Uncategorized

A New Lease On Life

  • Writer: Fungjai Staff

A New Lease On Life
วี – วิโอเลต วอเทียร์

อีกหนึ่งสาวเสียงสวยจากเวที The Voice ที่พาให้เธอมาอยู่ในจุดที่ทุกคนต่างพากันพูดถึง กับการได้รับโอกาสในวงการบันเทิงทั้งงานดนตรี โฆษณา และภาพยนตร์ เราอยากรู้ว่าเธอเป็นใครมาจากไหน ชีวิตของเธอเปลี่ยนไปอย่างไรบ้าง และจะมีผลงานอะไรออกมาให้เราได้ติดตามกันอีกในเร็ว ๆ นี้หรือไม่ ฟังใจซีนได้พาเธอมาพูดคุยกับเราที่นี่แล้ว

PART 1 : This is The Voice

“เสียงร้อง” พรสวรรค์ที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิด

วี: จุดเริ่มต้นการร้องเพลงของเรามันต้องมาจากเสียงร้องก่อนเลย มันเหมือนเป็นพรสวรรค์ที่เราไม่ต้องพยายามมากมายที่จะร้องเพลงให้เพราะ เหมือนมันเกิดเองโดยที่เราไม่รู้ตัว สมัยเด็ก ๆ  เราจะดูทีวีแล้วก็รับรู้ได้ด้วยตัวเองว่าใครในทีวีร้องเพลงเพี้ยนบ้าง ซึ่งตอนนั้นเราคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่คนจะร้องเพลงเพี้ยน จนโตมาก็เข้าใจว่าแต่ละคนมีความสามารถไม่เหมือนกัน  ซึ่งความสามารถของวีมันเกิดขึ้นตั้งแต่ที่จำความได้ ซึ่งมันก็น่าแปลกมากๆ มันเป็นความทรงจำที่นึกย้อนขึ้นมาได้ตลอดเลยว่า เราร้องเพลงได้เพราะอะไร เพราะ เราโตมากับเพลงการ์ตูน Disney ถ้าไม่มีการ์ตูนในวันนั้นก็คงไม่มีวีในวันนี้ (หัวเราะ)

ออกเดินทางสู่การประกวด The Voice

วี: การประกวด The Voice เอาจริง ๆ มันเป็นความรู้สึกที่ไม่มีจุดมุ่งหมายนะ แค่อยากรู้ว่า ถ้าไปประกวดรายการแบบนี้ ตัวเราเองจะแน่ขนาดไหนกันวะเลยแอบไปคนเดียวไม่บอกใคร ผลปรากฏดันติดเข้ารอบขึ้นมาอีกแค่นั้นเลย เหมือนเราไม่ได้คาดหวังอะไรจากตรงนั้น พอผ่านเข้ารอบไปเรื่อย ๆ มันเริ่มสนุกมันมีความสุขที่ได้อยู่ในรายการมาก แล้วพอแพ้ออกมาปุ๊ปทุกอย่างก็โอเคจบ แต่ประเด็นตอนนั้นที่เกิดขึ้นกับตัวเรา คือ เทปที่เราไปออดิชั่นยังไม่ได้ออกอากาศ เราก็ลืมไปเลยว่ารายการนี้มันดังมากนะ พอออกอากาศเท่านั้นแหละงานเข้าเลย (หัวเราะ) ตอนนั้นไปแค่สนุก ๆ ก็พอแล้ว รู้สึกแค่ฉันแน่ทำได้นิหว่า แต่ก็ไม่ได้รู้ว่ามันจะส่งผลให้เรามาได้ไกลขนาดนี้

