Hot and Trending

‘แย้มบาน’ ผลงานสำคัญของ AUTTA ที่ถูกนำมาเล่าใหม่ (ไม่)หวังให้ใครสักคนรับฟัง

เพลง แย้มบาน ปรากฏต่อสาธารณชนครั้งแรกในงาน Imperial Music Awards 2018 และทำให้วง AUTTA ได้รับรางวัลชนะเลิศจากการประกวดวงดนตรีในปีนั้น ด้วยดนตรีที่ผสมผสานร็อก ป๊อป และแจ๊สเข้าไว้ด้วยกัน ร่วมด้วยเนื้อร้องและท่อนแร็ปที่ร้อยเรียงออกมาจากความรู้สึกของ กรอัษฏกร เดชมาก ฟรอนต์แมนของวง

เวลาต่อมา กร พกอีกความฝันที่จะเป็นแร็ปเปอร์มากับเขา โดยใช้ชื่อ aka ชื่อเดียวกับวงไปขึ้นเวที Rap Is Now ด้วยความสามารถในการเอาโฟลวของคู่ต่อสู้มาปรับ และใช้โต้กลับได้อย่างร้ายกาจ ทำเอาหลายคนตกตะลึง แต่นั่นจึงตามมาด้วยคำครหาว่าเขาไม่มีอัตลักษณ์ของตัวเอง

นานวันเข้าทุกคนก็เล็งเห็นว่าความสามารถในการแร็ปได้หลายสไตล์นั่นแหละ คืออาวุธที่ทำให้ทุกคนจดจำเขาในชื่อ AUTTA แร็ปเปอร์สายมารที่เรียนรู้การเขียนเพลงจากสัดส่วนของดนตรีแจ๊ส นำมาปรับใช้กับการเขียนไรห์มโฟลวได้ไม่ซ้ำใคร ในที่สุด การสั่งสมประสบการณ์ก็ทำให้เขามีผลงานที่บ่งบอกลายเซ็นได้ชัดเจน ทำให้ทุกคนยอมรับในฝีมือและกลายเป็นที่น่าจับตามองที่สุดคนนึงของยุค

จากนั้น AUTTA ก็ไปปรากฏตัวอีกครั้งในรายการ The Rapper ที่เขาได้เรียนรู้การนำเพลงป๊อป มาเรียบเรียง ดัดแปลงเข้ากับแร็ปที่ถ่ายทอดเรื่องราวที่เขาอยากจะเล่าได้อย่างแยบคาย ด้วยทักษะที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร และปรับใช้กับวงการเพลงกระแสหลักได้ ก็เป็นจุดเริ่มต้นให้เขาเข้ามาเป็นศิลปินค่าย YUPP! และได้รับความไว้วางใจจากแร็ปเปอร์รุ่นพี่ให้ไปช่วยเขียนเพลงให้นับไม่ถ้วน

ตอนนี้ก็ได้เวลาที่ AUTTA จะนำเพลง แย้มบาน ผลงานชิ้นสำคัญที่เล่าชีวิตของเขา และเป็นอีกจุดเริ่มต้นของเส้นทางสายนี้มาปัดฝุ่นเรียบเรียงใหม่ เพื่อเผยแพร่เนื้อหาที่เขาอาจไม่สามารถพูดออกมาได้ตรง ๆ ให้ออกไปในวงกว้างยิ่งขึ้น เผื่อว่าใครหลาย ๆ คนที่อาจจะมีความรู้สึกเช่นเดียวกันกับเขาจะได้ยิน และรับรู้ว่าพวกเขาไม่ได้อยู่เพียงลำพัง

แย้มบาน เปิดมาด้วยท่อนฮุกน้ำเสียงเศร้าสร้อยแต่ยังมีความหวังอยู่ลึก ๆ ดนตรีเป็นกรูฟที่มีใช้ซินธิไซเซอร์เป็นตัวพยุงมู้ด บีตนุ่ม ๆ ของ r&b ที่ดำเนินไปพร้อมกับเสียงเกากีตาร์เบา ๆ แทรกตัวเข้ามาหลังท่อนแร็ปเปลี่ยวดาย ก่อนจะเข้าสู่ห้วงอารมณ์รุนแรงของความสับสน บรรยายออกมาผ่านการแร็ปหนักหน่วง และบีตแทร็ปจัดจ้าน ที่ถูกเบรกลงด้วย contemporary jazz บิดตัวซ่อนอยู่ในดนตรี symphonic rock ได้อย่างทรงพลัง และคลายอารมณ์ของทั้งเพลงด้วยเสียงเปียโนอ่อนโยน

หากใครเคยฟังเวอร์ชันสด ๆ ของเพลงนี้มาบางแล้ว อาจจะรู้สึกว่าเขาถ่ายทอดออกมาได้ดิบกว่า และรุนแรงกว่า ส่วนนึงเพราะเป็นการเล่นกับวงแจ๊สสด ๆ เลยมีการ improvise และสามารถเค้นเสียงตอนแร็ปออกมาได้ด้วย แต่สำหรับการนำมาเรียบเรียงใหม่ใน studio version ก็นับว่าสามารถหยิบแต่ละพาร์ตของเพลงมาขยายได้ถูกจุด อย่างการเพิ่มไดนามิก สร้างมิติ และรายละเอียดซับซ้อน เพื่อนำเสนอเรื่องเล่าในแต่ละช่วงให้อารมณ์ออกมาได้แจ่มชัด ก็ทำให้เราเสียน้ำตาได้ไม่แพ้ live version แถมความกลมกล่อมนี้ก็ทำให้เราสามารถกดฟังซ้ำได้หลาย ๆ รอบ

คำเตือน : หากผู้ใดชม Music Video นี้ แล้วอยากได้คนรับฟัง ปรึกษาได้ที่เบอร์ 1323 สายด่วนสุขภาพจิต ตลอด 24 ชั่วโมง

หลังจากฟังจบ เราก็เห็นโพสต์ของ AUTTA ที่เขียนประมาณว่า ‘อยากจะเขียนถึงเพลง แย้มบาน แต่ไม่รู้จะเริ่มยังไงดี’ เราเลยอาสาเข้าไปถามเพื่อช่วยเรียบเรียงความคิดของเขา ให้ออกมาเป็นตัวหนังสือที่ทุกคนกำลังจะได้อ่านในย่อหน้าถัดจากนี้

ไม่รู้จะหยิบตรงไหนมาพูดดี มันรุงรังไปหมด

จริง ๆ ตอนเริ่มเขียนเพราะชีวิตแย่มาก นอนไม่ได้ทุกคืน พอนอนไม่ได้ก็นั่งเล่นเกม เล่นโทรศัพท์ไปเรื่อย ๆ จนช่วงนั้นก็เพิ่งเริ่มฟังแร็ป เลยลองเขียนยันเช้า ได้มา verse นึง คือ verse 2 ในปัจจุบัน เหมือนเป็นการเขียนระบายเฉย ๆ แต่เราประดิษฐ์เยอะมาก เล่นกับ rhythm เยอะมาก แต่หลังจากนั้นแล้วก็ไม่ได้ทำอะไรกับมันเพิ่มเติม

พอมีการแข่งประกวดดนตรีที่ต้องไปแข่งเพลงคัฟเวอร์ ก็ฟอร์มวงไปประกวดกับเพื่อน ตอนนั้นมันมีงานของเซ็นทรัล รอบแรกเอาเพลง หรือ ของ Slur ที่เป็นเวอร์ชันคัฟเวอร์ของ Polycat ไปเล่นประกวด เพราะมันมีท่อนแร็ปด้วย ตอนนั้นเราเล่นกีตาร์ด้วยก็เละเทะมาก แต่ก็ยังอุตส่าห์เข้ารอบไป พอไปรอบชิงเพื่อนเลยให้เล่นเพลงแต่งของตัวเอง คือเพลง บุรีราม ก็ได้แชมป์จากรายการนั้น

หลังจากนั้นก็เอา บุรีราม ไปแข่งในรายการที่สอง (Imperial Music Awards) พอลองแข่งในรอบแรกแล้วเวิร์ก ก็เลยเริ่มจับทางได้ว่า มันเป็นไปได้นะที่เราจะทำเพลงแบบนี้ แต่พอรอบชิงเราไม่มีอะไรไปเล่นแล้ว เหลือเพลงที่เขียนค้างไว้เวิร์สเดียวตอนนู้น เพื่อนก็บอกว่าเอาเพลงเนี้ยแหละ ไปเขียนมาให้จบ

เพลงที่เขียนให้ตัวเอง

เวอร์ชันแรกที่ออกมาค่อนข้างดิบ เนื้อหามันก็อัดอั้นมาก ๆ เพราะมันคือความรู้สึกที่เรียลมากขณะนั้น เลยจบได้ไวในไม่ถึงสัปดาห์ เวิร์สแรกที่ได้จริง ๆ มันแย่มาก ฮุกคือ ‘ฉันอยากมีชีวิตอยู่’ แต่เราอยากให้แร็ปคอนทราสมาก ๆ พูดถึงการไม่ได้อยากมีชีวิตอยู่โคตร ๆ มันจะมีประโยคแรง ๆ เช่น ‘ความตายกับคนโง่ ๆ อย่างกู ดูดูแล้วมันก็เข้ากัน’ หลังจากนั้นก็พูดถึง way to die ต่าง ๆ เป็นการพูดโต้ง ๆ ตอนนั้นเราไม่ได้คิดว่าเพลงมันต้องมีความรับผิดชอบต่อคนฟังยังไง เพราะเราคิดว่าเขียนให้ตัวเองฟัง เลยเขียนสิ่งที่นอนคิดทุกคืน คือจะตายยังไงให้ทรมานน้อยที่สุด พอถึงตอนแข่งก็เลยแร็ปหลุด แต่ที่หลุดไปเพราะเรารู้สึกมาก ๆ แบบล้น ก็เลยแร็ปออกมาไม่ได้

แต่ผมก็พยายามเซฟเยอะมากเลย จากเวอร์ชันที่แล้วที่มันไม่ค่อยเปิดพื้นที่ให้ตีความไปในทางอื่น หรือมองให้เป็นศิลปะได้ ผมก็ทำให้มันเปิดมากขึ้น ให้คนตีความในแง่ไหนก็ได้ ด้วยการแก้ท่อนแรกให้มีไดนามิก แล้วก็ให้มีความสละสลวยของคำมากขึ้น ทำให้ดูมีความเข้าใจกับสิ่งต่าง ๆ มากขึ้น คนฟังอาจจะคิดว่าเราเจอเรื่องร้าย แต่พยายามยืนหยัดสู้

อีกอย่างคือต้องขอบคุณเพื่อน ๆ มาก ตอนแรกผมแค่คิดว่าจะทำออกมาเป็นเพลงอินดี้ลอย ๆ สแนร์ ๆ รีเวิร์บฟุ้ง ๆ เพราะคิดว่ามันจะเข้ากับสิ่งที่จะพูด แต่กลุ่มเพื่อนสามคนที่ไปแข่งที่เวทีนั้นด้วยกันบอกว่า เล่นแจ๊สไปเลย ให้ texture เป็นแจ๊สไป แล้วค่อยไปสาดร็อกตอนท้าย ซึ่งตอนทำ ๆ ไปมันก็เวิร์กดีครับ กลิ่นจะออกไปทาง Robert Glasper ไหมนะ คือกะทำให้มันผสมผสานมากกว่า ไม่ค่อยมีเพลงไทยที่ผสมแบบนี้ แล้วเพื่อนบอกว่าตอนท้ายอยากให้ความรู้สึกหน่วง ๆ เปลี่ยนเป็น 6/8 ไหม มันก็ได้ความรู้สึกแบบนั้นเลย  ต้องให้เครดิตเพื่อน ๆ สามคนเลยที่สร้างเวอร์ชันแรกขึ้นมา

มันจะมีความบังเอิญตอนแข่ง เราซ้อมกันไปแบบนึง แต่บนเวทีเหลือ 40% ของที่ซ้อม แต่มันครีเอตอะไรแปลก ๆ ออกมาเยอะมาก อย่างท่อนสุดท้าย ‘ลาลัลลา’ มันไม่ถูกเซ็ตมาในตอนที่ซ้อมกัน ไปคุยเอาก่อนขึ้นเล่นประมาณชั่วโมงนึงว่า เราก้มหน้าก้มตาเล่นไม่ได้ คิดว่าถ้ามีท่อนลัลลาให้คนร้องตามคงจะดี แล้วหน้างานก็มีคนร้องตามจริง ๆ ได้ยินเสียงว่าเขาร้องตามกลาย ๆ แล้วฟีลมันดีมาก ก็ยึดใช้มาจนถึงปัจจุบัน และจะมีตรงท่อนฮุกสุดท้าย จริง ๆ ท่อนฮุกปกติ เมโลดี้จะเป็นแบบนั้น แต่ถึงหน้างานเราเฟลมาก ๆ จากการหลุด เลยไปจบที่โน้ตโคตรสูง ไม่รู้ตัวว่าวิญญาณอะไรมาเข้าสิง หลังจากนั้นก็ร้องแบบนั้นไม่ได้อีกเลย เราก็อยากเอามันกลับมาใช้ แต่มันก็ไม่ได้ดีเท่าไหร่ พยายามเท่าที่ทำได้

พอหลังจากแข่งจบ ก็โยนให้เพื่อนคนนึง ชื่อมิก คู่บุญเลย เขาเป็นคนทำท่อนโซโล่ ชายหน้ามึน หรือเวลาไปเล่นสดตามงาน ตีกันทำไม เวอร์ชันใหม่มิกก็ช่วยโปรดิวซ์ทั้งเพลงเลย ในเพลง แย้มบาน ก็ให้มันช่วยแกะ midi เอาให้เหมือนเลย จนได้มาเป็นเดโม่ เพิ่มท่อนท้ายให้เป็นสตริง แล้วก็พวกออเคสตราทั้งหลายคล้าย ๆ ที่ได้ฟังตอนนี้ เพราะตอนแข่งเราไม่ได้มีท่อนพวกนั้น section ตรงนี้ที่มิกสร้างขึ้นมามันมีความ dramatic, cinematic มันถูกต้องมาก ๆ กราฟมันชันขึ้นไปอีก เราเลยชอบตรงนี้มาก ๆ แต่เราก็เก็บไว้ 2 ปี ไม่กล้าเอามาทำต่อ เพราะลองอัดยังไงก็ไม่ขึ้น แล้วจริง ๆ เนื้อหาในเพลงมันเป็นเรื่องที่ผมไม่กล้าพูด ไม่กล้าแชร์เรื่องนี้ให้ใครฟัง เพราะมันค่อนข้าง… ผมก็ได้แต่รอเวลา

แย้มบาน นอกจากเนื้อหามันเป็นอะไรที่จะไม่กล้าทำแล้ว พาร์ตดนตรีเอง ถ้า sound quality ไม่ถึง ถ้าทำออกมาไม่ได้ผมจะเกลียดเพลงนี้ไปตลอดชีวิต ผมต้องการได้คนที่เข้าใจทั้งสองด้าน คือมีความรู้เรื่องฮิปฮอปประมาณนึง แล้วก็มีทักษะทางดนตรีมาก ๆ ประมาณนึง

พี่หลุยส์ (ธชา คงคาเขตร aka 1Flow) บอกว่ารู้จักรุ่นน้องคนนึง ชื่อเจน ‘ผมก็ถามว่า เจนพัฒน์ปะพี่’ ปรากฏว่าคือคนเดียวกัน เขาคือ พี่เจนพัฒน์ มนตรีเลิศรัศมี (Mad Puppet Studio) ทุนเดิมเขาเป็นนักดนตรี เป็น arranger, composer เพลงแจ๊ส ดนตรีจ๋า ๆ เก่งมาก ๆ เขาโปรดิวซ์ให้ พี่เต๋าUrBoy TJ พี่นะ Polycat เขาก็มีความหลากหลายนิดนึง ก็รู้สึกว่าเป็นชอยส์ที่เวิร์กมาก พอได้คนที่วางใจได้ มีทีมงานมืออาชีพ เราก็เลยกล้าลุยต่อ

ท่อนตอนแรกเป็นกลองแบน ๆ จากนั้นก็มีฟีลแบบ jazz hop มันก็จะฟังถูกจริตคนอีกกลุ่มนึงด้วย ท่อนสองที่เป็นแทร็ปเข้ามามันก็แปลกดี เดือดแต่เซอร์ไพรส์ จนท่อนสุดท้ายที่เป็นออเคสตราเขาก็ทำได้ถึง

วิธีเขียนเพลงเวอร์ชันนี้มันรุงรังมาก มีเทคนิคหลาย ๆ อย่างที่ตอนนั้นไปนอนคิดว่าจะแก้เวิร์สแรกยังไง คือของเดิมมันดูทื่อมาก ตอนที่เขียนมันเด็กอะ พอเราโตขึ้นก็อยากให้คำสละสลวยแต่ความหมายยังอยู่ ก็คิดว่าต้องใช้คำอะไรดี ก็นึกถึงตอนเย็น ๆ ผมเป็นเด็กแห้ง ๆ ผอม ๆ เดินอยู่ในคณะกำลังจะกลับบ้าน บังเอิญเดินเหยียบเศษใบไม้แห้งจนมันจะแตกเป็นผง ๆ ซึ่งเราคิดว่าถ้าตัวเราดื้อด้าน เราจะกลายเป็นใบไม้ที่ถูกเหยียบ

เวลาทำงาน ผมเป็นคนที่คิดว่าถ้าอย่างงี้ถูก ผมจะหาเหตุผลมาแย้ง มันก็ทำให้ผมเป็นใบไม้แบบนั้นที่จะโดนคนโต ๆ ใหญ่ ๆ เหยียบจนแหลก แต่ถ้ามันไม่ดื้อด้าน ลอยไปตามทางของมัน มันก็รอดจากการโดนเหยียบ เป็นสัญลักษณ์ที่เรารู้สึก เลยเขียนออกมาเป็นท่อน ‘เศษใบไม้ที่อยู่ข้างหน้า ทำผมคิดว่าหากมันปฏิเสธ ตั้งตนเป็นปฏิปักษ์ จงปฏิบัติโดยการเหยียบย่ำเป็นปกติ’ มันมีความพอดีของคำด้วย เล่นคำสละสลวยด้วย แล้วก็มีท่อน ‘อยากจะหยิบทุกเหยียด มาเหยียบจนหยุดทุกหยาบ ทุกอย่างที่เคยรังเกียจ จะเปลี่ยนเป็นแสงสว่าง’ ที่อยู่ดี ๆ คำมันพอดีมาก มันมี ‘จะ’ ‘หยะ’ ‘จะ’ ‘หยะ’ สัมผัสอักษรในภาษาไทยก็ลงพอดี ความหมายมันก็ได้

แล้วก็จะมีเวิร์สสอง ถ้าไปฟังกับหูฟังดี ๆ จะได้ยินคำที่สัมผัส มันจะแยกซ้ายขวา สลับไปมา เยอะมาก มันเป็นอะไรที่ใหม่สำหรับผมในตอนนั้น ไม่ได้ดีไซน์อะไร แค่คิดว่าจะดั๊บ แล้วมันก็ออกมาเป็นแบบนั้น ไล่งับคำที่สัมผัส ซึ่งมันค่อนข้างเยอะ บางอันทันบ้าง ไม่ทันบ้าง แต่มันจะได้ยินเบามาก ๆ

‘ผมนั่งสูดอากาศอยู่ในคืนที่อยากจะผ่าน
คงไม่อาจที่จะลืมเรื่องทุกอย่าง
เป็นอีกคืนที่กลับมาร้องไห้กับตัวเองข้างหน้าต่าง
อยู่คนเดียวจนสว่าง
แล้วยกมือขึ้นมาปาดรอยน้ำตาที่ตรงแก้ม
ที่เราแกล้งใส่หน้ากากมาตลอด แต่ไม่อาจที่จะถอด
ผมอยากจะกราบแล้วก็กอดพ่อแม่ แต่ไม่อาจที่จะบอก
ว่าอันที่จริงเราเป็นไอกากมาตลอด เป็นไออ่อนดีแต่ปาก ไม่เคยทำเหี้ยไรได้ดีเลยซักอย่าง’

สนุกมากตอนทำ จริง ๆ เราแกะมาจากแร็ปเปอร์ Quadeca ซึ่งโฟลวก็เป็นที่นิยมในต่างประเทศ พอเราเอามาทำเป็นภาษาไทย ปรับแก้ไปเยอะ จนมันกลายเป็นว่าเข้ากับความเป็นตัวเราบางอย่าง ก็รู้สึกว่ามันใช้แบบนี้ได้โดยไม่เสียความหมายเหมือนกันแฮะ ก็รู้สึกเพลินกับการเขียน เลยเขียนได้ยันเช้า

แล้วมันจะมี easter egg หลายอันในท่อนพวกนี้ ตอนเข้าฮุกสอง มีเสียงถอนหายใจ มีเสียงดูดบุหรี่ แต่เบามาก ๆ เสียงพี่หลุยส์ไปทำเสียงเหมือนดูดบุหรี่ในหน้าไมค์ ซู้ดเข้าไปแล้วพ่น แล้วก็จะมีเสียงกระซิบกระซาบเบา ๆ ตอน ‘…ปฏิเสธ …ปฏิปักษ์’ แล้วก็จะมีตอน ‘ลาลัลลา’ คือเรากำลังนั่งฟังบาลานซ์เพลงในห้องอัด พี่โอ๊ต ทีม Mad Puppet เดินเข้าไปในห้องเก็บชีทอะไรของเขา แล้วเราได้ยินเสียง noise กระดาษ กุกกัก ทุกคนหันหน้ามองหน้ากันว่ามันถูกต้องมาก ๆ ซึ่งข้อดีของโปรแกรม Logic ทำให้เราสามารถอัดเสียงที่ได้ยินทีหลัง กด playback ฟังแทร็คเดิม แล้วเราลากเสียงใหม่ไปใส่ระหว่างที่ playback ได้ พี่เจนเขาก็อัดไว้ แล้วลองมาใส่ ก็ได้เลย ชอบมาก

Music Video

มิวสิกวิดิโอได้แรงบันดาลใจมาจากเรื่องจริงของพี่หลุยส์ พี่โจ้ (ศวิชญ์ สุวรรณกุล aka PHENOMENYX) เขียนถึงเอาไว้ในเพจของเขา อย่างในใบสมัครของตัวเอก ก็มีวันเกิดที่ต้องกรอก อันนั้นเป็นวันเกิดของพี่หลุยส์ แล้วก็จะมีอะไรซ่อนอยู่เยอะมาก ๆ

เสน่ห์ของการเล่นกับ live band

ด้วยความที่เป็นมนุษย์แจ๊สจะมีความสด improvise กัน จะกำหนดกันอย่างคร่าว ๆ แล้วไปลุยกันหน้างาน ซึ่งมันจะเวิร์กกับงานอินดี้ หรืองานไซส์เล็กไปถึงกลาง อย่างงานที่ De Commune, Cat Expo ยังคงพอได้ แต่ถ้าเป็นโชว์ที่ใหญ่หรือซีเรียสขึ้น ต้องปรับวิธีการเล่นมากขึ้น แต่ที่ผ่านมาจากที่เป็นวงสด ๆ เลยมันก็ได้ฟีลอีกแบบนึง คือในยุคที่ทุกคนเล่นกับ data บางทีความสดมันก็ทำให้เรารู้สึกผาดโผนดี รู้สึกสนุกกับดนตรีที่เกิดขึ้นในปัจจุบัณขณะ แม้มันจะไม่ใช่ดนตรีที่สมบูรณ์แบบ แต่ fresh แค่มันมีข้อเสียหลัก ๆ อย่างนึงคือความแน่น วงเล่นสดอาจจะไม่แน่นเท่าดนตรีที่เตรียมมา

ความหลากหลายทางดนตรีของ AUTTA

ความจริงแล้วผมก็ไม่ได้คิดว่าเพลงจะทำงานยังไง หรือต้องสื่อสารกับใคร เพราะผมเคยพยายามลองคิดแทนคนฟังแล้วมันไม่เวิร์ก บางทีสิ่งที่คนฟังตีความได้ก็ไม่ใช่สิ่งที่ผู้สื่อต้องการสื่อ ผมคิดว่าผมทำให้ตัวเองไม่เกลียดเพลงนี้ก็พอ แล้วมันจะทำงานยังไงก็สุดแล้วแต่คนฟัง

ผมอ่านคอมเมนต์ทุกอันเลยนะ แต่ไม่มีคนที่รู้สึกตกใจกับแนวเพลงที่เปลี่ยนไปขนาดนั้น เพราะหลายคนที่รู้จักผมจาก Rap Is Now หรือ The Rapper ก็เห็น ๆ กันมาบ้าง กลุ่มคนฟังผมผสมกันมั่วซั่ว มีทั้งกลุ่มคอมเมนต์ด่าสาดเสียเทเสีย คนฟัง serious rap คนตามจาก ตีกันทำไม เดือด ๆ หรือที่ทำเพลงป๊อป ๆ แบบ ชายหน้ามึน  หรือ ว่างยัง ก็เป็นอีกกลุ่มนึง คนละเรื่องเลย ผมว่าคนที่ตามอาจจะรู้สึกว่า จะทำอะไรก็ทำเลย (หัวเราะ) คงเป็นข้อดีที่คนไม่ได้ตกใจเพราะเรามีหลายมิติให้เขาได้สัมผัสไปแล้วมั้ง

ส่วนเรื่องความรู้สึกถึงเนื้อหาในเพลง ก็มีคนรู้สึกร่วมไปกับเพลงเยอะ ถ้าคุณรู้สึกว่า relate หรืออินมาก ๆ แบบชีวิตฉันเป็นแบบในเพลงนี้ ก็ควรจะพบแพทย์ พบนักจิตวิทยา เพราะการคิดว่าที่เรารับมือกับปัญหานั้นได้ด้วยตัวเอง สำหรับผมมันไม่เคยเวิร์กเลย แล้วก็สังคมรอบข้าง หรือส่ิงที่มากดทับหรือสร้างปัญหาให้เรา มันจำเป็นจะต้องถูกคลี่คลายโดยคนที่มีความรู้ ความเข้าใจ ผมว่าการไปหาหมอคือการแก้ปัญหาที่ดี และที่จำเป็นต้องทำด้วย เข้าใจว่าการหาหมอจิตโคตรแพงเลย แต่บางโรงพยาบาลรัฐใช้บัตรทองได้นะ

ถ้ามีความเสี่ยง มีปัญหา ควรไปพบหมอ อย่างน้อยที่สุดถ้าเพลงนี้มันทำให้คุณ trigger หรือรู้สึกไม่ดีต่อตัวเองมาก ๆ มันเป็นสัญญาณนึงแล้วว่า ควรไปหาคนที่จะช่วยเหลือได้


เนื้อเพลง AUTTA – แย้มบาน

*ฉันอยากมีชีวิตอยู่ อยู่เพื่อเรียนรู้วันใหม่
ฉันอยากมีชีวิตอยู่ อยู่บนโลกที่โหดร้าย
ไม่หวังให้ใครสักคนเข้าใจ ฉันจะเป็นยังไงเธอไม่ต้องรู้หรอก
และแม้วันนี้ฉันหายใจ แต่ถ้าวันนึงฉันหายไป
ก็คงไม่มีใครรู้เลย

ผมเดินคนเดียวอยู่ในทางเดิมๆ ในวังวนเดิมๆเพื่อกลับบ้าน
มีแสงจากไฟที่มันส่องตามทางให้เพียงสีจางๆไม่สว่างจ้า
ฝนตกโปรยปรายกระทบกายแผ่วแผ่วแล้วก็ผ่านหน้า
ผมเดินผ่านป้ายประกาศเก่าๆที่มันรอให้เรามาอ่านบ้าง
คำพูดของคนที่ต่างว่าผมอาจจะบ้าใช่
ผมไม่เคยมีความฝันผมแค่มีความหวังว่าอยากมีค่าบ้าง
เศษใบไม้ที่อยู่ข้างหน้า ทำผมคิดว่าหากมันปฏิเสธ ตั้งตนเป็นปฏิปักษ์ จงปฏิบัติโดยการเหยียบย่ำเป็นปกติ
มันก็คงปกติ ต่างแค่ใจที่โดนทำลายคลับคล้ายว่าไม่ปกติ
ผมใช้เวลาสงบสติ
จับจ้องกระจกจากนั้นจึงหลบสายตาวิตกจริต
อยากจะปิดทุกปาก
อยากจะปิดทุกฉาก
อยากจะคิดว่าเรามีสิทธิ์แต่
อาจจะผิดเพราะเราทำพังทุกอย่าง
อยากจะหยิบทุกเหยียดมาเหยียบจนหยุดทุกหยาบ
ทุกอย่างที่เคยรังเกียจจะเปลี่ยนเป็นแสงสว่าง

( * )

ผมนั่งสูดอากาศอยู่ในคืนที่อยากจะผ่าน
คงไม่อาจที่จะลืมเรื่องทุกอย่าง
เป็นอีกคืนที่กลับมาร้องไห้กับตัวเองข้างหน้าต่าง
อยู่คนเดียวจนสว่าง
แล้วยกมือขึ้นมาปาดรอยน้ำตาที่ตรงแก้ม
ที่เราแกล้งใส่หน้ากากมาตลอด แต่ไม่อาจที่จะถอด
ผมอยากจะกราบแล้วก็กอดพ่อแม่ แต่ไม่อาจที่จะบอก
ว่าอันที่จริงเราเป็นไอกากมาตลอด เป็นไออ่อนดีแต่ปาก ไม่เคยทำเหี้ยไรได้ดีเลยซักอย่าง
ตั้งใจซ้อมดนตรีมาจนจะปี แต่ก็กาก
คำชมไม่มี มีแต่ด่า ทำกร่าง ตอนที่เมา แล้วพอสร่าง
ก็มานั่งเสียใจกับชีวิตที่ผ่านมาทั้งหมดที่ไม่ได้เรื่องเลยนี่หว่า
วันที่โดนกดดันและปากคนมันยังคงนินทาเป็นประจำกูต้องมาเจอคนที่เหยียดทั้งที่ไม่ทันได้รู้จักแล้วมึงก็พากันเกลียดกู สัส
ทำไมต้องเป็นเราวะที่เศร้าใจ ทำไมวะที่เราดีไม่เท่าใคร
ทำไมกูต้องใส่ใจคนอย่างมึงแล้วทำไมคนอย่างมึงถึงไม่เคยคิดจะเข้าใจ
ไม่ได้โศกเศร้าแต่ได้โปรดทราบ ว่าผมแค่อยากหายไปจากโลก

ลา ลา ลา ลา ลา ลา *4

ไม่หวังให้ใครสักคนเข้าใจ ฉันจะเป็นยังไงเธอไม่ต้องรู้
และแม้วันนี้ฉันหายใจ แต่ถ้าวันนึงฉันหายไป
ไม่ต้องรู้ ไม่ต้องรู้ เธอไม่ต้องรู้
และแม้วันนี้ฉันหายใจ แต่ถ้าวันนึงฉันหายไป
คงไม่มีใครรู้

อ่านต่อ

AUTTA จากมือกีตาร์แจ๊สสู่แร็ปเปอร์อัจฉริยะเจ้าของไรห์มประหลาดที่น่าติดตามที่สุดในขณะนี้

Facebook Comments

Next:


Montipa Virojpan

อิ๊ก เนิร์ดดนตรีที่เพิ่งกล้าเรียกตัวเองว่าเป็นนักเขียนตอนอายุ 25 ชอบเดินเร็ว นอกจากขนมปังกับกาแฟดำแล้วก็สามารถกินไอศกรีมกับคราฟต์เบียร์แทนมื้อเช้าได้