Maho Rasop

ระเห็ดเตร็ดเตร่

Maho Rasop Festival 2022 กว่า 1,098 วันที่เฝ้ารอกันมา คุ้มค่าแล้ว!

กว่าสามปีที่ Maho Rasop Festival ห่างหายไป ด้วยเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกินความควบคุม และในปี 2022 นี้ก็เป็นเวลาอันดีที่เฟสติวัลขวัญใจตัวตึงทั้งหลายจะกลับมามอบประสบการณ์ที่ดี พร้อมกับวงดนตรีที่คุณอาจไม่เคยฟังมาก่อนแต่ถูกใจติดหูกลับบ้านไป ปีนี้ยังคงจัดเป็นงานสองวันเช่นเคย แต่ความสนุกใหม่ ๆ มีให้ลุ้นอีกเพียบ เรียกว่าเราขอ recap กิจกรรมและความพิเศษต่าง ๆ ตลอดทั้งสองวันจาก Maho Rasop Festival 2022 ไว้ในบทความนี้ทีเดียวเลยก็แล้วกัน มาย้อนความทรงจำไปด้วยกันได้เลย!

19 พฤศจิกายน 2022

เปิดศักราชใหม่ด้วยการย้ายสถานที่ ในครั้งนี้ทางทีม Maho Rasop เลือก ESC Park รังสิต เป็นสถานที่จัดงาน จากสนามไดรฟ์กอล์ฟ พื้นหญ้าเขียวชอุ่ม เมื่อถูกจับจองด้วย installation เวที และบูธกิจกรรมมากมายจากเหล่าผู้สนับสนุนใจดี ก็ทำให้พื้นหญ้านุ่ม ๆ แห่งนี้กลายเป็น Maho Rasop Festival อย่างสมบูรณ์ ที่ให้บรรยากาศเปลี่ยนจากพื้นคอนกรีตที่ Live Park พระราม 9 ไปโดยสิ้นเชิง แน่นอนว่าเมื่อย้ายมาไกลตัวเมืองเช่นนี้ บรรยากาศโดยรอบก็ไม่มีเสาไฟ ไม่มีตึกรามบ้านช่องสูง ๆ หรือทางด่วนมาบดบังทัศนียภาพของเฟสติวัลแห่งนี้เลยแม้แต่น้อย มันทำให้เรารู้สึกได้ถึงแดนสนธยาสักแห่งที่เต็มไปด้วยเหล่าบุคคลที่รักในสิ่งเดียวกัน

เข้างานมาเราก็ได้พบกับฝูงชนที่ต่อแถวเรียงรายเข้างาน ต่อแถวเติมเงิน RFID ต่อแถวซื้อสินค้า Official จาก Maho Rasop และศิลปินที่ตัวเองรักเก็บไว้เป็นที่ระลึก แน่นอนว่าการได้กลับมาเห็นชาวมหรสพอีกครั้งเป็นอะไรที่ตื่นเต้นไม่น้อย เพราะความรู้สึกนี้ถูกหยุดเวลาไว้ตั้งแต่หลังจบงานเมื่อปี 2019 จนเมื่อกลับมาดำเนินต่ออีกครั้งก็อดดีใจไม่ได้จริง ๆ ซึ่งปีนี้ช่องทางเข้ามีความพิเศษอยู่ด้วย หากใครใส่กางเกงยีนส์ของ LEVI’S มาก็มีทางเข้าเฉพาะให้เดินเข้าได้อย่างรวดเร็วก่อนใครไปเลย อะไรมันจะสะดวกขนาดนั้น!

แต่หลังจากประตูเปิดได้ไม่นาน ฝนห่าใหญ่ก็กระหน่ำลงมาแบบไม่มีใครได้ทันตั้งตัวท้ังนั้น สตาฟบางส่วนก็ออกไปปฏิบัติหน้าที่ไม่ได้ บางส่วนก็วิ่งกันให้วุ่นเพื่อพยายามป้องกันความเสียหายให้มากที่สุด เหมือนโดนซ้ำเติมจากพายุฝนเมื่อวานที่กระหน่ำจนเสียเวลาเซ็ตอัพกันไปหลายต่อหลายชั่วโมง แต่พระพิรุณก็ยังคงใจดีอยู่บ้างที่หยุดตกให้อย่างสนิทภายในเวลาไม่เกิน 10 นาที และหลังจากนั้นไอร้อนระอุก็ทะลุพื้นหญ้าและปกคลุมพื้นที่โดยรอบ แต่เหล่าคนมาเฟสติวัลก็ต่างสุขใจที่จะไม่ต้องสู้รบกับฟ้าฝนอีกต่อไป

Silver Land by Heineken Silver

ที่ชวนให้ทุกคนมาสนุกชิลเวอร์ พร้อมมี Smooth Surprise รออยู่มากมาย กับเกม AR ล่าตัวอักษร ชิงของรางวัลมากมาย รอบ ๆ บูธยังมี Smooth Seat ให้นั่งพักผ่อน ดูคอนเสิร์ต พร้อมที่ชาร์ตแบตมือถืออีกด้วย! ที่พลาดไม่ได้เลยคือ Smooth Snapbooth ที่จับมือกับทาง Bunny Shoot บอกได้คำเดียวว่าคิวยาวเป็นหางว่าว แต่ได้รูปสวยกลับไปทุกคน และจุดไฮท์ไลท์หลักที่ห้ามพลาดเลยก็คือ Smooth Slider สไลด์เดอร์ยักษ์ที่พร้อมมอบความสมูทททให้กับทุกคน แถมด้านบนยังสามารถชมวิวรอบ ๆ งานได้แบบ 360 องศาอีกด้วย เป็นดินแดนที่มอบความสุขและสะดวกสบายให้ทุกคนตลอดทั้งสองวันเลยล่ะ

Refreshment Oasis

เดินขยับมาอีกสักหน่อยเราจะพบกับบูธที่โดนเหล่าคนที่มายกให้เป็นอีกหนึ่งหมัดฮุก MHRS Experience เพราะเพลงหน้าบูธติดหูจนงานผ่านมาหลายวันก็ยังร้องเพลง “ยาดมสีดำจากเป๊ปเปอร์มินต์ฟีลด์” กันอยู่ กับ Refreshment Oasis จาก Peppermint Field โซนเยียวยาฟื้นฟูพลังงานที่ทุก ๆ คนจะได้เปิดทุกประสาทสัมผัสของร่างกายไม่ว่าจะภาพและเสียงก็มีให้แบบจัดเต็ม เพราะด้านในของ Refreshment Oasis มี visual mapping ที่เดินเข้าไปแล้วจะได้เจอกับกลิ่นที่สดชื่น แอร์เย็น ๆ จนพาให้ผ่อนคลายแบบสุด ๆ พูดได้คำเดียวว่าทุกคนที่ได้เดินเข้ามาจะต้องได้รูปสวยกลับบ้านติดมือไป ซึ่งความสนุกหลังประตูเปิดก็คือการที่หน้าบูธมีกิจกรรมเล็ก ๆ ให้เล่นกับการได้ของรางวัลสุดคุ้ม นั่นก็คือ “สายห้อยยาดม” แบบที่เราจะพกยาดมไปด้วยได้ทุกที่ไม่มีทางหล่นหายอีกต่อไป! เป็นอีกบูธที่คนรอถ่ายรูปเพื่อติดแฮชแท็ก ยาดมสีดำ กันไม่น้อยเลยล่ะ เป็นอีกไอเทมที่ช่วยชีวิตได้เวลาร้อน ๆ สดชื่นสมชื่อ

The LEVI’S Tailor Shop

ห่างไปไม่ถึงสิบก้าวก็ได้พบกับบูธสีแดงดำจาก LEVI’S ที่สีสันล้อคลอไปกับหนึ่งในเวทีที่เป็นที่เล่าขานที่สุดในปีนี้อย่าง Rim Daeng Stage

ณ บูธของ LEVI’S มีกิจกรรมให้ทุกคนที่มาร่วมงานและเหล่าคนรักแฟชั่นทุกคนได้ร่วมสนุกกันอย่างจุใจ กับ Tailor Shop ที่แจกกระเป๋าใบสีน้ำตาลเท่ ๆ พร้อมโลโก้ LEVI’S เอาไว้ให้คนที่มาร่วมกิจกรรม ซ้ำยังเปิดพื้นที่และเตรียมอุปกรณ์ให้ทุกคนได้มาทำกระเป๋าในแบบของตัวเองไม่ซ้ำใคร เรียกได้ว่ามีหนึ่งใบบนโลกเท่านั้น ถ้าเดินตามงานแล้วเห็นคนสะพายกระเป๋าสีน้ำตาลเท่ ๆ จากไกล ๆ ก็รู้ได้เลยว่าไปเล่นกิจกรรมที่บูธนี้มาเรียบร้อยแล้ว

