Article Interview

‘ถ้าหาก’ ไม่รักในเสียงเพลง ‘Yented’ คงไม่เล่นดนตรีมาถึงทุกวันนี้

  • Writer: Peerapong Kaewthae
  • Photographer: Narawit Suksawat

จบกันไปแล้วกับงานประกวด ‘Sunkist Freshly Picked Contest’ โครงการคัดเลือกศิลปินหน้าใหม่ที่มีเพลงสดใหม่ น่าสนใจ เพื่อมาต่อยอดให้เป็นเพลงที่ยอดเยี่ยมยิ่งขึ้น โดยโปรดิวเซอร์และ sound engineer ที่เชี่ยวชาญในดนตรีหลากหลายแนว ด้วยความสนับสนุนจากผู้ใหญ่ใจดีอย่าง Sunkist นี่เอง ทำให้เราได้เห็นว่ายังมีศิลปินที่โดดเด่นรอการเก็บเกี่ยวอยู่ในสวนแห่งเสียงเพลงอีกมากมาย

สุดท้ายเราก็ได้ผู้ชนะสองคนสุดท้ายที่ได้ mastering เพลงที่พวกเขาส่งประกวด แถมยังได้ถ่ายทำมิวสิกวีดีโออีกด้วย ซึ่งหนึ่งในสองชื่อนั้นก็เป็นชื่อที่เราคุ้นหูคุ้นตากันมาก่อนอยู่แล้ว แม้จะห่างหายจากวงการเพลงไปช่วงหนึ่งแต่ Yented ก็กลับมาพร้อมกับเพลงใหม่ที่ลึกซึ้ง แถมยังมีฝีไม้ลายมือที่โตขึ้น เมื่อพวกเขามาตามนัดที่บ้าน ฟังใจ เราสัมผัสได้ถึงความใสซื่อและเป็นกันเองจนเข้าใจได้ว่าทำไมพวกเขาถึงถ่ายทอดเพลงต่าง ๆ ออกมาได้อย่างซื่อตรงและเข้าถึงง่าย เสียดายที่วันนี้เราได้เจอสมาชิกแค่ 2 คนจาก 7 คนเท่านั้น เรามาทำความรู้จัก Yented ให้มากขึ้นถึงความเป็นมากับเส้นทางดนตรีของพวกเขากันดีกว่า

สมาชิก
เจา—พงษ์ธรณ์ ปะเมโท (ร้องนำ)
ตูน—ภานุกร มาลา (กีตาร์)
มอส—ธนพล นาคขำพันธ์ (ซินธ์)
แซ็ก—วิชญะ แสนภูวา (คีย์บอร์ด)
กานต์—ธนกานต์ สุวรรณนาคินทร์ (กีตาร์)
เปรื่อง—เปรื่องวิทย์​ พิไลวงศ์ (เบส)
บิว—วุฒิชัย เขื่อนวิชัย (กลอง)

ที่มาของชื่อวง

เจา: ตอนนั้นผมทำเพลงกันขำ ๆ เสร็จแล้ว แต่ไม่รู้จะตั้งชื่ออะไรดีนั่งกันอยู่สามคนคิดเป็นชั่วโมงเลย เห็นขวด ‘เย็นเย็น’ (หัวเราะ) เขียนว่า YEN เลยเอาคำนี้แหละมาตั้ง คือมันไม่ได้คิดอะไรเลย (หัวเราะ) แล้วมานึกถึงทีมฟุตบอล united อะไรเงี้ย Yen United … ไม่ได้ว่ะ (หัวเราะ) งั้นเอา Yented ละกัน แล้วก็พิมพ์เลย (หัวเราะ)

ตูน: มันดูไม่มีสาระอะไรเลย แต่จริง ๆ เคยได้ยินประโยคนี้มั้ยครับ คนเราแม่งชอบมองข้ามสิ่งรอบตัวเวลาทำอะไรก็ตาม เช่นฉันเหงาจังเลย ก็ลืมมองคนข้าง ๆ พวกผมเลยมองรอบตัวเลย ตอนนั้นมีแต่คำว่าเย็นเต็มหัวเราเลย เย็นเย็น ยาเย็นเตร็กซ์ แอร์ก็เย็น อากาศภาคเหนือก็เย็นเจี๊ยบเลย

เจา: ก็ทำไปก่อนอะครับ คิดว่าตั้งชื่อนี้แล้วซักวันจะเปลี่ยนชื่อ แล้วก็ทำมาเรื่อย ๆ ไม่ได้เปลี่ยนซักทีเพราะมันคิดไม่ออกจริง ๆ ว่าจะเปลี่ยนเป็นอะไร

ตูน: เหมือนเป็นตราบาปอะครับ (หัวเราะ) ทุกวันนี้คนมาถามว่าชื่อวงมีความหมายอะไรมั้ย ก็ตอบยากมาก เลยบอกว่าไม่มีความหมายละกัน

แล้วทำไมถึงมีสมาชิกตั้ง 7 คน ที่มาที่ไปของแต่ละคนเป็นยังไง

ตูน: จริง ๆ เริ่มแรกเรามีกันสามคนครับ มีผม เจา แล้วก็ มอส ซึ่งเป็นซินธิไซเซอร์ในวง แต่พอจะเล่นสดเราก็อยากได้กลองกับเบส ก็ดึงเพื่อน ๆ มาเล่นด้วยกัน ตอนแรกมี 5 คนที่มาเล่น Tiger Jams สองปีที่แล้ว บางคนติดครูก็ย้ายออกไป เอามือกีตาร์มาเพิ่มแทน สรุปเราก็เป็นเพื่อนกันหมดเลยไม่อยากทิ้งใครไป ก็มัดรวมขายเลย 7 คน

เจา: ไม่รู้จะบอกยังไงว่ากูไม่เอามึงแล้ว (หัวเราะ) มันทำไม่ได้ ผมก็รู้ว่ามันอยากเล่น ทุกคนก็เป็นเพื่อนกันหมด ทุกคนก็อยากมีส่วนร่วม

ตูน: พอมีหลายคนก็รู้สึกมั่นใจอะครับ เหมือนมีพวกเยอะ แต่ลืมไปพอเล่นเสร็จ ไอ้ห่าเอ้ย ต้องหารกันเยอะเลยทีนี้ (หัวเราะ) ตอนเด็กคิดว่าเงินจำเป็น โตมาเงินก็จำเป็นจริง ๆ (หัวเราะ) แต่ทุกคนในวงก็ทำเพราะรักตรงนี้ด้วยเลยยอมเสียสละ ส่วนเพื่อนคนอื่นเขามีธุระหน้าที่ของเขา เดี๋ยวเราทำกันเอง สะดวกตอนไหนค่อยมาเล่นกัน

เจา: คนทำเพลงจริง ๆ ก็มีผมกับตูนเป็นหลัก เพลงล่าสุดมีเปรื่องมือเบสมาช่วยอัดอีกคนเท่านั้นเอง

ปกซิงเกิ้ลล่าสุดทำไมต้องเป็นรูปหลอดยาสีฟัน

เจา: มันไม่ใช่ยาสีฟันครับ (FJZ: หลอดสี?) หลอดสีก็ได้ แต่จริง ๆ มันคือยาทาสังคังครับ (หัวเราะ) ยาฆ่าเชื้อราอะ ให้เหมือนเย็นเตร็กซ์

ตูน: คนฟังเราหรือคนอ่านชื่อวงเราจะชอบพูดว่า Yented เจ้าของเดียวกับโทนาฟป่าววะ ผมก็ไม่รู้ว่ามันยังมีอยู่รึเปล่าเพราะพวกผมหายกันหมดแล้วไง (หัวเราะ)

เจา: นี่ก็ว่าจะไปขอสปอนเซอร์โทนาฟอยู่ (หัวเราะ)

แล้วนิยามแนวดนตรีของตัวเองยังไง

เจา: น่าจะเป็นป๊อปแหละครับ ป๊อปกลาง ๆ องค์ประกอบที่เหลือก็แล้วแต่คนฟังรู้สึกยังไงครับ ผมบอกไม่ได้มันคือแนวอะไร มันน่าจะเป็นความชอบซะมากกว่าในแต่ละช่วง ผมก็ไม่อยากจะจำกัดว่าเป็นอย่างนั้นนะ เป็นอย่างนี้นะ พยายามให้ตัวเองอยู่ตรงกลางให้มากที่สุดมากกว่า

ตูน: เหมือนเพลงนี้ทำเพราะตอนนั้นชอบอะคูสติกจังเลย พอโตขึ้นมาหน่อยชอบจังเลยโพสต์ร็อก หลัก ๆ ผมยึดตัวตนของเจาที่เป็นนักร้องว่ามันคือป๊อปแหละ ถ้าใครถามก็คงบอกเลยว่าป๊อปครับ แล้วให้เขาตัดสินใจกันเอง

ถ้าเปลี่ยนแนวดนตรีตามสิ่งที่ฟังแล้วชอบ แล้วตอนนี้ฟังอะไรอยู่

ตูน: ตอนนี้ที่ฟังกันก็เป็นไซคีเดลิก ป๊อป r&b (เจา: ตอนนี้ฟัง Sqweez Animal ครับ) ผมรู้สึกว่าผมอินกับ r&b เจาก็ชอบอยู่แล้ว มันดึงอารมณ์อะครับ สรุปก็คือเพลงส่วนใหญ่ของ Yented จะเน้นอารมณ์เป็นหลัก

แล้วศิลปินที่เป็นแรงบันดาลใจของเราล่ะ

ตูน: ตอนนี้ที่ฟังบ่อย ๆ คือ Tom Misch กับ พี่บุรินทร์ บุญวิสุทธิ์ ครับ เขาถึงจริง ๆ ฮะ ยังรู้สึกอยู่~ ผมแบบน้ำตาไหลเลย โห พี่ผมรู้สึกแล้ว

เจา: ก็คง Sqweez Animal แหละครับ ถ้าวงต่างประเทศก็ชอบไปเรื่อย ๆ ไม่ได้ตกหลุมรักจริงจัง ตอนนี้ก็คงฟัง Moses Sumney ฮะ

เล่าที่มาที่ไปของเพลง ถ้าหาก ให้ฟังหน่อย

เจา: ไม่มีอะไรครับ แค่ผมแต่งเพลงนี้ตอนไปฝึกงานที่เชียงใหม่ ก็แต่งไปเรื่อย ๆ จนเสร็จแล้วกลับมาอัดที่พะเยา จริง ๆ เพลงนี้ทำไว้นานมาก แล้วเรารู้สึกว่ายังขาดอะไรซักอย่างอยู่ เลยไม่ได้ปล่อยซักทีจนคนในวงแยกย้ายกันไป ช่วงที่วงหายไปสองปีผมกับตูนก็ไปเปิดร้านเหล้าด้วยกัน เลยไม่มีเวลาให้กับเพลงเลย พอร้านเจ๊ง (ตูน: อย่าเรียกว่าเจ๊ง เขาเรียกส่งต่อ) ส่งต่อความหายนะให้รุ่นน้องต่อ ผมก็เลยคิดว่าเราต้องกลับมาทำเพลงต่อแล้วว่ะ

ตูน: พอเราทำอะไรที่ไม่เกี่ยวกับเพลงไปเป็นปี มันรู้สึกว่าวงไม่เดินหน้า แล้วมีคนเรียกร้องด้วย

เจา: พอกลับมาทำเพลงก็รู้สึกว่าเพลงนี้ยังไม่ได้อีก เนื้อเพลงเสร็จแล้วแต่ดนตรียังขาดอะไรอยู่ จนมีงาน Sunkist เลยลองส่งมาประกวดดู ก็ได้โปรดิวเซอร์คือพี่เมษ MACHINA มาช่วย เขามาเติมเต็มเราด้วย ทำให้เรารู้สึกว่าสิ่งที่ขาดไปคืออันนี้นี่เอง เหมือนคนที่มองเห็นในสิ่งที่ผมมองไม่เห็น

ได้ร่วมงานกับโปรดิวเซอร์มืออาชีพอย่าง MACHINA เป็นยังไงบ้าง

เจา: ทำงานง่ายมากเลยครับ ผมบอกอะไรไปเขาก็ค่อนข้างโอเคกับเรา เขาก็มีแนะนำเราบ้าง

ตูน: ผมมองว่าเขามีวิสัยทัศน์ในการพูดด้วย เขาถามเราว่าเราอยากได้ยังไง บางทีเขาก็มีสิ่งที่ดีกว่าที่เราอยากได้เขาก็มีวิธีพูดกับพวกผมให้เข้าใจด้วย เราเห็นเหตุและผลที่เขาพูดออกมาหรือผลงานที่เขาแนะนำให้ฟังก็รู้สึกว่ามันเวิร์กจริง เขา free style กับพวกผมมาก ผมอยากใส่อะไร อยากได้นู้นได้นี่เขาก็จัดให้ โชคดีที่ได้เจอโปรดิวเซอร์ที่ชิล ๆ ฟีลแบบแลกเปลี่ยนกัน ไม่เสียตัวตนของวงด้วย

คิดว่าเอกลักษณ์ในดนตรีของเราคืออะไร

เจา: ผมยังไม่รู้ตัวเองเลยอะ ผมตอบไม่ได้แต่คนฟังน่าจะตอบได้ ถ้าร้องไปแล้วชอบก็คงอันนั้นแหละ น่าจะเป็นความเศร้าในเพลงมั้งครับ เพราะ Yented ก็ไม่ค่อยมีเพลงรักซักเท่าไหร่ (FJZ: ถ้าหาก ก็เศร้าเนอะ)

ตูน: อย่าง ถ้าหาก ถ้าตัดดนตรีออกแล้วทำช้า ๆ มันก็เศร้ามากเลยนะ แต่เราอยากให้มันเป็นมุมที่สนุก เหมือนให้กำลังใจ เฮ้ย ไม่เป็นไรนะมึง ให้มันเข้มแข็งหน่อยไม่ดึง

เจา: อย่างเพลง รักจาง ๆ ที่อ่างแม่ต๋ำ เนี่ย ผมว่าเพลงมันเศร้ามากเลยนะ ผมเลยตั้งชื่อเพลงแบบนี้จะได้ไม่เศร้า (หัวเราะ)

ตั้งแต่งาน Tiger Jams มาจนถึงวันนี้ คิดว่าวงเติบโตขึ้นในแง่ไหนบ้าง

เจา: ฝีมือน่าจะนิดหน่อย ที่เปลี่ยนไปน่าจะเป็นเรื่องทัศนคติมากกว่า อยากให้ไปดูเราดีกว่าครับ (หัวเราะ)

ตูน: เอาจริงก็คงพูดไม่ได้ ผมเก่งขึ้นนะ โอ้ย มึงห้าวอีกแล้ว ผมอ่อนลงนะ อ้าวมึงดรอปลงนี่หว่า อยากให้ไปดูดีกว่าครับ แต่บอกเลยว่าผมสองคนเปลี่ยนไปแน่นอน คนดูมากกว่าจะเป็นคนบอกเองว่าเราเปลี่ยนไปยังไง นอกจากที่ผมอ้วนขึ้น (หัวเราะ)

เจา: ตอน Tiger Jams เหมือนเราเด็กน้อยมากครับ ซ้อมน้อย เฮ้ย ได้ไปเล่นเว้ย พอกลับไปมองตัวเองแล้วอะไรวะเนี่ย (หัวเราะ) ตอนนั้นผมห้าวมาก กลายเป็นตอนนี้ไม่อยากห้าวแล้ว เข้าใจอะไรหลาย ๆ อย่างมากขึ้น ตัวเองยังขาดอะไรอีกเยอะเลย

ในความคิดของเราพวกงานประกวดดนตรีมีส่วนช่วยผลักดันศิลปินได้จริงหรือเปล่า

เจา: ช่วยสิครับ มันได้มีพื้นที่ มีโอกาสให้ศิลปิน ถ้ามันไม่มีอะไรเลยศิลปินก็คงต้องนอนอยู่บ้านดีกว่า (หัวเราะ) ถ้ามีพื้นที่ให้เราแสดงออกในสิ่งที่เราเป็น ได้โชว์เพลงของเรา บางคนปล่อยเพลงอาจจะไม่ดีเท่าไหร่แต่เล่นสดดี การทำเพลงของพวกผมก็จะเป็นอีกแบบหนึ่ง ต้องไปดูว่าเล่นสดพวกผมจะเป็นยังไง อาจจะได้แฟนคลับเพิ่มขึ้นก็ได้

ตูน: การมีเวทีก็เหมือนการเปิดร้านอาหารร้านหนึ่งอะครับ (เจา: เหมือนยังไง ๆ) เหมือนดิ ผมอยากกินมักกะโรนีจากเม็กซิโกจังเลยแต่ไม่มีร้านไหนขาย คนเล่นดนตรีเหมือนกัน ฉันอยากเล่นแนวนี้จังเลยมีพื้นที่ให้เราบ้างมั้ย ก็ไป ผมว่าผลักดันแน่นอน แต่จะดันยังไงก็แล้วแต่คุณ ทุกคนน่าจะเข้าใจว่าเศรษฐกิจบ้านเรามันไม่ดี (หัวเราะ) ช่วยกันเนอะ ประเทศไทยช่วยกันครับ

วงการดนตรีนอกกระแสในสายตาเราตอนนี้เป็นยังไงบ้าง

เจา: สนุกดีครับ ทุกคนอยากทำอะไรใหม่ ๆ ทุกคนช่วยกันขับเคลื่อนแข่งขันกัน มันก็พัฒนาไปได้เรื่อย ๆ เรื่องของถูกผิดมันก็ไม่มีอะเนอะ มันอยู่ที่ชอบไม่ชอบมากกว่า แต่ทุกคนก็อยากจะโชว์ ทำงานออกมาให้เต็มที่เพื่อที่จะพัฒนาตัวเองและวงการ

แล้ว Yented สนใจวงไหนเป็นพิเศษไหม ตอนนี้

ตูน: ผมก็แอบเป็นแฟนคลับบางวงอยู่ แต่ส่วนใหญ่ไปเสพวงต่างประเทศมากกว่าจะได้เห็นว่าเขาไปถึงไหนด้วย แต่ก็ไม่ได้ไม่มองวงไทยนะครับ อย่างที่ส่งเข้ามาใน Sunkist ก็มีน่าสนใจเยอะมาก (เจา: วง Dept กับวง YEW ก็ดี) Dept ผมก็ชอบ อยากเจอกับพวกเขาอีกครับ

ในฐานะศิลปินหน้าใหม่ คิดว่าการขายซีดียังจำเป็นอยู่ไหม หรือควรไปโฟกัสกับโชว์มากกว่า

เจา: จำเป็นนะ คนที่ชอบเราจริง ๆ จะได้อะไรไว้เป็นที่ระลึก มีแผ่นเราแล้วมันดู exclusive กว่าไปดูโชว์เราเรื่อย ๆ ซักวันถ้าเราเลิกไปเขาจะได้คิดถึงเรา วันหนึ่งถ้าเราเลิกเล่นหรือแก่ตัวไปเขาจะได้เอาไปให้ลูกหลานฟังได้ (ตูน: แต่โชว์ก็สำคัญนะ)

ทำวงมาตั้งหลายปี เคยมีช่วงที่ท้อไหม

เจา: ผมไม่นะ เพราะไม่คิดว่าชีวิตนี้ตัวเองจะทำอย่างอื่นได้ดีเท่าร้องเพลง ผมเคยเรียนสถาปัตย์แล้วซิ่วมาเรียนดนตรี เลยมาทำเพลงต่อ

ตูน: ต่างคนต่างจบมา เรายังรู้สึกไม่กล้าไปทำงานที่เราจบมาเลย ผมจบวิศวะแต่ก็ไม่กล้าทำ ไม่มั่นใจ แต่เพลงนี่กลับมั่นใจกว่า

เจา: ทำดนตรีแล้วคงมีความสุขกว่า ไม่เคยมีในหัวเลยว่าจะไปทำอย่างอื่นดีกว่า

ตูน: มึงไม่เคยมีแต่กูอาจจะมีนะ เลยไปทำร้านเหล้าไง (FJZ: แต่ร้านเหล้าก็ยังเกี่ยวกับดนตรีนะ) ใช่ครับ ผมก็เล่นที่ร้านด้วยพอเล่นเสร็จก็ต้องลงไปเสิร์ฟต่อ ล้างแก้วล้างจานต่อ แต่สุดท้ายก็กลับมาทำดนตรีอยู่ดี

ตอนมางาน Tiger Jam ผมจำได้เลย พี่นะ Polycat บอกผมว่า เฮ้ย มึงอย่าหยุดทำนะเว้ย พี่ต๊อบ Chanudom ก็บอกว่าอย่าหยุดทำ ผมบอกต่อละกัน “อย่าหยุดทำครับ”

แล้วไปทำเพลง รักได้แค่คนเดียว ให้หนังเรื่อง ‘ปั๊มน้ำมัน’ ได้ยังไง

เจา: มีเพื่อนแถวบ้านที่ไปเรียนนิเทศ พอจะจบก็ไปฝึกงานกับพี่กอล์ฟธัญญ์วาริน สุขะพิสิษฐ์ ที่นี่เขาอยากทำหนังเรื่อง ‘ปั๊มน้ำมัน’ แล้วหาคนทำเพลงให้หน่อย เพื่อนคนนี้ก็เลยติดต่อมา ตอนนั้นผมยังทำเพลงไม่เป็นเลย ทำได้เพลงเดียวคือ เริ่มใหม่ เพลงแรกเลย เพลงมันเด็กน้อยมากเลย โคตรกากเลย แต่โอกาสมาแล้วก็ทำไปเลยดีกว่า ถ้ารอให้พร้อมโอกาสก็คงไม่มาแล้ว เลยตกลงทำ

ตูน: ผมยังจำได้เลย ส่งเวอร์ชันแรกไป เขาชอบเนื้อร้องนะ แต่ว่าดนตรีเขาบอกว่าเหมือนนางเอกรถคว่ำคอหักตาย (หัวเราะ)

เจา: ท่อนโซโล่นี่ใส่ยับเลย พี่กอล์ฟบอก ไอ้เหี้ย นึกว่าสิบล้อเบรกแตก (หัวเราะ) ก็ส่งแก้ไปเรื่อย ๆ จนสุดท้ายผมรื้อใหม่แล้วไปให้พี่ที่มหาลัยช่วยจนเป็นเวอร์ชันสุดท้ายเนี่ยแหละครับ โล่งเลย

ตูน: แล้วมันส่งไปส่งมาหลายรอบมากครับ ทุกครั้งที่ส่งไปนี่ผมชวนไปกินหมูกระทะฉลองเลยแต่ระหว่างกินเขาก็ทักมาว่าต้องแก้ เป็นยังงี้ประมาณสองเดือนผมกินหมูกระทะกี่รอบไม่รู้ (หัวเราะ)

เจา: ผมก็ไม่คิดว่ามันจะได้เข้าชิงรางวัลสุพรรณหงษ์นะ ได้ไปเปิดโลกในวงการหนัง ได้เจอ ใหม่ ดาวิกา ด้วย (หัวเราะ) รู้สึกว่าเรามาทำอะไรที่นี่วะเนี่ย (หัวเราะ) พี่กอล์ฟก็ใจดีมากด้วย

ก้าวต่อไปของ Yented

เจา: เรามีสองเพลงใหม่กำลังจะปล่อยครับ เป็นแนวที่เราชอบแล้วอยากลองทำครับ (ตูน: เราได้ลองทำแบบที่ชอบเลย ) ฮิปฮอป อินดี้ อะไรงี้ ตอนนี้ก็กำลังวางแผนปล่อยอยู่ครับ ช่วงกันยากับตุลาครับ

