Annalynn Home

Interview

ย้อนดูการเดินทางตลอด 16 ปีของวงดนตรีที่ชื่อ Annalynn และ ‘Home’ เพลงที่ฝากข้อความถึงบ้านทุกหลัง

  • Writer: Malaivee Swangpol
  • Photographer: Tas Suwanasang

หลังจากเดินทางบนเส้นทางสายหนักกระโหลกมาตลอด 16 ปี ผ่านร้อนผ่านหนาวมาทุกยุคของวงการดนตรีไทย วันนี้ Annalynn กลับมาอีกครั้งพร้อมกับเพลงใหม่ที่เข้าถึงแฟนคลับหลากหลายกลุ่มมากขึ้น กับ Home ft. UrboyTJ ที่อยากส่งข้อความเรื่องการ ‘ทำบ้านให้เป็นบ้าน’ ตาม Fungjaizine มาคุยกับพวกเขาถึงการเดินทางไปเล่นดนตรีทั้งในและนอกประเทศ ศิลปินต่างชาติที่ได้ร่วมงาน และอัลบั้มใหม่ที่กำลังจะปล่อยในปีหน้า!

Annalynn ฟังวงอะไรกันบ้างตอนหัดเล่นดนตรี

บอส: ตอนที่เริ่มเล่นผมเริ่มจากพี่เสกโลโซครับ พอมาซักม.สอง ม. สามก็เริ่มไปทางดนตรีฮาร์ดคอร์ อย่างตอนนั้นก็เริ่มจากวง Norma Jean, Slipknot แล้วก็ไหลมาเรื่อย ในซีนนี้ 

บอน: เริ่มจากวง Deftones ครับ ก็เป็นจุดเริ่มต้นทำให้อยากเล่นดนตรี ซึ่งก็ร้องเพลงมาตลอด

ภพ: ตอนแรกที่เริ่มฟังดนตรีผมจะฟังพวกบอยแบนด์มาก่อน พวก Backstreet Boys, N’ Sync, Westlife ครับ แต่วงที่ทำให้เปลี่ยนมาเล่นดนตรีแนวเมทัลก็คือ Deftones เหมือนกันครับ

ไปดูคอนเสิร์ตบอยแบนด์ด้วยไหมปีนี้

ภพ: มันไม่น่าสนุกอะ เค้าแก่หมดแล้วอะ (หัวเราะ) มีโอกาสไว้ไปดู

ม้ง: เริ่มต้นจาก Machine Head แล้วก็มาเป็น Limp Bizkit, Sevendust แล้วก็ยาวมาตั้งแต่เริ่มเล่นดนตรีจนถึงทุกวันนี้

เอก: ผมตอนเริ่มฟังจะฟังสมัยสรพงษ์ ชาตรี, ติ๊ก ชีโร่ อะครับ อันนั้นคือยุคเทป ก็ชอบฟังเพลงมาเรื่อย แต่ถ้าวงที่ทำให้เราอยากเล่นดนตรีจริง น่าจะเป็น The Offspring แล้วก็พวก Smash Mouth เทือก นั้น จะฟังตามยุคสมัย ยุคนั้นเป็นพวก MTV, Channel [V] พวกนี้ก็จะถูกโปรโมตบ่อยหน่อย เราก็หาฟังได้ง่าย ตอนนั้น

Annalynn Fungjaizine

วงดนตรีชื่อ Annalynn มีอายุเท่าไหร่แล้ว

เอก: 16 ครับ ตั้งวงตั้งแต่ปี 2003 ตอนนั้นรวมตัวกันที่มหาวิทยาลัย ผมกับบอลเรียนที่มหาวิทยาลัยเดียวกัน ที่ ม. กรุงเทพ เริ่มจากการประกวดนตรีที่มหาวิทยาลัยเดียวกันก่อน มันก็เลยสืบเนื่องมาทำเพลงมาจนถึงปัจจุบัน ตอนแรกไปอยู่กับ Sexy Pink สตูดิโอ กับพี่บอล อพาร์ตเมนต์คุณป้า อยู่ซักปีสองปี แล้วจากนั้นก็ไปอยู่กับ Screamlab Records ของคุณสุ่ม วง Clash แล้วก็คุณแบน วง Bikini หลังจากนั้นก็ย้ายไปอยู่กับ Banana Records กับพี่เอส กล้วยไทย หลังจากนั้นบอนก็มีโอกาสได้คุยกับพี่โน่ ที่กำลังเริ่มจะทำค่าย Wayfer Records ภายใต้ Warner Music มาชวนทางวงว่าให้ไปทำด้วยกัน ซึ่งจุดประสงค์และทิศทางที่เค้าก็เสนอมามันไปในทิศทางเดียวกัน เราก็อยากทำ ก็ถือว่าเป็นค่ายเมเจอร์ ค่ายแรก เพราะก่อนหน้านี้ก็จะเป็นค่ายอินดี้ สายครอบครัวหน่อย ช่วย กัน

ตอนนี้วงร่วมรุ่นเดียวกัน เหลือใครบ้าง

เอก: ก็จะมี Ebola แต่ Ebola ก็ก่อนเยอะ เป็นเหมือนเป็นไอดอลมากกว่า

บอน: ร่วมรุ่นนี่แทบจะไม่มีเลยมั้ง น่าจะแตกเกือบหมดแล้ว

ม้ง: Oblivious ก็แตกไปแล้ว แล้วกลับมาใหม่ ส่วน Sweet Mullet ก็ก่อน

เอก: ก็น่าจะเป็น Retrospect

บอน: Ritalinn, Empty Glass Means Nothing ก็พักไปแล้ว

อยากเห็นวงเพื่อน ๆ วงไหนมารวมตัวกันอีกรอบ

บอน: ไม่มีเลยครับ ไม่มีเพื่อน (หัวเราะ) ก็มี Empty Glass Means Nothing แต่ไม่ได้รวมเพื่อน ทั้งหมด

เอก: คือเขาแยกไปแต่เขาไม่ได้เลิก เขาไปตั้งวงอื่น กระจาย กันแต่ก็ยังเล่นดนตรีกันอยู่ ก็เลยไม่รู้สึกว่าหายไปขนาดนั้น เขาไปแตกเป็นวงเล่นดกลางคืน ส่วนมือกลองก็ไปตั้งวง Ugoslabier

บอน: ตอนนี้เขาก็กลับมารวมกันแหละครับ แต่ก็เหมือนรวมเฉพาะกิจ สมาชิกก็ไม่ได้เหมือนเดิม

เชื่อว่าแฟนคลับที่ตามมาตั้งแต่แรก น่าจะมีครอบครัวกันไปแล้ว ทุกวันนี้แฟนคลับส่วนใหญ่เป็นใครบ้าง หน้าเดิม หรือมีเด็กวัยรุ่นเข้ามาด้วย

บอส: ผสมนะครับ ไอ้ที่มีลูกมีเมียก็ยังมีมาดูอยู่บ้าง (หัวเราะ)

บอน: อุ้มลูกมาดูก็มี (หัวเราะ)

ม้ง: เมื่อวานก็มีหัวเกรียน เป็นมัธยมมาก็มี

เรื่องประทับใจกับแฟนคลับรุ่นเก่า ๆ ของ Annalynn

บอส: ผมประทับใจที่เขาจะพาครอบครัวเขามาดูด้วยครับ ตัวเขาก็ใส่เสื้อเรา แฟนเค้าก็ใส่เสื้อวงเรา แล้วเขาก็อุ้มลูกมาดู น่ารักดีครับ

มีใครมาเล่าไหมว่าพบรักกันในคอนเสิร์ต Annalynn

ม้ง: น่าจะมีแต่หมัดกับรอยตีน (หัวเราะ)

บอส:ราเคยเล่นที่เชียงใหม่ พอตอนเล่นมีหน้าร้านเค้าพลอดรักกัน เค้ายิ้มกันอยู่หน้าร้านอะครับ ข้างในก็อย่างเดือด ก็เป็นประสบการณ์อย่างนึงที่ทำให้เรารู้สึกว่า เพลงเราก็ทำให้คนยิ้มกันได้ (หัวเราะ)

Annalynn เคยเดินทางไปเล่นต่างประเทศที่ไหนบ้าง

ม้ง: จีน มาเลย์ สิงคโปร์ เวียดนาม จีน ฮ่องกง มาเก๊า ญี่ปุ่น ไต้หวัน

บอน: น่าจะครบละ เหลืออินโดนีเซียกับฟิลิปปินส์

ประทับใจประเทศที่ไหนที่สุด

ภพ: ที่จีนครับ เพราะปกติเวลาเราเล่นคอนเสิร์ตแนวเราก็จะเป็นพวกชาวร็อกเสื้อดำ สายเมทัล สายร็อก แต่พอไปเล่นที่จีนเนี่ย คนดูจะมีทั้งลุงป้าน้าอา หลาย ช่วงอายุ เข้าจะมาดู อย่างที่จีนตอนงาน Chang Jiang Music Festival ก็มีลุงคนนึงเหมือนเป็นชาวนาเลยอะ ขี่จักรยานมามาดูคอนเสิร์ตเรา แล้วตอนเล่นเค้าตบมือ เอนจอยคอนเสิร์ตเรามาก ๆ  ก็เป็นภาพที่น่ารักดีครับ แปลกดี

ม้ง: ช่วงประมาณปี 2012-2013 ประมาณนี้ครับ

บอน: ตอนนั้นเป็นช่วงแรก ที่ไปเล่นต่างประเทศเลยครับ เป็น International Music Festival เลยครับ มีวงจากทั่วเอเชีย

ภพ: เป็นเวที Metal Stage ใหญ่มากเลยครับ

ม้ง: แล้วมีจากตะวันตกด้วย มีหลายแนว ตอนนั้นจัดวันแรงงานที่จีน คนเป็นหมื่นเลย ได้เล่นกับวง Impiety ได้ เป็นวงสิงคโปร์ เป็นบรูทัลเดธ ดังมากที่ยุโรป บ้านเราก็มีชื่อเสียง เคยมาเล่นบ้านเราอยู่

เห็นกำลังจะไปเล่นจีนเดือนหน้าด้วย เตรียมตัวอะไรเป็นพิเศษไหม

บอน: จริง สำหรับครั้งนี้คือเราเตรียมเซ็ตลิสต์ใหม่ไปครับ เพราะรอบนี้เราโดนเซนเซอร์บางเพลงที่ห้ามเล่นไป เลยต้องเตรียมตัวใหม่ แต่ก็ดีเหมือนกัน มันเป็นการอัพเดตให้โชว์มันสนุกขึ้น ตอนนี้ก็กำลังคิดให้มันเร้าใจมากขึ้น

เซ็นเซอร์เพลงนี่โดนทุกครั้งเลยหรือเปล่า หรือเฉพาะครั้งนี้

บอน: สองรอบที่แล้วส่งเนื้อไปก็ไม่โดนครับ เพลงตอนนั้นเนื้อหามันอาจจะยังไม่หนักท่านี้ แต่ตอนนี้เนื้อหามันจริงจังมากขึ้น เริ่มมีการเจาะจงมากขึ้น เลยอาจจะโดน ก็คือโดนทั้งเพลงใหม่และเพลงเก่า คือรอบที่แล้วที่ไปจีนมัน 2012-2014 ตอนนั้นยังเป็นเพลงอัลบั้มเก่าอยู่ แต่ตอนนี้เพลงที่โดนเซนเซอร์ไปคือเพลงที่ทำช่วง 2017-2019 ที่กำลังจะออก เนื้อหาบางเพลงก็ยังไม่เข้าใจเหตุผลเหมือนกันว่าทำไมเพลงนี้โดน ไม่รู้ว่าบรรทัดฐานคืออะไร

เคยได้ทัวร์กับ Crystal Lake, The Ghost Inside, While She Sleeps ได้เรียนรู้อะไรบ้างจากการทัวร์บ้าง

บอส: เยอะเลยครับ แต่ละวงที่เราไปด้วยเค้าจะมีระบบ มีวิธีการทำงานของเขาเอง เวลาไปทุกครั้งก็ได้อะไรกลับมาทุกครั้ง เราได้เห็นว่าเค้าทำอะไรบ้าง ได้เอามาปรับใช้ ค่อนข้างมีประโยชน์ครับ

บอน: ผมรู้สึกว่า มืออาชีพก็มืออาชีพจริง อะครับ คือวงที่เล่นดนตรีเป็นอาชีพแม่งก็โคตรมืออาชีพเลย ถึงแม้ลุคเค้าจะเป็นวงที่ดูไม่ได้เรื่อง ดูสเก็ตพังก์สุด แต่ทำงานแม่งโคตรจริงจัง

ภพ: อย่างที่เราเคยเห็นคือไม่ใช่แค่นักดนตรีนะ แต่ทีมงาน ตากล้องด้วย อย่างไปทัวร์กับ Thy Art Is Murder ที่สิงคโปร์เค้าจะมีตากล้องวง แล้วตากล้องวงก็จะใส่เอียมอนิเตอร์ตลอด ระหว่างวงโชว์เค้าจะฟังตลอด แล้วจะมีบอกในหูว่า ตอนวงเล่นเพลงนี้ ให้เก็บช็อตนี้ เค้าวางแผนกันมาแล้ว มึงต้องถ่ายยังไง

ม้ง: น่าจะเป็นวงที่เซ็ตติ้งโหดมากที่สุดแล้ว

เอก: เค้าทำงานเป็นอาชีพจริง

บอส: ฟุตเทจที่เขาถ่ายมาก็คือสวยจริง เพราะเขาวางแผนมาดีมาก ทำแบบนี้ทุกคืน วิ่งวนรอบเวที คือทุกอย่างมันเป็นระบบมาก

เอก: ทุกอย่างบนเวทีเขามาร์คจุดไว้หมด ของจะต้องตรงนี้คือจะต้องวางตรงนี้ ของตรงนี้จะต้องไม่มีก็คือไม่มี เอาออก เล็ก น้อย ก็ไม่ได้ ต้องตรงที่เขาเซ็ตไว้ทั้งหมด

บอส: ไม่ประนีประนอมเด็ดขาด

เอก: เวลาเล่นทุกครั้งมันก็จะเหมือนเล่นที่เดิม มันก็จะสะดวกสำหรับนักดนตรี

สำหรับวงเปิดก็แฮปปี้

ภพ: ใช่ครับ เราก็เล่นสบายใจ ผลลัพธ์ออกมาก็ดี

ได้ช่วยระดมทุนค่ารักษาให้กับ The Ghost Inside ที่ประสบอุบัติเหตุด้วย

บอน: เราทำเสื้อออกมา แล้วเราก็บอกแฟนเพลงเราว่า ผมเอาเนื้อเพลงท่อนนึงมาจากในเพลง Dead Weight ที่ feat. กับ Jonathan Vigil เขาก็บอกว่าขอบคุณมาก แต่ช่วงนั้นเขากำลังยังไม่ฟื้น เค้าก็ตอบมาว่าแบบขอบคุณมาก บอกทุกคนให้แล้ว ตอนไปทัวร์วงก็น่ารัก เฟรนด์ลี่ ยังติดต่อกันอยู่ ซึ่งตอนนี้เขากลับมาแล้วนะ แต่ยังไม่ 100% เพิ่งเล่นไปโชว์เดียว

ม้ง: เห็นประกาศทัวร์แล้ว เป็นเฮดไลน์

เอก: เห็นทำอัลบั้มแล้ว

ภพ: ดีใจครับ เขากลับมาก็ดีใจ

Annalynn เคยมีเพลง Deceiver/Believer feat. กับ Chad Ruhlig จาก For The Fallen Dreams และ Never Coming Down feat. กับ Ryo Kinoshita จาก Crystal Lake กระบวนการทำงานเป็นอย่างไรบ้าง

บอน: ถ้าจะยากกับการทำงานกับศิลปินต่างประเทศน่าจะเป็นเรื่องของเวลามากกว่า สมมติเค้าทัวร์ แล้วเค้าจะอัดให้เราที่ไหน แล้วเราจะต้องออกเพลงเวลานี้ คือเดี๋ยวนี้อินเตอร์เน็ตมันง่ายทุกอย่างแล้วครับ แต่แค่เวลาของเค้า เวลาของเราว่ามันจะทำยังไงให้มันอยู่ในจุดที่ลงตัวพร้อมกันได้

วิธีการทำงานเป็นอย่างไร แต่งเพลงไปให้หรือว่าให้เขาเติมเนื้อ

บอน: ผมเขียนเนื้อให้หมดเลยสำหรับศิลปินต่างประเทศทุกคนที่ร่วมงานมา คือผมจะบอกแขกรับเชิญว่า ท่อนนี้ที่อยากให้มาร้อง แล้วผมก็จะถามเขาว่า อยากให้เขียนให้ หรือว่าจะเขียนเอง แต่เขาก็จะบอกว่าให้ผมเขียนไปก่อน แล้วเขาก็จะแก้บางส่วนที่เขาอยากจะแก้เอง แต่ที่ผ่านมาก็ไม่เคยมีแก้อะไรเลย ร้องเนื้อที่ผมเขียนหมด อาจจะมีบิดพยางค์บ้างเพื่อให้เข้าปาก เพราะนักร้องแต่ละคนก็จะมีพยางค์ที่ไม่เหมือนกัน ซึ่งผมก็จะเขียนให้เป็นภาษาที่เข้ากับเกสต์ ให้เข้ากับคาแรคเตอร์ ซึ่งผมจะทำการบ้านนิดนึงว่า คนนี้เขียนเนื้อด้วยภาษาแบบไหน เพื่อให้มันไม่ดูเขิน สมมติเขียนเนื้อเพื่อชีวิต ให้นักร้องเมทัล ก็คงไม่ใช่ ในอัลบั้มที่กำลังจะปล่อย

จะมีศิลปินต่างชาติมา feat. อีกไหม

บอน: มีครับ แต่ยังบอกไม่ได้ครับ (หัวเราะ)​

เวลาต้องเล่นเพลงตัวเองเป็นอะคูสติก อึดอัดไหม หรือรู้สึกสนุกดี

บอส: จริง ก็สนุกดี มันเปลี่ยนบรรยากาศดี เพราะเราก็ชอบทั้งเพลงหนักและเบา

ม้ง: เราไม่ได้ฟังเพลงหนักตลอดเวลา

บอน: บางคนอาจจะรู้สึกว่า คนฟังเพลงหนักแม่งเหยียดเพลงเบา แต่จริง มันไม่ใช่เลย

ภพ: เราขับรถไปทำงานผมก็เปิดเพลงเบา ฟังสบายแต่ถ้าต้องทำงานกับวงผมก็ฟังเพลงหนัก ทำการบ้าน ได้หมด

บอน: ก็แปลกดี สนุกดีครับ

ที่มาของเพลง Home 

บอน: ผมเขียนถึงอารมณ์ที่ทุกคนน่าจะเจอ อย่างเศร้า หมดหวัง สิ้นหวัง แล้วผมก็เชื่อว่าทุกคนก็มีจุดยึดเหนี่ยวจิตใจ อะไรที่เห็นแล้วรู้สึกดี ไม่ว่าจะเป็น เพื่อน พี่น้อง ครอบครัว แต่ว่าเราจะผ่านช่วงนั้นไปได้ยังไง เราต้องหาบ้านของเราให้เจอ บ้านที่มันเป็นที่พักของใจของเรา

ตั้งใจให้เพลงออกไปทางเมโลดิกมากขึ้นใช่ไหม

บอน: ก็ด้วยครับ เราอยากลองทำเพลงที่อารมณ์แตกต่างจากเดิม แล้วอยู่ในจุดที่คนฟังได้มากขึ้น ก็เลยอะ ลองทำกับวงว่าอยากได้อารมณ์นี้ ก็เลยลองเขียนเพลงอารมณ์แบบนี้ขึ้นมา

ทำให้เราเห็นแฟนคลับหน้าใหม่ เพิ่มขึ้นด้วยไหม

บอน: อย่างผมจะเจอบ่อย เอาอย่างง่าย ที่ผ่านมาแฟนเพลงจะอยู่ในสโคปที่รู้สึกว่า นี่แหละแฟนเพลง แต่ช่วงตั้งแต่ออกเพลง Home มา ล่าสุดเมื่อเช้าก็คือคนเฝ้าสระว่ายน้ำของหมู่บ้าน ยาม แกร็บไบค์ พนักงานหมู่บ้าน คนขับรถบรรทุกมาทัก แล้วทุกคนจะมาฟอร์มเดียวกันหมดเลยคือพี่ครับ นี่ใช่พี่หรือเปล่าครับ” (หัวเราะ)​ คือมันแปลกดีครับ ก็สนุกดี มันรู้เลยว่ามันกว้างขึ้นจริง จากปกติก็แบบ ทรงนี้แหละ แม่งไปงานนี้ ไปที่แบบนี้ เจอคนแบบนี้ อะมาทักเราไม่แปลกใจ แต่เดี๋ยวนี้จะเจอคนแบบนี้ แปลก มา คือรู้เลยว่าผลของเพลงกับสิ่งที่มันออกไป มันกลับมาไม่เหมือนกัน

ในอัลบั้มนี้จะมีเพลงแนวนี้เพิ่มขึ้นไหม

บอน: น่าจะผสมกันครับ แต่เดี๋ยวลองฟังกันครับ

ทำไมถึงเลือก UrboyTJ มา feat. ในซิงเกิ้ล Home ของ Annalynn

บอน: พราะปกติเรามีแต่เกสต์ที่เป็นต่างชาติ แล้วเนื้อเพลงก็เป็นภาษาอังกฤษมาโดยตลอด อย่าง UrboyTJ จะเป็นคนแรกเลยที่เป็นคนไทย เพราะฉะนั้นโจทย์แรกคือหาเกสต์ที่เป็นแร็ปเปอร์คนไทย เพราะเพลงนี้เราอยากได้อารมณ์นูเมทัล แรป เมทัล เพราะฉะนั้นเรามองอย่างแรกว่าใครที่เข้ากับวง เข้ากับเพลง ร้องภาษาอังกฤษแล้วไม่รู้สึกเขิน ไม่หลอก สมมติเราเอาแรปเปอร์ไทยมาก ซักคน มันก็อาจจะไม่จริง ไม่เข้า แล้วอีกอย่างคือเราก็อยากให้เขาเขียนเพลงด้วย เพระผมไม่เข้าใจการแรปสำหรับแรปเปอร์ 100% ซึ่งผมก็รู้ว่าแต่ละคนมันจะมีพยางค์ มีเรื่องภาษา การ represent หลาย ๆ อย่าง มันไม่เหมือนกับเมทัลเลย เพราะฉะนั้นสำหรับแรปเปอร์ผมก็เลยอยากให้ทางคนร้องเขียนจริง ไม่อยากเขียนให้ ที่สำคัญคือต้องเขียนภาษาอังกฤษ ร้องภาษาอังกฤษได้

ภพ: แล้ว UrboyTJ ชอบเพลงร็อก เคมีก็เลยตรงกันหลาย อย่าง แล้ว TJ เค้าแต่งเนื้อเองทั้งหมด

บอน: ก็เลยคิดว่าเป็น UrboyTJ

ถูกใจเนื้อตั้งแต่ตอนแรกที่ UrboyTJ ส่งมาเลยไหม

บอน: ถูกใจ เกินคาดเลยครับ

คิดว่าการที่ฮิปฮอปมาช่วย มันทำให้ไปได้ไกลกว่าไหม

บอน: ช่วยได้เยอะครับ ด้วยกระแสของตอนนี้ด้วย แล้วก็เค้าก็ทำออกมาได้ดี ทุกอย่างมันก็เลยบวกกันหมด

ภพ: คาแรคเตอร์เขาชัดเจน

บอน: ชัดกว่าพวกผมอีก (หัวเราะ)

ทำไมถึงเลือกประเด็นเด็กหายมาเป็น mv

บอน: จริง เนื้อหาของ mv กับเนื้อหาของเพลงไม่ได้ตรงกัน 100% มันเป็นการต่อยอดของใจความในเพลง

เอก: มันเอาเนื้อหามาต่อยอด ตอนทำเราได้ทีมทำ mv ชื่อ The Wolf Film มาช่วยทำ ตอนที่เขาเข้ามาเสนอไอเดียก็จะมีพี่โน่ ดนัย Wayfer Records, วงเรา แล้วก็ The Wolf ประชุมกัน คุยกัน แล้วเขาก็มาเสนอเนื้อเรื่องมาประมาณนี้ เราก็ปรับเล็กน้อย อยากให้มีเรื่องที่จับต้องได้ในสังคม ใกล้ ตัวของคนฟังหน่อย ซึ่งเรื่องเด็กหายก็เป็นเรื่องนึงที่เป็นปัญหาอยู่ในบ้านเราเหมือนกัน เราก็มาเชื่อมโยงกับใจความของเพลง เรื่องของอะไรที่ยึดเหนี่ยวในจิตใจ ถ้าดูใน mv ก็จะเห็นว่ามันจะมีเด็กที่ถูกลักพาตัวไป มีตุ๊กตาที่เป็นที่ยึดเหนี่ยว นึกถึงแม่ อย่างคนที่จับไปก็จะมีแม่ที่ป่วย เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจเขา ตอนท้ายเราก็ตีโจทย์ปัญหาว่า เด็กที่หายคือมีทั้งถูกลักพาตัว และสมัครใจหาย เขาไม่ได้ถูกลักพาตัว เขาจงใจที่จะหนีออกจากบ้าน ด้วยปัญหาในครอบครัว เราก็เลยตีแผ่ด้านนี้ไปใน mv จริง ก็เป็นประเด็นใหม่ ที่ตัวผมเองก็เพิ่งรู้ เราก็พยายามสื่อ message ว่าคุณต้องทำบ้านให้เป็นบ้าน ทำบ้านให้มีความสุข เด็กก็จะได้อยู่

Annalynn Fungjaizine

เห็นว่าส่งไปมิกซ์กับซาวด์เอนจิเนียร์ชาวออสเตรเลียเลย ทำไมถึงต้องส่งไปไกล

บอส: ตอนแรกที่เราเริ่มทำเพลง เราก็คุยกันว่า ทิศทางเพลงอัลบั้มใหม่เราอยากได้ซาวด์ประมาณไหน เราอยากได้ใคร เราก็คุย ประชุมกัน เราก็ได้ Jeff Dunne ด้วยสไตล์ด้วยเอกลักษณ์ของเขามันค่อนข้างตอบโจทย์กับเพลงใหม่ที่พวกเราทำ เราก็เลยโอเค งั้นเอาคนนี้ เพราะดูหลาย อย่างแล้วเค้าค่อนข้างตรงสเป็คในทุกด้าน

บอน: เค้าทำให้วงดัง ระดับโลกหลายวง

ภพ: อย่าง Crystal Lake, Memphis May Fire, Motionless In White, We Came As Romans, Crossfaith

บอน: โชคดีของวงอยู่อย่างนึง คือเวลาเราติดต่อกับวงต่างประเทศ วงเราค่อนข้างมีเครดิตกับการร่วมงานกับศิลปินต่างชาติคนอื่น มันทำให้การคุยกันมันง่ายขึ้น มันเหมือนเราส่งพอร์ต เค้าก็จะพอรู้ว่าเราแนวไหน ทำมาแบบไหน มันดูได้ขนาดว่า เราเป็นวงจริง นะ ทำจริง มีค่าย ทัวร์ เล่น ซึ่งพอเราทักเค้าไปว่าอยากร่วมงาน เค้าก็ทำการบ้านก่อน แล้วก็จะตอบว่า แนวของเรา เหมาะกับเค้ามั้ย เค้าทำการบ้านมาหมดเลย ซึ่งเค้าก็ทำทั้งอัลบั้มเลย

ค่ายสนับสนุนให้ส่งไปนอกใช่ไหม

บอน: ใช่ครับ

หลังจากนี้จะมีซิงเกิ้ล หรือ อัลบั้มเร็ว นี้ไหม

บอน: มีครับ ซิงเกิ้ลใหม่ช่วงปลายตุลา มีเซอร์ไพรส์แน่นอน ส่วนอัลบั้มจะเป็นช่วงกลางปีหน้าครับ

ฝากผลงาน Annalynn

ม้ง: ขอฝาก mv เพลง Home ft. UrboyTJ ไว้ด้วยนะครับ สามารถติดตามรับชมได้ที่ช่อง Youtube Channel Wayfer Records ครับ ส่วนช่องทางติดตามวง ก็มีทั้ง เฟสบุ้ค ยูทูป อินสตาแกรม ทั้งหมด /annalynnband ครับสามารถพูดคุยได้ เข้ามาทักทายกันได้ หรือว่าสามารถติดตามเพลงต่าง สั่งเสื้อ สั่งอะไรก็แล้วแต่ แจ้งได้ทางนี้หมดเลยครับ

ภพ: ฝากดู ฝากแชร์ mv Home ด้วยนะคร้าบ

 

อ่านต่อ

Industrial Music เสียงแห่งกระแสสำนึกเพื่อตอบโต้ยุคสมัยแห่งจักรกล

เย็นสุข ปล่อยซิงเกิลแรก ‘พันธนาการ’ ให้คนไทยฟังก่อนจะไปออกอัลบั้มเต็มที่ต่างประเทศ

หยุดเข้าใจผิด! Death Metal สร้างความสุข และไม่ได้ปลูกฝังความรุนแรงอย่างที่คิดกัน

เมื่อคุณยายอยากตั้งวง Grindcore ตอนอายุ 67 ในชื่อ ‘Grindmother’

 

ติดตามฟังใจได้ที่ ฟังใจ – Fungjai

Facebook Comments

Next:


Malaivee Swangpol

มิว (เรียกลัยก็ได้)​ โตมาข้าง ๆ วงมอชแต่ตอนนี้ฟังทุกแนว ชอบอ่านหนังสือ ตามหาของกินอร่อย ๆ และตอนนี้ก็คงกำลังวางแผนเที่ยวรอบโลกอยู่