เสียงของเราอาจถูกขโมยไปใช้ในทางไม่ดีได้ จากเทคโนโลยี Deepfake
- Visual Designer: Karin Lertchaiprasert
- Writer: Peerapong Kaewthae
จะเกิดอะไรขึ้น ? ถ้ามีคนขโมยเสียงเราไปใช้ เมื่อปีที่ผ่านมา ดาราชื่อดังหรือบุคคลที่ชื่อเสียงทั่วโลกต้องปวดหัวกับเทคโนโลยีที่ไปไกลเกินกว่าใครจะหยุดมันได้ เมื่อการสวมใบหน้าของคนดังลงไปบนใบหน้าใครก็ได้ในวีดีโอ ทำให้กลายเป็นคน ๆ นั้นได้อย่างเป็นธรรมชาติ ถ้าไม่สังเกตดี ๆ จะไม่รู้เลยว่านี่คือเอฟเฟกต์วีดีโอที่ทำขึ้น Deepfake กลายเป็นที่รู้จักในวงกว้างทันทีเมื่อมันถูกหยิบไปใช้ในทางที่ผิด ทั้งการใส่หน้าดาราดังในหนังโป๊ หรือใส่หน้าของคู่กรณีลงไปเพื่อแก้แค้น และที่เลวร้ายที่สุดเลยคือผู้มีชื่อเสียงหลายคนถูกนำหน้าไปใส่ไว้ในวีดีโอ fake news เพื่อหวังผลทางการเมือง ร้อนถึงผู้รักษากฎหมายที่ต้องออกมาตอบโต้หรือหาวิธีจับผิดวีดีโอเหล่านี้ เรียกง่าย ๆ ว่ามันคือการ photoshop หน้าคนบนวีดีโอ ถ้านึกไม่ออกว่า Deepfake สมจริงได้ขนาดไหนลองดูวีดีโอข้างล่างที่นำหน้าของนักแสดงฮอลลีวูด Nicolas Cage มาใส่ในตัวอย่างหนัง ‘Avengers: End Game’ แม้วีดีโอนี้จะทำขึ้นมาขำ ๆ แต่ทุกคนต้องทึ่งกับเทคโนโลยีของมัน แต่ตอนนี้ไม่เพียงหน้าเราจะไม่ปลอดภัยอีกแล้ว เสียงของเราก็อาจจะโดนปลอมแปลงหรือสวมรอยได้เหมือนกัน เสียงพูดก็เหมือนลายนิ้วมือที่มีความเฉพาะตัวไม่มีใครเหมือนกัน เอกลักษณ์น้ำเสียงมาจากโครงสร้างร่างกายที่แตกต่างกัน รวมไปถึงแนวคิดความเชื่อ งานอดิเรก ตัวตน รวมไปถึงสังคมที่เราเคยผ่านมาด้วย ทำให้น้ำเสียงของเราเปลี่ยนแปลงเติบโตไปไม่มีทางซ้ำกับใครแน่นอน เหมือนในอดีตที่พวกเขาเชื่อว่าการพูดคือมันคือวิธีสื่อสารทางจิตวิญญาณ หลังจากที่ Thomas Edison สามารถดึงเสียงออกมาจากร่างกายคนได้ในปี 1877 โดยไม่ให้เสียงตายไปกับคน ๆ นั้นด้วย … Continued