เมื่อพี่ยามที่อ่อนล้า ได้ลองฟังเพลง​ ยามอ่อนล้า จาก The Ginkz

  • Writer: Narawit Suksawat
  • Photographer: Narawit Suksawat and Varintorn Pormajunya

ลงพื้นที่กลับมาแล้ว หนนี้เราขอไปชวนพนักงานรักษาความปลอดภัย หรือพี่ยาม ผู้พิทักษ์ความสงบเรียบร้อยในยามวิกาล มาฟังเพลง ยามอ่อนล้า จากวง The Ginkz เป็นครั้งแรกในชีวิต มาอ่านความรู้สึกหลังจากที่พวกเขาได้ฟังกัน รับฟังเพลง ยามอ่อนล้า ประกอบการอ่านได้ ที่นี่ ประสพ ยานสาร (โชค) อายุ 60 ปี แนวเพลง/ศิลปินที่ชอบ ลูกทุ่งเก่า ๆ ยอดรัก สลักใจ ,เสรี รุ่งสว่าง ,ธานินทร์ อินทรเทพ ฟังเพลงนี้แล้วรู้สึกอย่างไร ก็รู้สึกดี เพราะดี เหมือนกับชีวิตเราที่ทำอะไรที่เหนื่อย ๆ ล้า ๆ ฟังอย่างนี้แล้วมันจะกระตุ้นให้มีความสุขขึ้นมาหน่อย ฟังแล้วเพลินดีนะ คิดว่าคนร้องหน้าตาประมาณไหน วัยรุ่นประมาน 20กว่า ๆ ล่ะมั้ง ดูหล่อ ๆ เท่ห์ ๆ เสียงเพราะด้วย เป็นยามมานานแค่ไหนแล้ว ก็ตั้งแต่ พ.ศ.2553 ถ้านับจนถึงวันนี้คงประมาณ 7 ปีได้ ทำไมถึงมาเป็นยาม มาทำงานที่เดียวกับแฟน แฟนผมเขาเป็นแม่บ้านอยู่ที่นี่พอดี เราจะได้อยู่ใกล้ … Continued

การกลับมาของอรอรีย์ พร้อมอัลบั้มเต็ม Un Jour ที่บ่มเพาะมานานกว่า 10 ปี

  • Writer: Montipa Virojpan
  • Photographer: Narawit Suksawat

เห็ดหวน กลับมาแล้วหลังจากห่างหายไปหลายเดือน หนนี้เราจะไปพบกับศิลปินอีกคนผู้เป็นสัญลักษณ์แห่งยุคอัลเทอร์เนทิฟในบ้านเราอย่าง อรอรีย์ ที่หลบไปทำอัลบั้มเต็มชุดที่สามโดยใช้เวลานานกว่า 10 ปี ตอนนี้เธอพร้อมแล้วที่จะมาพูดคุยกับเรา เรียกน้ำย่อยก่อนไปฟังงานใหม่ล่าสุดอัดแน่น 9 เพลงให้หายคิดถึง หายไปไหนมา ตอนที่หายไปจากอัลบั้มสองคืออยากพัก คิดกับตัวเองว่าไม่อยากทำเพลงแล้ว เพราะว่าไม่ชอบวงการ ซึ่งไม่เกี่ยวกับดนตรีเลย เราชอบทำงานเพลง ตอนเราทำเพลงไม่ได้คิดไปถึงอะไรพวกนี้ พอไม่เคยทำงานวงการดนตรีมาก่อนก็ไม่รู้ว่าต้องเจออะไรบ้าง แต่พอทุกอย่างที่มันเป็นธุรกิจเราต้องเจอคนเยอะแยะไปหมด ไม่ชอบดีลกับคนที่พูดไม่รู้เรื่อง เราอาจจะมีความเป็นศิลปินมากกว่าเป็นนักธุรกิจ เชื่อว่าไม่ใช่พี่คนเดียวที่เป็นแบบนี้ ศิลปินส่วนใหญ่ก็เจอ ไม่ว่าจะเป็นฝั่งดนตรีหรือนักแสดง อันนี้เหมือนอยากให้เราไปออกสื่อมากจนเกินไป เราคิดว่ามันไม่ใช่ตัวเรา เราไม่ทำ คือพี่เป็นคนที่อยากทำงานเพลงจริง ๆ ถ้าเราไม่อยากคุยเราก็ไม่คุย ไม่อยากยิ้มก็ไม่ยิ้ม ทำแบบนั้นมันเหมือนเป็นคนตามใจตัวเอง ฟังดูแล้วไม่ดีเลย แต่มันไม่ได้เห็นแก่ตัว คือเรารู้จักตัวเองดีพอที่อะไรบางอย่างเราไม่สามารถจะทำได้ ก็จะเริ่มมีคนพูดว่าเรา แต่ไม่ได้ว่าตรง ๆ เราว่ามันไม่ใช่ ก็เลยเบื่อไง พี่ก็ไม่อยากฝืนตัวเอง ซึ่งพอตัดสินใจแล้วเราก็เลิกทำทุกอย่างที่เกี่ยวกับเพลง คือก็ยังฟังเพลงวิทยุ แต่ไม่ถึงกับขวนขวายหาฟังหรือไปคอนเสิร์ต ขายอุปกรณ์ทั้งหมดทุกอย่างที่มีอยู่ เหลือกีตาร์อะคูสติกที่เป็นตัวแรกที่ซื้อมานานแล้วไว้ตัวเดียว เพราะอยากรู้ว่าดนตรีมันใช่เราหรือเปล่า ก็ต้องทดลองกับตัวเอง เพื่อน ๆ ก็น่ารัก เป็นห่วง ชอบมาบอกว่ามีงานนั้นงานนี้ ไปทำไหม พี่ก็ปฏิเสธหมดเลยเพราะยังไม่อยากทำ แล้วตอนปี 1997 มันเป็นช่วงฟองสบู่แตก ก็เอฟเฟกต์ทุกคน เอฟเฟกต์ค่ายเราด้วย งานชุดที่สองเราออกประมาณปลายปี 1998 พอไปเทียบยอดขายกับอัลบั้มแรกมันก็ไม่ค่อยดีเพราะคนเริ่มไม่ซื้อแล้ว เริ่มมีพวก MP3 ด้วย เราเซ็นสัญญาไว้แค่สองอัลบั้ม ก็คิดว่าโอเค พัก จบ ไปเดินทาง ทุกคนจะมีช่วงที่หาคำตอบว่าเกิดมาทำไมอะไรแบบนั้น พี่เองก็คิดว่าหรือว่าตัวเองจะไม่เหมาะกับการเป็นนักดนตรี พอกลับมาก็เลยลองทำกิจการสารคดีทีวีของครอบครัวดูว่าชีวิตเราจะมีความสุขกว่าหรือเปล่า เพราะก่อนหน้านี้ครอบครัวก็ดีกับเรามาก ตอนเรียนจบกลับมาใหม่ ๆ เขาก็อนุญาตให้ไปทำงานในสิ่งที่เรารัก ไม่ได้กดดันเราว่าจะต้องกลับมาทำธุรกิจทันที พอตอนนี้เลยลองมาทำงานออฟฟิศ เข้างาน 8 โมงเช้า เลิก 6 โมง เพื่อดูว่าเราจะเหมาะกับมันมากกว่าเล่นดนตรีไหม เพราะช่วงนึง เราคิดว่าชีวิตเรามันไม่ปกติถ้าเทียบกับคนทั่วไป เรานอนตอนกลางวัน ทำงานตอนกลางคืน ตอนนั้น Bakery อยู่สยาม กว่าจะอัดร้องเสร็จคือตีห้าขับรถกลับมาสวนทางคนอื่นเขาไปทำงานกัน พี่เลยคิดว่าอะไรหลาย ๆ ที่ไม่ปกตินี้มันดึงความไม่ปกติเข้ามาในชีวิตเราหรือเปล่า พอประมาณสิ้นปี 2005 Pru ทำอัลบั้มที่สอง Zero และชวนให้มาร้องเพลง โปรด ด้วยกัน ตอนแรกจะปฏิเสธเพราะก็ปฏิเสธมาหลายคนแล้ว แต่สุกี้ (กมล สุโกศล แคลปป์ ผู้บริหารค่าย Bakery) บอกว่าเอาเพลงไปฟังก่อน แล้วถ้าไม่ชอบค่อยว่ากัน พอฟังตอนนั้นยังมีแต่ทำนองก็คิดว่าเพลงโอเค แล้วสุกี้บอกว่าพี่บอย โกสิยพงษ์จะแต่งเนื้อให้ ทุกคนรู้ว่าแกเป็นคนที่เขียนเพลงได้เก่งมาก แกจะดูคนแล้วเขียนเนื้อเพลงให้เหมาะกับเขา พอเราเห็นเนื้อเพลง โปรด แล้วเรารู้สึกว่าเขียนดี แต่ยังไม่ได้ตัดสินใจตกลงในทันที จนพี่น้อยฝากการ์ดมาให้พี่ เขาเขียนมาประมาณมัดมือชกว่า ‘ถ้าอรไม่ร้องก็จะไม่มีเพลงนี้ เพราะเราคิดให้คนร้องคืออรคนเดียว’ แล้วงี้เราจะปฏิเสธยังไง (หัวเราะ) เราก็ ร้องก็ได้ แต่ร้องอย่างเดียว ไม่เล่นคอนเสิร์ต ไม่เล่นมิวสิกวิดิโอนะ เขาก็โอเค แต่ตอนหลังเขาก็ผิดสัญญา เอาเราไปเล่นคอนเสิร์ตกับเขาในงานอัลบั้ม Zero และตอนนั้นก็เป็นจุดที่ยังไม่ได้คิดว่าจะกลับมา คิดว่าแค่ทำให้เพื่อนเพราะเพื่อนก็ทำอะไรให้เรา ดีกับเรา เราก็อยากทำดีตอบแทนเขา แต่งานนั้นแหละทำให้เราได้มาเจอรุ่นน้องวง Flure คือเท็ดดี้ กับวิ เขาเป็นศิลปิน Bakery เหมือนกันแต่เป็นช่วงรอยต่อ คือเราออกไปแล้ว พวกเขาเพิ่งมา เลยไม่เคยเจอกัน แต่รู้จักวงนี้เพราะสุกี้โปรดิวซ์งานให้แล้วเอาให้เราฟังก็รู้สึกว่าวงนี้ดี พอได้รู้จักกันก็ติดต่อกันมาเรื่อย ๆ จนปี 2006 ตอนนั้นมีงาน Fat Festival Flure ก็ไปเล่น แล้วเขาให้วงเลือกว่าจะ featuring กับใคร วงก็เลือกเรา เราก็โอเคเดี๋ยวไปร้องด้วย เพราะก็เริ่มกลับมามีความรู้สึกดี ๆ กับการทำเพลง เราก็เริ่มแต่งเพลงอัดเก็บไว้ แล้วก็คิดว่าจะแต่งเพลงใหม่เพื่อขึ้นงานนี้เลยดีกว่า กลายมาเป็นเพลง มีเธอ แต่ตอนนั้นเรายังไม่มีสมาชิกวง ก็เป็น Flure เล่น แล้วมีจุ Abuse the Youth มาตีกลองแทนเอิร์ธที่ตอนนั้นไปเรียนที่ออสเตรเลีย เราก็ไม่ได้เสพดนตรีมาประมาณ 7 ปีเราก็สนุก ทุกคนก็สนุก เท็ดดี้เลยชวนเราฟอร์มวง ทำอัลบั้ม ก็มี จุ กับวาล ที่เป็นเพื่อนเท็ดดี้สมัยไฮสคูลมาเล่นเบส จากตรงนั้นก็เป็นจุดที่เริ่มจะทำอัลบั้มใหม่ ประมาณปี 2007 ก็กระหน่ำแต่งมา 30 กว่าเพลง ก็แฮปปี้ แล้วเริ่มซ้อมกัน แล้วเวลาทำเพลงเราจะไม่เอาเงินที่ทำงานกับครอบครัวมายุ่งเลย ซึ่งมันก็ทำได้ ตอนนี้พี่ไม่มีค่าย ก็เอาเงินทั้งหมดที่ได้มาจากเพลงชุดก่อนลงกับทำเพลงชุดใหม่ ก่อนหน้านี้ไปอยู่ค่าย Bakery ได้ยังไง ตอนนั้นพี่เพิ่งเรียนจบกลับมาจากอังกฤษ ประมาณปลายปี 1994 เรามีเดโม่ คือชอบดนตรีตั้งแต่สิบขวบ แล้วพอ 14-15 ก็เริ่มเขียนเพลงมาเรื่อย ๆ แล้วอัดเป็นเทปคาสเซ็ต … Continued