Marshall

เราจะยังไม่พูดถึง Rim Daeng Stage เพราะเรื่องราวเกิดขึ้นมากมายรออ่านได้ด้านล่าง แต่จะขอพาทุกคนมาเจอกับบูธถัดไปจากอีกหนึ่งผู้สนับสนุนใจดีอย่าง Marshall ที่จะมาเปิดหูเปิดตาใช้ทุกโสตประสาทในการสัมผัสแสงและเสียงที่ล้ำจนอดใจเดินผ่านไปเฉย ๆ ไม่ได้จริง ๆ เพราะหากคุณเมื่อย เหนื่อยล้า ที่นี่มีพื้นที่ให้คุณได้พักผ่อนไปกับการได้ฟังเสียงดี ๆ จากลำโพง Marshall Willen อีกด้วย เป็นอีก Installation ที่เราจะเห็นคนเข้าไปถ่ายรูปกันเยอะมากเพราะแสงสีเสียงเขาครบครันไม่แพ้ใครจริง ๆ

Silver Stage

เวทีที่สองที่ปีนี้มาในนามของ Silver Stage เป็นเวทีที่สมูทชิลเวอร์ซิลเวอร์ที่สุดในงาน เปิดตัวแบบเรียกเสียงฮือฮาได้ไม่น้อยกับ Alec Orachi ศิลปินไทยที่มากความสามารถ หากคุณกำลังเดินมาถึงที่ตรงนี้แล้วได้ยินเสียงของเขา จะต้องเป็นอันหยุดยืนดูจนจบแบบไม่วางตา เพราะมันเพลินและไฮป์ไปพร้อม ๆ กันได้แบบสมูทสุด ๆ ต่อกันด้วย Fazerdaze ที่มาเยือนรังสิตเป็นครั้งแรก (เหมือนกันกับพวกเรา) ยังคงมีความเขินอายที่เห็นได้ชัด ซึ่งประทับใจมือคีย์บอร์ดมาก ๆ เขากระโดดโลดเต้นได้น่ารักแบบสุดขีด เราเชื่อว่านอกจากฟรอนต์แมนแล้ว คนอื่น ๆ ในวงก็ตกคนไปได้เพียบไม่แพ้กัน แน่นอนว่าเมื่อเพลงชาติอย่าง  Lucky Girl ดังขึ้น แทบทุกคน ​ณ Silver Stage ก็ร้องกันให้ลั่นสมน้ำสมเนื้อกับการเป็นเพลงฮิต เป็นบรรยากาศที่น่ารักมาก

ต่อกันด้วย Mild High Club วิชวลวิ่งซิ่งสมใจ ส่วนตัวค่อนข้างประทับใจเลยเพราะพอมายืนฟังสด ๆ ชอบกว่าในออดิโอ้อีกเท่าตัว ความสนุกยังไม่หมดเท่านี้เมื่อ A Place To Bury Strangers ขึ้นเวที  โอ้โหลูกพี่ฟาดกีตาร์ตั้งแต่เพลงแรก หักไปครึ่งท่อนแล้วหยิบมาเล่นต่อ เดือดดาลจนเชื่อว่าเป็นนัมเบอร์วันในใจของหลาย ๆ คนที่เพิ่งผ่านมาเจอแน่นอน แวะคูลดาวน์กันสักหน่อยก่อนจะไปเต้นแอโรบิคแบบแซด ๆ กันต่อกับ MILLI สาวน้อยมหัศจรรย์ที่เติบโตมาอย่างโคตรเจ๋งแจ๋ว มหรสพก็ไม่พลาดที่จะมีเธอในปีนี้เช่นกัน แน่นอนว่าเราได้เก็บครบทุกเพลงฮิต ได้เต้นแอโรบิคสมใจ ซ้ำยังได้ฟังเพลงจากอัลบั้มแบบเบิ้มเบิ้ม อัลบั้มชุดแรกของมิลลิแบบเต็มสูบ ตื่นเต้นเหมือนกันเพราะชอบอัลบั้มนี้จากมิลลิมาก ถึงแม้มิลลิจะไม่สบาย ซึ่งฟังจากเสียงก็น่าจะรู้ แต่เพอร์ฟอร์มดีไม่มีตกเลย ยิ่งช่วงหลัง ๆ ก็ไฮป์มากจน เพลง รักนะเว้ย ก็เป็นอีกเพลงที่ติดอยู่ในหัวไปหลายวันทีเดียว

ส่งท้าย Silver Stage วันแรกกับ Desktop Error อีกหนึ่งวงตำนานที่ยังมีลมหายใจ มาครั้งนี้พวกเขาหยิบเพลงจากอัลบั้มใหม่มาร้องเยอะมาก ๆ ซึ่งเป็นเรื่องดีที่ได้เปิดประสบการณ์กับโชว์ใหม่ในปี 2022 นี้ ซาวด์ยังคงอัดแน่นไปด้วยคุณภาพตามฉบับที่ทุกคนรัก แน่นอนว่าปิดท้ายด้วย น้ำค้าง เพลงฮิตที่ทำเอาคนดูไฮป์ไปตาม ๆ กัน เป็นการปิดเวทีสองของวันแรกได้น่าประทับใจมากจริง ๆ

Rim Daeng Stage

เรียกว่าเป็นเวทีตัวตึงปีนี้เลยก็ว่าได้ หลังจากประสบความสำเร็จกับ Yoklor Stage ไปเมื่อปี 2019 ก็ถึงคราวที่จะยกเวทีอิเล็กทรอนิกส์, ฮิปฮอป มาไว้คั่นกลางกันไปเลย กับ Rim Daeng Stage ที่ได้รับการสนับสนุนจาก LEVI’S นั่นเอง พูดได้คำเดียวว่าตั้งแต่บ่ายสามโมงครึ่ง จนถึงเที่ยงคืนกว่า ไม่มีใครได้พักทั้งสิ้น ความสนุกคือการได้ค้นหาศิลปินใหม่ ๆ ซึ่งก็มีศิลปินบ้านใกล้เรือนเคียงแวะมาเยี่ยมเยียนกันถึงรังสิตด้วย สำหรับริมแดงวันแรกเราได้พบกับ Vanthan, Buddha Beat, Haru Nemuri, Foodman, Wildealer และ Srirajah Sound System ตลอดหกชั่วโมงนี้ หลาย ๆ คนก็ได้พบกับดาวดวงใหม่ที่ขโมยซีนทุกหนทุกแห่งมาเรียบร้อยแล้ว กับ Haru Nemuri ที่เปิดตัวมาพร้อมเพลงแฮมทาโร่ เพียงเท่านี้ก็สัมผัสได้แล้วว่าต่อจากนี้มันจะวายป่วงแบบสุด ๆ อะไรก็ฉุดไม่อยู่ คนที่สเตจล้นออกมายาวจนเกือบถึง MHRS Landmark เพื่อรอรับพลังพระเจ้าจากศิลปินตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งที่พลังล้นเหลือจนหลาย ๆ คนยกให้เป็น The New Oddisee (จากปี 2018) กันเลยทีเดียว!

Maholan Stage


เดินย้อนกลับมาจากบูธ Marshall เราจะเจอกับเวทีหนึ่งที่คุ้นชื่อคุ้นหน้าตากันมาตลอดกับ Maholan Stage เวทีที่ใหญ่ที่สุดของ Maho Rasop Festival เป็นเวทีที่รวมพลตัวจี๊ดจากทั่วทุกสารทิศ ครองพื้นที่ไปแล้วหนึ่งในสี่ของงานทั้งหมด มาปีนี้สเตจถูกสร้างขึ้นด้วยผ้าใบสีดำ หลังจากปี 2019 เป็นผ้าใบสีขาวเนื่องจากผ้าใบสีดำหมดประเทศจนกลายเป็นวิหารพาธีออนย่อม ๆ ล้อกับ Key Visual ในปีนั้น ปีนี้พอเป็นสีดำก็เลยเท่จัด และทุกศิลปินที่ได้ผ่านเวทีนั้นก็มอบประสบการณ์ดี ๆ ให้กับเราทุกคนไม่น้อย วันที่ 19 พฤศจิกายนนี้ เราได้เจอกับ H 3 F, Moonchild, Dry Cleaning, DIIV และ Cornelius ที่ครบรสในทุกด้าน

ประเดิมด้วยเวลาสี่โมงเย็นกับ H 3 F ที่คราวนี้มีเซอร์ไพรส์ด้วยการชวน Benjamin Varney มาร่วมเพอร์ฟอร์ม Cultivation เพลงที่พวกเขาทำร่วมกันเป็นครั้งแรก ณ เวทีแห่งนี้ บอกได้คำเดียวว่าลูกโซโล่และกรูฟของแบนด์ตกคนไปได้ไม่น้อยเลยล่ะ ก่อนจะทิ้งท้ายช่วงพระอาทิตย์ตกไปกับ Moonchild ที่พอไปฟังแล้วก็เชื่อได้จริงว่าพวกเธอมันเป็นลูกพระจันทร์ งดงามสมชื่อ ความป็อป-แจ๊ซที่ได้ฟังในวันนั้นยังตราตรึงจนวันนี้อยู่เลย ยิ่งบรรยากาศโพล้เพล้ ท้องฟ้าสีกำลังสวยได้ฟังดนตรีนุ่มหูแบบนี้ก็เป็นบรรยากาศที่เพียงพอที่จะตกหลุมรักใครได้ง่าย ๆ โรแมนติกสุด ๆ   

แน่นอนว่าไม่ทิ้งช่วงให้หวานกันนานเพราะนี่คือเวลาของ Dry Cleaning วงดนตรี speak-sing ที่ปกอัลบั้มล่าสุดจัดจ้านจนอยากเจอตัวจริง ซึ่งก็ได้เจอสมใจ ก่อนจะไปพบกับวงดนตรีที่ไฮป์มากเมื่อเห็นชื่อพวกเขาบนโปสเตอร์อย่าง DIIV ช่วงสองทุ่มครึ่งที่ตั้งใจบินมามหรสพเป็นงานเดียวในเอเชีย รู้สึกได้รับเกียรติเป็นอย่างยิ่งในการได้ดูโชว์ของพวกเขาสมใจ ก่อนจะทิ้งท้ายด้วยวงที่วิชวลซิงค์กับดนตรีแบบสามพันเปอร์เซ็นต์อย่าง Cornelius จอเหมือนถูกปรับความสว่างแปดหมื่นเปอร์เซ็นต์ กระแทกหน้าแบบสะใจ ทำเอาวิชวลดีไซเนอร์หลาย ๆ คนดูจบแล้วกลับมาตั้งสเตตัสว่าอยากเลิกทำวิชวลทันทีเมื่อเจอพระเจ้าเข้าไป เป็นบุญหูบุญตายิ่งนัก ปิดท้ายเวทีวันแรกได้แบบเดือดดาลสมกับเป็นเวทีใหญ่ในงานจริง ๆ

จบวันแรกไปแบบอิ่มเอม จากคำว่า “วงนี้คือวงอะไร กลายเป็นคำว่า วงนี้แม่งเล่นดีฉิบหาย” ของจริงแบบที่ทุกปีมันเกิดขึ้น การกลับมาในรอบสามปีของ Maho Rasop Festival ยังคงสร้างความประทับใจให้กับคนที่มางานได้เสมอ มาลุยกันต่อกับวันสุดท้ายเลยดีกว่า มา!

20 พฤศจิกายน 2022

เริ่มวันอย่างดงาม ท้องฟ้าสวยสดใส ถึงแม้จะยังหวั่นใจกับเมฆที่ปกคลุมรอบ ๆ  ESC Park รังสิต อยู่ไม่น้อยก็ตาม แต่วันนี้รู้สึกดีขึ้นตรงที่หญ้าแห้งขึ้น เดินง่ายมากขึ้นกว่าเมื่อวานมาก ๆ เราไปลุยกันที่ Silver Stage ก่อนเลยแล้วกัน ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว

Silver Stage

 

วงแรกที่เล่นคือ DOGWHINE ขวัญใจวัยรุ่นนักต่อสู้มากฝีมือ ที่ถึงคราวได้โชว์ให้คนอื่นดูบนเวทีที่ใหญ่มากขึ้นกว่าที่เคย เป็นเพอร์ฟอร์แมนซ์ที่เอาเรื่องมาก ๆ เครื่องเป่าของ แคน เติมเต็มดนตรีที่คลั่งและดุเดือดจากชิ้นอื่น ๆ ของเพื่อนในวงได้อย่างสมบูรณ์ มันกันจนต้องถอดเสื้อโยน และใช่นี่มันเพิ่งบ่ายสามด้วยซ้ำยังไม่มีใครเมาเลยแม้แต่น้อย แต่ก็เอ็นจอยกันจนได้รับเสียงกรี๊ด เสียงปรบมือไปไม่น้อย เป็นวงเผาหัวเริ่มวันที่สองได้ดีมากจริง ๆ ต่อกันด้วยช่วงบรรยากาศกำลังดี พระอาทิตย์หน้าหนาวใกล้จะตกกับ KIKI ทริโอ้ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว เปิดตัววงมาไม่นานก็ถึงเวลามาทำความรู้จักกับทั้งสามคนแล้ว ด้วยความที่ดนตรีเป็นเอกลักษณ์สุด ๆ ทุกครั้งที่ดูโชว์ของ KIKI ก็ยังไม่เคยเบื่อเลย ยิ่งดูยิ่งชอบถึงแม้จะเพิ่งดูจาก MHRS EXP 3 และฟังใจจัดมาก็ตาม แต่ก็ไม่ได้ทำให้ความสนุกในงานนี้มันลดลงแม้แต่น้อย เชื่อว่า KIKI จะยังเติบโตไปได้อีกไกลมาก ๆ แน่นอน

DYGL วงจากญี่ปุ่นที่ทำเอาเราประทับใจในการเลือกเพลงมาเล่นสำหรับโชว์นี้มาก ๆ เพราะไล่ไดนามิคของเซ็ตลิสต์ได้งดงาม มีตั้งแต่ผ่อน ๆ ไปจนสนุกแบบใส่สุดตัว โชว์เดือดตามสไตล์ของวงที่ทำให้เรายืนดูโชว์ได้อย่างเพลิดเพลิน มีจังหวะให้ได้โยกตัวโยกหัวและก็มีจังหวะให้ได้พักร่างด้วย ชอบตรงนี้เพราะวันที่สองร่างกายค่อนข้างโรยราลงบ้างจากความเหนื่อยล้าในเมื่อวาน ประทับ! ต่อกันด้วยตัวเต็งมหรสพที่ทางผู้จัดหมายมั่นปั้นมือว่าวงนี้มาแน่ อย่าง Crack Cloud แก๊งที่แหกฟ้าแหกฝนของจริง เพราะก่อนที่วงจะขึ้นเล่นนั้นฝนทำท่าทีจะตกลงมา แต่สุดท้ายก็พบว่าเป็นเพียงฝนลมเพลมพัดผ่านมาไม่กี่วิแล้วก็ผ่านไป แต่เมื่อพวกเขาได้ขึ้นโชว์แล้วมันไฮป์จนบอกไม่ถูก การที่เห็นฟรอนต์แมนตีกลองไปด้วยร้องไปด้วย ผสมกับเครื่องดนตรีหลากชนิดที่เร้าให้คนสนุกด้วยตลอดเวลา จนมอชกันยับ บอดี้เซิร์ฟกันจนตามดูไม่ทัน มันสะใจมากแบบตบเข่าหลาย ๆ ฉาด ประทับใจจนหลาย ๆ คนก็ยกให้สูสีกับ Haru Nemuri จาก Rim Daeng Stage เมื่อวานเลยล่ะ

ต่อกันแบบเดือด ๆ ด้วย Tokyo Shoegazer ที่มั่นใจว่าเป็นอันดับหนึ่งในใจชาวนอยซ์แน่นอน สาดเสียงกันไม่พักเลย แทบจะไม่ได้หายใจกันของจริง เป็นความสมูทที่เข้มข้นพอดี ก่อนจะไปผ่อนคลายกับ Last Dinosaurs ที่เปิดมาด้วยเพลงฮิตอย่าง Zoom ผู้คนที่รายล้อมอยู่ร้องได้ตั้งแต่ริฟฟ์ โซโล่ ไปจนจบเพลง เป็นวงปิดท้าย Silver Stage ที่ให้ความรู้สึกดี ๆ กลับบ้านไปไม่น้อยเลย

Rim Daeng Stage

ที่วันนี้ถูกยึดเวทีโดย Boiler Room อิเล็กทรอนิกส์มิวสิคเฮาส์ระดับโลกที่มาเยือนไทยเป็นครั้งแรกในชื่อว่า Boiler Room Bangkok พร้อมขนเอาศิลปินและดีเจฝีมือดี เช่น Legowelt, Asa Moto, DJ Dragon, Marmosets และ Thaistick ที่มาสร้างความสนุกสุดมันและเดือดปุด ๆ สู้อากาศ ตั้งแต่บ่ายสามโมงไปจนเที่ยงคืนกว่าแบบไม่มีหยุดพัก ซึ่งหากใครรู้จัก Boiler Room มาก่อนก็จะพอรู้ว่าคนดูสามารถขึ้นสเตจไปร่วมเต้น หรือสนุกกับดีเจได้แบบเต็มที่ หากมีคำว่าหัวกระไดไม่เคยแห้งอยู่ในสุภาษิตไทย คำว่าสเตจไม่เคยแห้งก็มีอยู่จริงที่ Boiler Room จนเกิดเป็นไฮป์โมเมนต์ที่สร้างความแปลกใหม่และน่าตื่นตาตื่นใจได้เป็นอย่างดีให้กับงานมหรสพในปีนี้ ประทับจายยยยย ซึ่งไฮป์โมเมนต์ที่เกิดขึ้นบน Rim Daeng Stage จาก Boiler Room Bangkok ในวันนี้นั้นก็สามารถไปติดตามกันต่อได้ที่ Instagram: boilerroomtv อาจมีคุณอยู่ในนั้นก็เป็นได้

Maholan Stage

วันสุดท้ายแล้ว ไล่ระดับจากความละมุนไปจนเดือดดาล ประเดิมด้วย Matt Maltese ศิลปินชาวอังกฤษ 3 ชิ้น ที่มาพร้อมรอยยิ้มที่ทุกคนพร้อมเรียกว่าไอต้าว ตัว Matt Maltese ประจำตำแหน่งคีย์ นั่งหันหลังให้พระอาทิตย์ที่กำลังทอแสง พอเจอเปียโนมิวสิคจากเจ้าตัวไปก็ทำเอาใจเหลวเป๋วไปตาม ๆ กัน Matthew ขนแทบทุกเพลงฮิตมาร้อง รวมไปถึงเพลงใหม่ล่าสุดอย่าง Mother ด้วยเช่นกัน มันอบอุ่นหัวใจ เรียบง่ายแต่ทำงานกับข้างในลึก ๆ ของหัวใจได้มาก บรรยากาศคนดูค่อนข้างตั้งใจฟัง และให้ความสนใจกับทุก ๆ เสียงที่เกิดขึ้น ณ เวลานั้น รู้สึกสงบใจไปตาม ๆ กัน เพลงของ Matthew เป็นอะไรที่โรแมนติกสิ้นหวังมาก ๆ มันงดงาม ยิ่งช่วงที่ให้วงได้พักแล้วโซโล่ก็ยังเอาอยู่ ทิ้งท้ายไปด้วย Curl up & Die เพลงที่หลายคนน่าจะเฝ้ารอมากที่สุดของโชว์ จบแบบเจ็บปวดแต่สวยงามทำเอาหลาย ๆ คนยังคิดถึงและอยากดูซ้ำอยู่เลยจนวันนี้ หลังจากนุ่มใจกันไปแล้วก็มาถึง SE SO NEON ที่กระเดื่องแตกตั้งแต่เพลงแรก ขนเพลงฮิตมาร้องสลับหนักเบาให้พอได้หายใจหายคอ พอถึงเพลงสุดท้ายเวลาใกล้หมดเต็มทีคนก็เริ่มทยอยออก ก่อนที่โซยุนจะพูดขึ้นมาว่า มีเพื่อนที่ไทย และวันนี้เขาจะมาร้องเพลงที่ทำด้วยกัน ส่วนหนึ่งที่เดินออกไปหันหลังเดินกลับมาใหม่เพราะรู้ได้ทันทีว่าเพื่อนไทยคนนั้นของโซยุนจะเป็นใครไปไม่ได้ถ้าไม่ใช่ Phum Viphurit ที่เพียงเดินขึ้นมาให้เห็นก็เรียกเสียงกรี๊ดถล่มทลายปิดท้ายโชว์ไปด้วย Wings แบบที่น่ารักจนอมยิ้มตาม ถึงแม้จะเคยเล่นด้วยกันแล้วที่เกาหลี แต่ครั้งนี้ก็นับว่าเป็นครั้งแรกในไทยที่เพลงนี้ได้ถูกหยิบมาโชว์ คุ้มไม่ไหวจริง ๆ

หลังจากอิ่มเอมกันไปแล้วก็ต่อด้วย Death Of A Salesman ที่เพิ่งกลับมาปล่อยเพลงในสตรีมมิงในรอบสองทศวรรษ ซึ่งมาครั้งนี้ก็ขนเพลงจาก Death Of A Salesman อัลบั้มที่เป็นตำนานตลอดกาลมาเล่นแบบครบครัน เหมือนพาเรานั่งไทม์แมชชีนย้อนเวลากลับไปสมัยที่ได้รู้จักวงเป็นครั้งแรกแต่เป็นซาวด์ที่สดใหม่ทำเอาเรายินดีไม่น้อยเลยที่ได้ฟังพวกเขาบนเวทีใหญ่แห่งนี้ กลับมาต่อกันที่ Yussef Dayes ฟรอนต์แมนที่มาพร้อมกลองสุดโหด ซาวด์ดิบแต่คุ้มหูสุด ๆ ลูกพี่กล้ามเนื้อแขนแข็งแรงมาก ตีไปทำหน้าเหม็นไปแบบถูกต้อง มีบางช่วงแอบหวนนึกถึง BADBADNOTGOOD ที่เป็นแจ๊ซบรรเลงในปี 2019 เหมือนกัน แต่สำหรับ Yussef Dayes นั้นกลับไม่ได้ทำให้เรานึกถึงแจ๊ซเฟสติวัลริมทะเลสวย ๆ แต่กลับเป็นความดิบเถื่อนที่สะหู สะใจ เป็นศิลปินที่ของร้อนพร้อมโชว์มาก ๆ ไม่มีคำไหนจะมอบให้นอกจากเก่ง! ยิ่งวิชวลด้านหลังถ่ายให้เห็นเรื่องราวบนสเตจว่าเป็นยังไง ก็ยิ่งตอกย้ำความเก่งของพี่แกได้แบบไร้ข้อกังขา เป็นอีกโชว์ที่เราเชื่อว่าหลาย ๆ คนจะต้องประทับใจในความเก่งของพ่อหนุ่มมือกลองคนนี้แน่ ๆ ทำเอามือกลองหลายคนที่ได้มาดูโชว์ อยากเลิกตีกลองพอ ๆ กับเลิกทำวิชวลจากโชว์ของ Cornelius เมื่อวานกันเลยทีเดียว

