Two Pills After Meal กลับมาใน ‘Sugar’ อัดแน่นด้วยท่วงทำนองลึกลับน่าค้นหา

  • Writer: Montipa Virojpan

สีสันของดนตรีในอัลบั้ม First Kit ของอิเล็กทรอนิกดูโอ้ Two Pills After Meal ดูฉูดฉาด สดใส และแปลกใหม่ หนนี้การกลับมาในการทำงานระลอกสองของ เติ้ล และ โอม เลยขอถ่ายทอดมุมลุ่มลึกของดนตรีอิเล็กทรอนิกที่พวกเขาเพิ่งค้นพบและหลงใหล จากอิทธิพลของ breakbeat จากยุค 90s ผสานดนตรีแอมเบียนต์มืดหม่น  กลายมาเป็น Sugar เพลงที่ตีความถึงโทษของความหวาน ว่าถ้าเราได้รับมันมากเกินไปก็คงไม่เป็นผลดีกับร่างกายเราเท่าไหร่ เช่นกันกับคำหวานที่ได้ยินกี่ทีก็เสนาะหู แต่เราจะเชื่อความสวยงามนั้นได้มากขนาดไหนกันเชียว ในซาวด์ดีไซน์จัดจ้านทรงพลัง ถ้าลองฟังดี ๆ จะได้ยินเสียงเครื่องกรอฟันด้วยนะ ฮึ่ย หวาดเสียววว มิวสิกวิดิโอก็เป็นโมชันกราฟิกล้ำ ๆ จริงจัง futuristic ทำให้ภาพลักษณ์ใหม่ของ Two Pills After Meal เท่และน่าติดตามเอามาก ๆ รอฟังเพลงอื่น ๆ จากอัลบั้มชุดใหม่ของพวกเขาไม่ไหวแล้ว

Two Pills After Meal นักทดลองที่ไม่สนผลข้างเคียงจากยาตัวใหม่ที่ออกฤทธิ์แรงกว่าเดิม

  • Writer: Montipa Virojpan
  • Photos: Smallroom Pop Music Label

Two Pills After Meal คือหนึ่งในวงดนตรีวงแรก ๆ ที่ฟังใจชวนมาพูดคุยตั้งแต่ครั้งที่ Fungjaizine เริ่มปรากฏต่อสาธารณชนเมื่อปี 2015 ซึ่งว่ากันตามตรงแล้วก็เป็นปีเดียวกันที่วงก่อตั้งขึ้นมาด้วย ผ่านไป 4 ปี พวกเขามีอัลบั้มเต็ม First Kit ออกมาให้ได้รู้ตัวตนกันพอสังเขป และกำลังจะไปต่อในสไตล์ดนตรีที่แตกต่างกว่างานชุดก่อนมาก ถ้าใครยังไม่คุ้นเคยกับพวกเขาดีนักก็เข้ามาอ่านที่บทความนี้ก่อน แต่ถ้าอยากรู้ว่าพวกเขาเติบโตและเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางใดก็เลื่อนลงมาอ่านต่อได้เลย ที่มาที่ไปของการเปลี่ยนสไตล์ดนตรีของ Two Pills After Meal เติ้ล: มันเริ่มจากว่าเราอยากไปสู่ตลาดสากล มีคนเคยบอกเราว่าโลกภายนอกเขาอยากฟังการเล่าเรื่องด้วยภาษาของเรามากกว่า แต่จะเล่ายังไงให้เขาเข้าใจ ก็ต้องไปที่แกน คือเสียงดนตรีที่เล่าเรื่องด้วยตัวเองได้ มันอาจจะไม่ได้เล่าเรื่องตรง ๆ ซะทีเดียวแต่ก็อาจจะทำให้เห็นภาพ หรือสร้างบรรยากาศบางอย่าง อัลบั้มนี้เราเลยนึกภาพในหัวก่อนว่าจะทำเพลงเกี่ยวกับอะไร แล้วคิดเสียงให้สอดคล้องกับสิ่งที่เรานึก หลังจากที่เราเริ่มเล่นอัลบั้มแรก อันนี้คือเริ่มจับดนตรีอิเล็กทรอนิกจริง ๆ แต่ก็ยังมีเซนส์การเล่นแบบป๊อปอยู่ แต่พอเริ่มมีเครื่องใหม่ ๆ ใช้เครื่องเยอะแยะ เริ่มสนุกกับกลไกซาวด์ดีไซน์ ก็เลยหยิบเอาเสียงนู่นนี่นั่นที่เป็นเหมือนซาวด์เอฟเฟกต์มาประกอบในเพลงบางส่วนเพื่อแทนการเล่าเรื่องที่ไม่ใช่คำร้อง แต่เป็นเสียงที่เราเชื่อว่าชาติไหนฟัง ได้ยินมันแล้วก็ต้องเข้าใจเหมือนกัน อาจจะไม่ใช่ความหมายทั้งหมดแต่ก็พอเข้าถึงได้ จริง ๆ เราไม่ได้ปิดกั้นด้วยว่าควรเป็นภาษาอะไร เราแค่มองว่าถ้าเราสื่อสารได้ผ่านดนตรี จบด้วยตัวมัน … Continued