You’ll Be Fine เพลงล่าสุดจากวงอัลเทอร์เนทิฟที่ห่างหายไปนาน Follows

  • Writer: Montipa Virojpan

สายวงในได้รายงานเรามาว่า ในที่สุด วง Follows ก็สามารถหลุดจากโลกแห่ง RoV ได้สำเร็จและกลับมาทำเพลงกันสักที (รอมานานแล้วโว้ย!) เพราะปล่อยให้เราฟังเพลง Alone, Superficial, The Fast Lane Drive นานเกินไปแล้ว หรืออย่างเพลง Soulkeeper นับไปนับมาก็ปล่อยมาได้สองปีแล้ว นานขนาดนั้นเลยล่ะ แต่การกลับมาครั้งนี้ก็เอาใจเราไปเต็ม ๆ เพราะเพลง You’ll Be Fine นี้ซ่อนเซอร์ไพรส์ไว้มากมายเหลือเกิน ช่วงแรกสุดของเพลงเหมือนเป็นตัวหลอกล่อเราว่า วงแม่งต้องกลับมาแบบนวล ๆ ล่องลอย แล้วหวดหนัก ๆ ตามสูตรเหมือนเดิมอย่างแน่นอน แต่พอเข้าอีกห้องนึงก็เริ่มกล่อมเกลาเอาความหม่นมาถมทับไว้ แม้เมโลดี้ร้องจะมีความเป็นเพลงป๊อปสูง แต่โครงเพลงโดยรวมอัดแน่นด้วยอัลเทอร์เนทิฟร็อกหนักหน่วงที่ผ่านการคิดมาแล้วเป็นอย่างดี เพราะก๊อกแรกที่ว่าไพเราะสละสลวยอยู่แล้วนั้น ก๊อกสองตรงท่อนฮุกก็ใส่ความเพราะขึ้นมาอีกหนึ่งระดับด้วยการประโคมเครื่องดนตรีทุกชิ้นพร้อมกัน และมีท่อนร้องเสียงสูงที่บิลด์ให้เกิดความ emotional ต่อเนื่องกัน ก๊อกที่สามสับขาหลอกว่าจะแค่คูลดาวน์บรรเลงเปียโนสวย ๆ จนกระทั่งโซโล่เท่านั้นแหละ บ้าเอ๊ยยยยยย สาดใส่ฉันมาเลยค่ะที่รัก ไม่ได้ฟังเพลงร็อกที่รู้สึกดีแบบนี้มานานแล้ว ยังจะมีท่อนหยุดแล้วฟาดฟันกันต่ออีกอย่างยาวนาน ซึ่งท่อนตรงนี้ก็ใส่ความนอสตัลเจียแบบเพลงร็อกยุคเก่า ๆ ที่ดูเชยแต่เพราะ (สำหรับเรา) ไว้ด้วย เหมือนเขาอั้นเพลงนี้มานานมาก ได้ฤกษ์ปล่อยมาทีก็ซัดกันแบบไม่ยั้งมือ โดยสายวงในก็ได้ส่งมาบอกเราว่า “นักร้องนำและคนเขียนเนื้อเขาตั้งใจให้เพลงนี้มีเหมือนกับการให้กำลังใจที่อยากให้คนที่ได้รับรู้สึกว่า … Continued

มีไว้แค่เป็นของเธอเท่านั้น เพลงที่จะหยุดเราไว้กับความทรงจำเก่า ๆ จาก เอิ๊ต ภัทรวี

  • Writer: Montipa Virojpan

เราหลายคนน่าจะรู้จักกับ เอิ๊ต — ภัทรวี ศรีสันติสุข กันจากการเป็น vlogger ยุคแรก ๆ ที่ทำเพลงคัฟเวอร์ออกมาในสไตล์สุดคิวต์ภายใต้ชื่อ Wishes on the Earth และในภายหลังเธอก็ได้เป็นศิลปินเต็มตัวส่งเพลง You You You, Sky & Sea และ Time Hop มาให้เราได้ฟังกัน แล้วก็เงียบหายไปพักใหญ่เพราะเจ้าตัวไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ และการรอคอยก็สิ้นสุดลง เมื่อเธอกลับมาพร้อมกับซิงเกิ้ลล่าสุด มีไว้แค่เป็นของเธอเท่านั้น (Pause) ซึ่งการกลับมาครั้งนี้ของเธอก็ทำให้เราว้าวมาก แม้เสียงร้องจะใสกิ๊งคงเอกลักษณ์แบบที่แฟน ๆ ชื่นชอบ แต่กับสไตล์เพลงที่เปลี่ยนไปอย่างมีพัฒนาการแบบก้าวกระโดด อย่างดนตรีที่มีความเป็น ป๊อป โซล r&b ร่วมสมัย ซึ่งได้ โอ Jetset’er เป็นผู้รังสรรค์ไลน์กีตาร์สวย ๆ และ ป๊อก Zeal มาอัดกีตาร์และดีไซน์ดนตรีเพิ่มเติม นอกจากนี้เพลงยังได้องค์ประกอบของซาวด์อิเล็กทรอนิก เพิ่มบีทและกรูฟที่ฟังแล้วชวนโยก แม้เนื้อหาในเพลงจะเศร้าเหงาแค่ไหน แต่ด้วยเมโลดี้โดยรวมก็ทำให้เป็นเพลงที่ฟังเพลินจนต้องกดเล่นซ้ำอีกหนสองหน เพลงนี้เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับการเลิกรา ที่เมื่อย้อนกลับไปมองสิ่งที่เคยมีร่วมกันในอดีตแล้วกลับมีความสุข นี่อาจเป็นการค่อย ๆ เยียวยาแผลและทำให้รับมือกับความสัมพันธ์ที่จบลงไปแล้วได้ แม้จะไม่มีมันอีกแล้วแต่เมื่อนึกถึงก็สามารถทำให้อบอุ่นหัวใจได้เสมอ … Continued

Pre-internet เด็กวัยรุ่นยุคก่อนเราเขาฟังเพลงกันยังไง

  • Writer: Peerapong Kaewthae
  • Illustrator: Thanaporn Sookthavorn

หลายคนคงจำไม่ได้แล้วว่าชีวิตประจำวันก่อนที่จะมีอินเทอร์เน็ตมันเป็นยังไง เพราะปัจจุบันมันช่างสะดวกสบายซะจนเราสามารถหาทุกอย่างได้บนหน้าจอ แม้จะมีกระแสย้อนรำลึกถึงยุค 90s ที่เรามักจะนึกถึงความรุ่มรวยวัฒนธรรมที่สื่อออกมาจนเราคิดว่าถ้าย้อนไปอยู่ในยุคนั้นได้ก็คงจะดีนะ แต่เด็กยุคนี้อาจจะไม่รู้ว่าจริง ๆ แล้วคนสมัยก่อนกว่าจะได้ฟังเพลงของศิลปินที่ชอบมันยากลำบากขนาดไหน รักแรกผ่านวิทยุ สมัยนี้อยากฟังเพลงอะไรก็เข้า YouTube ใส่ชื่อเพลงพร้อมชื่อนักร้องลงไป ไม่กี่อึดใจก็ได้ฟังเพลงนั้นแบบเต็มอิ่ม จะฟังกี่รอบก็ได้ แต่เด็กยุค 90s ที่แท้จริงต้องหมุนหน้าปัดวิทยุหาเพลงที่ชอบเอา ต้องรอว่าเมื่อไหร่ดีเจจะครึ้มอกครึ้มใจเปิดเพลงที่เราชอบให้นะ ช้ำใจกว่าถ้าเปิดมาแล้วเพลงที่เราชอบเลยท่อนฮุคไปแล้ว กว่าจะได้ฟังอีกทีก็ต้องรอชั่วโมงต่อไป ใครบ้านมีโทรศัพท์ก็สามารถโทรไปขอเพลง เดี๋ยวก็คงได้ฟัง บางคนต้องวิ่งไปหยอดตู้โทรศัพท์สาธารณะเพื่อขอเพลง กว่าจะวิ่งกลับมาถึงบ้านบางทีเพลงจบแล้วก็มี อดฟังซะงั้น คนที่ฟังวิทยุทุกวันก็ไม่แปลกที่จะตกหลุมรักดีเจคลื่นที่เราชอบ เพราะมักเคลิ้มไปกับเสียงที่มีเสน่ห์กับเพลงรักที่โดนเปิดกรอกหูทุกวัน บางคนก็ตามกรี๊ดดีเจเหมือนเป็นศิลปินคนหนึ่ง แต่พอแอบไปดักเจอหน้าสถานีดันเจอเคสไม่ตรงปก แบบเสียงกับหน้าไม่ไปด้วยกัน เรียกว่าอกหักครั้งแรกในชีวิตได้เลย เชื่อว่าวัยรุ่นตอนกลางทั้งหลายน่าจะจำคลื่น 95.5 FMX ได้แน่นอน ดีเจพี่จูนกับดีเจพี่โจอี้ คนก็กระหน่ำโทรกันเข้าไปขอเพลงกันจนสายไหม้ โทรติดทีดีใจเหมือนถูกหวย แล้วยุคนั้นไม่ใช่ว่าทุกบ้านจะมีโทรศัพท์นะจ๊ะ ก็ต้องใช้วิธีส่งโปสการ์ดหรือจดหมายเข้าไปขอเพลงกับดีเจเจ้าป้า แห่ง 88.5 คลื่น Z แทน แล้วมานั่งลุ้นหน้าวิทยุว่าเจ้าป้าจะอ่านจดหมายของเรามั้ย ถ้าเจ้าป้าอ่านจดหมายใคร วันรุ่งขึ้นนี่ขิงได้ทั้งซอยเพราะชื่อได้ออกวิทยุ ยิ่งคนที่ชอบและอยากติดตามเพลงสากลนี่ยิ่งยาก ถึงจะมีนิตยสารอย่าง Music Express, POP หรือ Forwordmag … Continued

คำสารภาพจากปาก คนไม่ดี ซิงเกิ้ลใหม่ล่าสุดจาก Zero Hero

Zero Hero วงร็อกแอนด์โรล์น่าจับตามองในตอนนี้ เจ้าของเพลง กลับมาเป็นเหมือนเดิม และ เมษา ปล่อยซิงเกิ้ลใหม่อย่าง คนไม่ดี ที่บอกเล่าความจริงจากปากคนเลวที่ยังรักเธอเสมอ การันตีด้วยฝีมือโปรดิวซ์ของพี่ฮิวโก้ พร้อมปล่อย MV ที่ตั้งใจทำเพื่อถ่ายทอดเพลงของพวกเขาให้ลึกซึ้ง ทีเซอร์ก็ยั่วยวนให้เราอยากรู้อยากเห็นด้วย พี่ทราย เจริญปุระ กำลังกระทำการหว่อง สื่อให้เห็นว่าคนมีอดีตที่ไม่ดีก็อยากมีความรักที่ดีเหมือนกัน พวกเขาเป็นอีกหนึ่งวงที่เราเอาใจช่วยมาตลอด ผลงานเพลงที่ถูกปล่อยออกมาอย่างต่อเนื่องและมีพัฒนาที่ชัดเจนในแนวเพลงของพวกเขา เนื้อเพลงที่ใช้คำที่เรียบง่ายเข้าถึงได้ก็ทำให้เราซ้อนทับประสบการณ์ของตัวเองไปกับเพลงได้อย่างลงตัว ถูกบอกเล่าผ่านน้ำเสียงหวานมีเสน่ห์ และดนตรีร็อคที่ไม่แต่งเติมซาวด์ใด ๆ เหมือนความจริงใจที่เขามีต่อคนฟัง MV มีกำหนดปล่อยเวลาหนึ่งทุ่มเย็นวันนี้ มุมมองของคุณต่อ คนไม่ดี จะต้องเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง และการปล่อยเพลงนี้ออกมาถือเป็นการอุ่นเครื่องคนฟังก่อนจะได้เห็นอัลบั้มใหม่ Thieves ของพวกเขาที่จะออกในปีนี้

ให้ Summer FM อัลบั้มล่าสุดจาก Cyndi Seui มาเป็นเพื่อนแก้เหงาในค่ำคืนร้อนระอุ

  • Writer: Montipa Virojpan

แฟน ๆ ของ Cyndi Seui ถึงกับดีใจสุด ๆ เมื่อพี่ต้า Cesar B. de Guzman กลับมาทำอัลบั้มเต็มของตัวเองหลังจากห่างหายไปจากอัลบั้มเต็มชุดก่อน My Name is DOS ถึง 10 ปี อันที่จริงเขาก็ไม่ได้หายไปไหน มีงานแสดงและปล่อยเพลงออกมาตลอด ๆ รวมถึง EP Toy Boy ในปี 2014 แค่ไม่ได้มาแบบอัดแน่นเน้น ๆ สิบกว่าเพลงอย่างที่เราจะได้ฟังกันใน Summer FM อัลบั้มเต็มแห่งปี 2017 ชุดนี้ รับฟังอัลบั้ม Summer FM ประกอบการอ่านได้ ที่นี่ หากคุณเป็นแฟนเพลงยุคแรก ๆ ตั้งแต่สมัยวง Smallroom รุ่นบุกเบิกยังเรืองรอง ก็น่าจะทันฟัง Cyndi Seui ชุด Micro Bitz Life ที่โดดเด่นด้วยองค์ประกอบดนตรีมินิมอล ความอนาล็อก และ 8 … Continued

Neuter Lover เปิดตัวอัลบั้มใหม่ด้วยแคมเปญระดมทุน ให้แฟนเพลงร่วมเป็นเจ้าของอัลบั้มอย่างแท้จริง 

จากเดโมที่ใช้เวลากลั่นกรองมากว่า 3 ปี บัดนี้เราได้เดินทางมาอยู่ระหว่างการเข้าสตูดิโอบันทึกเสียงอัลบั้มเต็มแล้ว This World Is Wrong เป็นอัลบั้มที่ถ่ายทอดความบิดเบี้ยวผิดเพี้ยนในจิตใจมนุษย์ให้ออกมางดงาม ผ่านเส้นเสียงของขิมที่แหวกขนบ โอบล้อมด้วยบรรยากาศ ambient ของดนตรี electronic และ post-rock ที่งานนี้ตั๋มโปรดิวซ์ ควบคุมการผลิตด้วยตัวเอง และร่วมดูแลโปรเจคโดยพี่วู๊ดดี้ พรพิทักษ์สุข mix & mastering engineer มือหนึ่ง ซึ่งได้กลับมาร่วมงานกันอีกครั้งหลังจาก EP I am Neuter Lover     ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของอัลบั้มนี้ด้วยการ pre-order อัลบั้ม This World Is Worng ทั้งในรูปแบบ CD, digital download รวมถึงของที่ระลึกต่าง ๆ ที่ตั๋มและ PIE HOUSE ได้ออกแบบมาเพื่อแฟน ๆ โดยเฉพาะ พร้อมประสบการณ์พิเศษที่หาที่ไหนไม่ได้   ทุกคนที่สนับสนุนอัลบั้มนี้ในแคมเปญนี้ จะได้รับ Exclusive Key … Continued

The Punk Syndrome ดาวน์ซินโดรมผู้สื่อสารกับโลกผ่านเพลงพังก์

  • Writer: Peerapong Kaewtae

ไม่น่าเชื่อว่าประเทศเล็ก ๆ อย่างฟินแลนด์จะเป็นประเทศที่นิยมดนตรีที่รุนแรงดุดันทั้งเดธเมทัล เฮฟวี่เมทัล แถมยังส่งออกวงดนตรีแถวหน้ามากมายสู่ชาร์ตเพลงทั่วโลกมาแล้ว ดนตรีพังก์เองก็เป็นอีกแขนงหนึ่งที่ขาดไม่ได้ ยิ่งตอนนี้ไม่มีใครในฟินแลนด์ไม่รู้จักวงพั้งก์อย่าง Pertti Kurikan Nimipäivät ที่เริ่มมีชื่อเสียงมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่ที่น่าตื่นเต้นยิ่งกว่าความนิยมอันรวดเร็วหรือฝีมือของพวกเขานั้นคือ วงนี้ถูกฟอร์มขึ้นมาโดยคนที่เป็นดาวน์ซินโดรมสี่คน The Punk Syndrome พาคุณไปใช้ชีวิตกับสมาชิกทั้งสี่ของวง Pertti Kurikan Nimipäivät ช่วงหนึ่ง ทั้งชีวิตประจำวันแต่ละคน สิ่งที่สนใจ การซ้อมดนตรีและการทัวร์คอนเสิร์ตในต่างแดน หนังเล่าเรื่องของพวกเขาประหนึ่งเขาเป็นคนธรรมดาคนหนึ่ง ใช่แล้วครับ พวกเขาเป็นคนธรรมดาคนหนึ่งที่ไม่ค่อยแตกต่างจากเราเท่าไหร่เลย เรามักคิดกันไปเองว่ากลุ่มคนที่มีอาการดาวน์ซินโดรมคือกลุ่มคนที่ทุพพลภาพ มีความสามารถที่ต่ำกว่าคนทั่วไปและต้องการการดูแลอย่างใกล้ชิด แต่หนังได้ขจัดข้อครหาเหล่านี้ไปจนหมดสิ้น เพราะสมาชิกในวงทั้งสี่คนต่างใช้ชีวิตด้วยตัวเองและมีบ้านเป็นของตัวเองได้  เล่นดนตรีเองได้ แต่งเพลงเองได้ ซ้อมกันเองได้ ต่อให้มาจากการฝึกฝนหรือพรสวรรค์ก็ตาม แต่เขาสามารถเล่นดนตรีได้เหมือนกับคนปกติ และอาจทำได้ดีกว่าด้วยซ้ำ แถมหนังได้แสดงให้เห็นว่าพวกเขาไม่ได้ดังเพราะน่าเห็นใจในสิ่งที่พวกเขาเป็น แต่พวกเขามีแฟนเพลงตัวจริงที่เข้าใจในดนตรีของพวกเขา ซึ่งเพลงส่วนใหญ่ของวงมักจะพูดถึงชีวิตที่ดิ้นรนต่อสู้กับโชคชะตา หรือความกดดัน การถูกตีตราในสิ่งที่เราเป็น มันเลยกระแทกใจวัยรุ่นทุกคนอย่างลึกซึ้ง เพราะทุกคนน่าจะเคยผ่านช่วงเวลาเหล่านั้นกันมาแล้ว แต่สิ่งที่ทั้งสี่คนอยากจะสื่อคือ พวกเขาโดนเรื่องแบบนี้ทุกวัน การเป็นดาวน์ซินโดรมกลายเป็นการจองจำพวกเขา ทำให้พวกเขาปลดปล่อยความรู้สึกผ่านเพลงพังก์ออกมาได้อย่างรุนแรง เพลง Puhevika คือความอัดอั้นในชีวิตที่ถูกห้าม หรือถูกกีดกันทุกอย่างในสิ่งที่คนอื่นทำได้ หรือการเรียกร้องความเท่าเทียมผ่านเพลง Kallioon! … Continued

War of Decibel สงครามเพลง(เสียง)ดัง!

  • Writer: Piyakul Phusri

เพลงเป็นเรื่องของการฟัง และเป็นเรื่องของความดัง (เออสิวะ ถ้าปิดเสียงมันจะได้ยินอะไรมั้ยเล่า) บางคนชอบเล่นดนตรีเสียงดัง ๆ เล่นกีตาร์ unplugged เหมือนเสียบแอมป์ พอเสียบแอมป์จริง ๆ ก็จะยิ่งหวดให้ดังขึ้นอีก เผื่อแผ่บารมีเสียงเพลงออกไปให้เป็นบุญหูคนอื่น และกาลครั้งหนึ่ง วงการดนตรีโดยเฉพาะแวดวงชาวร็อกก็มีความพยายามแข่งขันกันเพื่อสร้างสถิติเป็นวงที่เล่น ‘เสียงดัง’ ที่สุดในโลก (จะด้วยเหตุผลอะไรก็ไม่ทราบได้) เอาเป็นว่ามาลองดูกันว่าจะดังกันแค่ไหนเชียว 1972 Deep Purple ปูชนียวงฮาร์ดร็อกจากอังกฤษเป็นเจ้าของสถิติ ‘วงที่เล่นดังที่สุดในโลก’ ของ Guinness World Records โดยสร้างสถิติการเล่นคอนเสิร์ตด้วยเสียงดัง 117 เดซิเบล ที่ London Rainbow Theater ซึ่งเสียงดังจนทำให้ผู้ชมสามคนถึงกับหมดสติไปชั่วคราว 1976 The Who อีกหนึ่งตำนานร็อกจากอังกฤษสร้างสถิติใหม่ของการระเบิดหูด้วยความดังระดับ 126 เดซิเบล วัดจากระยะ 32 เมตรห่างจากตู้ลำโพง ในคอนเสิร์ตที่สนามฟุตบอล The Valley ของทีม Charlton Athletic ในวันที่ 31 พฤษภาคม 1976 1984 … Continued

Welcome to Our Tribe! เพลงของเรา บูมของเรา เผ่าของเรา

  • Writer: Piyakul Phusri

เสียงหายไปไหนหมด!?! บูมให้ดังกว่านี้!?! คนเป็นร้อย ร้องเพลงคณะได้ดังแค่นี้เหรอ? ร้องใหม่!!! หลังการประกาศผลสอบแอดมิชชั่น 2560 ก็คงมีทั้งคนผิดหวังและสมหวังในการเข้าไปเป็น ‘เฟรชชี่’ ของมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ทั่วประเทศ คนที่สมหวังก็จะต้องผ่านกระบวนการเข้าเป็นนิสิตนักศึกษา และการขึ้นทะเบียนต่าง ๆ กันต่อไป พอเปิดเทอมก็จะเป็นช่วงเวลาของการ ‘รับน้อง’ ก็คงจะมีทั้งรับน้องสยองขวัญ รับน้องสันทนาการ และรับน้องในแนวต่าง ๆ นานา ว่ากันไปตามคอนเซปท์ของแต่ละคณะและมหาวิทยาลัย (ปีนี้ขอให้ไม่มีใครเจ็บหรือตายจากการรับน้องอีกเลยนะ) แต่ไม่ว่าจะเป็นที่ไหน กิจกรรมแรก ๆ ที่เฟรชชี่จะต้องได้ทำก็คือการร้องเพลง ทั้งเพลงประจำคณะ เพลงประจำมหาวิทยาลัย เพลงฮิตของแต่ละคณะ แต่ละสาขา และการก้ม ๆ เงย ๆ บูมกันจนคอเคล็ดไปข้างนึง สำหรับบางคนนี่อาจจะเป็นช่วงเวลาที่สนุกที่สุดช่วงหนึ่งในชีวิต แต่สำหรับบางคนก็อาจจะเป็นเวลาที่น่าเบื่อที่สุดได้เหมือนกันกับการร้องเพลง เต้น บูม วนไปวนมา หรือโดนว้ากอย่างดูเหมือนว่าจะไม่มีวันจบสิ้น แล้วทำไมเราถึงต้องร้อง–ต้องเต้นกันมากมายขนาดนั้นในช่วงแรก ๆ ของชีวิตเฟรชชี่? ลำพังวิชาเรียนมันก็เยอะอยู่แล้วนะเฮ้ย! Arnold van Gennep นักคติชนวิทยาชาวฝรั่งเศสได้บัญญัติคำว่า Rite of Passage … Continued

คุยเรื่องเพลงกับ เนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล

  • Writer: Piyakul Phusri
  • Photographer: Chavit Mayot

ถ้าไม่นับดารานักแสดง แฟรงค์ — เนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล คงเป็นวัยรุ่นไทยที่ปรากฏตัวผ่านสื่อทั้งออนไลน์–ออฟไลน์บ่อยที่สุดคนหนึ่ง ไม่ว่าจะในฐานะนักกิจกรรมทางการเมือง นักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิมนุษยชน โดยเฉพาะการปฏิรูประบบรับน้อง ผู้ปฏิเสธระบบการเกณฑ์ทหาร ประธานสภานิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และอื่น ๆ อีกมากมาย แต่ไม่ว่าคุณจะรู้จักเขาในภาพลักษณ์ หรือฐานะไหน เราอยากทำความรู้จักเขาในฐานะ ‘วัยรุ่น‘ คนหนึ่ง ที่น่าจะหาความบันเทิงเริงใจจากดนตรีเหมือนวัยรุ่นทั่งไปบ้างเหมือนกันแหละ (ก่อนไปสัมภาษณ์เราคิดไว้ว่าคงเป็นอย่างนั้น แม้จะหวั่น ๆ ว่าแฟรงค์จะเป็นคนฟังเพลงรึเปล่านะ) และก็เป็นเรื่องน่ายินดีที่แฟรงค์ก็เป็นนักฟังเพลงเหมือนกัน เราเลยอยากชวนคุณมาทำความรู้จักกับอีกแง่มุมของวัยรุ่นคนนี้ว่าดนตรีเป็นทั้งความบันเทิง และแรงบันดาลใจในชีวิตของเขาอย่างไร Frank’s choices: 6 เพลงเพื่อสิทธิและเสรีภาพที่เนติวิทย์ชอบและแนะนำให้เราฟัง Pete Seegar – All Mixed Up เป็นเพลงเกี่ยวกับความหลากหลายของคน เขาบอกว่าคำภาษาอังกฤษที่ใช้กันเนี่ยมันไม่ได้เป็นภาษาอังกฤษ มันเป็นคำที่บางทีก็มาจากคนงาน มาจากทาสแอฟริกา ไปจนถึงโรมัน การที่จะบอกว่าเป็นคนอเมริกันแท้ เป็นคนอังกฤษแท้ มันไม่มี และผมคิดว่าเมืองไทยน่าจะมีเพลงแบบนี้บ้างที่ให้เราเห็นว่าภาษาไทย ความเป็นไทย มันก็มีที่มาที่หลากหลาย Phil Ochs – What Are You Fighting For เป็นเพลงเกี่ยวกับสงคราม … Continued

งงในงง แจ๊ป The Richman Toy ย้อนวัยไปไกลกว่าเพื่อน ส่งเพลง สวรรค์สาป เอาใจคนหลงกลิ่นอายเพลงรุ่นพ่อ

  • Writer: Montipa Virojpan

เมื่อเช้านี้ในเฟสบุ๊กแฟนเพจของ แจ๊ป The Richman Toy ได้ลงเพลงใหม่ล่าสุดอย่าง สวรรค์สาป ออกมาดื้อ ๆ แบบไม่บอกไม่กล่าว ไอ้เราก็อยากรู้ว่างานใหม่ของวงนี้จะยังคงความกวนโอ๊ยได้เหมือนเดิมหรือจะแหวกไปในแนวทางใหม่ ๆ แบบเพื่อนร่วมค่ายที่แห่กันปล่อยเพลงออกมาไม่หวัดไม่ไหวในช่วงเดือนสองเดือนมานี้หรือเปล่า เราไม่แน่ใจว่านี่จะรวมอยู่ในอัลบั้มใหม่ของวงหรือเป็นเพลงที่หนุ่มแจ๊ปทำขึ้นมาเล่น ๆ แต่ทันทีที่กดฟัง คำถามแรกที่ผุดขึ้นมาในหัวคือ นี่ The Richman Toy เขามาสายหวานแล้วหรอวะ แต่พอฟังไปเรื่อย ๆ แล้ว นอกจากเราจะได้สดับฟังท่วงทำนองสุดไพเราะย้อนยุคไปไกลกว่า Polycat ประหนึ่งกำลังฟังซาวด์แทร็กภาพยนตร์อย่าง ‘วัยอลวน’ ที่เป็นหนังวัยรุ่นโด่งดังสมัยคุณพ่อคุณแม่เรายังเป็นหนุ่มสาวแล้ว เนื้อร้องในเพลงยังถูกเขียนออกมาอย่างน่ารัก สละสลวย เล่นคำคล้องจองสลับซ้ำวนไปมา ทำให้เราได้เห็นความสามารถยอดเยี่ยมในการเขียนเพลงของเขาคนนี้ แถมวิธีการร้องก็ปรับให้ละมุนละม่อมลงตามเนื้อหาและดนตรีที่ถ่ายทอดออกมา แต่ยังไม่ลืมที่จะใส่ความกวนโอ๊ยไว้เหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง สวรรค์สาปเพลงในอัลบั้มนี้ผมต้องการเขียนเนื้อร้องให้มีอักขระสละสลวย คล้องจอง คมคายให้มากยิ่งขึ้นกว่าเดิม และยังคงความย้อนยุคเทิดทูนคำไทยในแบบที่ผมชมชอบมานานแล้ว การร้องเป็นอีกเรื่องที่ผมต้องดีไซน์ให้ยังคงได้กลิ่นคาแรคเตอร์เดิมของผม แต่ใส่ความละมุนละไมในแต่ละการออกเสียงให้มากยิ่งขึ้น เพื่อให้รับกับภาคดนตรีที่เน้นอารมณ์ความรู้สึกของผู้ฟังเป็นหลัก เพลงนี้จึงเป็นการเริ่มต้นที่ไม่ง่ายเลยสักนิด แต่พอผลงานเสร็จสิ้น ผมกลับภูมิใจอย่างบอกไม่ถูกและรู้สึกอยากให้ทุกท่านได้ฟังสิ่งที่ผมบรรจงตั้งใจจะมอบให้ไปพร้อมๆ กันเดี๋ยวนั้นเลยจริงๆ เพลงนี้ชื่อเพลง ‘สวรรค์สาป’ ครับ อาจจะมีคำว่า ‘ใจ’ เยอะไปนิด แต่นั่นกระมังคือ ‘หัวใจ’ ที่ผมใส่ลงไปในเพลง ขอมอบบทเพลงนี้เพื่อคุณทุกท่านนะครับ Posted by แจ๊ป … Continued

Trainspotting 2 เลือกใช้ชีวิตในแบบที่เราต้องการ

  • Writer: Montipa Virojpan

เชื่อว่าใครที่ชอบดูหนัง หรือเป็นคนที่อินกับวัฒนธรรม ดนตรี และแฟชัน จากยุค 80s – 90s จะต้องรู้จักกับหนังเรื่อง Trainspotting ที่สร้างจากหนังสือชื่อเดียวกัน ผลงานของผู้กำกับ Danny Boyle อย่างแน่นอน และหนังเรื่องนี้ก็ถูกยกขึ้นหิ้งให้เป็นหนังโปรดในดวงใจของวัยรุ่นหลาย ๆ คน เพราะความดิบ หลุดโลก อัดแน่นไปด้วยเรื่องเซ็กซ์ ยาเสพติด กล้าฉีกขนบเดิม ๆ จากหนังยุคนั้นได้แบบสุดลิ่มทิ่มประตู และสามารถปลดปล่อยความเป็นวัยรุ่นสก็อตติชหัวขบถออกมาได้แบบที่หลายคนคาดไม่ถึง และเมื่อหลายปีก่อนได้มีประกาศออกมาว่าทีมงานเตรียมตัวสร้างภาคต่อ โดยใช้นักแสดงชุดเดิมทั้งหมด เหล่าแฟนของหนังเรื่องนี้ต่างก็ตั้งตารอที่จะได้ดูเพื่อนรักสมัยวัยรุ่นของพวกเขากลับมาโลดแล่นบนจอเงินในวัยเดียวกันอีกครั้ง (แต่เราถือเป็นแฟนรุ่นเล็กนะ เพิ่งได้ดูเรื่องนี้ตอนเรียนมหาลัยเอง) และจินตนาการว่าแก๊งเด็กซ่าแห่งเอดินบะระจะเติบโตมาเป็นผู้ใหญ่แบบไหน *ถ้าใครยังไม่เคยดูภาคแรกอาจจะมีงงบ้างเวลาเรียกชื่อเก่าของทุกคน หรือการกลับมาปรากฎตัวของบางตัวละครที่ถือว่าค่อนข้างเป็นหัวใจของเรื่อง แนะนำให้ไปหามาดูก่อน แต่ถ้าไม่สนเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยกีค ๆ ต่าง ๆ ก็มาดูเอาเพลินได้ไม่ว่ากัน* 20 ปีต่อมาหลังจากที่ มาร์ค เรนตัน ขโมยเงินก้อนสุดท้ายของเพื่อนไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่อัมสเตอร์ดัม วันหนึ่งระหว่างที่เขากำลังวิ่งออกกำลังกาย เขาหวนนึกถึงภาพในอดีตของตัวเอง และนั่นทำให้เขาเกิดวูบไป อุบัติเหตุจากอาการหัวใจวายครั้งนั้นทำให้เขาคิดได้ว่านี่คงถึงเวลาที่จะต้องกลับไปรับผิดชอบสิ่งที่เขาทิ้งไว้เบื้องหลัง ทีแรกเราคิดว่ามันจะเป็นเรื่องที่เล่าแค่กลุ่มเพื่อนรักที่จะมาห้ำหั่นเอาคืนที่เรนตันทรยศในภาคก่อนเพียงอย่างเดียว แต่จริง ๆ มันเป็นหนังที่กักเก็บประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และการเปลี่ยนแปลงของสังคมเอดินบะระ ตัวเรื่องหลักดำเนินผ่านการเล่าชีวิตวัยรุ่นในภาคแรกที่กลายมาเป็นผู้ใหญ่วัยกลางคนที่มีครอบครัวกันแล้วในภาคสอง … Continued

อยากฟังเพลงอย่างนี้ทุกวัน Freeze อัลบั้มใหม่อัดแน่น 15 เพลงจาก Summer Stop

  • Writer: Montipa Virojpan
  • Photographer: Chavit Mayot

บ่มเพาะกันมานานกว่า 5 ปีกับอัลบั้มเต็มชุดนี้ Summer Stop ได้ปล่อย 15 เพลงออกมาให้ทุกคนได้ฟังกันแล้ว พร้อมซีรีส์มิวสิกวิดิโอ romantic surreal 3 ตัว ใครยังไม่ได้ดูสามารถจิ้มเข้าไปใน YouTube หรือจะลุย Apple Music ฟังทั้งอัลบั้มประกอบการอ่านที่มาที่ไปของงานชุด Freeze ด้วยก็ได้ สมาชิก เอิง—ดนุพรรษ์ ยาท้วม (ร้องนำ, กีตาร์) เอย—ธนพรรษ์ ยาท้วม (ร้องนำ, กีตาร์) แมว—วัฒน์สุ สิทธิปิยะสกุล (ซินธิไซเซอร์) โดม—ธิติภัทร รวมทรัพย์ (กลอง) จุดเริ่มต้นกับ Smallroom และอัลบั้มที่กินระยะเวลาเดินทางกว่า 5 ปี เอิง: เราเข้า Smallroom ได้เพราะเราทำเพลงผ่าน ตอนนั้นเราส่งสามที่ แต่ที่สมอลรูมเราเดินเข้าไปส่งเองกับมือเลย กลัวเขาไม่เอาแบบในหนังที่พอส่งไปรษณีย์มาแล้วพอเขารับมาปุ๊บก็เอาลงถังขยะ แต่ถ้าเราไปยื่นให้ถึงมือเขาอย่างน้อยเขาวางไว้บนโต๊ะก็ยังดีวะ (หัวเราะ) แล้วปรากฎว่าสมอลรูมโทรมาก่อน คือตอนแรกเราส่งมาสองเพลง มั่นใจมาก แต่สองเพลงนั้นไม่ผ่าน แต่เขาก็ยังให้เราเข้ามาก่อน คำแรกที่เขาบอกก็คือ … Continued