Quick Read ตาดูหูฟัง

5 เพลงสุดฮิตในความทรงจำ จากภาพยนตร์ของ นวพล ธำรงรัตนฤทธิ์

  • Writer: Gandit Panthong

ถ้าพูดถึงผู้ชายชื่อ เต๋อ—นวพล ธำรงรัตนฤทธิ์ ภาพแรกที่หลายคนคิดจะเป็นชายหนุ่มผมสั้นทำหน้าเดธแล้วมองกล้องอย่างตั้งใจ ยิ่งถ้าเอ่ยถึงผลงานการกำกับของเขาแล้วยิ่งมีมากมายเต็มไปหมด หากจะพูดถึงผลงานต่าง ๆ ที่เขาเคยสร้างสรรค์มา ผมก็เชื่อว่าหลายคนก็ได้ยินกันบ่อยแล้ว หากจะพูดถึงไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตเราก็เคยสัมภาษณ์เขาไปแล้ว เอ้า แล้วตกลงบทความนี้มันเกี่ยวกับอะไรเนี่ย !!

เข้าเรื่องกันต่อครับบทความนี้เป็นเรื่องราวของเพลงประกอบที่อยู่ในหนังของ เต๋อ นวพล ที่ทางเรา Fungjaizine คัดมาแล้วว่าเพลงเหล่านี้หากคุณไม่เคยดูหนังของเต๋อมาก่อนคุณก็สามารถฟังได้ ยิ่งถ้าคุณเคยดูหนังมาแล้วก็ยิ่งอินเพิ่มมากขึ้นไปอีก เกริ่นกันมาเยอะแล้วไปเลยครับไปฟัง 5 เพลงของหนังเต๋อที่เราอยากให้คุณได้รู้จักและรับฟังครับ

Yellow Fang – เก็บผ้า (OST.36) 

เปิดกันด้วยเพลงแรกจากภาพยนตร์เรื่อง 36 ภาพยนตร์เรื่องแรกที่เข้าฉายในโรงภาพยนตร์อย่างเป็นทางการของเขา เมื่อปี พ.ศ.2555 เพลงประกอบคือเพลงของ 3 สาว Yellow Fang นั่นเอง ซึ่งเพลงนี้จะพูดถึงเรื่องราวเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงในด้านความสัมพันธ์ของคน 2 คนที่เกิดขึ้น คล้าย ๆ กับเรื่องราวในภาพยนตร์ที่เล่าถึงการเปลี่ยนแปลงในความรู้สึกของ ทราย กับ อุ้ม ผ่านภาพถ่ายในหนึ่งม้วนฟิล์มที่มีจำนวน 36 ภาพ score ของเรื่องนี้ก็มีความน่าสนใจมากเช่นกันเพราะได้ อ๊อฟ Desktop Error มาเขียนให้ และจากการที่เพลง เก็บผ้า ได้ถูกนำไปใช้ในภาพยนตร์เรื่องนี้ทำให้หลาย ๆ คนก็ได้รู้จักวง Yellow Fang เพิ่มมากขึ้นอีกด้วย

Plot – ไม่มีอะไรใหม่ทุกอย่างแม่งเก่าหมด (OST.MARY IS HAPPY, MARY IS HAPPY) 

อีกหนึ่งเพลงประกอบภาพยนตร์ของ เต๋อ นวพล ที่พวกเรามั่นใจว่าถ้าคุณได้ยินเพลงนี้ตั้งแต่อินโทร คุณจะร้องอ๋อและฮัมเพลงนี้ตามได้ในทันที ไม่มีอะไรใหม่หรอก ทุกอย่างแม่งก็เก่าหมด เพลงนี้มีที่มาจากทวีตเป็นข้อความชื่อเดียวกับเพลง ของยูสเซอร์ที่ชื่อ Mary Malony และนำมาตีความต่อโดยวง Plot ในปี พ.ศ.2557 ซึ่งตัวเพลงนี้จะพูดถึงเรื่องราวของชีวิตคคนเราที่พยายามสร้างสิ่งใหม่ ๆ ให้เกิดขึ้นบนโลก แต่สุดท้ายแล้วทุกสิ่งที่เราพยายามคิดค้นมันก็เก่าอยู่ดี ดังท่อนฮุคของเพลงที่กล่าวไว้ว่า “ไม่มีอะไรใหม่ ไม่มีอะไรใหม่ สุดท้ายแม่งก็เก่าหมด” โดยความพิเศษของภาพยนตร์ MARY IS HAPPY, MARY IS HAPPY เป็นภาพยนตร์ที่มีเพลงประกอบเพราะ ๆ อีกเต็มไปหมดไม่ว่าจะเป็น ฯลฯ ของ Part Time Musiciansหยิบแฮมเป็นแผ่นที่หก ของ Plastic Plastic และ คิดเอาเอง (DREAM) ของ BEAR-GARDEN รวมไปถึงอีกหลายเพลงที่ถูกสร้างสรรค์ขึ้นมาจากแฟนคลับภาพยนตร์ เช่นกันกับบทภาพยนตร์ที่ได้แรงบันดาลใจมาจาก 140 ตัวอักษรในแต่ละทวีตของยูสเซอร์คนดังกล่าว มาผูกให้เป็นเรื่องราวให้ตัวละคร แมรี่ และ ซูริ ได้ผจญภัยกันไปโดยที่เราเองก็ไม่สามารถคาดเดาจุดจบของภาพยนตร์เรื่องนี้ได้ว่าจะจบอย่างไร เอาเป็นว่าใครที่อยากดูก็ไปหาแผ่นเรื่องนี้มาดูกันได้นะครับ แล้วคุณจะแฮปปี้

