Article Interview

The Jukks วงเดิม เพิ่มเติมคือตัวตนที่ชัดเจน กับ 18 เพลงซัดเต็มข้อในอัลบั้ม Clips

  • Writer: Teeraphat Janejai
  • Photographer: Chavit Mayot

The Jukks คือคนที่เมื่อเจอเรื่องทุกข์ใจ หรือเจอเพื่อนที่ทุกข์ใจ อกหัก ก็จะไม่ได้ถามเพื่อนว่า “มึงโอเคป่ะวะ กูอยู่ด้วยมั้ย” แต่เราคือคนที่จะพูดว่า “เฮ้ยย ช่างแม่ง เดี๋ยวก็โอเค”

ยอมรับว่าเคยเป็นแฟนเพลงของพวกเขาทั้งสามคนเมื่อสมัยเรียน ม.ปลาย ด้วยความดิบ ตรง กวน ตามจริตของวัยรุ่นชาย

จากอัลบั้มแรก Cup D เมื่อเกือบ 6 ปีที่แล้ว ก็มีซิงเกิ้ลปล่อยออกมาประปราย แต่ก็ไม่ได้เป็นที่พูดถึงมากนัก จนกระทั่งวันหนึ่งพวกเราก็ได้ยินสุ้มเสียงคุ้นหูแต่ก็ไม่เหมือนเดิมกับซิงเกิลแรก ความเป็นจริง ซึ่งเชื่อว่าแทบทุกคนที่ได้ฟังต่างตะลึงกับสิ่งที่ได้ยิน ทั้งพาร์ทดนตรีที่โตขึ้น ไม่โหวกเหวก จนต้องยิ้มกว้าง ๆ ต้อนรับการกลับมาประหนึ่งว่าพวกเขาไปเรียนเมืองนอกมาหลายปี

The Jukks กลับมาทวงเวทีคืนแล้ว

กลับมาพร้อมกับอัลบั้มที่มีชื่อว่า Clips

img_9812

หายไปหลายปี ทำอะไรกันมาบ้าง

แกน: จริง ๆ ก็ไม่ได้หายไปไหนเสียทีเดียว ก่อนหน้านี้ก็มีซิงเกิ้ลปล่อยออกมาโยนหินถามทาง เป็นช่วงที่เรากำลังค้นหาตัวตน เพราะพอทำเพลงไปสักพักก็รู้สึกว่าเราจะทำเพลงแบบเดิมๆ ไม่ได้แล้ว เพราะเราก็โตขึ้น คงทำเหมือนตอนวัยรุ่นร้อยเปอร์เซนต์ไม่ได้ ชีวิตเริ่มมีการเปลี่ยนแปลง ก็เลยต้องกลับมามองว่า The Jukks ในยุคนี้ ในวัยนี้ควรจะเป็นยังไง เรียกว่าเราหายไปเพ่ือหาตัวเอง

อะไรที่ทำให้รู้สึกว่าทำแบบเดิมไม่ได้แล้ว

แมว: ระยะเวลาก่อนหน้านั้นเป็นช่วงลองผิดลองถูก ก็ได้ประสบการณ์เล็กๆน้อยๆ มาบ้าง แต่ถ้าสิ่งที่เรารวบรวมจนตกตะกอนออกมาเป็นอัลบั้มนี้ก็เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อปีที่แล้ว เกิดขึ้นที่ค่าย พวกเรา พี่รุ่ง Smallroom ทุกคนในค่าย ตั้งคำถามขึ้นมาว่า The Jukks คืออะไร

แกน: เป็นคำถามง่าย ๆ ที่ตอบยากมาก ไม่ใช่ว่าอยู่ดี ๆ จะคิดออก ถ้าเราคิดเมื่อ 5 ปีที่แล้วเราก็ไม่รู้หรอกว่า The Jukks คืออะไร เพราะมันก็เหมือนเด็กเกิดใหม่ อัลบั้มแรกคือวันที่เรากำเนิดขึ้นมากลายเป็น ด.ช. The Jukks ก็เหมือนที่เราถามเด็กว่า โตขึ้นมาอยากเป็นอะไร เด็กก็ตอบไปอย่างนั้นแหละ แต่อยากเป็นแบบนั้นจริง ๆ หรือเปล่าก็ยังไม่รู้หรอก เราจึงใช้เวลาในการตอบคำถามนี้นานมาก ซึ่งไม่แน่ว่าอัลบั้มที่สาม อาจจะมีคำถามใหม่ หรือคำตอบใหม่ก็ได้

