราทำหน้าที่ตรงนี้แล้ว เราก็ต้องอยู่กับตรงนี้ โตขึ้นทั้งความรับผิดชอบ ทั้งเรื่องการวางตัว อะไรหลายอย่างเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น โตเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น เพื่อน ๆ ก็ถามเหนื่อยไหม เราก็บอกว่า เราโตขึ้นด้วย พูดง่าย ๆ ก้าวไปก่อนหน้าเพื่อน ๆ ก้าวนึง เราทำงานแล้ว (หัวเราะ)

เวลาว่างวงนี้ชอบทำอะไร

Sweat16: กิน เล่นเกม นอน (ตอบแบบพร้อมเพรียงกัน)

แอ๊นท์: แต่ส่วนใหญ่เราก็จะซ้อมร้องเพลง ซ้อมเต้นกันอยู่ตลอด

ในฐานะที่ฐานทัพ Sweat16 อยู่ RCA อยากให้แนะนำร้านอาหารอร่อย ๆ หน่อย

ม่านมุก: ส้มตำ นาย ต. หมู่เฮามาก เขาเป็นแฟนคลับเรา รู้จักเราด้วย เขาถามตลอดว่า คุณม่านมุกครับ จะกินอะไรไหม เขามีโปสเตอร์วงเราด้วยนะ

อาชีพในฝันแต่ละคนอยากเป็น

มิวสิค: ความฝันอย่างนึงคือ อยากจะเป็นคุณครูสอนร้องเพลง อยากเปิดโรงเรียนสอนร้องเพลง มันเป็นความฝันที่เราอยากถ่ายทอดความรู้ที่เราเรียนมาให้กับเด็ก ๆ บางทีไม่ได้อยู่ในห้องเรียน เราก็อยากจะบอกไปกับเด็ก ๆ ไปสอนเขา พัฒนาวัยรุ่นยุคต่อไปด้วย

ม่านมุก: เมื่อก่อนตั้งแต่เด็ก ๆ มุกอยากเป็นนักร้องมาตลอด ตอนนี้ก็ได้ทำตามความฝันแล้ว แต่มันมีอีกอย่างนึงที่ฝันไว้ว่า อยากเป็นนักแสดง เหมือนตอนมหาลัยเรียนการแสดงมาด้วย ก็เลยรู้สึกว่า อยากจะนำสิ่งที่เรียนรู้มาใช้ให้เกิดประโยชน์ที่สุด 

เอ๋: อยากเป็นทำงานเบื้องหลัง ทำเกี่ยวกับโลเคชัน ใช่ จบ

เฟรม: อยากเป็นไอดอลเนี่ยล่ะค่ะ เคยอยากเป็นแอร์โฮสเตสด้วย แต่พอโตมาสักม.1-2 เราก็รู้สึกว่า ความสูงเราไม่น่ารอดแล้ว ตอนนี้อยากเป็น sales telemarketing

พาด้า: อยากเป็นนักแสดงเหมือนกันค่ะ เรียนด้านดนตรีและการแสดงมา มันผสมผสานตั้งแต่เด็ก ๆ แล้ว อยากเป็นนักร้องแล้วครูก็บอกว่า ต้องแสดงอารมณ์ด้วยนะก็เลยเรียนการแสดง 

เพชร: อยากเป็นทหารหญิงนะ แบบมียศ ดูเท่อะไรแบบนี้และอีกอาชีพนึงที่อยากเป็นมาก ๆ อยากเป็นนักการฑูต มันดูมีเสน่ห์และดูมีความรู้ เหมือนกับว่าในละครเราก็จะเห็นว่า อาชีพนี้แต่งตัวดี แล้วก็ไปเฉลิมฉลองไปพบปะเข้าสังคม มันเป็นลุคที่แบบดูดีมากเราเหมือนเป็นตัวแทนของประเทศไทยไปแสดงความสามารถจัดการปัญหาต่าง ๆ แต่จริงแล้วเขาทำงานหนักมาก ตอนนี้ที่อยากเป็นเพราะ เราทำงานอยู่ที่นั้นด้วย เห็นพี่ ๆ หลายคนเขาก็เจ๋งมาก ๆ อาชีพนี้มันน่าสนใจ

มิ้น: อยากเป็นวิศวกรยานยนต์ค่ะ เราก็ดูหนังสือรถของคุณพ่อตั้งแต่เด็ก ๆ แต่ปรากฏว่า โง่เลขก็เลยไม่ได้เรียนสายนี้ (หัวเราะ) จากนั้นก็ดูความฝันอื่น ๆ เราก็อยากเป็นไอดอลญี่ปุ่น เหมือนสาว ๆ ที่เขาอยู่บนเวที ปัจจุบันนี้ตอนนี้ก็ได้เป็นแล้ว ส่วนถ้าไม่ได้เป็นไอดอลจริง ๆ อยากเป็นไกด์ คือเป็นคนไม่ชอบทำงานอยู่ในออฟฟิศ ไม่ชอบทำงานบนโต๊ะ อยากจะทำตรงนั้นด้วยแล้วก็เป็นบล็อกเกอร์

พิม: พิมอยากเป็น แอร์โฮสเตส สายการบินญี่ปุ่น อยากไปเรียนต่อที่ญี่ปุ่นด้วย 

แอ๊นท์: ตอนเด็ก ๆ  มีความฝันอยากเป็นมากอาชีพนี้ แคชเชียร์ (หัวเราะ) อันนี้เรื่องจริง อยากเป็นมาก ขนาดช่วงมัธยมยังคิดอยู่ว่า อยากเป็นอาชีพนี้เลย เราเรียนการตลาดมาก็อยากมีธุรกิจเป็นของตัวเอง เป็นธุรกิจที่เราขยายฐานไปต่างประเทศได้ อีกอย่างก็อยากเป็นแอร์ด้วย ภาษาก็เป็นสิ่งสำคัญที่เราอยากจะสื่อสาร แต่พอมาเป็นไอดอลแล้ว เราก็ต้องเลือกอาชีพที่ทำให้ชีวิตเรามั่นคงด้วยตอนนี้ก็จะมุ่งมั่นกับอาชีพนี้ไปก่อน 

อัลบั้มเต็มของ Sweat16 เราจะได้มีโอกาสฟังกันเมื่อไร

แอ๊นท์: ตอนนี้ผลงานที่กำลังจะออกจะเป็นแผ่นซิงเกิ้ลค่ะ ซิงเกิ้ลเพลง มุ้งมิ้ง กับ ความทรงจำที่สวยงาม ที่จะออกมาเป็นรูปแบบซีดีให้ทุกคนพรีออเดอร์ มันไม่ใช่แค่ซีดีธรรมดา อยากให้ทุกคนติดตามและมาพรีออเดอร์กัน ส่วนซิงเกิ้ลต่อไปเพลง TKO ก็ใกล้จะคลอดแล้ว ผ่านกระบวนการต่าง ๆ อยากให้ทุกคนช่วยเป็นกำลังใจให้พวกเราด้วย เพลงนี้น่าจะเป็นเพลงที่ได้เห็นเราอีกลุคนึง

ม่านมุก: ที่สำคัญพวกเราจะผอมลงด้วย เย้

สุดท้ายก่อนจะจากกัน

มิวสิค: สำหรับคนที่อ่านได้บทสัมภาษณ์ของเราก็น่าจะได้รู้จักความเป็นตัวตนของพวกเราแล้ว ถ้ามีมุมไหนที่ทุกคนเห็นแล้วประทับใจก็สามารถเอาบทความนี้ไปแชร์ต่อได้ อยากให้ทุกคนเป็นกำลังใจให้พวกเราต่อไปด้วยนะ ฝาก Sweat16 ด้วยนะคะ

Facebook Comments

Next:


Gandit Panthong

กันดิศ ป้านทอง อดีตนักศึกษาฝึกงานนิตยสาร Hamburger Magazine, ทำงานในกองบรรณาธิการ MiX Magazine และ บก.คนแรกของ Fungjaizine ที่มีความมุ่งมั่นว่าจะตั้งใจสร้างสรรค์วงการเพลงให้เกิดแต่สิ่งดี ๆ ต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง