Feature News Hot and Trending News

คุยกับ อิ๊ก ผู้ดู ‘Slowdive’ เล่นสดมาแล้ว 4 รอบ และครั้งนี้อาจเป็นครั้งสุดท้ายของเธอ

  • Writer: Peerapong Kaewthae

ครั้งแรกที่ทีมงานทุกคนได้รู้ว่า Slowdive คอนเฟิร์มแล้วว่าจะมา Maho Rasop Festival หลายคนก็กรีดร้องกันมาก ๆ แต่คนที่มีอาการที่สุดน่าจะเป็น อิ๊ก (นามสมมุติ) ที่ดีใจมากและพร้อมจะเททุกสิ่งในชีวิตเพื่อไปดู Slowdive ในวันที่ 17 พฤศจิกายนนี้ให้ได้ พอได้ลองพูดคุยกันก็ได้รู้ว่าอิ๊กเคยดูวงนี้เล่นสดมาแล้วถึง 4 รอบ และไม่พลาดที่จะดูครั้งที่ 5 เพราะถ้าไม่รีบดูตอนนี้ ครั้งนี้อาจเป็นการดูวงนี้ครั้งสุดท้ายของอิ๊กหรือใครอีกหลายคน พวกเขาจะมาไทยอีกรึเปล่าก็ไม่รู้ เราเลยอยากคุยกับอิ๊กหน่อยถึงความคลั่งไคล้ในวง shoegaze สุดเหงาวงนี้

First Impression กับวง Slowdive

ก่อนที่จะมี Spotify ช่วงนั้นเราก็หาเพลงใหม่ ๆ ฟังบน YouTube แหละ น่าจะเป็นตอนที่กำลังอินกับเพลง post rock, ambient กับเหมือนว่าเพิ่งได้ดูหนังเรื่อง ‘Lost in Translation’ ที่มีเพลง Sometimes ของ My Bloody Valentine เป็นซาวด์แทร็ค ก็ฟังไปสิพวก Alone in Kyoto ของ Air หรือ Just Like Honey ของ The Jesus and Mary Chain แล้ว YouTube suggestion มันแรนด้อมขึ้นมาเป็น Slowdive น่าจะเป็นเพลง Crazy For You เพลงแรกที่เราได้ฟัง ตอนนั้นยังไม่รู้ term ของคำว่า dream pop หรือ shoegazer ด้วยซ้ำ แต่พอได้ฟังแล้วก็หาเพลงอื่นของวงฟังเรื่อย ๆ แล้วก็รู้ว่า ไอ้พวกที่ฟัง ๆ เนี่ย มันเรียกว่า dream pop/ shoegaze นะ

อะไรคือสิ่งที่ทำให้ Slowdive ไม่เหมือน shoegaze วงอื่น

มันมีความป๊อปสูงมาก คือบางคนก็จะเรียกเป็น dream pop ไปเลย เพราะความที่เมโลดี้มันสวย มีความเพราะ บรรยากาศฟุ้งฝันจนหลาย ๆ เพลงจะเรียกเป็น ambient ก็ได้ เนื้อเพลงก็ป๊อป พูดเรื่องความรัก อกหัก อะไรงี้ทั่วไปเลย แล้วก็ ร้องชัดถ้อยชัดคำกว่า ฟังง่ายกว่าด้วยมั้ง คือถ้าเป็น Cocteau Twins ก็แทบจะฟังไม่รู้เรื่องเลยว่าเขาร้องว่าอะไร (หัวเราะ) แต่ด้วยองค์ประกอบเพลงมันก็ใส่ไลน์กีตาร์เยอะ ใส่เสียงแตก ๆ เยอะเลยรวมเป็น shoegaze ไปด้วยได้ จริง ๆ คำนี้มันเป็นคำที่คนนอกใช้เรียกเข้ามาอีกทีว่าเป็นพวก ‘จ้องเกือก’ มีเอฟเฟกต์กีตาร์เยอะแล้วต้องก้มหน้าก้มตาเล่น ดูเท้าว่าจะเหยียบก้อนไหน อีกคำที่ใช้เรียกกลุ่มคนที่ทำเพลงพวกนี้คือ ‘The scene that celebrates itself’ เหมือนทำกันเองดูกันเองในกลุ่มเพื่อน ๆ ที่รู้จักกันอะ แล้วก็มีชุดคอร์ด/ เมโลดี้ที่เฉพาะตัว แบบ ยังไง ๆ ก็ต้องเป็น Neil Halstead คิดแน่ ๆ แต่ก็ยังไม่เดือดเท่า Swervedriver, Ride หรือ My Bloody Valentine ที่ดนตรีมันก็จะมีความร็อกหนักหน่วงกระแทกกระทั้นกว่า

เพลงที่ชอบที่สุดของวงนี้

ช่วยด้วย ชอบหลายเพลงเลย (หัวเราะ) When the Sun Hits, Crazy For You, Alison, Catch the Breeze, Shine, Golden Hair, 40 Days, Slomo, Don’t Know Why

แถมเคยไปสัมภาษณ์วงมาแล้ว พอได้คุยจริง ๆ แล้วพวกเขาเป็นคนยังไง

ทุกคนน่ารักมาก คริสเตียนใจดี ตอบเยอะ น้านีลก็ดูเงียบ ๆ ลุคบนเวทีเป็นยังไง ตอนให้สัมภาษณ์ก็เป็นอย่างนั้น เรเชลก็น่ารักมาก ๆ หัวเราะอร่อย คือเรามาเจอเขาตอนที่เป็นผู้ใหญ่เลยวัยกลางคนไปแล้วก็เหมือนเพื่อน ๆ มารำลึกความหลังกัน แบบพ่อแม่มาเล่าเรื่องสมัยเขาเป็นวัยรุ่นให้เราฟัง

ไปดู Slowdive มาตั้ง 4 ครั้ง อยากให้เล่าแต่ละครั้งให้ฟังหน่อย ไล่จากครั้งที่ประทับใจที่สุด

โห ไล่ตามลำดับที่ได้ไปดูละกัน ครั้งแรกคือ ตอนนั้นวงประกาศกลับมา reunion กันในรอบ 20 ปี แค่นั้นก็ดีใจมาก ๆ แล้ว ไม่คิดว่าจะได้ฟังวงจากยุค 90s ที่ชอบแล้วเขากลับมาทำเพลงใหม่ให้เราได้ฟัง ณ ตอนที่เขาก็ไม่ใช่วัยรุ่นกันแล้ว ช่วงนั้นมี Ride, My Bloody Valentine, Lush อะที่กลับมา จะเรียกยุคนี้เป็น shoegazer revival ก็ได้ แล้วยิ่งพอรู้ว่าวงจะมาทัวร์ที่สิงคโปร์ คือไม่ไปไม่ได้จริง ๆ นอกจากตอนไป Work and Travel ที่อเมริกาแล้วมีโอกาสได้ไปเฟสติวัลหรือโชว์มาบ้าง คอนเสิร์ต Slowdive เนี่ยถือว่าเป็นวงแรกในชีวิตที่ตัดสินใจบินไปดูต่างประเทศเลย กดบัตรไปแล้วแล้วค่อยมาบอกแม่ทีหลัง (หัวเราะ) ซึ่งเอาเข้าจริงตอนนั้นวงก็ยังเล่นไม่ค่อยเข้าที่ ก็เพิ่งกลับมารวมตัวกันเนาะ สถานที่จัดมีปัญหาเทคนิคต่าง ๆ ไฟเฮาส์ยังไม่ยอมปิด เสียงเบาไป คือวงประมาณนี้เวลาเล่นจริงเขาแทบจะเปิดแอมป์สุด แบบโชว์ MBV ต้องแจก earplug เลย แต่พอได้ยินเพลงที่ชอบแบบสด ๆ ก็ลืมปัญหาพวกนั้นไป เหมือนตอนนั้นคิดว่า ‘นี่เรามาอยู่ตรงนี้จริง ๆ หรอวะ’ เราร้องไห้ตลอดโชว์เลยมั้ง แบบ ความตื้นตัน (หัวเราะ) แล้วไม่ได้มีแค่เราที่ร้องไห้นะ คนข้าง ๆ ก็ร้องหนักมาก กลับมาดูคลิปตอนวงเล่นเพลง Golden Hair ก็เห็นคนร้องไห้หนักมากเหมือนกัน เลยคิดว่า เออ กูไม่ได้เว่อร์คนเดียวว่ะแต่เพลงมัน emotional จริง ๆ แล้วเราร้องไห้กับเพลงนี้ทุกรอบที่ได้ดู ก็เป็นโชว์ที่มีความเป็นกันเองสูง คือใครอยากฟังเพลงอะไรก็ตะโกนขึ้นไป เรเชลก็มีตอบกลับมาว่าแบบ เออ เดี๋ยวเล่นนะ (หัวเราะ) น่ารัก อังกอร์เป็น Dagger กับ Alison ครบสูตร ฟีลกู๊ดกันไป

รอบสองตอนนั้นไปดูที่ Fuji Rock ค่ะ ตอนนั้นวงปล่อยอัลบั้มใหม่แล้วเลยได้ฟังเพลงใหม่ด้วย ก็คือได้ไปเป็น press แล้วอยู่หน้าเวทีแบบระยะประชิด จ้องหน้าเรเชลตลอดทั้งช่วงที่เขาให้สื่อเข้าไปเก็บภาพได้ ประเด็นคือมี eye contact กับแม่ ตอนนั้นคือสติหลุดไปแล้ว แล้วระบบเสียงที่ญี่ปุ่นก็ดีกว่าตอนโชว์ที่สิงคโปร์มาก ๆ

รอบสามที่ Laneway Singapore อันนี้คือได้เข้าไปสัมภาษณ์วง แล้วก็ได้ถ่ายรูปกับแม่เรเชล กับยืนคุยกะคริสเตียนแถว ๆ โซนขายอาหาร เข้าไปบอกว่าหนูร้องไห้ทุกโชว์ที่คุณเล่นเลย กรุ๊ปปี้มากอะ (หัวเราะ) เซ็ตลิสต์ก็ไม่ต่างจากรอบที่แล้วมาก กับรอบสี่ที่ Primavera Sound รอบนี้รู้สึกว่าเสียงเรเชลใสมากกว่าโชว์อื่น ๆ ที่ปกติจะเสียงแหบ ๆ ไม่รู้ทำไม แล้วคริสก็เท่มาก ๆ ทุกลูกโซโล่ ไซม่อนก็หวดเอา ๆ รอบนี้รู้สึกว่าวงเล่นดีสุดเลย เหมือนเข้าที่เข้าทางแล้ว แล้วก็เล่นเพลงจากอัลบั้มใหม่เยอะกว่ารอบก่อน ๆ ด้วย

จากสี่ครั้งนี้ ชอบเทศกาลดนตรีงานไหนที่สุด

เราชอบ Fuji Rock กับ Primavera Sound เท่า ๆ กันนะ vibes มันต่างกัน คือฟูจิมันอยู่ท่ามกลางป่าเขา มีความสมบุกสมบัน ลุย ๆ โคลน ๆ ฝนตกตลอด เหมือนไปเข้าค่าย ส่วนพริมาเวร่ามันชิลกว่า แดดออกตลอดแต่ไม่ร้อน ไม่เลอะ จัดที่เวนิวริมทะเลบรรยากาศดี ได้ดูคนแต่งตัวเก่ง ๆ แต่ก็เดินขาลากพอ ๆ กัน เลยอยากแนะนำว่าถ้าจะไปเฟสติวัลต่างประเทศให้ฟิตร่างกันไปซักหน่อยก็ดี แล้วก็จัดตารางให้ดี ๆ ด้วยเพราะจะมีวงโปรดเล่นชนกันอย่างอนาถ ถ้าไม่ดูวงละครึ่งโชว์ก็ได้วิ่งกันขาขวิดแน่นอน โดยเฉพาะฟูจิที่เวทีห่างกันแบบข้ามเขาลูกนึงอะ (หัวเราะ) แต่โคตรมัน

ที่จะได้ไปดูครั้งที่ห้าในงาน Maho Rasop Festival เนี่ย คาดหวังอะไรไว้บ้าง

แทบไม่คาดหวังอะไรเลย สำหรับตัววงคือเราเชื่อในศักยภาพของพวกเขาอยู่แล้ว ได้ฟังเพลงที่ชอบแน่นอนเพราะก็ชอบหลายเพลง (หัวเราะ) ส่วนตัวเฟสติวัลอาจจะเป็นเรื่องระบบเสียงเพราะเอฟเฟกต์กีตาร์ยุบยับ อยากให้ไม่มีปัญหาทางเทคนิคข้อนี้ คือการฟังเพลงของเราไม่ต้องเอฟเฟกต์อลังการเว่อร์วังมาก แค่คิดว่าเพลงที่ดี รายละเอียดเยอะ ๆ ก็ควรจะได้อุปกรณ์ที่ดีมารองรับเพื่อให้ศักยภาพของเพลงถูกนำเสนอออกมาในคุณภาพที่ดีที่สุดของมัน ซึ่งแน่นอนว่างานนี้เขาก็ไม่ปล่อยอยู่แล้วแหละ เชื่อมั่น (หัวเราะ)

อยากให้เขาเล่นเพลงไหนบ้าง

ทุกเพลงที่บอกว่าชอบจากข้อก่อนนู้น โดยเฉพาะ 40 Days ไม่ได้ฟังตั้งแต่โชว์แรกแล้ว ซึ่งก็น่าจะแรร์มาก ๆ ถ้าเอามาเล่นอีก

ทำไมทุกคนถึงควรจะไปเทศกาลดนตรีซักครั้งในชีวิต

อย่างแรกเลยคือเราได้ฟังดนตรีเยอะมาก ๆ เฟสติวัลแรกที่ไปในชีวิตคือ Governors Ball ปี 2013 เราตัดสินใจซื้อบัตรโดยที่ไม่รู้จักหลาย ๆ วงด้วยซ้ำ แต่อยากรู้ว่าบรรยากาศเฟสติวัลมันเป็นยังไง คือตอนนั้นเราน่าจะรู้จักกันแค่ Woodstock, Coachella, Glastonbury ที่ดัง ๆ ใช่ไหม แล้วตอนนั้นเมืองที่เราไปมันกำลังจะมี Bonnaroo แต่กลับเข้านิวยอร์กมาก่อน ก็เลยอะ ไป Governors แทนก็ได้วะ แล้วก็ไม่ผิดหวังจริง ๆ เพราะเราไปได้วงโปรดวงใหม่หลายวงมาก ๆ เช่นกันกับเทศกาลอื่น ๆ อย่าง Clockenflap ก็ไปเจอวง local ของเขาที่เจ๋ง ๆ หลายวงเลย แล้วอยากให้ไปดู vibes ของคนที่ชอบดนตรีเหมือน ๆ กับเราอยู่รวมกันเยอะ ๆ เวลาเขาตะโกนร้องเพลงวงโปรด เต้นกับเพลงที่เขาชอบ มันสนุกมาก คือพอวงเห็นคนสนุก เขาก็พร้อมถ่ายทอดพลังลงมาอย่างเต็มที่ แบบรับส่งพลังกัน ถ้าอยากสนุกจริงต้องไปอยู่หน้าเวที คือจะมีแฟนเดนตายอยู่รายรอบแล้วแหกปากเป๊ะ ๆ ทุกเพลง ฟินมาก นอกจากนี้ก็มีกิจกรรมสนุก ๆ ให้ทำ มีอาหารอร่อย ๆ ให้กิน ยิ่งถ้าที่จัดบรรยากาศดี ๆ อีก โอ้โห จบแล้วอะ ยิ่งเวลาไปคนเดียวก็จะไปได้เพื่อนใหม่ อย่างตอนนั้นไปดู Warpaint หรือ The Breeders ที่ Primavera ไม่มีใครเต้นหรือร้อง จนหันไปเจอคนข้าง ๆ ไม่รู้จัก กอดคอกันโดด แหกปากร้องเพลงเฉยเลย (หัวเราะ)

ฝากอะไรถึงคนที่ยังลังเลไม่ตัดสินใจไปดู Slowdive วันที่ 17 พฤศจิกานี้หน่อย

ถึงตอนนี้วงเขาจะ active มาก ๆ แบบมีเล่นบ่อยก็จริง แต่นี่จะเป็นครั้งแรกและอาจจะเป็นครั้งสุดท้ายที่เขามาเล่นให้ฟังถึงที่บ้านเราเลยนะ Slowdive in Bangkok อะ จะไม่ไปจริง ๆ หรอ ลองนึกถึง intro เพลง Crazy For You ตึ่ง ตือดึ๊ง ตื๊อดึง ตื่อดึ๊ง ตื๊อดึ่ง ดึงดึง ขึ้นแล้วทุกคนส่งเสียงกรี๊ดออกมาพร้อมกัน หรือตอนเล่น Alison เล่น When the Sun Hits เงี้ย ตอนที่ขยี้กีตาร์โซโล่ในเพลง Catch the Breeze หรือ Souvlaki Space Station กับท่อนสุดแกรนด์ใน Golden Hair แบบฟังกี่ทีก็ขนลุกจนน้ำตาพรั่งพรู มันเป็นอะไรที่ฟินมาก ๆ จริง ๆ นี่ก็จะไปดูรอบที่ 5 ที่ Maho Rasop เหมือนกัน ต้องรัก ต้องดีงามแค่ไหน ถามใจ

แต่ที่งาน Maho Rasop Festival ไม่ได้มีแค่ Slowdive วงเดียว เพราะยังมีวงดนตรีอินดี้ที่ทุกคนอยากดูจากทั่วโลกทั้ง The Vaccines / Washed Out / DEAN / Miami Horror / PREP / Sunflower Bean / Elephant Gym / Oddisee and Good Compny / Solitude Is Bliss / rad museum / Wang Wen / VACATIONS / Lucie, Too / Gym and Swim / Hariguem Zaboy / temp. / S.O.L.E. และ YANIN บอกเลยว่านี่คือครั้งแรกในชีวิตที่จะมีเทศกาลดนตรีอินดี้ใจกลางเมือง ใครไม่อยากลังเลต่อไปแล้วก็ซื้อบัตรได้ที่ http://bit.ly/2A6aSWq หรืออยากได้ข้อมูลเพิ่มเติมก็เข้าไปดูได้ที่ mahorasop.com

Facebook Comments

Next:


Peerapong Kaewthae

แม็ค เป็นคนชอบฟังเพลงเพราะเป็นกิจกรรมที่ทำคนเดียวได้ และก็ชอบแนะนำวงดนตรีหรือเพลงใหม่ ๆ ให้คนอื่นรู้จักผ่านตัวอักษรตลอดเวลา