Interview

การกลับสู่จุดเริ่มต้นของ Zeal – Zero ก้าวใหม่ที่หนักแน่นกว่าเดิม

  • Writer: Montipa Virojpan
  • Photographer: Raweephat Pimkheaw

ชั่วโมงเร่งด่วนย่านลาดพร้าว-วังหินไม่เคยปรานีใคร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวันฝนตกแบบนี้ แต่ Fungjaizine ยังยอมฝ่าฝนเพื่อจะมาพบกับ Zeal วงร็อกที่วันนี้พวกเขากลับมาในบ้านหลังใหม่พร้อมซิงเกิ้ลใหม่ Zero หลังจากห่างหายจากงานชุดล่าสุดหนึ่งปี และหลังจากนี้พวกเขาก็จะ live stream การแสดงสดให้แฟน ๆ ได้ชมก่อนปล่อยมิวสิกวิดิโอตอนหนึ่งทุ่มตรง ก่อนอื่นเราขอมาพูดคุยกับพวกเขาก่อน

ช่วงที่ไม่ได้ออกอัลบั้ม แต่ละคนไปทำอะไรกันมาบ้าง

เป๊ก: หายไปปีกว่าจากซิงเกิ้ล เหยียบดาว

ป๊อก: หลายอย่างมากครับ แต่ละคนก็ไปทำงานเบื้องหลังบ้างอะไรบ้าง งานอดิเรกของแต่ละคนนิด ๆ หน่อย ๆ ส่วนวงเองก็ได้รวมตัวกันทำเพลงก่อนจะมาเกิดเป็น Zero ก็ทำมาเป็นสิบ ๆ เพลงกว่าจะได้คัดออกมาเป็นเพลงนี้ แล้วก็มีทัวร์คอนเสิร์ตเรื่อย ๆ

เพลงอื่น ๆ ที่ทำไว้จะมาอยู่ในอัลบั้มด้วยหรือเปล่า

ป๊อก: ไม่แน่ครับ เพราะการทำอัลบั้มขึ้นมาหนึ่งอัลบั้มส่วนใหญ่มันจะมีเพลงที่ทำมาแล้วไม่ตรงกับคอนเซปต์หรือคาแรกเตอร์ของอัลบั้ม ก็อาจจะขึ้นเพลงใหม่เลย ไม่ก็เอามาปรับปรุงแก้ไขให้มันเข้ากัน ให้ชุดนี้ผ่านไปก่อน เพราะหลายเพลงพวกนั้นก็ทำไว้นานแล้ว ซาวด์ดีไซน์อะไรก็เปลี่ยนไป

เคน: บางทีพอกลับไปฟังก็รู้สึกว่าเพลงมันล้าสมัยไปเกินกว่าที่จะเอากลับมาใช้ตอนนี้

ที่ผ่านมาไปทำเพลงละครได้ยังไง

ป๊อก: เป็นช่วงหลังอัลบั้มชุดที่ 5 เราอยู่กับ We Records ที่มีฟองเบียร์เป็นแม่ทับ ซึ่งฟองเบียร์ก็ได้รู้จักกับผู้จัดละครช่อง 3 หลาย ๆ คน ที่เขาอยากทำเพลงละครที่ก็อยากได้ความเป็นร็อกในเพลง แล้วฟองเบียร์ก็เขียนเพลงให้พอดี ก็ถือว่าเป็นโอกาสที่ผู้จัดหยิบยื่นมาให้ 2-3 เพลง แล้วโชคดีที่เพลงประสบความสำเร็จ คนก็เลยคิดว่าเราทำแต่เพลงละครหรือเปล่า เปลี่ยนแนวแล้วหรอ ซึ่งเอาเข้าจริงมันแค่ปีละเพลงเอง ตรงนี้มันทำให้กระจายกลุ่มคนฟังเยอะขึ้น ได้รู้จักคนใหม่ ๆ ได้แนวคิดแบบอื่น ๆ แต่ถามว่าเราเปลี่ยนไหม ซิงเกิ้ล Zero นี้ก็ตอบให้ว่าไม่นะ เรายังเข้มข้นเหมือนเดิม (หัวเราะ)

เคน: เป็นอีกรูปแบบที่เราทำได้ ด้วยเนื้อหาที่ถูกคิดมาจากเรื่องราวของละคร อารมณ์เพลงเราก็ใส่ไปเรื่อย สังเกตว่ามันจะไม่ป๊อป จะบู๊อยู่ข้างใน เจอ สมรภูมิไฟ (เพลงประกอบละครเรื่อง ศิราพัชร ดวงใจนักรบ) เข้าไปก็พลิกภาพของเพลงละครอยู่เหมือนกัน

การร่วมงานกับ Music Move ครั้งแรก

เป๊ก: ผมรู้สึกว่าเราไม่ต้องทำความรู้จักกับใครใหม่ เพราะสุดท้ายแล้ว การย้ายมาก็เจอแต่คนคุ้นเคย ทีมงานที่เคยทำงานด้วยกัน พี่ฟองเบียร์ ไม่รู้สึกว่าแตกต่างมากในเรื่องวิธีการทำงาน เหมือนเราอยากมาเจออะไรใหม่ ๆ บ้าง

ป๊อก: เราอยู่กับแกรมมี่มา 15 ปี ก็อยากจะเริ่มใหม่บ้าง เพราะเราลองทำมาทุกอย่างแล้ว ก็อยากจะย้อนกลับมา set zero อีกสักที มองหาเป้าหมายใหม่ ลองก้าวใหม่อีกครั้งเหมือนตัวเองกลับไปเป็นเด็กเพื่อความสนุกในแต่ละก้าว การเริ่มกับค่ายใหม่ก็ได้ทำอะไรสนุก ๆ อย่างการทำ live session เมื่อต้นเดือนที่แล้วชื่อ Zeal Rare Live เป็นคอนเสิร์ตเล็ก ๆ ของเราที่ทำกันเองกับแฟนเพลง ได้รับการสนับสนุนจาก Music Move ผลักดันให้มันเกิดขึ้น rare live นี่หมายความว่าจะเล่นเพลงที่ไม่ค่อยได้เล่นหรือหาฟังยาก อันนี้เป็นก้าวแรกที่เรารู้สึกว่า เออ สนุกดีว่ะ เลยจะมีครั้งที่ 2 ต่อไป วันที่ 25 กรกฎาคมนี้ ชื่อ Zeal Back to Zero ซึ่งจะเป็นอีกคอนเซปต์นึง จะโยงถึงเพลง Zero และย้อนกลับไปว่าก่อนหน้าที่จะมาเป็น Zeal เราผ่านอะไรมาบ้าง ก็สนุกดีครับ การทำอะไรกับที่ใหม่ที่ทุกคนสนับสนุนและผลักดันเต็มที่

คอนเสิร์ตที่ผ่านมาเป็นยังไงบ้าง

เป๊ก: ก่อนหน้าที่จะเริ่มงาน เราไม่ได้บอกสถานที่ บอกแค่ 24 ชั่วโมงก่อนเล่น ในแฟนเพจ เพื่อจะคัดเอาแฟนเพลงจริง ๆ ของเราเข้ามาเพื่อจะบอกว่าเรายังไม่ได้ไปไหนนะ กำลังทำเพลงใหม่อยู่ แล้วเหมือนได้ดึงบรรยากาศเก่า ๆ ในการโชว์

ชุ: ปกติตอนเล่นงานกลางคืนทั่วไปจะต้องแบ่งเป็นส่วนแฟนประจำกับแฟนขาจรให้ดูโชว์รวม ๆ ได้ บางทีคนที่เพิ่งมาอาจจะไม่ได้ฟังเพลงลึก ๆ ของเรา ก็ต้องเฉลี่ย ๆ กันไป แต่งานนี้ต้องขอเฉพาะขาประจำเท่านั้น คือคนที่ฟังเพลงของเรามาตั้งแต่แรก เพราะขาจรจะงงนิดนึง

ป๊อก: บรรยากาศในร้านวันนั้นบอกเลยว่าตื่นเต้นทั้งคนเล่นและคนฟัง คนเล่นก็กลัวเหลือเกินว่าจะเล่นผิดไหมวะ เพราะเพลงก็ไม่ค่อยได้เล่น ซ้อมกันไม่กี่ครั้ง แล้วเราก็ไม่ได้บอกคนฟังว่าจะเล่นเพลงอะไรบ้าง มีเหตุการณ์ไฟดับอีก แล้วสิ่งที่เกิดขึ้นคือทุกคนร้องเพลงนี้ได้ แฟนตัวจริงทำให้เรารู้สึกว่าเขาไม่ทิ้งเราไปไหน และเราสามารถมาเปิดซิงเกิ้ลใหม่ได้เลยเพราะเพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ ยังรอเราอยู่

การมาอยู่ค่ายใหม่เราต้องรับผิดชอบมากขึ้นไหม

ป๊อก: เราทำพาร์ตดนตรีตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เนื้อก็มีเป๊กกับพี่ชุเขียนกันบ้างอยู่แล้ว อีกส่วนก็มีฟองเบียร์มาช่วยเขียนเพลงบางเพลงตั้งแต่ชุดที่ 3 แล้ว ส่วนโปรดักชันเราได้ทีมงาน Music Move มาช่วยทำ ทั้งภาพลักษณ์ มิวสิกวิดิโอ เราก็ได้คนที่เราต้องการและเราชอบมาก คือ พี่อั๋น ประพัฒน์ หัวหน้า Duckbar เก่า ตอนนี้เรารู้สึกว่าเราได้ครบทุกอย่างที่เราต้องการ

เคน: ไม่เหมือนย้ายบ้าน แต่เป็นการย้ายชุมชนกันมาหมด คนเหมือนเดิม แต่สิ่งปลูกสร้างใหม่ (หัวเราะ)

ที่บอกว่าก่อนจะมาเป็น Zeal เคยเป็นอะไรมาก่อน

เป๊ก:  แบ็กอัพครับ (หัวเราะ)

ป๊อก: จริง สมัยก่อนตอนที่เราเรียนอยู่ มศว. ผม ชุ เคน เล่นให้พี่อรอรีย์จากการชักชวนของวง Pause ตอนที่อยู่เบเกอรี่ ช่วงที่พี่อรอรีย์จะทำชุดที่ 2 แล้วหานักดนตรี เราก็ได้ไปออดิชันแล้วพี่อรเขาก็แฮปปี้ จากนั้นมาก็เล่นให้ ดัง พันกร เอ็กซ์ เซอร์ราวด์ พี่อ้อม สุนิสา แล้วทีนี้วง Tea For Three ก็มาถามเราว่าไม่อยากทำอัลบั้มบ้างหรอ เราก็ลองไปหานักร้อง ตอนนั้นเป๊กเข้ามาปี 1 พอดี แต่ก่อนที่จะทำวงก็ไปช่วย More Music ก่อน แล้วทำเพลงผ่านมา 5 อัลบั้ม ศิลาก็เข้ามา แต่ก่อนหน้าศิลาเคยเล่นแบ็กอัพให้ลานนา คัมมินส์ มาก่อน

หลายคนเลยบอกว่า Zeal เป็นยอดฝีมือทางดนตรี

ป๊อก: ไม่ยอดหรอกครับ (หัวเราะ) สมัยนี้ยอดฝีมือเยอะมาก เด็กสมัยนี้เก่งเรา

เคน: แต่เราอยู่ในช่วงที่ได้รับโอกาส ได้สานต่อโอกาส

ป๊อก: แล้วมันเป็นช่วงเปลี่ยนผ่านวงเครื่องดนตรีสามชิ้น เบส กีตาร์ กลอง เราเข้ามาอีกยุคนึงที่สีสันของดนตรีเริ่มแหวกออกไปในหลาย ๆ วง ในยุคของเราตอนนั้นมีทั้ง Siam Secret Service มีทั้ง Flure เลยกลายเป็นว่าเราคือยอดฝีมือ แต่ไม่ใช่หรอก แค่ลักษณะดนตรีที่เรานำเสนอมันจัดจ้านขึ้นกว่ายุคก่อนหน้ามากกว่า

เป๊ก: อาจจะเป็นเพราะการผ่านงานเบื้องหลังเลยทำให้คนรู้สึกแบบนั้น อย่างพี่ป๊อกก็เล่นให้ Moderndog อัดเสียงด้วย

เพลง Zero พูดถึงอะไร

ป๊อก: ในตอนทำเพลงทีแรก เราก็คุยกันว่าเราไม่อยากให้เพลงนี้เป็นเรื่องความรักทั่วไป การกลับมาทั้งทีเพลงมันน่าจะสะท้อนอะไรบางอย่าง อยากให้เป็นเพลงให้กำลังใจ ก็เลยไปลองคุยกับฟองเบียร์ เขาก็เขียนมาเป็นแบบ Zero เพลงมันพูดถึงสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ทุกอย่าง ฝนไม่มีทางตกขึ้นฟ้า พระอาทิตย์ไม่มีทางขึ้นทางทิศตะวันตก เทียบกับเรื่องความรักในท่อนฮุกว่า แต่ถ้าเราไม่ลองทำ โอกาสมันคือศูนย์ เหมือนเราแอบชอบใครแล้วไม่ได้เดินไปบอกชอบเขามันก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ถ้าเราไปพูดว่า เฮ้ย ชอบคุณว่ะ ถ้าไม่ได้เป็นแฟนก็ได้เป็นเพื่อน อย่างน้อยมันก็มีการพัฒนา ได้รู้จักกันแล้ว เป็นการให้กำลังใจว่าถ้าอยากจะทำอะไรก็ต้องลองดู ตั้งต้นไว้ให้ดีแล้วลอง มันต้องมีอะไรคืบหน้าแน่นอน

เป๊ก: แล้วมันโยงกลับมาที่พวกเราด้วยที่กำลังเริ่มใหม่

เคน: มันเป็นสิ่งที่คนคิดว่า มันเป็นไปไม่ได้แล้วล่ะ ถ้าเดินออกจากที่นี่ ออกไปเริ่มใหม่ ทำเอง ไม่รอดแน่นอน ถ้าเราเชื่อแบบนั้น เราก็คงไม่มี Zeroออกมา เราก็ เอาวะ ลองดู มันอาจจะได้หรือไม่ได้แต่เราก็ทำมันมาครึ่งนึงแล้ว

ป๊อก: สำหรับผม Zero มันเป็นจุดเริ่มต้นของความฝันครั้งใหม่ที่น่าจะก้าวไปในจุดใหม่ที่ดี

เพลงนี้ใช้เวลาทำนานไหม

ศิลา: นานครับ อย่างที่บอกว่าเราทำมาหลายเพลงมากก่อนหน้านี้จากการแจมในสตูดิโอ แต่พอได้เซ็ตนั้นมาแล้วก็ยังรู้สึกว่าไม่ใช่เลยลองอีกสักตั้งดู แต่ละคนก็ทำเพลงมาประกวดกัน 5 คน คนละ 3 เพลง พอทำมาเสร็จก็ลองมาฟังดูพบว่าเพลงนี้เป็นเพลงที่น่าจะเหมาะกับการเป็นซิงเกิ้ลใหม่ของวงมากที่สุด แต่ทำกันไม่ถึงปีครับ

อิทธิพลดนตรรูปแบบใหม่ได้มาจากอะไร

ศิลา: หลายทางมากครับ ส่วนตัวผมที่เป็นคนขึ้นเพลงนี้ก็จะชอบสายอังกฤษ เพลงนี้ก็จะมีความสว่าง ความหวานในเมโลดี้ อย่างท่อนที่เป็นซินธ์มันก็จะแหวกออกมาตรงนั้น แล้วทางกีตาร์ ในเมื่อเป็นเพลงที่มือกีตาร์ขึ้น มือกีตาร์ก็อยากเด่นที่สุด (หัวเราะ) ก็เลยจะจัดจ้านหน่อย

เป๊ก: จะมีความจัดจ้านหน่อยในแต่ละท่อน โซโล่ก็จะยาว ๆ ให้โชว์ศิลาเต็มที่

Feedback หลังจากที่ปล่อยออกมาเป็นไงบ้าง

ศิลา: ทุกคนจะพูดว่าเป็น Zeal กลับมาแล้ว Zeal ที่ทุกคนคิดถึง เพราะคนก็รอกันเหมือนกัน จากที่ก่อนหน้านี้เราไปทำเพลงละครมา

เป๊ก: แบบ เหมือนได้กลับไปฟังชุดแรกเลย แต่ว่าเพลงนี้ผมว่าประสบการณ์ทำให้เราโตขึ้น ทำให้เราจัดแจงซาวด์บางอย่างได้คลี่คลายขึ้น ไม่ได้ใส่แบบไอ้นั่นก็มา ไอ้นี่ก็มา ซาวด์เต็มไปหมดจนไม่ได้โฟกัสว่าจะให้ฟังอะไร ตอนนี้เราคงจะเลี่ยงบ้างแล้วรู้ว่าควรนำเสนอจุดเด่นอะไร ทำให้เพลงมีมิติ แล้ว arrangement น่าสนใจ

มิวสิกวิดิโอที่ปล่อยไปเรามีส่วนช่วยคิดไหม

ป๊อก: MV นี่คุยกับพี่อั๋น เขาบอกว่ามันคงไม่ได้เป็นเรื่องราว เขาอยากให้เห็นภาพการกลับมาของวง ด้วยความที่เพลงพูดมุมมองแบบนี้ เลยอยากโชว์ performance โชว์ visual ทิศทางต่าง ๆ พลังของสิ่งที่เราจะสื่อมากกว่า จะเป็นภาพโทนสีที่ไม่เคยเกิดกับ Zeal หลาย ๆ คนก็ชอบนะ มันไม่ได้มืดครึ้ม

เคน: ตีความมาจากความหวานที่ศิลาบอกเมื่อกี้ (หัวเราะ)

เป๊ก: ขนาดฟอนต์ Zeal ยังเป็นสีชมพู

ป๊อก: จริง ๆ Zeal ก็ไม่ใช่วงร็อกแบบขาวดำนะ ซาวด์ดีไซน์ของมันก็ไม่ใช่แบบนั้น แต่ด้วยสีชมพูผมว่ามันก็น่ารักดีนะ (ทำหน้าแอ๊บแบ๊ว)

หลังจากนี้จะปล่อยเพลงใหม่หรืออัลบั้มเต็มเลย

เป๊ก: ก็คุยกันแล้วครับ เริ่มมีการทำเพลงต่อไป น่าจะเป็นเพลงจังหวะกลาง ๆ ไม่ก็เพลงช้า

ป๊อก: น่าจะอยู่ในอัลบั้มนี้แหละครับ แต่ผมคิดว่าเราจะทำเป็น EP 5เพลง อยากคงคอนเซปต์ของก้อนนี้ไว้ก่อน ไม่อยากทำเป็นซิงเกิ้ล ให้มันเป็นหมู่มวลเดียวกัน สี รสชาติใกล้ ๆ กัน ให้ทุกคนได้เก็บไว้เหมือนการสร้างอัลบั้มสมัยก่อน แต่ตอนนั้นมีคือการสร้าง 10 เพลงทีเดียว เข้าสตูดิโอทีเดียวเลย เดี๋ยวนี้มันมีฟังก์ชันมากกว่านั้นคือให้เราทำทีละเพลงแล้วปล่อยก็ได้ แล้วค่อยมารวมเป็นอัลบั้มก็ได้

คิดยังไงกับการปล่อยทีละเพลง

เป๊ก: ขึ้นอยู่กับวิธีการทำงาน ความถนัดและครับ ถ้าเขาถนัดทำงานออกมาแบบนี้บางทีเขาก็ทำออกมาได้ดีด้วย บางคนอาจจะโยนหินถามทาง แต่บางคนอาจจะมองภาพรวมไว้แล้วว่ามันควรจะเป็นแบบนี้ ไม่มีถูกไม่มีผิด

ป๊อก: สำหรับผม ถ้าเป็นศิลปินหน้าใหม่จะทำออกมาทีละเพลงแล้วเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ เพื่อเป็นการค้นหาตัวเองก็ทำได้ ไม่ได้ผิดอะไร แต่โยนหินถามทางบางทีก็จะเหนือยหน่อย แบบ ทำไปตามความรู้สึกว่าช่วงนั้นดังก็ไปตามอันนั้น ช่วงนี้ดังแบบนี้ก็เอาใหม่อีกแบบ มันก็จะไม่มีความเป็นตัวของตัวเอง ซึ่งพอจะนำเสนอความเป็นตัวเองมันก็จะยาก คนฟังก็จะงงว่า ใช่หรอวะ อาจจะต้องมองให้ชัดเจนหน่อย

อยากจะทำรวดเดียว 10 เพลงอีกไหม

ชุ: ช่วงนี้คงไม่ครับ เหมือนเมื่อก่อนเราก็ทำแบบนั้นมาแล้ว

เคน: เหมือนเป็นรอยต่อของวัฒนธรรมการฟังแบบใหม่ครับ เหมือนคนที่ยึดติดอะไรแบบนั้นก็จะลังเลว่าทำแบบไหนจะดีกว่ากัน เหมือนฟังเพลงที่เราเคยฟังซีดีแล้วจะข้ามไป MP3 สายยึดติดก็จะบอกว่าซีดีเสียงดีกว่า ไม่ฟังหรอก MP3 สุดท้ายมันต้านไม่ได้ ความสะดวกมันมาก่อนอยู่ดี ฟังเพลงจากไฟล์ การซื้อซีดีลดลง สู้ถ้าเราไปคิดระบบว่าจะทำยังไงให้ MP3 กระจายไปสู่คนฟังได้มากกว่าการยึดติดกับซีดีหรือแพ็กเกจ

ป๊อก: ส่วนตัวผมคิดว่าช่วงท้าย ๆ ตอนที่เราทำอัลบั้ม 4 อัลบั้ม 5 ทุกชุดที่เราทำ 10 เพลง เรารักมันทุกเพลง แต่สุดท้ายตอนเราโปรโมต เราปล่อยแค่ 2-3 ซิงเกิ้ล ที่เหลืออีก 7 เพลงมันถูกทอดทิ้ง คนเปลี่ยนวิธีการฟัง ฟังแค่ซิงเกิ้ลที่มันโปรโมต บางคนไม่ได้ฟัง 7 เพลงที่เหลือเลย เป็นเด็กที่ถูกทอดทิ้ง น่าสงสารมาก แต่ทุกวันนี้เราจะปล่อยเด็กแต่ละคนเพราะเราเชื่อว่าเขาแข็งแรงพอที่จะไปอยู่กับคนฟังได้ทุกเพลงแล้ว เราก็อยากจะค่อย ๆ ปล่อยทีละคนให้คนฟังได้ฟังจนหมดจนครบ 5 คนเราจะจับรวมเป็นอัลบั้ม ผมว่ามันก็โอเค

กำหนดออกชุดรวมหรือยัง

ป๊อก: โดยส่วนใหญ่มันก็จะ 2-3 เดือนต่อเพลง ก็ไม่น่าจะเกินกลางปีหน้าคงเรียบร้อย แต่เดี๋ยวอีกสักพักก็จะมีเพลงที่สองให้ได้ฟังกันแล้วครับ

พูดถึงการเพลงจากไฟล์ คิดยังไงกับที่ร้านกาแฟโดนจับเรื่องละเมิดลิขสิทธิ์

เป๊ก: ผมเปิดร้านกาแฟครับ ใส่หมวกสองใบพอดี อย่างที่ร้านผมก็เคยมีครับ ผมจะเปิดเพลงสากลในร้าน พอเจอปัญหาปุ๊บก็พยายามติดต่อหน่วยงานที่ดูแล เราก็เข้าใจในมุมของคนที่ดูแลเรื่องลิขสิทธิ์เพราะเราก็ทำงานเหมือนกัน ในมุมผู้ประกอบการเราก็อยากได้อะไรที่สมเหตุสมผล ด้วยราคาที่เราพอรับได้ ก็ปรึกษาเขา เขาก็พูดดี ถามเราว่าร้านคุณสเกลขนาดไหน กี่ที่นั่ง เป็นร้านแบบไหน ชี้แจงมา บอกวิธีการว่าจะทำยังไงได้บ้าง เขากลัวอย่างเดียวคือมือที่สามที่แอบอ้างเข้ามา แต่ทีนี้พอเราเซ็นสัญญากับเขาแล้วมีสติ๊กเกอร์ให้ติดในร้านแล้ว ใครจะเข้ามาให้ดูอันนี้ ไม่มีปัญหาแน่นอน เหมือนเขาคุ้มครองเราอีกทีด้วย ในส่วนเพลงสากลมันค่อนข้างครอบคลุมอยู่แล้วด้วยครับ แต่สำหรับเพลงไทยถือว่าเป็นเรื่องใหม่ มันกระจัดกระจาย ยุ่งยากนิดนึง บางทีต้องอาศัยการพูดคุยทำความเข้าใจให้ตรงกันแล้วค่อย ๆ ขับเคลื่อนไป เพราะจริง ๆ การเสียค่าลิขสิทธิ์เป็นเรื่องที่พึงกระทำอยู่แล้ว บางทีอาจจะรู้สึกเหมือนโดนรังแก แต่พอคิดว่าเป็นรายปีมันเป็นตัวเงินที่ไม่เท่าไหร่ แล้วคนทำงานก็จะได้ผลตอบแทนคืนมาด้วย ไหน ๆ แล้วถ้าเราคิดว่าจะเปิดเพลงของศิลปิน ทุกอย่างมีต้นทุนของมันอยู่แล้ว ก็ต้องหาจุดตรงกลางที่ทำให้มันไม่ดราม่า มันยิบย่อยครับ ทุกวันนี้อาจจะมีสื่อที่มีข้อมูลออกมามาก สร้างความเข้าใจผิด แล้วไม่รู้จะเชื่อใครดี ก็เนี่ยแหละ ควรให้ทำความเข้าใจพร้อม ๆ กัน พูดกันดี ๆ ก่อน

ป๊อก: บางทีต้องหาการประชาสัมพันธ์ให้ทั่วถึง ถ้าเดินเข้ามาแล้วจะบอกว่าคุณจะไม่เสียก็ไม่ได้ ก็เจรจากันว่า เอางี้ ผมให้สามเดือน แล้วถ้าพ้นสามเดือนนี้ผมจะเข้ามาดูอีกที อะไรแบบนี้ มันก็จะมีรายละเอียดหรือจดหมายให้เขาดูหน่อย เพราะบางทีมันมีทั้งของจริงของปลอมที่เข้ามาเก็บ ส่วนคนทำร้านมันก็เป็นร้านเล็ก ๆ ที่ยังไม่เคยเจออะไรแบบนี้ก็อาจจะตกใจ ถ้าคุยดี ๆ บอกว่ามันไม่กี่ตังเขาก็อาจจะโอเค

เคน: มันน่าจะเคยคุ้นหูคุ้นตากันแล้วว่ามันมีกฎว่า ห้ามทำซ้ำ ดัดแปลง เผยแพร่ การเปิดก็คือเผยแพร่ ถ้าคุณเผยแพร่แล้วไม่ได้จ่ายตังมันก็ผิดอยู่แล้วเพราะคุณไม่ได้ฟังคนเดียว เปิดเพื่อเรียกคนมาเข้าร้านเรามันก็เป็นส่วนนึงที่หารายได้เข้าร้านได้

ศิลปินเองได้รับค่าตอบแทนลิขสิทธิ์บ้างไหม

ป๊อก: ถ้าคุณเป็นคนเรียบเรียงเพลง เขาก็จะจัดสรรส่วนแบ่งมาให้ คุณดูเนื้อร้อง เงินส่วนนั้นก็จะมาหาเรา เขาก็มีระบบการคืนเงินที่ชัดเจนและดีพอสมควรครับ

เป๊ก: อย่างเวลาเราไปแสดงสดตามร้านต่าง ๆ ตอนที่อยู่ค่ายเก่าหรือตอนนี้ สุดท้ายแล้วเราก็ต้องเสียค่าลิขสิทธิ์ให้บริษัทตัวเองก่อนถึงแม้จะเล่นเพลงของเราหรือเป็นเพลงที่เราแต่งเอง เราต้องควักเงินออกไปก่อนแล้วเงินนั้นค่อยวนกลับมาหาเรา ก็คือลิขสิทธิ์เนี่ยต้องอยู่กับบริษัทที่ดูแลสัญญาของเรา ต่อให้เราไปอยู่ที่ใหม่ เวลาเราจะเล่นเพลงเก่าเราต้องเสียลิขสิทธิ์ให้ที่ที่ตกลงกันในสัญญาเดิมด้วย ก็ต้องมีการตกลงกันให้ทุกฝ่ายโอเค ทุกวันนี้เพลงปล่อยออกไปแต่ละทีก็เหมือนของฟรีอยู่แล้ว บางทีมันก็ต้องมีอะไรกลับมาให้คนทำงานมีกำลังใจบ้าง

ศิลา: เรื่องคนฟังก็ต้องค่อย ๆ มีการสร้างค่านิยมเรื่องนี้กันครับ เลิกโหลดฟรีไหม อย่างน้อยก็ซื้อ เพลงละ 19 บาทเอง ถ้าจะไปฟังก็ไปหาใน streaming ที่เขาจัดไว้ให้ ไม่ใช่ไปหาโหลดเถื่อนแล้วเอาไปปล่อยต่อ ของฟรีที่ถูกขั้นตอนมีให้ฟังเยอะครับ เขาก็ปรับตามผู้บริโภคกันแบบสุด ๆ ซาวด์ก็ดีขึ้นเยอะแล้วพวกไฟล์เนี่ย

ได้ฟังเพลงของศิลปินใหม่ ๆ บ้างไหม

ศิลา: ตอนนี้ผมชอบ Polycat ครับ เป็นเพลงน้อง ๆ จากเชียงใหม่ ถือว่าเขาเดินมาไกลเหมือนกันจากที่เป็นสกา แล้วมาเป็นซินธ์ป๊อป จนมาเป็นแนวปัจจุบัน ถือว่ามาถูกทางมาก

ป๊อก: อย่างผมชอบดนตรีโซลเป็นพื้นฐานอยู่แล้ว ดังนั้น The Parkinsonนี่ตอบโจทย์ผมมาก

ชุ: ผมชอบจีน กษิดิศครับ ชอบตั้งแต่ Futon แล้ว ชอบลุคเขา แต่พอตอนนี้ชอบเพลง

เคน: ชอบ ETC ครับ

เป๊ก: ของผมนี่ น้องใหม่มาแรงมาก The Rube ครับ S.O.S เพลงเขาดีมากจริง ๆ

อยากเห็นอะไรในวงการดนตรีตอนนี้

ชุ: ก็ได้เห็นสิ่งที่อยากเห็นแล้วนะ อย่างตอนนี้หลาย ๆ ค่ายก็มาร่วมแจมกัน ร่วมมือกันสนับสนุนผลักดันศิลปิน ไม่ค่อยมีข้อจำกัดแล้ว

เคน: อยากเห็นสันติสุขครับ

เป๊ก: …อยากเห็นจินตรา (หัวเราะ)

ป๊อก: อยากเห็นน้อง ๆ รุ่นใหม่ ๆ สร้างงานออกมาให้วงการน่าตื่นเต้นไปเรื่อย ๆ ณ วันนี้มีวงที่น่าฟังเยอะมาก ทุกวงสร้างความตื่นเต้นให้เรื่อย ๆ โดยกลุ่มแฟนเพลงก็เข้มแข็งขึ้นด้วย คนฟังคนอื่น ๆ ก็จะรู้สึกได้ว่าต้องการฟังงานใหม่ ๆ มากขึ้น สนุกขึ้น ก็อยากให้ทุกคนสร้างงานดี ๆ ออกมา ให้แข็งแรงขึ้น น้องรุ่นใหม่ ๆ ช่วยคิด ทำ สร้างสิ่งใหม่ได้แน่นอน คนฟังทุกวันนี้เปิดกว้างกว่าสมัยก่อนเยอะ เพราะทุกคนดู YouTube ดูอะไรได้อีกเยอะแยะ โลกมันกว้างขึ้น เราเห็นอะไรได้มากขึ้น ทำออกมาเถอะครับ เพื่อเป็นพลังงานของวงการเพลง

เคน: มีโอกาสได้ไปทำประกวด ก็ได้เห็นว่าเด็กรุ่นใหม่เก่ง สิ่งที่อยากเห็นคือ การสนับสนุนจากผู้ใหญ่ อย่างเกาหลีนี่รัฐบาลเขาดันด้านนี้จนกลายเป็นจุดขายของประเทศเขา บ้านเราอาจจะไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้แต่ลองให้ความสำคัญขึ้นอีกนิดนึง ให้ศิลปะเข้าไปอยู่ในใจคนไทยมากขึ้นเพื่อสร้างสุนทรียะในชีวิตได้ อย่ามองว่าเป็นเรื่องฟุ่มเฟือยไม่จำเป็น อย่างสิ่งที่ร้องเพื่อรวมใจทุกคนได้ก็คือเพลงชาติหรือเปล่า ลองให้ความสำคัญกับตรงนี้ดู สมองของพวกเราหรือเด็ก ๆ จะได้เจริญเติบโตได้ดี พัฒนาประเทศต่อไปได้ มันคือเรื่องสำคัญที่หลายคนมองข้าม

เร็ว ๆ นี้จะมีงานเล่นที่ไหนอีกไหมนอกจากวันที่ 25

ป๊อก: มีวันที่ 13 กรกฎาคมนี้ครับ ที่ Parking Toys ส่วน 25 กรกฎาคม เป็นปาร์ตี้ขอบคุณสื่อ แล้วก็จะเชิญแฟนเพลงตัวจริงเข้ามานิดนึง เดือนนี้มีหลัก ๆ เท่านี้ครับ

แล้วคอนเสิร์ตใหญ่ล่ะ

ป๊อก: เราจะค่อย ๆ ไปจากตรงนี้ก่อนครับ เราต้องรอดูคนฟัง ผู้สนับสนุนก่อนถ้าอยากให้เกิดขึ้นจริง ๆ เป็นเรื่องของทุนครับ ใจเราอยากจะทำอยู่แล้วแหละ แต่ถ้าเราดื้อด้านที่จะจัดตอนที่ทุกอย่างไม่พร้อมแล้วเนี่ย ตอนลงเวทีมาคงจะกอดคอกันร้องไห้ (หัวเราะ) ค่อย ๆ จัดเล็ก ๆ กันไปก่อนครับ

เพลง สองรัก นี่มีคนขอให้เล่นตลอดไหม

เป๊ก: ตลอดครับ เคยจะไม่เล่นไหม ก็เคย แต่มันจะมีแฟนเพลงที่ตั้งใจมาฟัง สองรัก โดยเฉพาะเลยก็มี เมื่อก่อนเราใช้สองรักอยู่กลาง ๆ โชว์ หลัง ๆ เราเอามาประมาณเพลงที่สาม คือเราเล่นสองรักมานานมาก เราอยากให้คนอื่นได้โฟกัสกับเพลงอื่นบ้าง พอเล่นเพลงที่สาม คนอื่นมาไม่ทัน ก็ขออีกรอบ เราก็ต้องเล่น

ป๊อก: ก็เข้าใจนะครับ วงนี้เล่นแล้วอยากจะฟังเพลงนี้มาก ๆ ถ้าไปไม่ทันเราก็เสียใจ แต่บางคนก็เคยดูหลายครั้งก็อยากฟังอีกก็มี ถ้าเราเข้าใจในฐานะคนเล่นว่าเบื่อแล้วก็สงสารคนฟังนะ เขาอยากฟังเพราะเขาไม่ได้เล่นกับเราทุกวัน

ฝากถึงแฟน ๆ

ป๊อก: Zeal กลับมาแล้วนะครับกับบ้านหลังใหม่ ถ้าใครรัก Zeal ชอบ Zealอยากฟังเพลงใหม่สามารถดาวน์โหลดได้ที่ *492222108 หรือช่องทางอื่น ๆ iTune, KKBox, Joox, LineMusic หรือฟังบนฟังใจได้ครับ

เป๊ก: ตารางคอนเสิร์ตต่าง ๆ เข้าไปดูได้ที่ www.facebook.com/zealrockband ครับ

เคน: YouTube ก็เข้าไปเซิร์ชว่า Zeal Channel ตอนนี้จะมีภาพบรรยากาศงาน Zeal Rare Live ทยอยมาให้ทุกคนดูครับ

 

รับฟังเพลงของ Zeal บนฟังใจได้ ที่นี่ 

Facebook Comments

Next:


Montipa Virojpan

อิ๊ก เนิร์ดดนตรีที่เพิ่งกล้าเรียกตัวเองว่าเป็นนักเขียนตอนอายุ 25 ชอบเดินเร็ว นอกจากขนมปังกับกาแฟดำแล้วก็สามารถกินไอศกรีมกับคราฟต์เบียร์แทนมื้อเช้าได้