Mumford & Sons Live in Bangkok กลับสู่รากดนตรีโฟล์กร็อกฉบับอังกฤษ

Article ระเห็ดเตร็ดเตร่

กลับสู่รากดนตรีโฟล์กร็อกฉบับอังกฤษ Mumford & Sons Live in Bangkok

หลังจากแฟน ๆ ชาวไทยถามหาพวกเขามากันนาน ฝันของหลาย ๆ คนรวมทั้งทีมงาน Fungjaizine ก็เป็นจริงเมื่อคืนวันพฤหัสที่ผ่านมา กับโชว์ครั้งแรกของ Mumford & Sons Live in Bangkok

Mumford & Sons Live in Bangkok

หลังจากต่อคิวเข้า GMM Live House ไปสักพักนึง เราก็ได้มายืนอยู่หน้าเวทีที่มองไปรอบ ๆ แล้วดูหนาตาเลยทีเดียว มีทั้งต่างชาติ ทั้งคนไทย ที่มายืนรอ Mumford & Sons อย่างใจจดใจจ่อ และพวกเขาก็สมหวังอย่างรวดเร็ว เพราะหลังจากที่เราได้ทำเลยืนไปไม่นาน ก็สังเกตได้ว่าบนเวทีก็เริ่มมีการขยับ ไฟเริ่มมืดลง เเละวงที่ทุกคนรอคอยในคืนนี้อย่าง Mumford&Sons ก็ขึ้นมาพร้อมกับเครื่องดนตรีครบครัน

เพียงแค่วินาทีหลังเสียงกีตาร์อินโทรของเพลง Snake Eyes ขึ้นมา ทุกคนก็ยิ้มปริ่มกันเป็นอารมณ์เดียวกัน เพลงที่ค่อย ๆ บิลด์จากเสียงกีตาร์ตัวเดียวของ Marcus Mumford (นักร้องนำ/กีตาร์) ในตอนแรก ก็เริ่มมีซาวด์มากขึ้น เรียกความรู้สึกของเหล่าคนดูให้อินไปกับพวกเขาได้เป็นอย่างดี จนท่อนสุดท้ายคนในโชว์เริ่มเต้นและก็ร้องตามไปแล้ว

Mumford & Sons Live in Bangkok

พอจบเพลงแรกไป วงก็ขอพัก เปลี่ยนกีตาร์ และทักทายแฟนเพลงที่มาหาพวกเขาในค่ำคืนนี้ พร้อมกับคำว่า “ขอบคุณครับ” จาก Marcus Mumford นักร้องนำของวงที่แอบไปหัดพูดภาษาไทยมาแน่ ๆ ก่อนจะเริ่มเพลงที่ทุกคนพร้อมจะร้องไปกับพวกเขาอย่าง Guiding Light เป็นหนึ่งในเพลงที่เราเองฟังแล้วขนลุกทุกครั้งเวลาฟังในอัลบั้ม พอได้มาฟังสด ๆ ยิ่งรักเพลงนี้เข้าไปอีก เป็นหนึ่งในเพลงที่อยากให้ทุกคนไปฟังเลย หลังจากจบเพลงนี้ พวกเขาก็ต่อไปกับเพลงดังอย่าง The Cave ที่ประสานเสียงกันอย่างลงตัว ซึ่งในเพลงนี้ มือกีตาร์ของวง Winston Marshall ได้เปลี่ยนมาเล่นแบนโจ สร้างบรรยากาศเหมือนเราย้อนไปอยู่ในผับอังกฤษดั้งเดิม ซึ่งในตอนนี้ทุกคนในฮอลก็เริ่มมีเต้น ๆ กันบ้างแล้ว

Mumford & Sons Live in Bangkok

ซึ่งหลังจากทุกเพลงที่เล่นไป มาร์คัสจะ “ขอบคุณครับ” เป็นภาษาไทยทุกที เป็นภาพที่น่ารักเหมือนกัน ซึ่งก่อนที่เขาจะเล่นเพลงในอัลบั้มใหม่อย่าง Beloved ไป เขาก็ได้ขอเล่าว่า นี้เป็นคืนแรกที่เขาได้มาเล่นที่ไทยเลย ซึ่งพวกเขาแต่ละคนรู้สึกตื่นเต้นมาก ๆ เหมือนพึ่งได้ตั้งวงใหม่เลย (หัวเราะ) ก่อนที่พวกเขาจะกลับไปเล่นเพลงอย่าง White Blank Page จากอัลบั้มแรก ซึ่งพาแฟน ๆ ร้องประสานเสียงไปกับพวกเขาอย่างเต็มเสียง บอกเลยว่าในช่วงฮัมเป็นอะไรที่ขนลุกซู่มาก

ซึ่งมาถึงจุดนี้ต้องขอชมวงเลยว่าผสมผสานเพลงจากอัลบั้มใหม่และเก่าได้ดีมาก เพลงต่อไปอย่าง Blind Leading The Blind และ Lover Of The Light ต่อเรื่องราวในคืนนี้ได้อย่างดี ตบมือให้เลยว่าเรื่องของอารมณ์ที่สลับกันในแต่ละเพลง มันลงตัวกันได้ดีจริง ๆ

Mumford&Sons Live in Bangkok

หลังจากพวกเขาเล่น Tompkins Square Park จบไป ในเพลงต่อไปพวกเขาก็มาขอความร่วมมือจากคนดูกันหน่อย วงก็ขอทะเลไฟฉายบิลด์อารมณ์สักหน่อย ก่อนจะเล่น Believe เพลงที่ถ้าใครมองไปรอบ ๆ ตัวแล้วเห็นทะเลไฟสวย ๆ ก็ต้องอินไปกับเพลงพวกเขาอย่างหนีไม่พ้น

ซึ่งหลังจากเพลงจบไป วงก็ได้เล่าถึงประสบการณ์(กิน)ของพวกเขาในประเทศไทยกันหน่อย โดยไฮไลต์ของพวกเขาที่ชอบ คือการได้ไปลองร้านเจ้ไฝ! ดูท่าทางพวกเขาจะติดใจเจ้ไฝไม่น้อย ก่อนจะไปเริ่มเพลงต่อไปกับเพลงฮิตของพวกเขาอย่าง Little Lion Man ที่แค่ดีดกีตาร์ตอนแรกมาทุกคนก็จำได้แล้ว ซึ่งเพลงนี้พาทุกคนเต้นกันอย่างสนุกสนานเลยล่ะ

แต่โชว์ยังไม่หยุดความสนุกไปแค่นี้ เพราะเพลงต่อมาอย่าง Ditmas มาร์คัสก็กระโดดลงมา เดินร้องเพลงไปรอบฮอล ทำเอาแฟนเพลงยิ้มแก้มปริ ก่อนจะกลับขึ้นมาต่อด้วย Slip Away และ The Wolf ที่มือกลองของ Mumford&Sons เล่นได้มันเหลือเกิน

Marcus มาร์คัส

จริง ๆ นอกจากพลังงานจากวงแล้ว คนดูก็ไม่น้อยหน้าเหมือนกัน เป็นภาพบรรยากาศน่ารัก ๆ เลยล่ะที่ได้เห็นคนดูคอยตบมือ ช่วยร้องตามตลอด ไปจนถึงเพลงสุดท้าย Delta ที่พอจบแล้วทุกคนยังตบมือกันไม่เลิกเลย มันทำให้โชว์นี้ยิ่งพิเศษขึ้นไปอีก เหมือนพวกเขาเป็นส่วนหนึ่งของวงไปด้วยเลย คือถ้าใครไม่เคยฟังพวกเขาก็ต้องตกหลุมรักพวกเขาเเล้วล่ะ ณ​ จุดนี้

Mumford & Sons Live in Bangkok

แต่โชว์ของ Mumford & Sons ยังไม่จบเพียงเท่านี้ ท่ามกลางเสียงตบมือ เราได้เห็นไมค์ตัวนึงขยับขึ้นมา ซึ่งตอนแรกก็ชวนสงสัยว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อ จนวงได้กลับขึ้นมา ก่อนมาร์คัสจะบอกทุกคนว่า เราจะเล่นเพลงต่อไปรอบ ๆ โดยใช้เพียงไมค์ตัวนี้กัน ซึ่งก็มีคนดูตะโกนขึ้นไปว่า Bohemian Rhapsody! ซึ่งมาร์คัสก็หยอดมุขกลับไปอย่างขำ ๆ ว่าพวกเขาคงทำได้แค่ “Shit version of Bohemian” ก่อนจะแอบเล่นอินโทรของ Bohemian Rhapsody ไปนิดหน่อย เรียกเสียงขำจากคนดูกันไป

ซึ่งในส่วนนี้ของโชว์ Mumford And Sons ได้เล่นสองเพลงของพวกเขา Reminder และ Forever ซึ่งเป็นส่วนที่เราชอบที่สุดของโชว์นี้เลย มันขนลุกมาก ๆ เพราะทั้งฮอลเงียบกริบ มีเเค่เพียงเสียงจากกีตาร์โปร่งตัวเดียวและเสียงประสานของพวกเขาทั้งสี่ ก้องกังวาลไปทั่ว ซึ่งไม่น่ามีคำพูดหรือเขียนไหนมาอธิบายความรู้สึกตรงนี้ได้จริง ๆ หากใครที่พลาดไป อยากให้ได้ไปลองฟังพวกเขากันจริง ๆ สักวัน

มือกลองวง Mumford&Sons

พวกเขาก็ยังไม่ได้จบโชว์เพียงแค่นี้ เพราะเขาแถมให้อีกสามเพลงที่กลับไปเล่นแบบฟูลแบนด์ กับบทเพลง Only Love และ Awake My Soul ก่อนจะปิดท้ายโชว์ไปกับเพลงที่น่าจะพาหลายคนมาให้รู้จักพวกเขาอย่าง I Will Wait ซึ่งในคืนนี้ทุกคนในฮอลต่างร้องตามและยิ้มไม่หยุดไป บางคนก็เต้นบ้างไปตามจังหวะ

เป็นอีกค่ำคืนนึงที่เต็มอิ่มเหลือเกินกับโชว์ของ Mumford And Sons โชว์ในวันนี้เป็นโชว์ที่พิเศษมาก ๆ มีทุกมุมอารมณ์ และยังพาเราไปรู้จักพวกเขาอย่างเต็ม ๆ ใครที่เป็นแฟนคลับของพวกเขาที่ได้มาดู กลับไปนอนหลับฝันดีแน่นอน ส่วนใครที่ยังไม่รู้จักพวกเขา เราขอแนะนำให้ไปให้ไปลองฟังดู แล้วคุณจะตกหลุมรักเสน่ห์ของดนตรีโฟล์กอังกฤษแบบนี้อย่างแน่นอน

สุดท้ายแล้ว ขอขอบคุณ Live Nation BEC-Tero ด้วยที่ชวนเราไปดูคอนเสิร์ตดี ๆ แบบนี้เช่นเคย

แล้วเจอกันใหม่งานหน้า สวัสดีครับ

สนทนากับ Marcus และ Ted จาก Mumford&Sons ก่อนจะไปฟังดนตรีโฟล์กร็อกของพวกเขาเป็นครั้งแรกในไทย!

Mumford&Sons ชวนส่องโลกไปกับ National Geographic ใน mv ใหม่ October Skies

Facebook Comments

Next:


Ratchanon

Part-time writer for Fungjaizine; while listening some sleepy songs around the moon.