แสตมป์, วิโอเลต วอเทียร์ – Vacation Time (OST.ฟรีแลนซ์..ห้ามป่วย ห้ามพัก ห้ามรักหมอ)

บทเพลงลำดับที่ 3 ที่ทางเราอยากหยิบมาแนะนำให้กับทุกคนได้ฟังกัน จุดเด่นที่สำคัญของเพลงนี้คือเมื่อเพลงร้องไปถึงท่อนฮุคแล้ว หลายคนอาจจะเผลอฮัมออกมาเป็นเพลงของวง Part Time Musicians โดยไม่รู้ตัว โดยตัวเพลงนี้ได้ถูกนำมาเรียบเรียงใหม่ในภาษาไทยใหม่โดย แสตมป์—อภิวัชร์ เอื้อถาวรสุข กับ นิค—ธาฤทธิ์ เจียรกุล (นิค Part Time Musicians, temp.) พร้อมทั้งแสตมป์ยังรับหน้าที่ร้องเพลงเวอร์ชั่นนี้คู่ไปกับ วี—วิโอเลต วอเทียร์ อีกด้วย

เนื้อหาหลักของตัวเพลงนี้ที่เราได้รับฟังกันจะพูดถึงเรื่องราวการพักผ่อนทิ้งเรื่องราวรอบกายเอาไว้ก่อนแล้วปล่อยใจไปกับการท่องเที่ยวในช่วงที่แสนพิเศษ โดยตัวเพลงจะทำการโยงไปกับตัวภาพยนตร์ที่เข้าฉาย ซึ่งพูดถึงตัวละครชื่อ ยุ่น (รับบทโดย ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์) ชายหนุ่มนักรีทัชภาพสุดเทพ ฟรีแลนซ์ที่รักการทำงานเป็นชีวิตจิตใจจนกระทั่งเขาเกิดโรคตุ่มประหลาดขึ้นตามตัวทำให้ต้องไปหา คุณหมออิม (รับบทโดย ดาวิกา โฮร์เน่) จากนั้นเรื่องราวยุ่ง ๆ ระหว่างหนุ่มฟรีแลนซ์กับคุณหมอก็เกิดขึ้น ส่วนจะเป็นอย่างไรนั้นไปหาดูกันเอง รับประกันความพึงพอใจอย่างแน่นอน

Napat Snidvongs – เวลานี้ (OST.ฟรีแลนซ์..ห้ามป่วย ห้ามพัก ห้ามรักหมอ)

ขอเลือกอีกหนึ่งเพลงจากภาพยนตร์เรื่อง ฟรีแลนซ์..ห้ามป่วย ห้ามพัก ห้ามรักหมอ ที่เราอยากให้คุณได้รู้จักและรับฟัง ลองนึกภาพตามนะครับ ฉากที่ ยุ่น พระเอกของเรากำลังนั่งอยู่ที่ทะเลและเหม่อมองพระอาทิตย์ที่กำลังจะตกดินช่างเข้ากับเพลงนี้ยิ่งนัก จุดเด่นของเพลงนี้จะอยู่ที่เสียงร้องเป็นหลัก ผนวกกับซาวด์ดนตรีที่ไหลไปได้เรื่อย ๆ ทำให้มันเป็นอีกเพลงที่เหมาะกับการรอคอยอะไรสักอย่างอย่างแท้จริง เปรียบกับชีวิตที่ไม่มีอะไรแน่นอน ทุกสิ่งล้วนแล้วแต่เกิดมาแล้วก็ผ่านพ้นจากกันไป Napat Snidvongs เป็นเพลงศิลปินที่ทำเพลงแนวนี้ออกมาได้อย่างดีมาก ๆ รายละเอียดทุกอย่างล้วนเต็มไปด้วยความละเอียดและเพลงนี้เองก็ส่งภาพยนตร์เรื่องนี้ให้ออกมาดูเป็นธรรมชาติ ดูมีความเป็นหนังเต๋อเช่นเดียวกัน ว่าแล้วก็ขอตัวไปฟังอัลบั้ม Fruits ของเขาก่อนนะครับ