แมว: เราใช้วิธีฟังคนรอบข้าง กลับมาดูเพลงของเราในอัลบั้มก่อน มองหาจุดเด่นของเรา อย่างเพลง หว่าเว้, เค็ม หรือเพลงอื่น ๆ โดยเนื้อหาของมันเป็นเหมือนคนที่ถึงจะอกหัก ถึงจะเศร้าเสียใจ แต่ไม่เป็นไร ไตแข็งแรง สุดท้ายแล้วคนที่เราตามหาอาจมาโดยที่เราไม่ต้องไขว่คว้า ก็เลยสรุปว่า The Jukks คือคนที่เมื่อเจอเรื่องทุกข์ใจ หรือเจอเพื่อนที่ทุกข์ใจ อกหัก ก็จะไม่ได้ถามเพื่อนว่า “มึงโอเคป่ะวะ กูอยู่ด้วยมั้ย” แต่เราคือคนที่จะพูดว่า “เฮ้ยย ช่างแม่ง เดี๋ยวก็โอเค” เป็นการให้กำลังใจในรูปแบบของเรา เลยกลายเป็นคอนเซปท์อัลบั้มนี้ว่า เป็นคนคิดบวก ไม่ว่าจะเจอเรื่องร้ายอะไรก็จะไม่ดราม่า ไม่จมอยู่กับมัน มันคือสมการ ลบเจอลบกลายเป็นบวก

จริงๆ มันก็คือตัวตนของพวกคุณตั้งแต่แรกแล้ว?

แมว: ใช่ ตอนนั้นเรายังมองอะไรไม่เห็น ส่วนในเรื่องของดนตรี เมโลดี้ต่าง ๆ มันก็สั่งสมมาจากที่พี่รุ่งคอยป้อนเพลงที่เหมาะกับเราให้เราฟัง พอพวกเรารู้สึกว่าเพลงไหนตรงกับวงเรา เราก็เก็บมาเล่น โคเวอร์ ร้องมั่ว ๆ ซั่ว ๆ ไป จนมันซึมเข้ามาในตัวพวกเรา

แล้วช่วงที่ลองผิดลองถูก เป็นอย่างไรบ้าง ผิดหรือถูกมากกว่ากัน

แมว: ผิดสิครับ (หัวเราะ)

แกน: มันก็ไม่ได้ถึงกับผิดหรอก เวลาคนเราทำผลงานอะไรออกมามันก็จะมีทั้งแบบที่เรารู้สึกว่ามันเท่ว่ะ กับ กูไม่น่าทำเลย ทำอะไรออกไปวะ (หัวเราะ) ถามว่ามันผิดมั้ยก็คงไม่ เพราะมันก็เป็นงานที่ออกมาจากตัวเราจริง ๆ แต่แค่รู้สึกว่ายังไม่ได้ ไม่น่าทำเลยกู น่าจะดีกว่านี้ จนมาถึงอัลบั้มนี้ ก็ค่อนข้างดีใจ ไม่มีข้อกังขาเหมือนอัลบั้มแรกที่เรายังไม่มีประสบการณ์ ตอนนั้นเรายังมีคำว่าน่าจะเป็นแบบนี้มากกว่า ในมาสเตอร์ของอัลบั้มแรก แต่สำหรับอัลบั้มนี้เราหมดข้อกังขา เรารู้สึกว่ามันใช่ไปหมดทุกอย่าง ผ่านการกลั่นกรองมาเยอะจริง ๆ ระยะเวลาการทำอาจจะไม่นานมาก แต่ระยะเวลาในการกลั่นกรองตัวตนมันนานจนย่นระยะเวลาในการทำ