ส่งท้ายมหรสพในคืนที่สองด้วย MONO ที่ทีมงานฟังใจยกให้เป็นวงปิดงานสุดงดงาม กับการที่เล่นไลท์ติ้งคู่ไปกับบทเพลงอันล่องลอยที่แฝงความเดือดดาลเอาไว้ เหมาะกับการดื่มด่ำและปล่อยใจไหลไปในยามค่ำคืนนี้ ศิลปินใส่เต็มไม่ยั้ง และเราก็มองเห็นมันได้จากเงากระทบของควันและไลท์ติ้งที่จัดมาให้แบบเต็มข้อ รู้สึกราวกับกำลังถูกมนตร์สะกดเอาไว้ ไม่สามารถละสายตาจากเวทีได้แม้แต่น้อย ยังอิ่มเอมจนวันนี้จริง ๆ

กว่า 1,098 วันสู่ 2 วันที่คงตรึงใจไปจนกว่าจะถึงวันใหม่ที่ได้พบกันในปีหน้า จริง ๆ แล้วก็ต้องขอบคุณทีมงาน Maho Rasop Festival ที่ยังคงสู้กันจนทำให้งานนี้ออกมาสำเร็จลุล่วงแฮปปี้กันทุกฝ่าย เราเชื่อว่าความรู้สึกที่เกิดขึ้นตลอดสองวัน หรือกระทั่งปีก่อน ๆ ที่ผ่านมา มันเป็นความรู้สึกที่มีเพียงแค่คนในงานเท่านั้นที่รู้ว่ามันเป็นเช่นไร และนั่นคือจุดแข็งของ Maho Rasop Festival ที่ทำให้คำว่า “วงนี้วงอะไรวะไม่เคยฟัง” กลายเป็นคำว่า “วงนี้เล่นดีฉิบหาย อยากดูอีก” มันเกิดขึ้นในทุก ๆ ปี เราเชื่อว่าคนที่ตัดสินใจมางานนี้ก็คือมาเพื่อเอาประสบการณ์และช้อปปิ้งวงที่ได้ยืนฟังกับหู ดูวิชวลกับตากลับบ้านไป และจากคนที่แทบไม่รู้จักใครเลยในไลน์อัป ก็กลายเป็นคนที่มั่นใจว่าในปีต่อ ๆ ไป ไม่ว่า Maho Rasop Festival จะคัดสรรศิลปินใดมาให้ก็เชื่อมือได้เสมอ ซึ่งก็มีเรื่องที่น่าเห็นใจที่เฟสติวัลนี้มันยังไม่ได้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง เพราะด้วยหลายปัจจัยที่ทำให้รู้สึกได้เลยว่าไม่ใช่ทุกคนจะพร้อมใช้เงินเพื่อมาดูวงที่อาจยังไม่รู้จัก แต่เราเชื่อว่าสักวันความตั้งใจของเหล่าทีมผู้จัดและทีมงานจะทำให้คำว่า Maho Rasop Festival กลายเป็นหมุดหมายของวงที่ควรได้ดูสักครั้งในชีวิตสำหรับทุกคนได้อย่างแน่นอน ท่องคำว่าปีหน้ามาแน่ไว้! จนกว่าจะได้พบกันใหม่ ขอขอบคุณผู้สนับสนุนใจดีทุกท่าน ทีมผู้จัด ทีมงาน ศิลปิน และคนทุก ๆ คนที่ทำให้เกิดไวบ์ดี ๆ มากมายมาเป็นกำลังใจให้ทีมงานสู้ต่อในปีหน้า หวังว่าเราจะได้พบกันอีก ณ Maho Rasop Festival 2023

รวมทุกประสบการณ์ที่คุณจะได้พบเจอใน Maho Rasop 2022 ณ ESC Park 19-20 พฤศจิกายนนี้

 

 

Facebook Comments

Next:


Donratcharat

นัท มีหมาน่ารักสองตัวชื่อหมูตุ๋นกับหมูปิ้ง กาแฟดำยังจำเป็นต่อชีวิต และยกให้กาแฟใส่นมเป็นรางวัล