Clockwork Motionless_interview

Interview

Clockwork Motionless กับความรู้สึกที่ “มากกว่า”

Clockwork Motionless กลับมาอีกครั้งกับเพลงล่าสุดนามว่า มากกว่า ที่ซ่อนเรื่องราวที่ทำให้หัวใจได้ค้นพบคำตอบเล็ก ๆ ที่ยิ่งใหญ่ในชีวิต มาย้อนดูเรื่องราวที่กว่าจะเป็น มากกว่า และความรู้สึกที่มากกว่าด้วยกันผ่านบทสัมภาษณ์นี้ได้เลย!

Clockwork Motionless

กัน-เอกชัย ประตังทะสา (ร้องนำ)

เม่น-ศิริยศ เรืองตังญาณ (กลอง)

บัตร-ธนบัตร ช่างไม้ (กีตาร์)

ตูม-เทอดไทย ทองโท (เบส)

 

ยังจำได้ไหมว่าบอกรักคนรอบตัวครั้งล่าสุดเมื่อไร

บัตร: นี่ว่านานมาก (ขำ) ถ้าบอกรักนี่แทบจะไม่เลย

เม่น: ผมเพิ่งบอกไปเมื่อสองวันก่อนครับ 

กัน: ขิงสะแล้ว

เม่น: บอกว่า แม่ ผมรัก(ลัก)มาเยอะมากเลยครับ ตอนเด็ก ๆ ผมรัก(ลัก)ไปหลายร้อยเลย 

ทุกคน: คนละรัก (ลัก)

บัตร: อันนั้นลักขโมย (ขำ)

บัตร: จริง ๆ ถ้าเป็นห่วง ผมก็เพิ่งผ่านไปเพราะว่ามีช่วงหนึ่งคนที่บ้านติดโควิดกัน แล้วเขาเพิ่งเป็นโควิดรอบแรก ช่วงนั้นก็จะแบบว่าโทรหาที่บ้านทุกวันเลย ถามอาการว่าเขาเป็นยังไงบ้าง ช่วงนี้ทำอะไรอยู่ อาการหนักไหม ไปหาหมอหรือยัง ประมาณนี้ครับ

กัน: ของผมเป็นการโทรหาครับ คือเหมือนเริ่มคุยกับที่บ้านบ่อยขึ้นครับ ส่วนบอกรักนี่ก็นานมาก ๆ เหมือนกัน แต่ว่าภาษาการบอกรักของผมมัน มันเป็นเหมือนกับการเล่าอะไรบางอย่างให้เขาฟังว่าเราเจออะไรมา เป็นการแชร์ว่าเราสบายดีนะ เราอาจจะแบบเจอเรื่องอะไรที่ไม่ดี เราก็เล่าให้เขาฟัง หรือเราเจอเรื่องอะไรที่ดี เราก็เล่าให้เขาฟังครับ

ตูม: ก็ ของผมก็คล้าย ๆ กันครับ ก็โทรหาค่อนข้างบ่อยอยู่เหมือนกันครับ คุยไลน์ก็จะเยอะ แล้วก็จะบอกคิดถึงบ่อย ก็คุยและแชร์กันว่าวันนี้ไปเที่ยวไหนมา ส่วนมากก็จะเป็นประมาณนี้ 

FJZ: แล้วถูกบอกรักครั้งล่าสุด จำได้ไหมคะ

บัตร: เหมือนที่บ้านผมก็จะฟีลเหมือนเขิน ๆ กันครับ ไม่ค่อยพูดว่ารักอะไรอย่างงี้กันเลย ส่วนใหญ่ถ้าเป็นคำว่าคิดถึงก็มีบ้าง แต่ถ้าให้บอกรักเลยก็ไม่ค่อยมีเท่าไร ส่วนใหญ่จะเป็นเหมือนแบบการกระทำสะมากกว่า

กัน: บางทีการที่ผมรู้สึกว่าได้รับการบอกรัก คือการที่ที่บ้านผมมักจะชอบพูดว่าเขาภูมิใจในตัวผม มันทำให้รู้สึกดีมากเลย แล้วมันช่วยเราได้เยอะมาก

เม่น: ของผมถ้านอกจากสวัสดีวันจันทร์ วันอังคารแล้วก็… (ขำ)

ตูม: สวัสดีวันพุธ (ขำ)

เม่น: ก็จะชอบพูดว่ารัก รักลูกมาก ๆ ประมาณนี้ครับ แล้วก็อวยพรขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง (ขำ)

ตูม: ส่วนมากของผมจะไม่มีบอกแบบนี้ครับ จะไม่ค่อยบอก ไม่ค่อยคุยกัน ไม่ค่อยพูดเรื่องแบบนี้กัน แต่ว่าจะเป็นการแบบดูแลสะมากกว่า เวลากลับบ้านไปทีก็จะมีทำกับข้าวให้กิน เรียกได้ว่าผมไม่ได้ทำอะไรเลย (ขำ) เขาจะดูแลเรามากกว่า 

FJZ: ก็คือใช้วิธีดูแลเป็นการบอกรัก 

ตูม: ใช่เลยครับ

 

เรื่องราวที่ซ่อนไว้ใน ‘มากกว่า’

กัน: มันเป็นเรื่องของคนใกล้ตัวที่สุดของผมครับ แล้วผมได้อยู่ในเหตุการณ์นั้นตั้งแต่ตั้นจนจบ คือได้อยู่ในช่วงเวลาที่แบบยังมีโอกาสได้บอกลา จนถึงวินาทีที่เราไม่สามารถบอกลาเขา หรือไม่สามารถบอกรักเขาได้อีกแล้ว มันก็เลยเกิดมาเป็นเพลงนี้ครับ ซึ่งจริง ๆ เพลงนี้มันถูกคิดขึ้นตั้งแต่ช่วงที่เขาป่วยพอดี จนเวลาผ่านไปสักพักหนึ่งเขาก็ได้จากเราไป ผมก็เลยจะมองเห็นว่าแบบทุกการกระทำหรือความเศร้าต่าง ๆ มัน จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง เพราะว่าเป็นคนใกล้ชิดมาก ๆ ของผมแล้วเขาก็จะระบายให้ผมฟังว่าแบบ เขาเศร้ายังไงหรือเขารู้สึกอะไร เขาจะชอบพูดเสมอว่า “เออ เราน่าจะทำแบบนั้นนะ เขาน่าจะทำแบบนี้นะ” แต่พูดขึ้นมาในวันที่มันสายไปแล้ว บทสรุปของเพลงนี้ที่ผมได้รับก็คือ มันทำให้ผมเองให้คุณค่ากับปัจจุบันและคนที่เรารักมากขึ้น เราพยายามที่จะบอกรักคนที่เรารักให้มากขึ้นและทำดีกับเขาให้มากขึ้น เพราะว่ามันยิ่งตอกย้ำความจริงที่ว่าเรามีเวลาจำกัดที่เราจะได้อยู่ด้วยกัน มันจะมาเมื่อไรก็ได้จริง ๆ เรื่องพวกนี้ เราแค่ต้องทำดีต่อกันให้ได้มากที่สุด ทำดีต่อคนที่เรารักให้ได้มากที่สุดครับ 

จริง ๆ เพลงเริ่มมาจากเดโม่เลย ในวันที่ทำเดโม่ก็คือวันที่ผมอยู่ในช่วงที่ดูแลช่วงที่เขาป่วยพอดี อารมณ์ตอนนั้นคือเรารู้สึกถึงเขา ว่าเราก็รักเขา แต่ก็ค่อนไปทางที่จะอยู่ในอารมณ์ที่เป็นห่วง เวลาเราดูแลคนที่กำลังป่วยอะ มันจะมีความเป็นห่วงมาก ๆ เลยครับ มันจะมีความกลัวว่าแบบเขาจะไปเมื่อไร ทำยังไงเขาถึงจะดีขึ้น หรือทำยังไงเขาถึงจะอยู่กับเราได้นานที่สุด ช่วงนั้นก็เลยได้ทำนองได้ดนตรีมาประมาณหนึ่ง แล้วก็เวลาผ่านไปก็เขาก็ได้เสียไปแล้ว มันก็เลยถูกเล่าในมุมที่เขาไม่อยู่แล้วแทนครับ สำหรับเพลงนี้เราก็ได้ไปเล่าให้พี่ป้อม–สุรชัย พรพิมานแมน จากทีม Mango และเขาก็เขียนออกมาได้แบบทุกบรรทัด ทุกประโยคโดนใจและใช่มาก ๆ มันเป็นอารมณ์ของคนที่สูญเสียจริง ๆ และต้องอยู่กับคำถามที่มีกับตัวเองมากมายว่าแบบ “เฮ้ย เราทำดีกับเขามากพอหรือยัง เราน่าจะทำแบบนั้นกับเขานะ เราน่าจะพาเขาไปทำ” แบบนี้เลยครับ

ณ ตอนนี้ยังมีเรื่องไหนที่อยากทำอีกไหมในวงการดนตรี

 

บัตร: มันเยอะมากเลย (กัน: ใช่ มันเยอะมาก)

กัน: ตอนนี้ของผม ผมรู้สึกว่าผมอยากทำเพลงให้คนรู้สึกมีความสุข มีความสุขไม่ใช่ในแง่ของเพลงเศร้านะครับ แต่ผมอยากร้องเพลงที่ตัวเองทำขึ้นมาแล้วก็อยากให้คนฟังรู้สึกว่า “ฟังเพลงนี้แล้วรู้สึกดีจังเลย” “ฟังเพลงนี้แล้วมีความสุขจังเลย” อยากทำแบบนั้นให้ได้ 

FJZ: ก็คือ มีแววว่าจะมีเพลงรักที่เป็นรักสุข ๆ ในอนาคตใช่ไหม

กัน: (ขำ) ยังไม่แน่ใจครับ เรียกว่าเพลงที่มีความสุขดีกว่าครับ อาจจะไม่ใช่เรื่องรัก แต่ว่ามันอาจออกมาในรูปแบบที่ว่ามันเป็นโมเมนต์บางอย่างที่เรามีความสุข 

บัตร: นึกว่าอยากทำเพลงเร็วงี้ (ขำ) เพลงเร็วน้อยมาก

กัน: อยากทำอะไร

ตูม: นึกไม่ออก (ขำ) 

บัตร: จริง ๆ เราก็อยากจะมีคอนเสิร์ตเดี่ยวของเราเองเหมือนกัน เพราะเราก็ยังไม่เคยคอนเสิร์ตเดี่ยวของตัวเองเลย แล้วก็อัลบั้มที่แล้วเราก็ไปทำคอนเสิร์ตของตัวเองที่มันเป็นออนไลน์ไว้ 

FJZ: อ๋อ มันเป็นช่วงโควิด

บัตร: ใช่ครับ ๆ แล้วก็เลยรู้สึกว่า ถ้าหากว่าเรามีคอนเสิร์ตของตัวเอง ถึงมันจะเล็ก ๆ มันก็น่าจะออกมาดีมาก ๆ เลย

เม่น: ผมคิดว่าผมอยากให้เพลงเราของเรามันสร้างประโยชน์ให้ผู้ฟังได้มากขึ้น คือให้ประโยชน์ได้มากที่สุด นอกจากจะเป็นกำลังใจแล้วเราก็อยากมีบางเพลงที่มันช่วยให้กำลังใจและปลุกใจบ้างในบางโมเมนต์นะครับ ก็อยากให้เพลงของเราอยากให้อยู่ในทุก ๆ กระบวนการ ทุก ๆ อารมณ์ ให้กำลังใจแล้วก็ให้ประโยชน์ต่อผู้ฟังมาก ๆ เหมือนแบบพี่เสกเลยครับที่มีทุกเพลงทุกโมเมนต์เลย

ตูม: ส่วนเราเหมือนทำปัจจุบันให้ดีไว้เราไม่ได้คาดหวังไปขนาดนั้น เอาง่าย ๆ ก็คือไม่ได้วางแผนอะไรไว้หรอก แต่ว่าก็มีความอยากว่าอยากให้เพลงมันเข้าถึงคนฟังได้มากที่สุด แล้วก็ทำให้คนที่ฟังเพลงเรามีกำลังใจมากขึ้น ถึงแม้ว่าอาจจะเป็นเพลงเศร้าก็จริงแต่ก็อยากให้รู้ว่าเราอยู่ข้าง ๆ ทุกคนนะครับ

มีเรื่องราวไหนที่รู้สึกว่า “มากกว่า” จากการที่ได้เล่นดนตรีด้วยกันบ้างไหม

 