ดูพวกคุณพอใจและมั่นใจกับอัลบั้มนี้มาก

แมว: เอาจริงก็ยังเสียว ๆ อยู่เหมือนกัน (หัวเราะ) แต่เราก็คิดว่าเราทำออกมาได้ดีแล้ว พอเราเจอในสิ่งที่เราอยากทำ เราก็พยายามจะอุดรอยรั่วทั้งหมด

แกน: สิ่งที่เรามั่นใจมาก คือ พวกเราพอใจกับผลงานนี้ ส่วนคนอื่นจะชอบหรือเปล่าก็ไม่รู้ ก็ต้องลองฟังกันดู

พอเราทราบว่าอัลบั้มนี้มี 18 เพลง ความคิดแรกของเราคือ พวกคุณต้องเก็บกดมาแน่ ๆ

แกน: (หัวเราะ) ก็จริง คือมันโชคดีที่พอเราได้คอนเซปท์มาแล้ว มันก็พรั่งพรูออกมาเรื่อย ๆ รวมทั้งเพลงเก่าที่เคยแต่งไว้ เอามาเรียบเรียงใหม่ คิดว่าก็ดีแล้วที่มีเพลงเยอะ เพราะอัลบั้มที่แล้วออกมาน้อย เคยมีแฟน ๆ บ่นว่า โหพี่ ผมนั่งมอเตอร์ไซค์มาจากบ้าน ไปไม่ถึงไหนก็จบอัลบั้มแล้ว

img_9842

แก่นกลางเรื่องราวแต่ละเพลงในอัลบั้มนี้คืออะไร

แกน ก็คือคอนเซปท์อย่างที่บอกไปว่า ลบเจอลบเป็นบวก มันอาจจะไม่ใช่แบบนี้ทุกเพลง ไม่ใช่ว่าทุกเพลงจะต้องขึ้นด้วยเรื่องดราม่าแล้วต้องจบด้วยการปลอบประโลม บางเพลงอาจจะเศร้าดำดิ่งไปเลยก็ได้ แต่ว่าสิ่งที่มันจะทำให้คุณรู้สึกบวกได้ อาจจะมาจากสิ่งอื่นๆ อย่างเอ็มวี หรือ อาร์ตเวิร์ค ซึ่งมันก็ถูกคลุมด้วยคอนเซปท์อัลบั้ม การที่เราทำเอ็มวีเป็นการ์ตูนเพราะมันจะช่วยลดทอนความดราม่า ความเศร้าให้ลดน้อยลง อย่างเอ็มวีแรกที่เปิดมาเหมือนจะเป็นเรื่องตลก แต่สุดท้ายตบด้วยดราม่า บางคนดูแล้วร้องไห้ เราดูก็ยังร้องไห้เลย

แมว: ร้องไห้เพราะว่าทำเสร็จแล้วโว้ย (หัวเราะ)

แกน: คือเรากลับมามองว่าถ้าเอ็มวีใช้คนเล่น มันก็คงออกมาอีกฟีลนึง แต่พอเป็นแอนิเมชั่น 2D มันก็ค่อนข้างคลี่คลายเรื่องราวได้ง่าย แทนที่เราจะร้องไห้แบบจมดิ่งไปเลย แต่แบบนี้เราก็ยังร้องไห้และยังอมยิ้มได้อยู่

สังเกตจากในเอ็มวีจะบอกไว้ว่าเรื่องราวในเอ็มวีมาจากไอเดียพวกคุณ

แกน: เราก็นั่งสุมหัวคิดด้วยกัน เพราะเราไม่ต้องไปเสียเงินกับการถ่ายเอ็มวีแล้ว ก็เอาเวลาเอาสมองมาคิดตรงนี้แทน แล้วเราได้ทีมวาดที่ดีด้วย คือ ทีม pijion ซึ่งเป็นเพื่อนเป็นรุ่นน้องของพวกเรา คือเรื่องการถ่ายทอดออกมาพวกเขาเก่งอยู่แล้ว พอบวกกับที่พวกเขารู้จักเรา รู้คาแรคเตอร์ของพวกเรา พอเราคิดพล็อตอะไรไปเขาก็สามารถนำมาถ่ายทอดได้หมด เขาเห็นภาพว่าถ้าไอเจ้านี่จะแกล้งคนสีหน้ามันจะเป็นแบบไหน เวลาโดนแกล้งจะเป็นยังไง ก็เลยลงตัว

มันยากกว่ามั้ยที่ต้องนำเรื่องราวจากในเพลงมาถ่ายทอดในรูปแบบแอนิเมชั่น

แมว: จะว่ายากก็ยาก เพราะเหมือนเราต้องแต่งทั้งเพลงและพล็อตในเอ็มวีด้วย มันก็เป็นการลับสมองพวกเรา เราก็พอรู้มาว่าพวก GDH เขาคิดหนังสักเรื่อง เขาก็ไม่ได้คิดคนเดียว ก็มานั่งคุยกัน เราก็ทำแบบเขา พ่นความคิดออกมาเรื่อย ๆ พอเห็นตรงกันแล้วก็เรื่องมันก็จะไปต่อ

เหมือนได้ปล่อยวิชาจากตอนเรียนมัณฑนศิลป์ด้วยเลย

แมว: ใช่ ๆ แต่ตอนเรียนไม่จริงจังเท่านี้นะ (หัวเราะ)

แกน: เออ เสียดายเหมือนกันที่ตอนเรียนไม่จริงจังเท่าตอนทำงาน (หัวเราะ)

ทำไมถึงเลือกเพลง ความเป็นจริง เป็นซิงเกิ้ลเปิดอัลบั้ม มีความหมายอะไรพิเศษหรือเปล่า

แกน: พอเราฟังทั้ง 18 เพลง มันค่อนข้างแตกต่างจากอัลบั้มแรกเยอะมาก ซอฟท์ลง พาร์ทดนตรีมีชั้นเชิงมากขึ้น ความสนุกแบบเดิมก็ยังพอมีอยู่ ตอนแรกก็คิดว่าเราจะปล่อยเพลงที่คล้าย ๆ กับอัลบั้มแรกดีกว่ามั้ย เพราะคนจะได้ไม่ตกใจ ไม่เหวอมาก เพราะต้องยอมรับว่าคนฟังเพลงบ้านเราหลาย ๆ คนพอเจอการเปลี่ยนแปลงไปเยอะ ๆ ก็จะเหวอ อีกด้านนึงก็ไม่สนใจเลยดีมั้ย สุดโต่งไปเลย ก็ลองคิดหลาย ๆ แบบ มันก็มาตกที่เพลงนี้ มันกลางที่สุด มีเนื้อหาที่แสดงคอนเซปท์ลบเจอลบเป็นบวกได้ชัดเจนมาก มีเมโลดี้แบบใหม่ของพวกเราที่จับต้องได้ไม่ยาก การเรียบเรียงก็ไม่ได้ฟังยากในขณะที่ก็ไม่ทื่อ ๆ เหมือนอัลบั้มแรก ฉะนั้นเพลงนี้น่าจะเป็นนามบัตรใหม่ของพวกเราที่ดี เป็นการละลายพฤติกรรมคนฟังของเราด้วย

ผลตอบรับเป็นอย่างไรกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่

แมว: คนที่คอมเมนท์ก็มักจะเป็นในแง่ดี แต่ก็อาจจะมีบางคนที่ยังเป็นปลาช็อกน้ำ (หัวเราะ) ก็ยังต้องใช้เวลาให้เพลงมันเดินทางต่อไปถึงอีกหลาย ๆ คน

เตอร์: เห็นคอมเมนท์ดีหมดเลย ไม่ใช่อะไรนะ คนยังฟังไม่เยอะ ยังไม่ถึงหูคนไม่ชอบ (หัวเราะ)

แกน: แต่จากที่เราได้รับรู้มา พวกเราก็พอใจและดีใจ รู้สึกอุ่นใจว่าคนฟังรับได้นะที่เราเปลี่ยนมาเป็นแบบนี้ แล้วเราก็ได้กลุ่มคนฟังใหม่ที่แต่ก่อนเราไม่เคยมี ถ้าเป็นแต่ก่อนผู้หญิงแทบไม่ฟังเพลงเราเลย (หัวเราะ) เพราะเพลงเราแต่ก่อนก็ค่อนข้างโวยวาย พลังชายล้วน แล้วพอปล่อยเพลงแรกออกไป ก็มีผู้หญิงหรือคนกลุ่มใหม่ ๆ เข้ามาฟังเยอะขึ้น

untitled-1

แล้วเรื่องของเจ้าไมโครเวฟในเอ็มวีมีที่มาอย่างไร

แมว: มันก็เกิดจากการที่เราไหลไปเรื่อย ๆ

เตอร์: เราก็พยายามมองสิ่งใกล้ตัวที่มักมองข้ามไป ก็คิดต่อว่าจะเลือกอะไรเป็นตัวแทน คิดไปเรื่อย ๆ แล้วมาลงตัวที่ไมโครเวฟ เราใช้กันทุกวัน เจ๊งก็แค่ซื้อใหม่ ก็มาคิดว่าถ้ามันมีชีวิตจริง ๆ น้อยใจเป็น ถ้ามันพูดได้จะออกมาได้จะเป็นอย่างไร แต่จริง ๆ เราก็โชว์คิดลึกไปงั้นแหละ (หัวเราะ)

แกน: ด้วยเนื้อเพลงมันค่อนข้างโชว์คอนเซปท์แบบตรงไปตรงมา ก็เลยคิดว่าถ้าเอ็มวียังออกมาแบบตรง ๆ อีก ก็คงน่าเบื่อไปหน่อย เราก็เลยบิดเนื้อเรื่องออกมา ไม่ได้พูดตรง ๆ ดูไปดูมาก็กลายเป็นว่าพวกเราซอฟ์ทลงในพาร์ทของเพลง แต่ความกวนของพวกเราย้ายไปอยู่ในเอ็มวี ซึ่งก็เป็นอีกโจทย์หนึ่งของเรา เพราะว่าคอนเซปท์ลบเจอลบเป็นบวก แล้วพวกเราเองก็ไม่ใช่คนที่เหมาะจะพูดเรื่องนี้ตรง ๆ เพราะเราเป็นพวกลบเจอลบเป็นลบ (หัวเราะ) ก็เลยให้การ์ตูนเล่นแทนดีกว่า ลองคิดดูว่าถ้าเราไปเล่นกันเอง ออกมาคงไม่เจริญตาเท่าไหร่

แล้วเพลง อยู่คนเดียว มีที่มาจากอะไร มีใครอกหักมาหรือเปล่า

แกน: ไม่ได้อกหักอะไรมา แต่เกิดจากการอยู่คนเดียวจริง ๆ จุดเริ่มต้นคือ พี่รุ่งโยนโจทย์มาว่าจังหวะเพลงแบบนี้ยังไม่มีในอัลบั้มเลย สนใจมั้ย ลองไปคิดดู แล้ววันนั้นเป็นวันหยุด ที่ค่ายก็ไม่มีใครเข้ามาทำงาน แต่พวกเราก็นัดเข้ามาทำเพลงกัน ผมมาถึงก่อน ยังไม่มีใครมาถึงเลย ก็หยิบกีต้าร์ขึ้นมาเล่น ๆ แล้วก็บ่นพึมพำว่า เออ อยู่คนเดียวก็ได้วะ บวกกับเราก็พยายามคิดเพลงต่อจากหว่าเว้ในแบบใหม่ พอได้คำนี้มาเมโลดี้ก็ไหลต่อมาเลย พอมาถึงพาร์ทเรียบเรียง ผมชอบการเรียบเรียงในเพลงนี้มาก พี่รุ่งเบิกเนตรพวกเราเลย คือสิ่งเหล่านี้อยู่ในตัวพวกเรามาตั้งนานแล้ว แต่แค่ไม่เคยหยิบมาใช้ แล้วก็เอามาใช้ไม่เป็นด้วย พอพี่รุ่งเสนอมา เราก็เกิดดวงตาเห็นธรรม (หัวเราะ) อาจจะเป็นเพราะประสบการณ์แต่ก่อนเรามีไม่มาก ก็ทำได้แค่นี้ ส่วนในพาร์ทของเนื้อเพลงทั้งสองเพลงก็ดูเหมือนเป็นคนปลง แต่จริง ๆ ก็ยังมีรอยยิ้มอยู่ เป็นรอยยิ้มของคนเข้าใจโลก ด้วยวิธีการร้องของเราด้วย มันซอฟท์ลง ให้มันไพเราะขึ้น ก็ฝึกอยู่นานเหมือนกัน แต่ดี เหนื่อยน้อยลงเยอะ

เอ็มวีจะเป็นการ์ตูนทั้งเซตเลยไหม?

แกน: ใช่ รู้สึกว่ามันก็สนุกดี อาจจะไม่ตอบโจทย์เท่ากับเอาดารามาเล่น แต่เราว่าแบบนี้มันสนุกกว่า ตื่นเต้นกว่าการที่รอลุ้นว่าเราจะได้เจอน้อง ๆ น่ารักคนไหนมาเล่นเอ็มวีให้เรา

แมว: จริงเหรอ? (หัวเราะ)

แกน: จริ๊งงงง (หัวเราะ)

การที่หายไปนานๆ มีช่วงท้อกับการจะเริ่มต้นใหม่บ้างหรือเปล่า?

แมว: 5 ปีที่แล้วมี แต่ถ้าช่วงทำอัลบั้มนี้ไม่มีแล้ว เพราะเหมือนเราเจอสิ่งที่ใช่แล้วด้วย

เตอร์: เพลงในอัลบั้มนี้ก็เลยไม่ได้สะท้อนช่วงที่เราดาร์ก ๆ กันเมื่อตอน 5 ปีที่แล้ว

เห็นว่าในอัลบั้มนี้มี Expanded version อีก

แกน: ขอขยายความก่อน คือถ้าซื้อซีดีไป จะได้ 18 แทร็ก Original รวมกับ Expanded อีก 6 แทร็ก ก็จะมีทั้ง 24 แทร็ก แต่ถ้าดาวน์โหลดจากสตรีมมิ่งต่างๆ ก็จะเป็นเวอร์ชัน Expanded 17 เพลง ที่เราเอามามิกซ์ใหม่ อาจจะมีเพิ่มเติม หรือ ปรับเปลี่ยนให้สนุกขึ้น เป็นการต่อยอดของพี่รุ่ง และจะบวกอีกหนึ่งเพลงที่ไม่อยู่ในซีดี ซับซ้อนหน่อยนะครับ (หัวเราะ)

พอจะบอกได้ไหมว่าเพลงอื่น ๆ  ในอัลบั้มเป็นในทิศทางไหน คล้ายๆ กับซิงเกิ้ลที่ปล่อยมาหรือเปล่า หรือยังมีเพลงที่เป็นแบบอัลบั้มแรกไหม?

แกน: บอกได้เลยว่า มี (หัวเราะ) มันอดไม่ได้หรอก แต่ผมว่าอัลบั้มนี้ค่อนข้างวาไรตี้ อย่างในอัลบั้มแรก เราแทบจะไม่มีคอร์ดไมเนอร์ในเพลงเลย เป็นคอร์ดเมเจอร์สว่าง ๆ แต่อัลบั้มนี้เรามีหมดเลย ถ้าได้ฟังก็น่าจะรู้สึกต่างจากเดิม แต่เราก็ยังเป็นวงกีต้าร์แบนด์อยู่ แค่มีมิติในเรื่องดนตรีมากขึ้น

เตอร์: ยังไงเราก็คือ The Jukks อยู่ดี

img_9830

ได้ไปเล่นสดบ้างหรือยัง ปฏิกิริยาคนดูเป็นอย่างไรบ้าง 

แมว: คนก็ยังช็อกน้ำอย่างที่บอก (หัวเราะ) เราเห็นวงอินดี้น้องใหม่เจ๋ง ๆ เวลาไปเล่นก็ไม่มีใครรู้จักเขา แต่เขาก็ทำให้คนสนใจได้ เราก็เอาบ้าง เล่นเพลงเก่าน้อยหน่อย ซัดเพลงใหม่เพียบเลย เหมือนเราเป็นวงรุ่นใหม่

แล้วในมุมของคนเล่น เวลาเล่นสดยังรู้สึกเหมือนอัลบั้มก่อนไหม?