แล้วอัลบั้มเต็มล่ะ

เจา: ตุลาครับ เป็น EP

ตูน: ตลอดสี่ปีที่ผ่านมา มีทั้งคนที่ชอบเพลงนั้น ชอบเพลงนี้ เราอยากรวมเพลงทั้งหมดให้ทุกคนลองฟัง ผมจะเรียงเพลงตามไทม์ไลน์เลยเพลงไหนเพลงแรก น่าจะมีความน่าติดตามดี

คิดชื่อ EP ไว้หรือยัง

ตูน: ยังครับ กำลังคิดอยู่ครับ ทำไมขำล่ะ (FJZ: มันต้องเป็นชื่อที่แบบ …) ไม่น่าตั้งเป็นชื่อใช่มั้ย ตั้งแต่ชื่อวงละ

เจา: เรากำลังคิดชื่อเท่ ๆ อยู่ครับ (หัวเราะ)

อยากฝากอะไรถึงศิลปินที่กำลังทำงานหนักมาก ๆ อยู่ตอนนี้

ตูน: ผมว่าเราก็ฝากอะไรไม่ได้อะ เพราะผมก็ยังอยู่ในจุดนี้อยู่เลย (หัวเราะ)

เจา: ผมว่าการทำงานหนักมันดี ถ้าทำงานหนักแล้วรู้สึกแฮปปี้ก็จะไม่รู้ว่ามันหนักเกินไป การทำงานหนักมันทำให้ตัวเรารู้สึกมีคุณค่าอะ ถ้าเราไม่มีอะไรทำหรือทำสิ่งที่เราไม่ชอบมันรู้สึกแย่มากเลยนะ ถ้าท้อก็แค่กินข้าวแล้วนอนครับ ถ้าเราแฮ็ปปี้กับสิ่งที่ทำจริง ๆ เดี๋ยวความสำเร็จก็ตามมาเอง ค่อย ๆ ทำต่อไป แต่มันสำเร็จตั้งแต่เราได้ทำสิ่งที่ชอบแล้วมีความสุขแล้วครับ

ตูน: ถ้าท้อก็ให้ลองย้อนกลับไปมองสิ่งที่เราทำครับ ถ้ามันชอบจริง ๆ จะไม่รู้สึกว่ามันหนักเลย ผมก็ไม่รู้ว่าไปตอกย้ำเขารึเปล่า เฮ้ย มึงชอบจริงรึเปล่า มันมีบ้างแหละเนอะชีวิตน่ะ ลองอดทนแล้วทำต่อดู ตอนมางาน Tiger Jams ผมจำได้เลย พี่นะ Polycat บอกผมว่า เฮ้ย มึงอย่าหยุดทำนะเว้ย พี่ต๊อบ Chanudom ก็บอกว่าอย่าหยุดทำ ผมบอกต่อละกัน ‘อย่าหยุดทำครับ’ (เจา: อันนี้มึงบอกตัวเองป่าว) (หัวเราะ)

ไปดู Yented เล่นกันสด ๆ ได้ในงาน SUNKIST FRESHLY PICKED CONCERT พร้อมผู้ชนะอีกหนึ่งคนอย่าง Pyra และศิลปินที่สร้างความสดใหม่ให้ชาวฟังใจตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา ทั้ง Superbaker , Gym & Swim , TEMP. และ Whal & Dolph ในวันเสาร์ที่ 4 สิงหาคม Glowfish สาทร ซื้อบัตรได้ที่ >ticketmelon<

Facebook Comments

Next:


Peerapong Kaewthae

แม็ค เป็นคนชอบฟังเพลงเพราะเป็นกิจกรรมที่ทำคนเดียวได้ และก็ชอบแนะนำวงดนตรีหรือเพลงใหม่ ๆ ให้คนอื่นรู้จักผ่านตัวอักษรตลอดเวลา