Article Import

Alexander 23 โปรดิวเซอร์ r&b ที่ไม่หยุดหาสิ่งใหม่และรักในการทดลอง

Alexander Glantz หรือ Alexander 23 ชายหนุ่มผู้สนุกกับการทดลองทำเพลงรูปแบบต่าง ๆ โดยยืนพื้นที่ r&b อิเล็กทรอนิก ต่อสายตรงหาเราเพื่อบอกเล่าเรื่องราวระหว่างการกักตัว การได้ค้นพบสิ่งใหม่ ๆ และการได้ร่วมงานกับ Selena Gomez ศิลปินในดวงใจ ที่ทำให้ผู้ชายคนนี้เข้าสู่ความฝันใกล้ขึ้นอีกก้าว

ตอนนี้ผมไม่ได้ออกไปแสดงที่ไหนเลยครับ สถานการณ์ที่นี่แย่ลงเรื่อย ๆ ไม่ค่อยดีเลย ผมก็เลยเขียนเพลงเยอะมาก ทดลองทำเพลงเยอะ ๆ ในสตูดิโอ เพื่อหาว่างานชุดหน้าจะไปทิศทางไหนดี แล้วมันก็เป็นประสบการณ์ที่แปลกแต่ดี ที่ผมได้กลับมาใช้ชีวิตแบบเรียบง่าย ผมได้ทำอาหารเยอะขึ้น โทรหาครอบครัวบ่อยขึ้น ออกไปเดินมากขึ้น แล้วก็มีเวลาได้คุยกับตัวเอง

กลายเป็นว่ามันเป็นโอกาสที่หาได้ยากมากในชีวิตที่จะเกิดขึ้น มีหลาย ๆ อย่างที่ผมไม่เคยได้ทำความเข้าใจระหว่างที่ผมไปทัวร์ กับการได้ทบทวนความคิดของตัวเอง ว่าอยากจะมุ่งไปทางไหน บางทีสมมติเราพุ่งไปแล้ว เราก็มีโอกาสได้มานั่งคิดใหม่เผื่อว่าอยากจะไปทางอื่นมากกว่า ซึ่งมันสร้างพลังบวกให้กับตัวผมเองเยอะนะ

I’m Sorry I Love You เป็นอัลบั้มที่เล่าเรื่องในช่วงอายุ 20 ปีกว่า ๆ

ส่วนใหญ่มันจะพูดเรื่องความรัก และการอกหัก ในช่วงอายุเท่านี้ ผมว่าสิ่งที่ทำให้เพลงของผมประสบความสำเร็จเพราะผมไม่ใช่คนเก่ง คนพิเศษอะไร ผมก็แค่คนคนนึงที่มีความรู้สึกแบบนี้เช่นเดียวกับที่ทุก ๆ คนจะเคยรู้สึก และในฐานะคนเขียนเพลง ผมจะมองว่าตัวเองเป็นคนถ่ายทอดความรู้สึกนั้นผ่านเพลง ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในความสัมพันธ์ของผมช่วงอายุ 20 ต้น ๆ แหละครับ

ความทรงจำที่ดีที่สุดในช่วงอายุ 20

มีเรื่องดี ๆ เกิดขึ้นเยอะมากเลยครับ จนตอนนี้ผมคิดว่าตัวเองใช้ชีวิตที่ 8 ไปแล้ว (เทียบตัวเองกับแมวที่มีความเชื่อบอกว่า แมวมี 9 ชีวิต) ตอนนั้นผมมีโอกาสได้ไปเล่นที่ Lollapalooza ครับ ผมมาจากชิกาโก้ แล้วพ่อแม่ เพื่อนผม ก็อยู่ที่นั่นกันหมด แล้วผมได้ไปเล่นเฟสติวัลใหญ่อันนี้มันเป็นอะไรที่เยี่ยมมากเลยครับ เหมือนผมได้เข้าใกล้ความฝันอีกขั้นนึง

ผมชอบไปเล่นที่เทศกาลดนตรีมาก ๆ อยากไปเล่นหลายที่เลย หวังว่าจะมีโอกาสได้มาเล่นที่ South East Asia หรือที่ไทยด้วยนะครับ เพราะผมก็ชอบเดินทางมาก ๆ แล้วถ้าได้ไปจริง ๆ คงจะดีมาก จากที่ผมเห็นทางออนไลน์ แฟน ๆ ก็ให้การตอบรับผมดีมาก พวกเขารักเพลงของผม ในฐานะศิลปินก็รู้สึกประทับใจมาก ๆ ครับ ก็หวังว่าจะได้ไปเจอกัน

เป็นคนไปเล่น กับเป็นคนไปดู ให้ความรู้สึกแตกต่างกันยังไง

โห มันสุดยอดมากครับ (หัวเราะ) คือจริง ๆ ผมไม่ใช่พวกขี้อิจฉาหรอก แต่พอผมเห็นคนอื่นกำลังขึ้นเวทีอยู่ มันทำให้ผมสนุกไม่ออก เพราะผมอยากจะมีประสบการณ์แบบเดียวกันกับคนบนเวทีพวกนั้นบ้าง แล้วตอนนี้ผมได้มีโอกาสตรงนั้นบ้างก็รู้สึกตื้นตันใจมาก ๆ ครับ

บางทีจะได้ยินเสียงนอยซ์ ฮิปฮอป r&b ซาวด์ทดลองต่าง ๆ ในเพลงของคุณด้วย

ใช่ครับ ในฐานะโปรดิวเซอร์ผมก็มีความสนใจในซาวด์หลาย ๆ แบบ สนใจโปรดักชันแบบต่าง ๆ แล้วผมก็อดไม่ได้ที่จะทดลองไปซะทุกอย่าง แล้วที่ผมเอามารวมกันทั้งหมดได้โดยไม่ได้รู้สึกฝืนในฐานะคนเขียนเพลง เพราะผมรู้สึกไปกับส่วนประกอบทั้งหมดได้ คือบางทีก็สนุกดีถ้าเรายิ่งทำอะไร contrast ๆ ลงไปในเพลง ผมฟังเพลงเฉพาะทางเยอะมากครับ แล้วผมก็ชอบพวกเสียงขยะ อะไรหนวกหู ๆ บางทีใช้เวลา 16 ชั่วโมงต่อวันในการทำเสียงที่น่ารำคาญออกมา แล้วหาทางใส่ลงไปในเพลง ไม่รู้สิ ผมชอบลองอะไรแปลก ๆ ชอบเขียนเพลงมากครับ

คนพูดว่าเดี๋ยวนี้ แนวเพลง ได้ตายไปแล้ว คุณคิดว่ามันยังจำเป็นไหมที่เราต้องมีแนวเพลงอยู่

ครับ ผมว่าตอนนี้กำแพงมันได้หายไปแล้ว แล้วทุกคนก็กล้าจะก้าวเท้าเข้าไปในสิ่งที่พวกเขาไม่คุ้นเคยเพื่อสร้างสิ่งใหม่ สำหรับผมไม่ว่าจะเพลงของผม หรือเวลานึกถึงศิลปินที่ผมชอบก็ตาม พวกเขาจะผสมเอาหลาย ๆ แนวมาไว้ด้วยกัน แล้วมันออกมาฟังอร่อยหูมาก ไม่ว่าจะเสียงร้อง หรือดนตรี เขาทำออกมาได้กลมกล่อม

ผมอยากให้คนสามารถเอาเพลงของผมไปไว้ในกลุ่มของเพลงที่ฟังได้สนุก ไม่ได้อยากให้มันต้องเป็นแนวเพลงวิเศษวิโสอะไร ผมแค่อยากให้เพลงมันฟังได้เพลิน แม้จะเป็นการผสมของหลาย ๆ แนวก็ตาม

ใครที่เป็นแรงบันดาลใจของคุณ

แน่นอนครับ John Mayer ที่เป็นแรงบันดาลใจสำคัญ เขาทำหลายอย่างที่น่าสนใจกับกีตาร์ และโปรดักชันของเขา แล้วยังทำเพลงออกมาได้งดงามมาก ๆ สำหรับผมคือเขาเก่งมาก แล้วก็ชอบ The Beatles การเรียบเรียงเพลง แล้วก็โครงสร้างที่น่าสนใจในเพลงพวกนั้นเป็นแรงบันดาลใจกับผมในการเขียนเพลงสุด ๆ หรือการร้องประสานเสียงทับกันหลาย ๆ ไลน์ ผมก็ได้อิทธิพลมาจาก The Beatles หรือ The Beach Boys เนี่ยล่ะครับ

จะมีใครเป็นศิลปินก้องโลกแบบคนเหล่านั้นได้อีกไหม ในเมื่อโลกทุกวันนี้มีคนเป็นศิลปินเต็มไปหมด

ก็ได้นะครับ แต่อาจจะเป็นในแง่มุมที่ต่างกัน อย่าง Drake เนี่ยเพลงของเขาก็ปฏิวัติวงการมาก ๆ เราไม่สามารถตัดสินศิลปินได้จากกลไกของการจัดจำหน่ายเพลงในสมัยนี้ พวกยอดขายเราดูไม่ได้แล้ว ผมว่าเรามองไปที่ผลงานของเขา แล้วก็สิ่งที่พวกเขาสร้างแรงสั่นสะเทือนให้กับวงการ หรือวัฒนธรรมจะดีกว่า

งานใหม่จะต่างจากชุดก่อน ๆ ยังไง

จะมีกีตาร์มากขึ้นครับ ธีมหลักของชุดนี้ แล้วผมก็รู้สึกกระอักกระอ่วนกับเสียงร้องของตัวเองน้อยลง เขียนเพลงได้คล่องขึ้น ไม่เขิน แล้วผมก็เริ่มจะมองเห็นตัวเองว่าอยากจะเป็นแบบไหนตอนอายุ 30 อยากให้คนมองยังไงได้บ้างแล้ว ซึ่งผมก็มีเป้าหมายว่าจะทำให้ดีขึ้นเรื่อย ๆ ครับ

ได้ร่วมงานกับ Selena Gomez 

โห เป็นอะไรที่สุดยอดมากครับ ผมดีใจมาก ๆ เพราะเป็นทั้งแฟนเพลง แฟนผลงานของเขาอยู่แล้ว แล้วพอเขาชวนไปร่วมงาน ผมก็ตื่นเต้นมาก ๆ ที่เขาอยากให้ผมใส่ความเป็นตัวของผมเองเข้าไป ไม่ต้องพยายามเป็น Selena Gomez ทำอะไรก็ได้ที่ปกติผมทำอยู่แล้ว เต็มที่เลย แล้วการที่เขาให้อิสระในการทำงานกับผมขนาดนั้น ผมถือว่าเป็นสิ่งที่เยี่ยมยอดครับ แล้วแฟนเพลงของเขาก็น่ารักมากด้วย สนับสนุนเพลงของเรามากเลยครับ

สิ่งแรกที่จะทำหลังจากที่ COVID-19 หายไปแล้ว

บินมาเมืองไทยเลยครับ อยากมามาก ๆ ผมมีเพื่อน ญาติ ๆ ที่เคยมาแล้ว เขาจ้อให้ผมฟังไม่หยุดเลยว่าเมืองไทยสวยขนาดไหน ผมต้องมาเห็นกับตาตัวเองให้ได้ แล้วผมก็เขียนเพลงไว้เยอะมาก ๆ รอที่จะปล่อยไม่ไหวแล้วครับ

Facebook Comments

Next:


Montipa Virojpan

อิ๊ก เนิร์ดดนตรีที่เพิ่งกล้าเรียกตัวเองว่าเป็นนักเขียนตอนอายุ 25 ชอบเดินเร็ว นอกจากขนมปังกับกาแฟดำแล้วก็สามารถกินไอศกรีมกับคราฟต์เบียร์แทนมื้อเช้าได้