วันแรกที่เทป The Voice ออกอากาศ

วี: ตกใจเลยค่ะ ทำอะไรไม่ถูกปิดมือถือ ปิดช่องทางการสื่อสารทั้งหมด หนีออกนอกบ้านไปแปปนึงด้วย คือ รู้สึกกลัวมากในตอนนั้น จากที่มีคนติดตามเราในไอจีประมาณ 1 พันกว่าคนกลายเป็นแบบสองหมื่นคนข้ามคืน ชีวิตมันไม่ปกติละ รู้สึกได้ถึงพลังของแมสมีเดียว่ามันรุนแรงขนาดไหน เหมือนปรับตัวยากอยู่  เพราะเราไม่ใช่คนที่เป็นศูนย์กลางของวงการเพลงนะ แล้วอยู่มาวันนึงคนมาให้ความสนใจเราหมดเลย ก็ต้องใช้เวลาสักพักกว่าจะรู้สึกว่าทุกอย่างมันโอเคแล้ว

“เคยเข้าไปนั่งอ่านคอมเม้นต์ในยูทูป มีคนด่าวีเหมือนกันนะ แต่เราก็ไม่ได้รู้สึกอะไร เหมือนมันเป็นข้อความลอย ๆ เท่านั้นเอง ถ้ามาบอกเราว่า ไม่ชอบเราเพราะอะไรจะเป็นประโยชน์แก่เรามาก แต่ถ้า มาด่า มาว่าเราลอย ๆ เราก็เอาไปปรับปรุงอะไรไม่ได้เก็บมาหนักหัวเปล่า ๆ ”

วินาทีที่โค้ชกดปุ่ม

วี: ตอนนั้นสติหลุดแล้ว สิ่งที่ทำได้ดีที่สุด คือ หลับตาร้องเลยละกัน ไม่ได้รู้สึกอินอะไรกับเพลงแล้ว มันตื่นเต้นมากนะ เพราะ เราไม่ได้คิดว่าโค้ชจะหันหลังมา 4 คนอ่ะ คือเอาจริง ๆ รอบที่เราไปคัดรอบแรกก่อนรอบ Blind Audition แค่รอบนี้ติดเราก็ดึใจแล้วไม่ได้คาดหวังอะไร พอรอบต่อมามีโค้ชมานั่งฟังก็เริ่มคาดหวังว่าร้องทั้งทีก็อยากให้คนมากดป่ะวะ (หัวเราะ) สรุป ก็กดหันมาทั้ง 4 ท่านเลย

ยิ่งเข้ารอบ ยิ่งไม่มีความกดดัน

วี: มันไม่กดดันเลยนะ แค่รู้สึกกับตัวเองว่า เราเป็นเหตุที่จะต้องทำให้อีกคนนึงตกรอบ แต่สุดท้ายทุกอย่างมันก็คือเกมส์ มีแพ้กับชนะ มันไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่ เคยเข้าไปนั่งอ่านคอมเม้นต์ในยูทูป มีคนด่าวีเหมือนกันนะ แต่เราก็ไม่ได้รู้สึกอะไร (หัวเราะ) เหมือนมันเป็นข้อความลอย ๆ เท่านั้นเอง ถ้ามาบอกเราว่า ไม่ชอบเราเพราะอะไรจะเป็นประโยชน์แก่เรามากกว่าอีก แต่ถ้าอยู่ดี ๆ มาด่า มาว่าเราลอย ๆ เราก็เอาไปปรับปรุงอะไรไม่ได้เก็บมาหนักหัวเปล่า ๆ ไม่ชอบก็ไม่ต้องฟังเรา เราเองก็ทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุดต่อไป

PART 2 : Violette Grows Up

เพลงแรกอย่างเป็นทางการในนาม วี วิโอเลต

วี: เพลง ‘ฝากไว้’ ประกบภาพยนตร์ ‘ฝากไว้ในกายเธอ’ ค่ะ เพลงนี้คือเพลงแรกเลย ตอนเพลงออกมันเป็นความรู้สึกดีใจนะ แต่ไม่ได้แบบว้าวอะไร ถามว่ามันเป็นเสียงของเราในเพลงใช่มั้ย ใช่นะ แต่มันก็ยังไม่ใช่ตัวเราเป็นคนทำเองไง เราก็ดีใจเห็นชื่อตัวเองเป็นศิลปินแล้ว พอกระแสมันออกมาดีเราก็แฮปปี้ จากนั้นก็ได้มาร้องเพลงประกอบละครต่อค่ะ

ยอดฟัง ยอดวิวในเพลงไม่ใช่ตัวชี้วัดทุกอย่าง

วี: เอาจริง ๆ วีไม่ได้ชอบเข้าไปดูเพลงของตัวเองนะ ไม่อยากดูเลย (หัวเราะ) เหมือนเป็นคนที่แขยงเสียงตัวเองอะ คือ ตัวเราได้ยินทุกวันอยู่แล้วไปฟังมันอีกก็ไม่ใช่เรื่อง แค่ตอนอัดเสร็จก็ฟังว่า โอเคมันดีแล้วแค่นั้นจบ ถามว่ามีโหลดเก็บในโทรศัพท์มือถือไว้รึเปล่า คำตอบคือ ไม่มีเลย เรื่องยอดฟังต่าง ๆ วีแทบไม่รู้เลยนะว่าเท่าไรแล้วมีแต่พี่ผู้จัดการที่จะมาอัพเดทให้เราฟังบ้าง

“ถ้าจะบอกว่าวีขายหน้าตารึเปล่า ใครจะเรียกว่าแบบนั้นก็ได้ไม่โกรธ แต่แค่อยากบอกให้ทุกคนรู้เลยว่า เรามาจากความสามารถจริง ๆ ไม่ได้มาจากหน้าตา กว่าที่จะมายืนตรงจุดนี้ได้เราฝึกทุกอย่างมาหนักเหมือนหลาย ๆ คนเช่นกัน”

ความคาดหวังที่ตัวเองตั้งไว้

วี: เราอยากประสบความสำเร็จ อยากมีอัลบั้มเป็นของตัวเอง อย่างตอนนี้คือได้ทำเพลงของตัวเองแล้ว มันไม่ใช่เพลงประกอบละคร ประกอบหนังอีกแล้ว เพลงนี้น่าจะช่วงปล่อยเดือนพฤศจิกายนค่ะ เป้าหมายของวีมันมีมาเรื่อย ๆ นะ มันไม่มีที่สิ้นสุด

เติบโตตัวด้วยตนเอง

วี: ทุกวันนี้รู้สึกเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ นะ วีรู้สึกแบบนั้นกับตัวเองมาตลอด อย่างตอนที่ไปประกวด The Voice ตอนรอบ Blind Audition  แม่ก็ไปนั่งให้กำลังใจด้วย ซึ่งวีเองจะเห็นจากหลาย ๆ คนที่เขาให้สัมภาษณ์ในรายการ ทั้งต่างประเทศหรือในไทยก็ดี เขาจะชอบบอกกันว่ามาประกวดเพื่อแม่ เพื่อครอบครัวนะ ของวีก่อนขึ้นเวทีรีบหันไปบอกแม่เลยว่า หนูไม่ทำเพื่อแม่นะ หนูทำเพื่อความฝันของตัวเอง (หัวเราะ) เพราะเราคิดว่าแม่ก็ไม่ได้อะไรจากตรงนี้อยู่แล้ว มันคือสิ่งที่เราตั้งใจทำมา ซึ่งผลลัพธ์สุดท้ายมันก็มีแต่ตัวเรานั้นแหละที่จะได้

จากนักร้องหน้าใหม่สู่นักแสดงหน้าใหม่

วี: จริง ๆ ตอนได้เล่นหนังเรื่อง ‘ฝากไว้ในกายเธอ’ ตอนนั้นวีตกรอบ The Voice แล้ว ทางพี่ผู้กำกับเขาเห็นว่าตอนเราร้องเพลงแล้วมันสื่ออารมณ์ออกมาได้ดี เขาก็เลยเรียกมาแคสติ้งดูแล้วผ่านก็เลยได้มาเล่น จากนั้นทางพี่เต๋อ (นวพล ธำรงรัตนฤทธิ์) ไปดูเรื่องนี้แล้วบอกเราว่า เด็กคนนี้มันมีอะไรที่น่าสนใจดี อยากชวนมาทำงานด้วยพี่เขาเลยให้ไปลองเล่นหนังสั้นฉายในงาน Cat Expo จากนั้นอยู่มาวันนึงพี่เขาก็มีหนังเรื่อง “ฟรีแลนซ์.. ห้ามป่วย ห้ามพัก ห้ามรักหมอ” เกิดขึ้นพี่เต๋อเลยชวนไปแคสอีกรอบเลยได้กลับมาเล่นหนังอีกครั้งค่ะ

“ฟรีแลนซ์.. ห้ามป่วย ห้ามพัก ห้ามรักหมอ” วี มีบทบาทอะไรบ้างในเรื่องนี้

วี: เรื่องนี้เล่นบทที่มันโตขึ้นจากตัวเองมาก ๆ เลย เล่นเป็นคนตามงานค่ะ (หัวเราะ) นึกภาพตามง่าย ๆ  เวลาเราทำงานแล้วมีเจ้านายมาไล่ตามงานจิก แบบนั้นเลยค่ะ โดยเป็นการตามงานจากพี่ซันนี่ สนุกมากค่ะอยากให้ลองติดตามกันดู เพราะหนังเรื่องนี้ทุกคนตั้งใจทำกันออกมามาก ๆ การร่วมงานกับพี่เต๋อก็สนุกดี พี่เขาเป็นคนติสท์นิดนึง แต่หนังเรื่องนี้จะเป็นสไตล์พี่เต๋ออย่างชัดเจนแน่นอน

ตกลงชีวิตนี้ถนัดร้องเพลงหรือเล่นหนังมากกว่ากัน

วี: ถนัดจริง ๆ น่าจะเป็นร้องเพลงค่ะ แต่ด้านการแสดงก็ชอบนะ ถ้าโหมดการแสดงของเรามันจะมีความแปลกหน่อย เพราะไปเล่นหนังมาก่อนแล้วค่อยมาเรียนเอคติ้งเพิ่มทีหลัง คือ ช่วงเวลาที่ถ่ายทำตอนนั้นทุกอย่างมันเร็วมากเลยได้แสดงไปเรียนรู้ไป พอถ่ายหนังเรื่อง ฝากไว้ในกายเธอ เสร็จเลยไปเรียน   แอคติ้งเพิ่มเพื่อมาเชื่อมโยงกับสิ่งที่เราทำ อีกทั้งเรื่องแอคติ้งอะไรต่าง ๆ มันก็สามารถเอาไปประกอบการร้องเพลงได้เหมือนกัน

การที่มาอยู่ในจุดนี้ได้คิดว่าตัวเองขายหน้าตามั้ย

วี:  เอาจริง ๆ เราขายเสียงร้องมากกว่านะ ส่วนเรื่องหน้าตามันก็มีส่วนส่งเสริมกันไป เพราะ ในเมื่อเราก็ไม่ได้หน้าตาขี้เหร่อะไร ถ้าจะบอกว่าขายหน้าตาใครจะเรียกว่าแบบนั้นก็ได้ แต่ทุกวันนี้ก็อยากบอกให้ทุกคนรู้เลยว่า เรามาจากความสามารถจริง ๆ ไม่ได้มาจากหน้าตา กว่าที่จะมายืนตรงจุดนี้ได้เราฝึกทุกอย่างมาหนักเหมือนหลาย ๆ คนเช่นกัน ไม่ได้หน้าตาดีแล้วมีส่วนที่ทำให้เรามาอยู่ตรงนี้อย่างรวดเร็วเหมือนที่หลาย ๆ คนบอกเลย

วงการเพลงไทย…เพียงแค่เปิดใจฟัง

วี: ก่อนหน้านี้วีไม่ได้ฟังเพลงไทยเลยนะ จนได้มีโอกาสได้เป็นดีเจที่คลื่น Cat Radio พอไปทำตรงนั้นเราได้ฟังเพลงไทยเยอะมาก แล้วพบว่า มันมีเพลงดี ๆ เยอะมากเลยนะ แต่คนฟังไม่ได้รู้จักกันไปเองมากกว่า ถ้าคนเปิดใจรับฟังเพลงนอกกระแสมากขึ้นกว่านี้มันจะดีมาก ๆ เลย ผลงานของพวกค่ายเล็ก ๆ หลายเพลงนี่ก็เจ๋งมาก อยากให้ทุกคนปรับมุมมองและให้โอกาสนักดนตรีไทยนะ เชื่อว่ามันจะไปได้ดีแน่นอนถ้าคนฟังเปิดใจ

3 เพลงไทยแนะนำโดยวี วิโอเลต

วี: ขอแนะนำเพลงเหล่านี้เลยค่ะ คืนนี้ – The Parkinson, Magic Rhyme – Part Time Musicians และ Why  – Inspirative วีว่าวงพวกนี้เป็นวงที่มีอะไรชัดเจนมาก ๆ จนส่งผลมาถึงตัวเพลงที่บ่งบอกเอกลักษณ์ของพวกเขาได้จริง ๆ อยากให้ลองฟังกัน

เรื่องเวลาการใช้ชีวิตตอนนี้ที่ต้องปรับใหม่หมด

วี: ชีวิตพังค่ะ ตอนนี้ (หัวเราะ) แต่ว่ามันก็พอไปวัดไปวาได้อยู่นะ อย่างจันทร์ – ศุกร์ มีเรียนแต่ก็ไม่ได้เรียนทุกวันไง มันจะมีบางวันที่หยุดเพราะฉะนั้นถ้ามีงานเข้ามาปุ๊ป วีก็จะรีบเคลียร์ให้ทุกอย่างมันรองรับกับตัวเราให้ดีที่สุด ยกตัวอย่างเช่น งานแสดงหนังก็จะเข้ามาช่วงที่เราปิดเทอมพอดี มันก็สามารถทำได้อย่างเต็มที่ ทุกอย่างมันไม่ได้กระทบกันมากนะ แค่ชีวิตมันวุ่นวายมากเท่านั้นเอง แต่ก็ถือได้ว่าแบ่งเวลาได้ดีกว่าเมื่อก่อนเยอะ

พลังที่ซ่อนอยู่ในตัวหญิงสาววิโอเลต

วี : พลังเสียงมั้งค่ะ (หัวเราะ) ไม่ก็อาจจะเป็นพลังที่ไม่ต้องพึ่งใครทำอะไรได้ด้วยตัวเอง

จงขายของ ฝากผลงานและอ้อนแฟนเพลง ( คำถามนี้มีคะแนน 10 คะแนน )

วี: ขอขอบคุณแฟนคลับก่อนเลย วีชอบมาก ๆ นะ แฟนคลับทุกคนเลย พวกเขามาเพื่อฟังวีร้องเพลงจริง ๆ  ขอบคุณที่ชื่นชมในตัววีค่ะ ทุกวันนี้เวลาไปร้องเพลงที่งานไหนแล้วมีแฟนคลับเราไปด้วยก็ดีใจมากที่ได้เจอกัน อยากขอบคุณทุกคนเลยค่ะ แล้วก็ขอฝากผลงานด้วยไม่ว่าจะเป็น หนังเรื่อง “ฟรีแลนซ์.. ห้ามป่วย ห้ามพัก ห้ามรักหมอ” หรือจะเป็นเพลงของวีที่เร็ว ๆ นี้น่าจะออกมาให้ทุกคนได้ฟังกัน อยากให้ทุกคนติดตามกันดูค่ะ

Facebook Comments

Next:


Gandit Panthong

กันดิศ ป้านทอง อดีตนักศึกษาฝึกงานนิตยสาร Hamburger Magazine, ทำงานในกองบรรณาธิการ MiX Magazine และ บก.คนแรกของ Fungjaizine ที่มีความมุ่งมั่นว่าจะตั้งใจสร้างสรรค์วงการเพลงให้เกิดแต่สิ่งดี ๆ ต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง