Pae Arak เป้ อารักษ์ เดินทาง ฟังเพลง ไม่บอก สอนใคร Aragochina

Interview

มาคุยกับ เป้—อารักษ์ ว่าด้วยที่มาของเพลง ‘ไม่บอก’ และความสุขในการเดินทางไปกับเสียงเพลงของเขา

  • Writer: Malaivee Swangpol
  • Photographer: Chavit Mayot

หลังจากเราคุยกับ เป้—อารักษ์ ไปแล้วตอนที่ปล่อย ไม่ต้องทำหรอกบุญ ซึ่งเราก็ได้ฟังเขาเล่าเรื่องราวนำก่อนจะมาเป็นเพลงทั้งสามที่ออกมาให้เราได้ฟังตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา โดยวันนี้เราได้โอกาสสนทนากับเขาอีกครั้ง เลยขอถามถึง สอนใคร และ mv สุดเท่ของ ไม่บอก รวมถึงชีวิตของเขากับกีฬาเอ็กซ์ตรีมหลังจากเสียงหาย และความสุขในการฟังเพลงตอนเดินทาง

Pae Arak Marshall ไม่บอก เดินทาง สอนใคร

สอนใคร เพลงนี้ที่แอบฮิวโก้ทำ ได้แรงบันดาลใจมาจากอะไร

เพลงนี้เป็นเพลงสุดท้ายที่แต่งและที่อัด เพราะเกิดขึ้นจากประสบการณ์ตอนนั้นพอดี เรื่องมีอยู่ว่าผมไปสอนเพื่อนคนนึงในการใช้ชีวิตหลังจากอกหัก แบบ “เอ้ย มึงไม่ต้องคิดมาก ทำไมถึงโง่แบบนี้” แต่พอเจอเข้ากับตัวเองแล้วกลายเป็นว่าเพื่อนผมสอนผมได้ดีกว่าที่ผมสอนเขาอีก เขาดูมันจะเข้าใจทุกอย่างที่เราเจอมา แล้วที่ผ่านมาเราสอนใครอยู่อะ เราสอนไอ้เหี้ยนี่อะนะ อย่างนี้เราคงสอนใครต่อไม่ได้แล้วแหละ แล้วตอนนั้นฟังเพลงของ Post Malone ในรถ แล้วอยู่ดี ๆ ก็มีเมโลดี้อันนี้ขึ้นมา คือมันมักจะแต่งได้ตอนขับรถ แทนที่จะอัดเสียงมาก็กลายเป็นพิมพ์แล้วก็ขับไปด้วย (หัวเราะ) ทำไมต้องพิมพ์เนื้อ ทำไมไม่ร้องลงไป ก็ยังไม่เข้าใจจนถึงทุกวันนี้ ล่าสุดมีโอกาสขับรถกลับจากจันทบุรีก็แต่งแต่คราวนี้อัดแล้ว ไม่พิมพ์ละ (หัวเราะ) ประสบการณ์มันก็สอนครับเลยได้เนื้อเพลงนี้มา หลังจากนั้นก็ได้เข้ามาทำที่บ้าน เมฆ Machina เหมือนจะมาอัดร้องอะไรสักอย่าง น่าจะเพลงในอัลบั้มนี่แหละครับ แล้วก็บอกตอนจะกลับว่า “เมฆ ได้เพลงนี้มา ลองทำดูไหม” เมฆเขาก็หา sampling แล้วก็เพิ่มความเซเว่นเข้าไปในคอร์ด ก็เสร็จออกมาเป็นเพลงนี้แบบมีต้นกลางจบแล้ว น้องบิ๊ก เดอะปีศาจแบนด์เข้ามาช่วยทำต่อ โดยที่ตอนแรกผมก็คิดว่าเพลงนี้มันต้องมีคนมาแร็ป แต่ทำไปทำมากลายเป็นว่า อ้าว มันไม่มีรูแล้วอะ มันไม่มีรูสำหรับการแร็ป ก็เลยต้องแต่งเนื้อเพิ่มบ้าง คุณบิ๊ก เดอะปีศาจแบนด์ทำงานในเพลงนี้เป็นหลัก เราทำตามพิมพ์เขียวของพี่ฮิวโก้เป็นหลักที่เขาทำไว้สำหรับเพลงอื่น ๆ แล้วเราก็ทำเป็นแนวนั้น

แล้วยังอยากให้มีเสียงแรปอยู่ในเพลงตัวเองไหม

อยากครับ ๆ เพราะแร็ปเปอร์หลายคนมาก ผมชอบ PEECLOCK ความจริงแล้วคำว่า ‘abracadabra’ เนี่ย มาจากเพลงนึงของ PEECLOCK ที่ว่า ‘ฉันเป็น Malfoy ที่รัก Hermione’ ก็เลยอยากได้ความ Harry Potter เข้าไปอยู่ในเพลงบ้าง แต่ก็อยากได้คนมาแร็ปจริง ๆ ครับ ต้องรอต่อไปครับ จริง ๆ มันมีอีกรูนึงที่ควรจะมีคนแร็ป ก็ดันแรปเองซะงั้นในเพลง ผีเสื้อ ครับ ที่ยังไม่ได้ปล่อย จริง ๆ มันก็คือแค่ร้องเร็ว ๆ ไม่ได้แร็ปครับมันยังเป็นเมโลดี้อยู่ 

‘คุณจะทำยังไงเมื่อคนรักมีคนใหม่ ฉันบอกให้ทำใจแล้วไปนั่งโง่อยู่ริมทะเล แต่ไม่ต้องไปทะเลตอนนี้ฉันโง่กว่าใคร’ อันนี้เกิดจากประสบการณ์จริงไหม

ไม่ครับ มันเป็นมีมครับ (หัวเราะ)​ มีมในเน็ตครับที่บอกว่า ให้ไปนั่งโง่อยู่ริมทะเล แต่ไม่ต้องไปทะเลก็โง่ได้ (หัวเราะ) มันเป็นมีมที่แฟนเก่าผมชอบส่งมาแกล้ง ด่าว่าผมโง่เหมือนปลาทอง จำอะไรไม่ค่อยได้ ก็จริงอะ เรื่องของเขาก็ลืมตลอด (หัวเราะ) เขาก็ด่าว่าผมโง่ แบบไม่ต้องไปทะเลพี่ก็โง่ได้นะ  

ที่มาที่ไป mv สอนใคร

mv มันเกิดขึ้นตอนที่ผมอยากได้ผู้กำกับคือพี่แพน Ladiegoodman เขาใช้ฉายาอันนี้ เพราะผมเห็นภาพเขาสวยดี แล้วก็อยากได้อะไรที่มันน่ารัก ๆ บ้าง ตอนที่เขามาขาย mv ที่ค่าย ผมฟังเขาเล่า เรื่องเขาก็ไม่ธรรมดา แล้วผมก็กำลังจะเสนออะไรที่มันฮาร์ดคอร์ ๆ ยาก ๆ ตามสไตล์ พี่มอย เจ้าของค่าย What the Duck ก็บอกว่า “เป้ก็ลองทำอะไรที่มันง่าย ๆ ดูบ้างก็ดีนะ” ผมก็แบบ เออ เหมือนมีคนมาเปิดฟ้า “เออใช่พี่ ใช่ ทำอะไรง่าย ๆ เอาเลย” ก็เลยได้เป็นแบบนี้ ที่มันง่าย ๆ ชิว ๆ แต่งตัว เห็นหน้าชัด ๆ ไม่ต้องมาอาร์ต แต่อันที่อาร์​ตผมก็ชอบอยู่แล้วนะ อันนี้มันก็เป็นฟีลใหม่ดี เอาจริง ๆ ความแมสกับผมมันก็ไม่ได้อยู่ใกล้กันเท่าไหร่ ถึงแม้ผมจะคิดว่าเพลงเราแมสเสมอนะ สิ่งที่เราทำเราไม่ได้เข้าใจคนหมู่มากแล้ว ซึ่งเราก็ไม่ได้เข้าใจมาตลอดแหละ แต่พอเราไม่เข้าใจ บางทีเราก็ต้องฟังคนอื่น อย่างค่ายผมก็ช่วยเยอะ ชื่อเพลง ไม่บอก ตอนแรกผมตั้งอีกชื่อ ให้ค่ายเลือก ค่ายบอกเอาชื่อนี้ ผมก็ โอเค ๆ ซึ่งชื่อตอนแรกคือ เตียงหัก (หัวเราะ) 

ทำไมถึงมีอัด มือกีตาร์ มาเล่น mv ด้วย

เพราะอัดเล่นกีตาร์ในเพลง แล้วทีมงานก็อยากให้เขามาเล่น mv ด้วย จริง ๆ ตอนแรกจะมีคุณเดือน จงมั่นคงที่เป็นร้องคอรัสเพลง สอนใคร แต่สุดท้ายเขาก็ตัดทิ้งไปเพราะว่ามันจะเยอะเกิน พอเป็น ไม่บอก ก็อยากให้เดือนคอรัส แต่เนื้อมันเยอะเกิน คอรัสยากมาก ร้องแบบเร็วมาก ก็เลยกลายเป็นคอรัสด้วยคอมพิวเตอร์ เบิ้ลเอา คือเรานัดเดือนมาแล้วก็ไม่ให้เดือนฟังเพลงก่อน ใช้หลักการของพี่ฮิวโก้ แกชอบเอานักดนตรีเก่ง ๆ เข้ามา รวมกันแล้วก็ไม่ได้ให้ฟังอะไรก่อน ให้เกิดขึ้นตรงนั้นเลย ก็เลยจะสดมาก ๆ ไม่รู้เลยว่าจะร้องอะไร ไอ้บิ๊กก็จะ เอางี้ดิพี่ ๆ เค้าก็จะมีภาษาของเขา บิ๊กเขาจะเก่งเรื่องเมโลดี้ เก่งมาก 

ม่บอก เพลงที่ได้แรงบันดาลใจจากบทสัมภาษณ์ของฮิวโก้ เป็นมาอย่างไรบ้าง

ตอนนั้นเราไปซ้อมงานพี่หงา คาราวานกัน แล้วมีนักข่าวมารุมสัมภาษณ์พี่เล็ก ผมก็อยู่ด้วย แล้วมีนักข่าวถามแกว่า ได้ข่าวว่ามีเตียงหัก พี่เล็กบอก “เตียงหักด้วยเหตุผลเดียวครับ ใช้เยอะเกินไป” (หัวเราะ) ผมก็เลยแบบ อื้ม ตลกดี เดียวนี้มันกลายเป็นว่า ยุคนี้ถ้าไม่ได้โพสต์มันไม่ได้เกิดขึ้นจริงในสายตาคนอื่นแล้ว เราก็เลยเอาธีมหลักนี้มาแปลงเป็นเรื่องความรัก ซึ่งมันก็เกี่ยวเหมือนกัน เพราะผมก็ไม่ใช่คนที่แสดงความรักทางด้านโซเชียล คือความจริงที่มันเกิดขึ้นเนี่ยมันก็คือความจริงเว้ย มันไม่ต้องอยู่ในอินเทอร์เน็ตก่อนมันถึงจะจริง ธีมเพลงก็เป็นเรื่องนี้เลยครับ แต่ว่าก็จะยกตัวอย่างตาม Dylan Style มีเวิร์สอีกประมาณล้านอัน มารวมกัน ผมก็ชอบแต่งอะไรแบบนั้น ขยายความเอา

เรื่องราวจาก mv มีอะไรเล่าบ้าง

ดู mv จบกันแล้วนะครับ ถ้าถามว่า mv เป็นแบบไหนก็จะตอบลำบากมาก ๆ (หัวเราะ)​ ได้น้องทู เขามีความฝันอยากเป็นผู้กำกับ แล้วเขาก็ทำ mv มาหลายตัวแล้ว เขามาบอกว่า พี่เป้ ๆ ขอทำ mv หน่อย เราก็ เออ ๆ ตอนแรกก็ไม่รู้เหมือนกัน ก็เลยอะ ลองดูก็ได้ทู แล้วทูก็มีไอเดียแรกมาที่เรารู้สึกว่า ถ้าน้องอยากกำกับแล้วไอเดียมันธรรมดาเนี่ย มันจะไม่มีประโยชน์เลยในแง่ของชีวิตกำกับของนาย สุดท้ายไปที่ Mutual Bar พี่อู๊ดหุ้นส่วน Mutual Bar เขาเป็นสุดยอดครีเอทีฟคนหนึ่งของเมืองไทย เขาทำ house ชื่อ ism พี่อู๊ดเขาขายไอเดียนี้มาเลย บอกว่านี่ก็ให้คนไลฟ์จริง ๆ เลยมั้ย ไลฟ์อวดผัวไปเรื่อย ๆ เราแบบ เฮ้ย ไอ้ทูซื้อว่ะ ผมก็ซื้อเหมือนกัน โอเคไอเดียนี้ผ่าน ไอ้ทูก็เลยไปนั่งเวิร์ก ก็เลยได้น้องผักไผ่กับน้องมิกมา ซึ่งเราหาคู่รักจริง ๆ อะ ตอนแรกก็มีอยู่อีกคู่นึงแต่อีกคู่นึงเขาบอกเขาไม่ทำ เออ ซึ่งก็อันนี้มันก็ใช้ความกล้ามาก แต่น้องผักไผ่เขาเป็นคนค่อนข้างสะใจ เป็นคนกล้าค่อนข้างลุยเต็มที่อยู่แล้ว ตัวมิกก็เอาด้วย มิกมันก็น่ารักอะ คือเอาจริงเขาเป็นเพื่อนของแก๊ง ๆ อยู่แล้ว รู้จักกันอยู่แล้วก็เลยออกมาเป็นแบบนี้ แปลกดี แล้วเรื่องพวกนี้ผมไม่เข้าใจแล้วนะ ผมไม่มีทางเลยอะ ไม่ใช่ไม่อยากทำนะ แบบไลฟ์ “สวัสดีคร้าบ วันนี้เราไปทำอะไรมาครับ”​ มันทำไม่ได้อะ (หัวเราะ)​ พยายามก็ทำไม่ได้อะ เราเกิดคนละยุคจริง ๆ สมัยที่ผมเกิด ตอนที่ผมดัง ๆ นี่คือพี่เรย์​ แมคโดนัลเค้าไม่พูดอะไรเยอะกับสื่ออะ พี่ชาคริตเขาก็จะไม่ค่อยสน ๆ หน่อย พี่อนันดาย่ิงแล้วใหญ่ เราก็เลยติดภาพจำของไอดอลยุคนั้นมา คือพวกแบบนี้ถ้ามีคนมาถ่ายคลิปไลฟ์สไตล์อะไรผมโอเคนะ เพราะเราก็ถ่ายมาตลอด แต่ถ้าให้ทำเองเราก็จะรู้สึกว่าแบบ ไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่ แต่ (เน้นเสียง) มันเป็นเรื่องธรรมดา เป็นเรื่องปกติของยุคนี้แล้ว ประเด็นหลัก ๆ ที่เราจะบอกคือ อะไรที่เราไม่ได้บอกในโซเชียล มันอาจจะไม่ใช่เรื่องจริงหรอก ผมไม่ได้ต่อต้านนะเพราะว่าผมก็ชอบดูคนที่ผมชอบ เวลาเขาไลฟ์ ตอนแรกผมไม่รู้ว่าใครดูไลฟ์วะ แต่ปรากฎว่า เราก็กดดูผู้หญิงที่เราชอบเหมือนกัน ผมก็เลยอ่อ  ๆ เข้าใจแล้วว่ามันเวิร์กแบบนี้ 

MV นี้ใช้เวลาเก็บ footage นานไหม

นานครับ สองเดือนอยู่นะ ทูเขาก็จัดการ ผมทำงานแค่วันเดียวที่เห็นใน mv อะครับ คือแค่ไปถ่ายวันเดียวในร้านเพื่อน แล้วในร้านเพื่อนนี่คือมีเพื่อนเต็มไปหมดเลยนะ ตัดออกมาเหลือแค่นี้ไอ้ทู! (หัวเราะ) คือแบบมีคนอยู่ในนั้นเต็มเลย พลอยหอวังก็ช่วยเยอะ เค้าเป็นแฟนกัน เขาก็ช่วยเยอะ มีคอมเมนต์จาก @paloyh ด้วย คอมเมนต์นี่เกิดขึ้นจริงนะครับ เกิดขึ้น real time นะ live จริง แคปหน้าจอไว้ มันจะสามารถเข้าไปดูใน archive ได้ แล้วทูก็ไปนั่งไล่สตอรี่ทั้งหมดของผักไผ่ เพราะตัวจริงก็อวดผัวอยู่แล้ว แค่เพิ่มสถานการณ์ทั้งหมดเข้าไป สถานการณ์การทะเลาะกัน น่ารักดี ไอเดียก็ดี ทูก็ได้โชว์ความเป็นผู้กำกับแล้วล่ะตอนนี้ ตอนจบก็น่าจะรู้สึกแล้วเนอะว่า แบบ กูเลิกกับผัวแล้ว กูขี้เกียจไลฟ์แล้ว ตั้งกล้องไว้เฉย ๆ แม่ง โทรม ๆ บ้าง น้องก็น่ารักดี ผมเชื่อว่าหลาย ๆ คนน่าจะชอบผักไผ่ขึ้นมาง่าย ๆ รวมถึงมิกด้วยเพราะว่าหน้าตามันน่าเอ็นดูทั้งคู่ โดยเฉพาะมิกมันก็น่ารักอะ หน้าตามันน่าเอ็นดู ทั้งคู่ตอนนี้ก็ยังรักกันดีนะครับ (หัวเราะ) ผมไม่คิดว่าเขาจะอยากไปไหนนะ เชื่ออย่างนั้น

Pae Arak Marshall ไม่บอก เดินทาง สอนใคร

เห็นว่าไม่ชอบการบอกรักออนไลน์ แล้วถ้าเป็นตัวเองมีวิธีบอกรักออฟไลน์ของตัวเองไหม

(หัวเราะ) ผมบอกรักออฟไลน์ยิ่งยากเลยครับ ความจริงผมก็ชอบใช้คำว่าแฟนนะ แต่บางทีเราก็ไม่กล้า เวลาเราผูกพันกับใครมาก ๆ แล้วเรารู้สึกว่าเฮ้ย อันนี้แหละ ทำอะไรกันแบบแฟนแล้ว แต่ว่าบางทีเราก็ไม่ค่อยกล้าข้ามขั้นไปถึงตรงนั้นเหมือนกัน บอกรักออฟไลน์ ถ้าเป็นแฟนกันก็คงบอกบ่อยแหละ แต่ถ้าไม่เป็นมันก็จะมี barrier กั้น ๆ หน่อย แต่ก็เคยมีซื้อของให้นะ เลี้ยงข้าวทุกมื้อนี่ทำอยู่แล้ว แต่มีครั้งนึงตอนที่มีแฟน แล้วเขามักจะออกไปกินข้าวนอกบ้านไม่ได้ ตอนนั้นก็เลยหัดทำอาหาร เอาใส่กล่องทัปเปอร์แวร์ไปให้เขากินฝากไว้ที่คนขับรถเขา พอกลับมาบ้านเราเจอกัน เป็นไงอร่อยมั้ย เขาก็หน้าโมโหมาก หน้าตาโมโหมาก เขาบอกเขาไม่ได้กิน เราก็ถามว่าทำไมเราไม่ได้กิน คนขับรถกินหมดแล้ว (หัวเราะ) ทิ้งกล่องไปด้วย คือกล่องที่กูซื้อมาจากซุปเปอร์แบบไม่ได้ถูกอะ (หัวเราะ) คือเขานึกว่าผมเอาไปให้เขา เขาก็ยิ้มมมม เปล่าครับ ผมเอามาฝากให้น้อง ก็ตลกดีครับ (หัวเราะ)​ ตอนนั้นก็เป็นเหตุการณ์ที่ผมหัดเข้าครัว ก็เริ่มทำอาหารป๊อกแป๊ก ๆ มาเรื่อย ๆ ที่ผ่านมาก็ทำนาน ๆ ที ส่วนมากทำสเต๊กอะ เพราะมันซื้อเนื้อดี ๆ แล้วมันถูกกว่า เพราะทำเอง เวลาที่ร้านเขาก็ไม่ได้ทำอะไรเป็นพิเศษ เขาก็จี่ โรยเกลือ ง่าย ๆ เอาเนยลง เอาใบไธม์ โรสแมรี่โรย

ทุกวันนี้ยังไปเล่นกีฬา extreme ทั้งปีนเขา เซิร์ฟอยู่ไหม

ผมก็เล่นเซิร์ฟครับ กีฬาต่อสู้ก็ยังเล่นอยู่ครับ แต่คอก็เจ็บที่โดนรัดตั้งแต่เดือนกุมภา แล้วไม่หายซักที ไม่ดีขึ้นซักที ผมก็ไปกายภาพ เลเซอร์ อาทิตย์ละสองสามครั้ง มาหลายเดือนมากจนสุดท้ายมันเหมือนไปอยู่ที่ 80% หมอก็เลยบอกว่า อะ สเตียรอยด์เลยไหม เขาก็บอกเขาไม่เคยปักที่คอเหมือนกัน ผมก็แบบ อะ ไม่มีอะไรจะเสียละ เสียงมันจะไม่หายไปใช่ไหมหมอ หมอบอกไม่หาย เสียงไม่หายเลย ก็ปักเลย ตรงคอเลย ลืมถ่ายวิดีโอไว้ แต่ก็หายเลย สัปดาห์นี้ก็เลยต้องหยุด แต่คอเริ่มดีขึ้นแล้วเพราะว่าไปฉีดยาครับ ตอนนี้เลยต้องหยุดเล่นกีฬาต่อสู้ก่อน เพราะมันจะกระแทกแล้วมันจะเจ็บหนักเข้าไปอีก แล้วหลังจากปักมาผมก็หยุดไปสองวัน แล้วก็ไม่กล้าพูด ไม่กล้าร้อง กลัวมันจะไม่หาย แล้ววันนั้นในห้องซ้อมก็ลองร้องดู ก็ เอ้อ ถึงว่ะ! เสียงเก่ากลับมาแล้ว ร้องเสียงสูงได้แล้ว ซึ่งผมไม่รู้ว่ามันจะอยู่กับผมนานเท่าไหร่นะ วันเกิดผมเป็นวันแรกที่ผมร้อง เหมือนได้ของขวัญวันเกิดเลยอะ แต่เมื่อคืนร้องก็เหมือนไม่ได้กลับมาขนาดนั้น พยายามซ้อมก็รู้สึกว่า มันขึ้นเหมือนเดิมไม่ได้ง่ายขนาดนั้น แต่ก็ดีกับตอนก่อนปักเยอะ คือหลักการของมันก็คือ กล้ามเนื้อเรามันอักเสบ แล้วมันเป็นกล้ามเนื้อมัดจิ๋วเดียวที่คอ ที่เอาไว้ดึงเส้นเสียงด้านขวา แล้วพอมันเจ็บมันก็เลยไม่ดึง พอปักสเตียรอยด์เข้าไป มันหายเจ็บ มันก็เลยดึง

ดีใจด้วยที่เสียงกลับมาแล้ว

คิดว่านะครับ คิดว่านะครับ คิดว่าาาานะครับ (เสียงสูง) (หัวเราะ) 

Pae Arak

10 Fight 10 ที่ไปต่อยมวยมาเป็นอย่างไรบ้าง สนุกมั้ย

ก็ได้เพื่อนครับ เพื่อนที่อยู่ในแก๊ง ๆ ก็จะมีพี่บีม มีธามไท มีน้องแบงค์ แล้วก็มีพี่หลุยส์ที่จะเป็นแก๊งเดียวกัน เดี๋ยวคืนนี้ก็ไปหาพี่บีมที่ต่อยน็อกผมครับ เรามีนัดไปลงเรือกัน ตอนธามไท ก็ได้เพื่อนแล้วก็ได้สกิลมวยสากลมา กลายเป็นว่าเราซ้อมมวยสากลหนักประมาณจะเทิร์นโปรอะ หลาย ๆ คนก็ซ้อมแบบนั้นอะ กาย รัชชานนท์นี่น่าจะเทิร์นโปรได้แล้ว ขึ้นไปต่อยกับนักมวยก็น่าจะไม่ได้โดนน็อกง่าย ๆ แล้ว ส่วนผมก็ด้วยความที่ชอบกีฬายูโด มวยปล้ำ แต่พอได้ต่อยมวยก็เลยได้สกิลมวยสากลกลับมาด้วย ตอนนี้ก็เลยสนุกขึ้นเวลาไปเทรนที่ ๆ เราเล่นแต่มวยปล้ำ เล่นแต่ grappling เราก็เลยมี session ต่อยมวยด้วย แต่ว่าเอาจริง ๆ แล้วมันก็ค่อนข้างโหดร้ายกว่ากีฬา grappling เยอะ ผมก็ยังเชื่อว่าไฟต์ของผมสนุกอยู่ ซึ่งมันก็เป็นการตอบโจทย์ entertainment ของกีฬามวยด้วย ตอนนั้นเทรนมวยอยู่ 3 เดือนกว่า รู้เรื่องตั้งแต่มีนาคม ในขณะที่น้องแบงค์ ต่อยคนสุดท้าย เทรนมากกว่าผมสามเดือนครึ่ง เป็นคู่ที่ 10 หลังจากแข่งผมก็พยายามไปช่วยดู แต่หลังจากต่อยเสร็จแทนที่ผมจะได้ออกกำลังกายเลยผมต้องหยุดเดือนนึง เพราะว่าเอ็นฉีก โดนศอกพี่บีมตั้งแต่ยกแรก แล้วไม่รู้ตัวเลย ที่แรงมันตกก็อาจจะเป็นข้ออ้างได้ เพราะยกต่อ ๆ มาผมยกแขนไม่ได้เลย โดนศอกตั้งแต่ยกแรกเลย ยกสองออกมาผมก็ แบบ ทำไมต่อยแย้ปไม่ได้ ยิ่งน็อกลงไปยิ่งรู้สึกว่าแขนซ้ายมันยกไม่ได้ ก็ไม่เป็นไร ขวาอย่างเดียวก็ได้ เละ แต่ถามว่าให้เอาอีกไม่เอาอะครับ คือว่าชีวิตหนักมาก ผมมีหนังเรื่องนึง มีละคร แล้วก็มี 10 Fight 10 ก็จะมีช่วงเวลาว่างคือหนีไปอเมริกาสองอาทิตย์ ที่เหลือก็ลุย ซ้อม ทำงาน ซ้อม ทำงาน ไม่มีความสัมพันธ์กับเพื่อนมนุษย์เท่าไหร่เลย ไม่มีผู้หญิง ไม่มีแฟน ไม่มีสาว ซ้อมอย่างเดียว แล้วพอเสร็จปุ๊บมีเรื่องคอด้วย ตอนนั้นก็เลยค่อนข้างแย่ แต่ตอนนี้ทุกอย่างจบหมดแล้ว สามเดือนที่ผ่านมาผมก็ค่อนข้างว่าง ปกติว่างผมก็จะฟุ้งซ่าน แต่ว่าคราวนี้กลายเป็นว่าผมเอนจอยกับความว่างนี่ที่สุดแล้ว เพราะว่าสี่เดือนที่ผ่านมาบ้าไปแล้วอะ แต่ก็ให้อะไรเราหลายอย่าง 

ยูโดตอนนี้ได้สายฟ้าหรือยัง

ยังครับ (ตอบทันที) คือพอมีอกาารบาดเจ็บที่คอเนี่ย หลังจากผมกลับมาเล่นได้ กลับมาซ้อมได้ผมก็ไม่กล้าก็กลายเป็นเล่นแบบ safety เล่นกับเพื่อน เล่นกับคนที่รู้จักเท่านั้น สมัยก่อนที่เล่น ฝรั่งเหรอ มาเลย! ตัวใหญ่ ๆ สนุก มัน ตอนนี้ไม่กล้าแล้วเพราะว่าคอนี่มันเจ็บนานเหลือเกิน คือมันเป็นอาการการเจ็บคอที่ถ้าไม่ใช่นักร้องคงจะไม่เป็นไร เราก็แค่พูดปกติ ร้องเพลงตามวิทยุแล้วลำบากนิดหน่อย แต่พอเป็นนักร้องมันเรื่องใหญ่มากเลย แล้วพอผมไปดูวิดีโอของนักชก MMA ที่เขาเป็นสายปล้ำ เสียงเขาแหบต่ำมาก คือโดนรัดจนพังหมดแล้ว แล้วตอนนั้นที่ผมโดนปั๊บผมก็โทรหาพี่เล็ก ฮิวโก้ พี่เล็กก็บอกว่า เออ ไม่มีนักร้องคนไหนเขาให้ใครมารัดคอหรอกเป้ เขาก็ไม่เชิงดุหรอก ผมก็ถามพี่เล็กจะดุผมไหม พี่เล็กก็บอกไม่รู้จะพูดยังไง มันดุไม่ได้ 

Pae Arak Marshall ไม่บอก เดินทาง สอนใคร

ชอบฟังเพลงอะไรตอนขับรถไปไกล ๆ

ทำไมผมถึงคิดแต่เพลงคันทรี่ แต่ทริปล่าสุดที่ระยองกับจันทบุรีนี่ไม่ใช่นะ ทริปล่าสุดฟัง Lana Del Rey ชุดใหม่ ชอบมาก โคตรเจ๋งเลยอะ Lana Del Rey ชุดที่แล้วเขาก็มีความยิ่งใหญ่มากขึ้น จะแบบ ระเบิดเถิดเทิงยิ่งใหญ่หน่อย แต่ชุดนี้ ซิมเปิ้ลเข้าไปอีก คือเน้นเนื้อ เน้นเมโลดี้ แล้วเขาดูไม่อายที่จะพูดถึงเรื่อง sex, fuck เขาพูดตลอดเวลา มันดี นี่แหละ บางทีเขาดูเหมือนเขาเข้าใจว่าผู้ชายผู้หญิงต้องการอะไร แล้วเขาก็กล้าที่จะพูดมันออกมา เจ๋งดี ยังไงเราก็รู้สึกว่าคนนี้แม่งพิเศษมาก ๆ 

อย่างคันทรี่ชอบฟังเพลงอะไร

ผมชอบฟัง Old Crow Medicine Show แล้วก็ Willie Watson ซึ่งก็เป็นหนึ่งใน Old Crow Medicine Show เขาสุดตีนมากครับ เป็นคนที่น่ากลัว เป็นคนที่ร้องเสียงแบบ จมูก ดัง เล่นแบนโจสับเละเทะ เขาออกจากวงมาเพื่อทำโปรเจคเดี่ยว แล้วโปรเจกต์เดี่ยวก็คือเดี่ยวจริง ๆ ไม่มีคนอื่นเลย วิธีการก็คือ ฉันจะคัฟเวอร์ อัลบั้มที่ทำเป็นอัลบั้มคัฟเวอร์เพลงคันทรี่คลาสสิกที่ลืมไปแล้ว ก็แปลกดี แต่มันก็มีไปคัฟเวอร์ C.C.R. ด้วย

เวลาฟังเพลงคันทรี่ตอนขับรถไม่ง่วงเหรอ หรือว่าดุเดือดพอที่จะทำให้ไม่ง่วง

ง่วงครับ (หัวเราะ)​ ผมขับรถแล้วผมง่วงตลอดเลยครับเพราะผมชินกับการนั่งรถ ขึ้นรถตู้ผมก็หลับ ปัญหาคือขับแล้วก็ง่วง ฟัง Nirvana แล้วก็หลับได้ (หัวเราะ) ฟังเฮฟวี่ก็หลับได้ ง่วงก็คือง่วงเว้ย (หัวเราะ) 

ความสุขของการฟังเพลงตอนเดินทาง

ปกติตอนไปทริปก็จะฟังเพลงเรื่อย ๆ เพราะผมชอบพกลำโพงบลูทูธไปด้วยตอนไปเที่ยวกับเพื่อน มันจำเป็นครับ ตัวเล็ก ๆ ไว้ฟังได้ทุกที่ อยากฟังอะไรตอนไหนก็ฟัง ส่วนการ discover เต็ม ๆ อีกช่วงคือตอนขับรถเลยครับ กลายเป็นว่าผมชอบแต่งเพลงตอนขับรถเว้ย ตอนขับรถนะ ไม่ใช่ตอนนั่งรถ สอนใคร ก็ได้ตอนขับรถ โคตรแปลกเลย แล้วพอมานั่งวิเคราะห์ว่าทำไมถึงแต่งเพลงได้ ก็เพราะว่ามือเราจับมือถือไม่ได้ ถ้าเรานั่งรถเราก็หยิบมือถือมาไถ แล้วจิตเราก็อยู่กับเรื่องของคนอื่น ซึ่งเราก็อาจจะได้ไอเดียอะไรบางอย่าง แต่ว่า พอเราขับรถ มันกลายเป็นว่าจิตเราโฟกัสอยู่กับการเอาตัวรอด ให้ไม่ไปชนคนอื่น ซึ่งบางทีการเอาตัวรอดมันไม่ได้ยาก จิตเราเลยแบ่งไปอยู่จุดครีเอทีฟได้ เพราะเพลงมันก็เล่นด้วย Lana Del Rey, Post Malone เขาก็ร้องเพลงไป ล่าสุดก็ได้เพลงจากตอนที่ฟัง Lana Del Rey นี่แหละครับ เพลงใหม่ ชื่อเพลงว่า Made in Thailand 

มีเรื่องราวอะไรที่ได้จากการเดินทางไหม

ชอบมีคนบอกให้แต่งเพลงปีนเขา เพลงเซิร์ฟ แต่ผมนึกไม่ออก นั่งโง่อยู่ริมทะเลมั้ง (หัวเราะ) ความจริงแล้วผมก็ไม่ได้นั่งโง่อยู่ริมทะเลนะ อยู่ริมทะเลผมก็จะนั่งพักเหนื่อยมากกว่า เปิดเพลงฟังในลำโพงต่อโทรศัพท์ นั่งชิวไปเรื่อย ๆ รอไปเซิร์ฟต่อ 

ฝากผลงาน

ฝากอัลบั้ม Aragochina ไว้ในอ้อมใจด้วยครับ ขอบคุณมากฟังใจที่ให้ได้มาคุยกันตั้งแต่ต้นจนถึงช่วงกลางของอัลบั้ม เดี๋ยวหลังจากนี้ก็จะมีปล่อยอีกสองเพลงครับ ชื่อเพลงว่าผีเสื้อ กับเธอเลิกยากเหมือนบุหรี่ สองเพลงนี้ไม่มี mv แล้วครับ เอาจริงแล้ว mv ทั้งหมด 4 ตัวที่ทำมาเนี่ย Marshall ให้เงินนะครับ ขอบคุณเขามาก ๆ เลยครับ ปกติแล้วผมก็ใช้ทั้งลำโพง ทั้งหูฟังของเขา นี้เวลาไปวิ่งผมก็จะใช้หูฟังบลูทูธของเขานะ เป็นไอเท็มที่ขาดไม่ได้เลยล่ะ

อ่านต่อ

เตรียมความพร้อมไปพบกับ 6 เพลงใน Aragochina EP ใหม่ของ Pae Arak ที่รับประกันความเหวอ!

‘เธอไม่ต้องทำหรอกบุญ’ ซิงเกิ้ลใหม่ชวนตกนรกจาก Pae Arak and The Pisat Band

Wood and steel ไม้ 8 เพลง เหล็ก 8 เพลง จากเป้ อารักษ์ แอนด์ เดอะปีศาจแบนด์

เป้ อารักษ์ อมรศุภศิริ เรื่องราวของชีวิตนอกเวลางานดนตรี

Arak and the Pisat Band : Lonely boy

 

ติดตามได้ที่ Facebook ฟังใจ – Fungjai

Facebook Comments

Next:


Malaivee Swangpol

มิว (เรียกลัยก็ได้)​ โตมาข้าง ๆ วงมอชแต่ตอนนี้ฟังทุกแนว ชอบอ่านหนังสือ ตามหาของกินอร่อย ๆ และตอนนี้ก็คงกำลังวางแผนเที่ยวรอบโลกอยู่