เม่น: ถ้าหากว่าเป็นเป็นการเล่นดนตรีแล้วมีสิ่งที่ประทับใจจนไม่สามารถนิยามได้ของผมคือ จะมีคอนเสิร์ตหนึ่งครับ ที่งาน Monster Music Festival ซึ่งเราเล่นเป็นเวทีลับสุดยอด ไม่มีชื่อวง ไม่มีไลน์อัป ซึ่งเราก็ทำใจไว้ข้างในแล้วแหละว่าไม่เป็นไร คงไม่มีคนดูหรอก แต่พอเราขึ้นเล่นเราก็ไม่รู้ว่าคนดูเขามาจากไหนกัน อยู่ ๆ จากเวทีเล็กกลายเป็นเวทีไม่เล็กเลยฮะ บรรยากาศวันนั้นเป็นวันที่ผมจำได้อย่างชัดเจนเลย มันเหมือนกับคำที่คนเขาพูดกันเลยว่า “บางทีวันที่มืดมิดแล้วแสงไฟส่องไม่ถึงเรา แต่คนดูเป็นแสงสว่างให้เราเสมอ”

บัตร: จริง ๆ ช็อตประทับใจของผมคือครั้งแรกที่ไปเล่น Big Mountain Music Festival แต่ว่ามันไม่ใช่วันที่เล่นนะ มันเป็นวันก่อนเล่น (ขำ) (พี่กัน: อ่อ ประทับใจสุด ๆ) เอ้อ ประทับใจมาก เราแบบเตรียมพร้อมในการเล่นดนตรีมากด้วยการเอาเตาปิ้งย่างของเรา พร้อมกับหมูที่หมักมา

เม่น: เป็นวงดนตรีที่พกเตาย่าง

บัตร: ใช่ แล้วแบบว่าไม่ได้กะไปเล่นอะ รู้แต่ว่าทางค่ายเขาแบบว่าจองที่พักไว้เป็นบ้านพัก แล้วเขาก็ส่งมาว่า บรรยากาศดีนะอะไรอย่างงี้ เราก็เลยเตรียมแบบเตากับหมูที่หมักไป

กัน: แล้วเอาเตากับหมูอะขึ้นรถตู้ คือเครื่องดนตรีก็เยอะอยู่แล้ว คนก็เยอะอยู่แล้ว

เม่น: เอาเตาขึ้นก่อนเครื่องดนตรี 

กัน: แต่เตาสำคัญกว่า (ขำ)

FJZ: รู้เลยอะไรสำคัญ

ทุกคน: (ขำ)

บัตร: ผมว่าอันนั้นก็เป็นช็อตประทับใจมากเลยนะ ก็ยังจำมาได้จนถึงวันนี้ 

กัน: ผมยังคิดไม่ออกเลย เพื่อนก็พูดไปหมดแล้ว (ขำ)

ตูม: เพราะมันก็อยู่ด้วยกันหมด

FJZ: ตอนนี้พวกพี่ดูมีเรื่องสนุกกับเรื่องหลังเวทีเยอะเหมือนกันนะ

กัน: ช่วงถ่ายเอ็มวีเพลงแรก ๆ ก็เป็นช็อตที่ประทับใจครับ เอ็มวีเพลง ปล่อย คือไอ้ซีนที่เราต้องไปถ่ายซิงค์บนโขดหิน ถ้าสังเกตในภาพนิ่งดี ๆ ตรงเป้าผมมันจะเปียก ๆ ใช่ไหม

FJZ: พี่เดินเลาะน้ำไปเหรอ

กัน: คือทุกคนต้องถอดกางเกง แล้วก็แบกเครื่องดนตรีอย่างนี้ (ยกขึ้นเหนือหัว) ข้ามลุยน้ำไปเพื่อที่จะขึ้นไปบนโขดหินอันนั้นแล้วกล้องก็อยู่บนฝั่งเพื่อจะถ่ายไปถึงตรงนู้น ขาไปไม่เท่าไรยังพอโอเค แต่ขากลับมันค่ำแล้วน้ำมันดันขึ้น คราวนี้ก็เลยเปียกแบบที่กางเกงก็เลยเปียกเลย มันสูงมากเลยครับแล้วเราต้องขึ้นไปให้ได้ ก็เลยรู้สึกว่า เออ ทรหดดีเนอะ (ขำ) แต่พอผ่านมาผลลัพธ์มันก็ดีมาก ๆ พอเพลงถูกคนรู้จักแล้วเรารู้สึกว่ามันกลับกลายเป็นความทรงจำที่ดีมาก ๆ เลย มันเหมือนเป็นเรื่องราวระหว่างทางที่เราจะจำมันไว้ไม่ลืม

อนาคตของ Clockwork Motionless ที่จะได้เจอ

กัน: เอาใกล้ ๆ ก่อนนะครับ สำหรับปีนี้พวกเรามี EP ที่จะได้ฟังกันนะครับ แล้วปีนี้เนี่ยก็จะได้ฟังกันค่อนข้างรัว ๆ เลย สำหรับเพลงจาก Clockwork Motionless เราจะไม่หายไปไหน เราจะไม่ห่างไปไหนเลย 

บัตร: เราจะไม่ปล่อยปีละเพลงแล้ว 

กัน: ใช่ (ขำ) คือเมื่อก่อนเป็นแบบปีละเพลงเลย ค่อนข้างทิ้งช่วงนานครับ แต่สำหรับปีนี้ก็ทุกคนมั่นใจได้ว่าจะได้ฟังเพลงของ Clockwork Motionless แล้วก็ได้อยู่ด้วยกันตลอดปี มีอะไรให้ฟังอีกเยอะเลยครับ

ตูม: ตลอดปีและตลอดไปครับ

บัตร: เตรียมทิชชู่ไว้เช็ดน้ำตาได้เลย

ตูม: ถ้าไม่มีเรามีขายนะครับ (ขำ)

กัน: และช่วงปลาย ๆ ปีน่าจะมีเฟสติวัลให้ทุกคนได้ไปเจอกันอยู่

เม่น: ติดตาม Facebook Fanpage พวกเราไว้ได้ครับ จะคอยอัพเดตให้เรื่อย ๆ เลยครับ

 

ทิ้งท้ายและฝากผลงาน

บัตร: ตอนนี้เราได้ปล่อยเพลงซิงเกิลที่สองในอัลบั้มมาแล้วนะครับ ชื่อเพลงว่า มากกว่า> (Ways) สามารถฟังได้ทุกสตรีมมิ่ง แล้วก็อยากให้เข้าไปดูเอ็มวีใน YouTube มาก ๆ เพราะว่าเอ็มวีดีมาก แล้วก็ เศร้ามากจริง ๆ 

กัน: เศร้ามาก แต่ก็จบแบบสวยงาม

บัตร: ใช่ แล้วก็จบอย่างสวยงาม แล้วเราก็ยังมีฟิลเตอร์ใน TikTok ใน Instagram ก็มีเป็นสิบห้าวิ 

กัน: Ways ลาสุดท้าย

บัตร: ใช่ 15 วิให้บอกลา ยังไงก็ไปเล่นกันได้ แล้วก็ยังมีแผ่นเสียงของเพลง มากกว่า ด้วยนะครับ ทั้ง TikTok แล้วก็ Instagram ยังไงก็ฝากเข้าไปใช้ เข้าไปเล่น แล้วก็ติดแท็กชื่อวงกันมาด้วยนะครับ

กัน: ฝากติดตาม Clockwork Motionless ในปีนี้ด้วยนะครับ น่าจะมีให้ฟังกันอีกหลายเพลงเลย แต่ ณ ตอนนี้ที่เราจะใกล้ชิดกันได้ก็คือเพลง มากกว่า นี่แหละครับอยากให้เข้าไปดูเอ็มวี ผมเองประทับใจฉากจบมากครับ อยากให้ทุกคนได้ดูจริง ๆ ว่าบทสรุปของมันสวยงามจริง ๆทุกอย่างยังคงต้องดำเนินต่อไป แล้วเราต้องมีความสุขต่อไปครับ ขอบคุณแฟนเพลงมาก ๆ ที่มาคอมเมนต์ในเพลงทุกเพลงของเรา แต่สำหรับเพลงนี้ เราเองก็เข้าไปอ่านแล้วก็ตอบแทบทุกจะคอมเมนต์ ขอบคุณที่มาแชร์เรื่องราวในเพลงเรา แล้วก็ขอบคุณที่ทุกคนเข้ามาฟังเพลงเรา มันยังทำให้เรารู้สึกว่าเรายังมีตัวตนอยู่ เรายังมีคนที่รอผลงานของพวกเราอยู่ครับ ขอบคุณมาก ๆ จริง ๆ ครับ

Clockwork Motionless ปล่อยเพลงใหม่ขยี้ความช้ำ ‘ถ้าวันนั้นฉันกอดเธอไว้’

Facebook Comments

Next:


Donratcharat

นัท มีหมาน่ารักสองตัวชื่อหมูตุ๋นกับหมูปิ้ง กาแฟดำยังจำเป็นต่อชีวิต และยกให้กาแฟใส่นมเป็นรางวัล