แกน: มันก็ดี ก็สนุกสนานตามวัย เราต้องยอมรับว่าเราก็อายุเลขสามแล้ว ก็ไม่ได้แก่ แต่ก็คงไม่สดเท่าอายุ 22 ซึ่งถ้าให้เราไปทำแบบที่เคยทำ ก็คงฝืนสังขารไปหน่อย แต่พอเป็นแบบนี้ก็โอเคเลย เรามีสมาธิมากขึ้น เราเองก็ได้โฟกัสกับการร้องมากขึ้น อัลบั้มนี้จะมีน้องมาช่วยเล่นสดอีกคน เพราะรายละเอียดดนตรีเยอะขึ้น ก็เลยผ่อนคลายขึ้นมากกว่าตอนเล่นสามคน ซึ่งผมต้องเล่นกีต้าร์หลักและต้องร้องด้วย มันพะวง เล่นก็หลุด ร้องก็หลุด แต่ตอนนี้ก็สบายขึ้น โชว์ก็มีความละเมียดขึ้นในพาร์ทของการเล่น แต่อารมณ์ก็ยังดุดันเหมือนเดิม อีกอย่างคือเราก็ไม่อยากเปิด MD เพราะลองแล้วมันไม่ใช่เรา เราอยากร้องกันเองเล่นกันเอง

ฝากอัลบั้มนี้หน่อยว่ามันเจ๋งอย่างไร สำคัญกับพวกคุณอย่างไร

เตอร์: จริงๆ เราก็อวยไปเยอะแล้ว (หัวเราะ) แต่ก็อยากให้ลองฟังดูครับ

แกน: ในฐานะที่เป็นคนทำเพลงมันขึ้นมา เราพอใจกับผลงานชิ้นนี้มาก ส่วนใครที่ได้ฟังก็คงแล้วแต่ว่าจะชอบหรือไม่ชอบ แต่มันเป็นผลงานที่เราได้กลั่นกรองมาอย่างเต็มที่แล้ว เต็มที่ก็ได้แค่นี้แหละ (หัวเราะ) ถ้าเหมือนทำอาหาร ใครชอบรสหวาน แต่เราทำรสเปรี้ยวเค็มเผ็ดไปเขาก็คงไม่ชอบ แต่ถ้าใครชอบรสคล้าย ๆ กัน ก็คงจะชอบอัลบั้มนี้ของพวกเรา

แมว: เมนูมันมีเยอะด้วย ชวนเพื่อน ๆ มาชิมหน่อย กินคนเดียวไม่อร่อยหรอก

ถ้าอัลบั้มนี้เกิดมาจากการกลับมามองตัวตน ช่วยนิยามหน่อยว่าตอนนี้ The Jukks เป็นผู้ชายแบบไหน

แกน: เคยมีพี่ชายข้างบ้านไหมครับ สมมติว่าเราเรียนมัธยมอยู่ พี่คนนี้จะอายุเยอะหน่อย ชอบนั่งหน้าบ้าน ฟังเพลงแปลก ๆ เพลงฝรั่ง ดูดบุหรี่เล่นกีต้าร์ชิว ๆ พอเราไปถามว่าจะจีบผู้หญิงยังไง เขาก็จะบอกว่า ไป ลุยเลย

เตอร์: เหมือนหนังเรื่อง Sing street เหมือนพี่ชายคนนั้นแหละ ใช่เลย เขาจะไม่ใช่คนที่ลงหลักปักฐานกับอะไร แต่เป็นคนที่มีข้อคิดดี ๆ ในอีกรูปแบบหนึ่งที่จะมอบให้กับเด็กข้างบ้าน

แมว เออว่ะ เหมือนพวกเราเลย ไม่เอาอะไรเลย (หัวเราะ)

img_9817

รับฟังเพลงทั้งหมดในอัลบั้ม Clips จาก The Jukks บนเว็บไซต์ฟังใจได้ที่นี่

Facebook Comments

Next:


Teeraphat Janejai

ธีรภัทร์ เจนใจ กองบรรณาธิการ Fungjaizine ที่มักสนุกกับการเปิดเพลงในรถมากกว่าการไปคอนเสิร์ต และชอบนั่งสวนพอๆ กับนั่งบาร์