PRU – บิน (OST.Die Tomorrow)

เพลงสุดท้าย เพลงนี้ไม่ใช่เพลงประกอบภาพยนตร์เรื่อง Die Tomorrow อย่างเป็นทางการ แต่เพลงนี้คือเพลงประกอบที่อยู่ใน teaser ที่พวกเราได้ดูกันในตอนเปิดตัวภาพยนตร์เรื่องนี้นั่นเอง สาเหตุที่เลือกเพลงนี้มาให้ทุกคนได้ลองฟังกันดูเพราะองค์ประกอบทุกอย่างที่อยู่ในเพลงนี้มันกลมกล่อมมาก ๆ เนื้อหาของเพลงก็ยิ่งเข้ากับภาพยนตร์เรื่องนี้ไปอีก เพลงนี้พูดถึงการโบยบินไปให้ไกลเพื่อที่จะได้มองเห็นอะไรรอบ ๆ กายชัดมากขึ้น คล้ายกับตัวภาพยนตร์เรื่องนี้ที่จะสื่อว่า ความตายหรือการจาลากันนั้นเกิดขึ้นได้เสมอ แต่เมื่อเราเรียนรู้ที่จะเผชิญหน้ากับเรื่องราวเหล่านี้ได้ สักวันเราจะกลับมาเป็นคนเดิมอย่างที่เราเคยเป็น ตัวเพลงองค์ประกอบทั้งหมดสื่อสารกับผู้ฟังได้เป็นอย่างดี ทำให้ผมยิ่งฟังแล้วรู้สึกว่าเพลงนี้มันมีพลังและส่งถึงคนฟังจริง ๆ และยิ่งหากคุณได้มีโอกาสดูภาพยนตร์เรื่องนี้แล้ว คุณจะเรียนรู้การเกิด แก่ เจ็บตายบนโลกใบนี้ได้ดียิ่งขึ้น ที่สำคัญภาพยนตร์เรื่องนี้ยังได้รวบรวมนักแสดงที่เคยร่วมงานกับ เต๋อ นวพล เกือบทุกคนหรือเรียกได้ว่านี่คือ จักรวาล Avengers ของนวพลก็ย่อมได้ แต่ก็เป็นที่น่าเสียดายนะครับที่ภาพยนตร์เรื่องนี้ออกจากโรงภาพยนตร์ไปแล้ว เอาเป็นว่าใครอยากดูก็เชียร์ให้เขาทำแผ่นกันออกมาด้วยนะครับ ส่วนใครที่มีแผ่น soundtrack ประกอบเรื่องนี้ก็มาโชว์ให้พวกเราดูกันได้นะ ซึ่งความพิเศษคือได้วง Plastic Plastic มาสร้างสรรค์ให้ แถมเข้าชิงรางวัลดนตรีประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยมอีกด้วยนะ ไปลองหาฟังกันได้

จบกันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วนะครับกับเพลงสุดฮิตจากภาพยนตร์ของ เต๋อ นวพล จริง ๆ เพลงประกอบภาพยนตร์ของเขายังมีอีกมากมายเราอาจจะหยิบมาแนะนำกันได้ไม่หมด เพราะฉะนั้นแล้วหากชอบเพลงอะไรในภาพยนตร์ของเขาก็แสดงความเห็นกันมาได้เลยนะครับ มาแลกเปลี่ยนเพลงฟังกันเถอะ เพลงทุกเพลงล้วนมีคุณค่า โปรดเปิดใจและตั้งใจฟังกันดูนะครับ  ขอบคุณครับ 

Facebook Comments

Next:


Gandit Panthong

กันดิศ ป้านทอง อดีตนักศึกษาฝึกงานนิตยสาร Hamburger Magazine, ทำงานในกองบรรณาธิการ MiX Magazine และ บก.คนแรกของ Fungjaizine ที่มีความมุ่งมั่นว่าจะตั้งใจสร้างสรรค์วงการเพลงให้เกิดแต่สิ่งดี ๆ ต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง