Article Import

เรื่องเล่าจาก Noodle มือกีตาร์วง Gorillaz กับการเป็นมากกว่าจินตนาการของ Damon Albarn และ Jamie Hewlett

  • Writer: Montipa Virojpan

ทุกวงดนตรีบนโลกนี้มีเรื่องเล่า และบางเรื่องกลายเป็นที่กล่าวขวัญพอ กับผลงานเพลงของพวกเขาด้วยซ้ำ ว่ากันว่า Robert Johnson เป็นนักดนตรีบลูส์ที่มีฝีมือเก่งกาจเพราะได้ทำสัญญากับปีศาจ บางวงร็อกมีเพลงที่ต้องเล่นย้อนกลับแล้วจะพบกับข้อความที่ซ่อนไว้ใช้สื่อสารกับซาตาน ศิลปินมากมายพร้อมใจกันเสียชีวิตในวัย 27 ปี และหนึ่งในเรื่องที่เราชอบที่สุดคือการผจญภัยของ Gorillaz วงดนตรีสี่ชิ้นที่มีประวัติโชกโชนจนเราต้องลุ้นว่าพวกเขาจะปลอดภัยกลับมาทำอัลบั้มใหม่ให้เราได้ฟังกันหรือไม่

ช่วงสาย ของวันหนึ่งในฤดูใบไม้ร่วง เรากำลังนั่งรอหนึ่งในสมาชิกของ Gorillaz ที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่งย่านเอบิสึในโตเกียว เสียงฝีเท้าเข้ามาใกล้ทำให้เราเงยหน้าขึ้นจากถ้วยกาแฟ และพบว่านั่นคือ Noodle มือกีตาร์ชาวญี่ปุ่นของวง รู้สึกแปลกดีที่ภาพจำในช่วงแรก ของเราที่มีต่อเธอคือเด็กมหาประลัยตัวกระเปี๊ยก แต่ตอนนี้เธอโตจนอายุไล่เลี่ยเรา แถมยังแต่งตัวจัดจ้านกว่าเดิมมาก เราทักทายกันเล็กน้อยก่อนที่นูเดิ้ลจะเดินไปสั่งเครื่องดื่มแล้วกลับมานั่งลงที่โต๊ะ

Gorillaz

ให้เริ่มเล่าจากตรงไหนก่อนดีนูเดิ้ลถาม น้ำเสียงของเธอตื่นเต้นมาก เพราะก่อนหน้าเราติดต่อไปหาเธอและบอกว่าอยากฟังเรื่องของวง Gorillaz จนเกิดเป็นการนัดหมายครั้งนี้

ตั้งแต่แรกเลยก็ได้ พวกคุณมาเจอกันได้ยังไง

แต่มันยาวมากกกกกก เลยนะ

ฉันมีเวลาให้คุณทั้งวันแหละ เดี๋ยวฉันเลี้ยงกาแฟคุณเอง

ปี 1997 เป็นครั้งแรกที่ Murdoc Niccals (มือเบส) ได้รู้จักกับ Stuart Tusspot (ฟรอนต์แมน เคยเป็นที่รู้จักในชื่อ Stu-Pot แต่ต่อมาทุกคนเรียกเขาว่า 2-D) แต่มันไม่ใช่ความตั้งใจของทั้งคู่ เพราะจริง แล้ว เมอร์ดอคอยากเป็นร็อกสตาร์ เลยจะตั้งวงดนตรีขึ้นมา แต่วงดนตรีก็ต้องมีเครื่องดนตรี เขาเลยจะขโมยซินธิไซเซอร์จากร้านที่ 2-D ทำงานอยู่ ซึ่งวิธีก็คือขับรถพุ่งเข้าไปในร้านแม่งเล้ย แต่เวรกรรมที่รถชนเข้าที่หัวของ 2-D อย่างจังจนสมองที่ไม่ค่อยปกติ (จากการตกต้นไม้ตอนอายุ 11 จนผมสีน้ำตาลร่วงหมดหัวแล้วงอกขึ้นมาใหม่เป็นสีน้ำเงิน) ของเขาได้รับการกระทบกระเทือน และเกิดเลือดคั่งที่ตาข้างซ้ายจนกลายเป็นสีดำ (แต่ไม่บอดนะ) ด้วยเหตุนี้เลยทำให้เมอร์ดอคถูกตัดสินให้ต้องบำเพ็ญประโยชน์ 30,000 ชั่วโมง และต้องดูแล 2-D ที่อยู่ในอาการโคม่าเป็นเวลา 10 ชั่วโมงทุกสัปดาห์

“หนึ่งปีต่อมา 2-D ก็กลับมารู้สึกตัว แต่ไม่ใช่เพราะรักษาตัวจนดีขึ้นนะ คือวันนั้นเมอร์ดอคเอาเขานั่งรถไปด้วย แล้วจู่ เกิดอยากดริฟต์รถโชว์สาวกลางลานจอดรถ แล้วอีท่าไหนไม่รู้ 2-D ก็โดนเหวี่ยงพุ่งทะลุกระจก หน้าไปกระแทกกับขอบฟุตบาทที่ห่างออกไปเกือบโล แต่อยู่ ก็ลุกขึ้นมาได้ ตอนที่หันไปมองเมอร์ดอค เขาก็ดึงเอา 2-D เข้าวงด้วยเลย เพราะตาขวาก็เลือดคั่งเพิ่มอีกข้างจนกลายเป็นสีดำเหมือนกัน ลองนึกดูสิ มีฟรอนต์แมนที่ตาขาวกลายเป็นสีดำ หัวสีฟ้า เท่จะตาย ส่วนชื่อ 2-D ก็มาจากรอยบุบสองรอยบนหัวเขา แล้วเขาดันชอบด้วยก็เลยเลิกใช้ชื่อ Stu-Pot ไปเลย

พนักงานยกกาแฟของนูเดิ้ลมาเสิร์ฟ เธอดมกลิ่นของมันและค่อย จิบก่อนจะเล่าต่อจากนั้นเมอร์ดอคก็บังเอิญเจอเว็บไซต์ http://giganticdisusedhauntedstudiosinthemiddleofnowhere.com ที่กำลังหาคนมาช่วยดูแลอาคารหลังหนึ่งช่วงฤดูหนาว แต่พอเมอร์ดอครับกุญแจมา เจ้าของก็กรีดร้องแล้ววิ่งเผ่นแน่บไปเลย ซึ่งเจ้าของก่อนหน้าพวกเราคือพวกไบค์เกอร์ Hell’s Angels ที่ชื่อ ‘The Nomads’ ตอนประมาณ 1993 ก็จัดปาร์ตี้ที่ชวนไบค์เกอร์แก๊งอื่น ๆ จากทั่วอังกฤษมาสนุกกัน แต่ด้วยจำนวนกว่าสองพันคนที่มากเกินกว่าสถานที่จะรับไหวเลยทำให้เกิดความวุ่นวายจนมีเพลิงลุกไหม้ ทุกคนที่ติดอยู่ในนั้นก็ถูกย่างสดตายหมดเลย…เรากลืนน้ำลายเอื้อกหลังจากฟังเธอเล่าจบ เลยแกล้งทำเป็นหยิบกาแฟขึ้นมาจิบด้วย “…มันเป็นอาคารตั้งอยู่บนเนินเขาในเอสเซ็กซ์ ว่ากันว่ามันเคยเป็นสุสานมาก่อนอะนะ ตอนปี 1665 เขาใช้เป็นที่ทิ้งศพคนเป็นโรคห่า ปี 1749 เซอร์ Emerick Khong ก็สร้างอาคารขึ้นมา เลยใช้ชื่อว่า ‘Khong Mansion’ ตอนหลังเมอร์ดอคก็เปลี่ยนเป็น ‘Kong Studios’ แล้วพา 2-D มาอยู่ด้วย จากนั้นก็ลักพาตัว Russell Hobbs มาเป็นมือกลอง

แต่รัสเซลอยู่ที่บรูคลินไม่ใช่เหรอตอนนั้น

มันมีเรื่องที่ทำให้เขาย้ายไปอังกฤษ คือจริง เขาเป็นคนดีมาก ไม่น่าจะมาอยู่กับพวกเราได้ด้วยซ้ำ อยู่ในโรงเรียนที่ดี สังคมดี แต่มีเรื่องว่าเขาโดนปีศาจเข้าสิงแล้วไปสร้างเรื่องที่โรงเรียนจนโดนไล่ออก แล้วอยู่ ๆ ก็นอนแน่นิ่งไปสี่ปีจนที่บ้านต้องให้บาทหลวงมาไล่ผีออกไปจากร่าง พอเขาหายแล้วจะกลับไปเรียน โรงเรียนก็ไม่รับเขาแล้วเลยต้องไปเรียนที่ใหม่ ก็ได้สนิทกับเพื่อน ที่อินซีนฮิปฮอป แต่ดันโชคร้ายที่เพื่อน โดนกราดยิงตาย แล้ววิญญาณของพวกนั้นก็เข้ามาอยู่ในร่างรัสเซล

ฮะ!!!??? 

อื้อเธอตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉยเหมือนเรื่องที่เล่าเป็นเรื่องปกติ ทั้งที่เรื่องมันเซอร์เรียลจนเราแทบไม่เชื่อหูตัวเองหลังจากนั้นเขาก็ย้ายไปอยู่กับลุงที่อังกฤษ ทำงานในร้านขายแผ่นเสียงที่โซโฮ ตอนนั้นเมอร์ดอคไปทำทีว่าหาแผ่นเสียงปี 50s กับเขา แล้วก็เอาถุงคลุมหัวลากออกจากร้านก่อนจะพามาโผล่ที่สตู ทีแรกเขาก็กลัว แหละ แต่พอได้ฟังเพลงที่เมอร์ดอคทำก็ชอบแล้วตัดสินใจอยู่กับสองคนนั้นเลย ซึ่งวิญญาณเพื่อน ในตัวรัสเซลก็ช่วยให้เขาคิดบีตฮิปฮอปเท่ ในเพลงของเรา เขาเป็นคนทำให้พวกนั้นรู้จักกับฮิปฮอป ฟังก์ แจ๊ส บลูกราส สกา เร็กเก้ ดั๊บ เวิร์ลมิวสิก เคราต์ร็อก แทบจะทุกอย่าง ถ้าไม่มีเขาฉันว่าวงไม่น่ารอด ดูสภาพเมอร์ดอคกับ 2-D สิ

ดูตัดสินใจกันง่ายจังแฮะแล้วคุณเข้าไปอยู่ในวงได้ยังไง คุณเป็นคนญี่ปุ่นด้วย

ก่อนหน้านี้เขามีมือกีตาร์ชื่อ Paula Cracker เป็นแฟนเก่าของ 2-D แต่รัสเซลจับได้ว่าเมอร์ดอคกิ๊กกับพอลล่าก็เลยซัดเข้าที่หน้าเขาจนดั้งหักอย่างที่เห็น แล้วเขาก็ไปบอก 2-D จนพอลล่าต้องออกจากวงไป

“ส่วนฉัน… ตอนนั้นฉันน่าจะประมาณสิบขวบ ฉันถูกจับยัดมาในกล่องพัสดุ FedEx ที่มีคนมาหย่อนไว้หน้าคองสตูดิโอ สักพักก็เมอร์ดอคได้ยินเสียงกริ่งก็เดินมาเปิดประตูดันฉันเข้าไปข้างใน แล้วฉันก็กระโดดออกมาจากลังนั่น โซโล่กีตาร์แบบคลั่ง กระโดดเตะสูงโชว์หนึ่งที ก่อนจะพูดว่านูเดิ้ลในตอนจบ แล้วพวกนั้นก็เอาฉันเป็นมือกีตาร์แทนพอลล่าเลย แต่การมาถึงของฉันก็ทำให้พวกนั้นได้ชื่อวงในที่สุด ก็คือ Gorillaz หลังจากที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาอยู่หลายที แล้วก็ทำเพลงชื่อ Ghost Train ออกมาเป็นเพลงแรก มันไม่ได้อยู่ในอัลบั้มแรก (2001) แต่ไปอยู่ในอัลบั้มรวมเดโม่ชื่อ G-Sidesงงปะ ฉันยังงงตัวเองเลย

ที่น่างงกว่าคือทำไมคุณถึงไปอยู่ในกล่องพัสดุ แล้วยังเล่นกีตาร์เทพ ได้ตั้งแต่อายุสิบขวบอีก

อาเรื่องมันเริ่มยาวเกินไปแล้วจริง แต่ยังไงก็ต้องเท้าความแหละนะ มันมีอะไรเกิดขึ้นเยอะแยะไปหมดก็คือ พอหลังจากออกอัลบั้มแรกไปแล้ว ปี 2002 เราได้ไปทัวร์หลายที่ ได้เข้าชิง Brit Awards 6 รางวัลไม่ชนะอะไรเลย (หัวเราะ) แต่พวกเรารู้สึกว่า Gorillaz กำลังรุ่งมาก เลยจะทำหนังเกี่ยวกับวง แล้วก็เกิดปัญหานิดหน่อย เริ่มจากตอนที่เราทัวร์ 2-D ลืมล็อกประตูสตูก็เลยมีคนเข้ามาขโมยเทปพวกเรากับอุปกรณ์บางส่วนไปทำรีมิกซ์ชื่อ Laika Come Home รู้ตอนหลังว่าชื่อ Spacemonkeyz เป็นแก๊งสามคนที่หน้าเหมือนลิง… no offense แต่เหมือนจริงอะ แล้วฉันก็ได้ก็อปปี้ส่งมาชุดนึง ทีแรกก็โกรธแหละ แต่พอลองฟังแล้วเพลงพวกเราเปลี่ยนไปอีกแบบเลย เร็กเก้นัว ๆ rubbadub, ruggamuffin, rocksteady รัว ๆ ชอบขึ้นมาซะงั้น (หัวเราะ) ก็ขอบคุณค่ะที่เอาไปทำซะเก๋เลย

แล้วอีกเรื่องคือวันฮาโลวีนปีนั้น คองสตูดิโอโดนสั่งปิดเพราะมีคนแจ้งว่าพบผู้ชายวิ่งล่อนจ้อน โวยวายสติแตกแถว สตู จนรู้ว่านั่นแหละคือเจ้าของเก่าคนที่เอากุญแจให้เมอร์ดอคแล้ววิ่งหายไป พอตำรวจเข้ามาตรวจสอบพื้นที่รอบ เราเลยต้องย้ายไปอยู่บ้านเช่าในฮอลลิวู้ด โปรเจกต์หนังยังมีอยู่ แต่ทุกคนดูหลงระเริงกับพวกคนดัง ปาร์ตี้ พี้ยา ทะเลาะกับโปรดิวเซอร์ ผู้กำกับ โดยเฉพาะกับเมอร์ดอค ฉันเหนื่อยกับตาแก่นี่จริง คือเขาโดน Playboy Mansion แบนเพราะขโมยที่เขี่ยบุหรี่ ไหนจะทะเลาะกันเองถึงขั้นจะฆ่า 2-D เราเลยตกลงแยกกันไปประมาณปีครึ่ง”

แล้วตอนนั้นพวกคุณไปทำอะไรกัน

“2-D กลับไปทำงานที่สวนสนุกของพ่อของเขา สภาพจิตใจเขาดีขึ้นแล้วก็เป็นเพื่อนกับ Shane Lynch วง Boyzone รัสเซลยังอยู่ที่ LA แต่โดนกริม รีปเปอร์ ตามรังควานเอาวิญญาณเพื่อนของเขาออกไปจากร่างจนเขาล้มป่วย แต่โชคดีที่ Ike Turner ให้เขาใช้ห้องบูชาชั้นใต้ดินในบ้านเป็นที่รักษาตัว แล้วรัสเซลก็เขียนงานเดี่ยวของตัวเองไปด้วย เมอร์ดอคไปเม็กซิโกแล้วโดนตัดสินให้เข้าคุก 30 ปีข้อหาเอาเช็กปลอมโอนให้กะหรี่ คุณก็รู้ว่ามาเฟียเม็กซิกันดุแค่ไหน แต่ตอนหลังก็มีคนช่วยเขาแหกคุกได้ แถมเป็นเพื่อนกับอีกาชื่อ Cortez (ภายหลังถูกเมอร์ดอคจับย่างกินโดยไม่ได้ตั้งใจ) ส่วนฉันตัดสินใจไปโอซาก้าจากที่อยู่บนกล่อง FedEx เพราะอยากรู้ว่าจริง แล้วฉันเป็นใคร คือระหว่างทัวร์ฉันฝันร้ายและเห็นภาพหลอนตลอด

“วันนึงฉันไปร้านซูชิฉันก็ได้ยินคนสั่งเมนูช่ือ ‘Ocean Bacon’ แล้วความทรงจำทั้งหมดของฉันก็กลับคืนมา รวมถึงพูดภาษาอังกฤษได้คล่องเลย เพราะคำนั้นคือคำที่เอาไว้ใช้ล้างสมองฉันในทีแรก…” เราตั้งใจฟังเธอเล่าต่อ “…ตอนปี 1990 ฉันกับเด็กอีก 22 คนที่เกิดมาถูกฝึกให้เป็นอาวุธลับของกองทัพและรัฐบาลญี่ปุ่น แต่ตอนหลังพวกเขามองว่าพวกเราอันตรายเกินไป ก็เลยตัดสินให้เราเป็นการทดลองที่ผิดพลาด พร้อมกับสั่งให้ด็อกเตอร์คิวโซที่เป็นหัวหน้าโครงการเก็บพวกเราซะ ไม่รู้ทำไมเขาถึงไม่ฆ่าฉัน แต่เลือกที่จะจับลบความทรงจำแล้วส่งมาที่อังกฤษพร้อมกับบอกเบื้องบนว่าฉันตายไปแล้ว

นั่นแหละ พอฉันรู้ที่มาที่ไปของตัวเองก็เกิดคิดถึงเพื่อนเลยกลับมา แต่คองสตูดิโอโทรมลงมากเพราะไม่มีใครอยู่แถมโดนพวกซอมบี้ลิงยึดไปหมด ก็เลยจัดการเก็บกวาดอะไรก็ตามที่ไม่จำเป็น แล้วทำให้บ้านกลับมาเป็นบ้านอีกครั้งตอนปี 2004…”

เป็นตอนที่คุณเริ่มทำอัลบั้ม Demon Days?

ใช่ค่ะ จริง แล้วฉันเรียกโปรเจกต์นี้ว่า ‘We Are Happy Landfill’ เราคือบ้านแสนสุข ใช่ปะ? (หัวเราะ) ในระหว่างที่ตื๊อให้ทุกคนกลับมา ฉันก็ใช้ห้องหลบภัยที่คองสตูดิโอเขียนเพลงขึ้นมาจนเสร็จ เผอิญว่าเพลงแรกที่ทำคือ DARE ตอนนั้นคนอื่น ยังไม่อยู่ที่นี่ ฉันอยู่ว่าง ก็เลยร้องเอง กับชวน Shaun Ryder มาร้อง

แล้วคุณทำยังไงทุกคนถึงยอมกลับมารวมตัวกันอีกครั้ง

ก็แค่เท็กซ์ไปหา ฉันบอก 2-D ว่า Gorillaz จะไม่มีวันนี้เลยถ้าไม่มีเขาเป็นนักร้องนำ เหมือนกันกับรัสเซล วงของเราจะไม่มีมือกลองไม่ได้ และเขาคือคนที่เก่งที่สุดของเรา ส่วนเมอร์ดอคเฮ่อ อยู่ เขาก็กลับมาที่สตูเองพร้อมกับเตกิล่าเป็นลังกับหมวกซอมเบรโร่ที่เขาใส่แล้วดูโง่ แล้วพอรู้ว่าอัลบั้มเสร็จแล้วเขาก็เคลมออกสื่อว่าทำทุกอย่างเองหมด ไอ้เฮงซวยแต่ก็ต้องให้เครดิตเขาแหละสำหรับสตูดิโอและอุปกรณ์ทั้งหมดในนี้

ว่าตามตรงอัลบั้มนี้เหมือนเป็นจุดที่พวกคุณดังพลุแตกเลยนะ รู้ไหมฉันรู้จักพวกคุณจากเพลง Feel Good Inc. แหละ 

พอเราพูดจบ นูเดิ้ลก็ทำตาลุกโพลงแล้วตอบด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น จริงหรอ! ดีใจจัง แต่ตอนนั้นคุณก็คงเด็กมาก เหมือนกับฉัน (หัวเราะ) อาจจะเป็นอย่างนั้นก็ได้นะ ตอนหลังเราได้ De La Soul มาร่วมงานด้วยในเพลงนั้น ส่วน DARE ปล่อยออกมาเป็นซิงเกิ้ลที่สอง แล้ว Feel Good Inc. ก็เป็นเพลงแรกของเราที่ติดอันดับ 1 UK Charts ต่อด้วย Dirty Harry, Kids With Guns แล้วก็ El Mañanaงั้นคุณน่าจะรู้เรื่องของฉันในตอนนั้นด้วยใช่ไหม

ทีแรกฉันตั้งใจจะพักงานหลังถ่าย mv เพลงนี้จบ เพราะจะใช้โปรโมตอัลบั้มเป็นเพลงสุดท้าย แล้วเหมือนมีผู้หวังดีรู้เรื่องเข้า ส่งเฮลิค็อปเตอร์สองลำมายิงถล่มตอนกำลังถ่าย ตอนนั้นฉันยังไม่รู้ว่าพวกมันเป็นใคร แต่วินาทีที่กังหันโดนพุ่งชน แล้วเกาะลอยฟ้าค่อย ร่วงลงไป มันน่ากลัวมาก…”

และทุกคนคิดว่าคุณตายไปแล้ว

ใช่ 2-D กับรัสเซลก็คิดงั้น แต่เมอร์ดอคไม่ตกใจอะไรตอนเกิดเรื่อง แล้วเขาก็เชื่อเหลือเกินว่าฉันยังไม่ตาย เมอร์ดอคให้สัมภาษณ์กับทุกสื่อว่า Jimmy Manson คือคนที่วางแผนฆ่าฉัน แต่ลองคิดดี นะ จิมมี่คือคนที่ช่วยเมอร์ดอคแหกคุกที่เม็กซิโกแล้วกลายมาผู้จัดการสังกัดใหม่ของเรา ก่อนหน้านี้เราอยู่ EMI แล้วระหว่างที่ถ่ายทำก็มีคนเชื่อว่าเมอร์ดอคร่วมมือกับเขาให้มีคนมาฆ่าฉัน แต่จิมมี่เองก็โดนเขาหลอก ถูกจับล็อกอยู่ในหอคอยแล้วร่วงตายไปพร้อมกับกังหันลม ส่วนฉันเองก็หาทางหนีมาได้จนทุกคนได้เห็นฉันอีกครั้งในเพลง On Melancholy Hill นั่นแหละ เห็นว่าเมอร์ดอคก็สร้างเรื่องต่าง นานาขึ้นมา บอกว่าเขาไม่รู้เห็นการโจมตีครั้งนั้น แถมไปโม้ว่าจริง แล้วฉันทรมานอยู่ในนรกจนเขาก็หาทางช่วยฉันให้กลับมามีชีวิตบ้าบอที่สุด นี่ฉันยังโกรธเขาไม่หายเลยที่ตอนทุกคนแยกย้ายกันไปพักจากเรื่องแย่ ๆ” นูเดิ้ลพักจิบกาแฟ “อยากได้ขนมอะไรสักชิ้นไหม”

ไม่เป็นไรค่ะ เล่าต่อเลย 

ปี 2007 ค่ายของเราปล่อยอัลบั้ม D-Sides ออกมาให้ดูเหมือนว่าเราไม่ได้หายไปไหน ส่วนฉันที่เก็บตัวอยู่ก็พยายามหาทางติดต่อกลับมาที่สตูผ่านคลื่นวิทยุแต่ไม่มีใครตอบฉัน ขณะที่เมอร์ดอคประกาศขายสตูลงบนเว็บเดิม (http://giganticdisusedhauntedstudiosinthemiddleofnohere.com) แต่ก็ไม่มีใครซื้อซักที เขาเลยเผาคองสตูดิโอทิ้งแล้วโบ้ยความผิดให้วัยรุ่นกลุ่มนึงติดคุก จากนั้นก็เอาเงินประกันไปสร้างสตูใหม่บนเกาะเกาะนึงชื่อ ‘Point Nemo’ ทางตอนใต้ของชิลี มันเป็นเกาะที่เกิดขึ้นมาจากขยะในทะเลมาทับถมกัน จากนั้นพวกเขาก็เริ่มทำอัลบั้ม Plastic Beach กันนั่นแหละ

แล้วตอนที่คุณหายไป เขาก็สร้างร่างไซบอร์กของคุณขึ้นมาหรอ

ช่าย เห็นว่าพวกนั้นเข้าไปเก็บดีเอ็นเอของฉันมาจากซากกังหันอันนั้นแล้วใส่เข้าไปในหุ่นยนต์ตัวนี้ ซึ่งพวกเขาก็ให้เจ้าหนูนี่เล่นกีตาร์แทนฉันในอัลบั้มนั้นและเป็นบอดี้การ์ดให้เมอร์ดอคไปพลาง เพราะมีพวก Black Cloud ที่เมอร์ดอคเคยทำ ‘สัญญาแลกเปลี่ยนอะไรสักอย่างตามล่าอยู่ (ตอนหลังเขาเล่าว่านี่เป็นสาเหตุที่ต้องเผาสตูที่เอสเซ็กซ์เพื่อหลบหนี) จากนั้นก็ลักพาตัว 2-D มาจากแฟลตในเมืองเบรุตด้วยวิธีรมแก๊ส เช่นเดียวกับศิลปินคนอื่น ตั้งแต่ Lou Reed, De La Soul, Snoop Dogg, Mick Jones, Paul Simonon, 2manyDJs, แล้วก็ Gruff Rhys ให้มาช่วยทำอัลบั้ม Plastic Beach ช่วงที่พวกเขาเริ่มทัวร์ทั้งวงเลยต้องใช้ดรัมแมชชีนแทนเพราะรัสเซลยังไม่กลับมา ส่วน 2-D ก็เริ่มเขียนเพลงของตัวเองลงใน iPad แต่กว่าจะเสร็จก็เป็นอัลบั้ม The Fall ก็กินเวลาไปปีนึง

“ย้อนไปก่อนหน้าที่เราจะถูกโจมตี ใน mv Stylo ตอนนั้นพวก 2-D เมอร์ดอค แล้วก็ไซบอร์กโดนตำรวจไล่เพราะขับรถเร็วเกินกำหนดบนไฮเวย์ แล้วคุณตำรวจเองก็โดนไซบอร์กยิงจนรถเสียหลักพุ่งชนป้ายบิลบอร์ด หลังจากนั้นก็มี Boogie Man ปรากฏตัวแล้วทำอะไรสักอย่างกับตำรวจคนนั้น ไม่นานนักไซบอร์กเกิดทำงานขัดข้องขึ้นมาเพราะก่อนหน้านี้ก็โดนยิงเข้าที่หัว ระหว่างนั้นก็มี Bruce Willis มาตามล่าวงเราอีก จนรถสไตโลชนขอบถนนตกหน้าผาแล้วแปลงสภาพกลายเป็นเรือดำน้ำฉลามดำลงมหาสมุทรไป

ฉันออกมาจากที่กบดานแล้วสืบหาจนเจอว่าทุกคนอยู่กันที่พอยต์นีโม ในเพลง On Melancholy Hill ฉันพรางตัวขึ้นมาบนเรือสำราญ M. Harriet ซึ่งตอนนั้นก็โดนโจมตีจากโจรสลัดเดาว่าเป็นพวกแบล็กคลาวด์ อีกนั่นแหละ ฉันเลยคว้าปืนยิงสวน ทำเครื่องบินมันร่วงไปลำนึง ก่อนที่อีกลำจะทิ้งตอร์ปิโดลงมา โชคดีที่ฉันหนีมากับเรือชูชีพได้ทัน

“ตอนนั้นเองที่ฉันเจอรัสเซล เขาโผล่มาใต้เรือชูชีพของฉันซึ่งตอนนั้นฉันตกใจมาก คือเขาตัวใหญ่กว่าเดิมประมาณหกเท่า ปกติเขาเป็นคนที่น้ำหนักขึ้นง่ายอยู่แล้วเพราะเป็นไทรอย แต่อันนี้มันเกิดจากเขาโดนสารกัมมันตรังสีจากสัตว์น้ำที่เขากินประทังชีวิตระหว่างที่ออกว่ายน้ำจนเขากลายเป็นแบบนี้ เขาเล่าว่าหลังจากที่ฉันหายไป เขาก็เริ่มเครียดแล้วก็หลอนถึงปีศาจที่ตามรังควาญ เลยเลือกที่จะเดินทางไปสักที่ด้วยการว่ายน้ำในมหาสมุทรเพื่อค้นหาคำตอบให้กับชีวิต ส่วนฝั่งพวกที่นั่งสไตโลดำน้ำลงไปก็เรียกรวมศิลปินทุกคนที่ลักพาตัวมา ให้เดินทางไปยังพอยต์นีโม่แบบในเพลง Doncamatic พอไปถึงทีแรกเหมือนว่าพวกเขาจะเจอบูกี้แมนอีกครั้ง เมอร์ดอคเลยสั่งให้ไซบอร์กนูเดิ้ลยิงเขาซะ แต่ไปโดนชายเสื้อคลุมแทนทำให้บูกี้แมนหนีไปได้อีก ถ้าเป็นตัวฉันจริง ๆ จะไม่มีทางยิงพลาดแน่ ๆ ส่วน 2-D ก็ซ่อนตัวอยู่ที่ห้องใต้น้ำของ Plastic Beach

จากนั้นพอฉันกับรัสเซลมาถึงพอยต์นีโม่ ก็พบว่าพลาสติกบีชโดนโจมตีอีกครั้งจากทั้งโจรสลัดแล้วก็บูกี้แมน แล้วตอนนี้เองที่ความจริงเปิดเผยว่า บูกี้แมนก็คือพวกแบล็กคลาวด์ที่เมื่อหลายปีก่อนมอร์ดอคแอบไปทำสัญญาขายวิญญาณให้ แต่สุดท้ายเขาชิ่งมาด้วยการให้วิญญาณปลอมไปเลยโดนบูกี้แมนกลับมาตามเก็บพร้อมลูกสมุนทั้งหลาย แต่รัสเซลก็ช่วยสกัดการโจมตีได้ประมาณนึงก่อนที่เมอร์ดอคจะบอกให้ทุกคนสละเกาะ เขากับไซบอร์กนูเดิ้ลหนีเข้าไปในเรือดำน้ำเก่า มีรัมยี่ห้อ Psycho Jerry ไว้ดื่มประทังชีวิต จนเหล้าหมดเขาถึงยอมโผล่ขึ้นมาเหนือน้ำ แล้วดันเจอกับเรือรบ Ringo ของค่าย EMI ที่ออกตามล่าเขา เพราะก่อนหน้านี้เราค่อนข้างสร้างความเสียหายให้กับค่ายตอนทัวร์แรก  ก็คือเกือบทำค่ายเจ๊งน่ะ

พอเจอตัวเมอร์ดอค เขาโดนจับเข้าคุกใต้ดินใต้ Abbey Road Studios ให้ไปเข้าค่าย ศฉส. (ศิลปินฉีกสัญญา) ที่อยู่ในนั้นเป็นเวลาสามปี ซึ่งเขาก็ใช้มันเป็นบ้านแหละ จนเขาได้ข้อเสนอจากสมาพันธ์สื่อบันเทิงในประเทศว่าจะปล่อยตัวเขา แลกกับการกลับมาทำเพลงอัลบั้มใหม่ของ Gorillaz เพราะอุตสาหกรรมดนตรีในอังกฤษกำลังดิ่งลงเหว เขาเลยยื่นข้อเสนอขอเพิ่มบุหรี่ Lucky Lungs อีกจำนวนนึง แล้วเขาก็ได้ย้ายไปอยู่ที่บ้านเช่าบนว้อบเบิ้ลสตรีทในลอนดอน เตรียมทำอัลบั้มใหม่ทันที

ฝั่ง 2-D ที่ยังอยู่ในห้องใต้น้ำ เขาก็โดนวาฬ Massive Dick จู่โจม มันกลืนเขาเข้าไปทั้งห้องห้องนั้นแล้วว่ายลงไปยังก้นสมุทร แต่ความที่แมสซิฟกินขยะในทะเลมาตลอดทั้งชีวิตเลยทำให้มันตาย และมาเกยตื้นอยู่ที่ทะเลทราย ซึ่ง 2-D ก็กลายเป็นอิสระในเวลาต่อมา รวมถึงเกือบจะอดอาหารตายเพราะบนนั้นมันไม่มีอะไรเลย ด้วยความสามารถในการเอาชีวิตรอดที่มีน้อยนิด แม้แต่จะจับปูยังไม่มีปัญญา เขาเลยต้องกินซากวาฬที่งับเขามาประทังชีวิตไป

“สองเดือนต่อมาเขาก็เจอเครื่องบินบินผ่าน 2-D เลยขอความช่วยเหลือ แต่หารู้ไม่ว่านั่นคือเครื่องบินที่กำลังจะไป rave party บนเกาะกัวดาลูเปของเม็กซิโก พอเครื่องลงจอดเขาก็ปาร์ตี้อยู่บนนั้นยาว กินแฮปปี้บราวนี่แล้วเข้าประกวด Wet T-shirt Contest จนได้ที่สาม ตอนนั้นเขามีความสุขมากที่สุดในชีวิตแล้วมั้ง ถึงขนาดตั้งใจจะเว้นวางจากทุกสิ่งแล้วใช้ชีวิตอยู่บนนั้นซักปี แล้วเขาก็ทำจริง  จนวันนึงเขาก็คิดถึงวงขึ้นมาเลยยอมบินกลับมาลอนดอนและไปอยู่กับเมอร์ดอคในที่สุด

กลับมาที่รัสเซล ตอนเราจะหนีออกจากพลาสติกบีช เขาเอาฉันเข้าไปในปากเขาแล้วว่ายน้ำออกไป แต่ตอนนั้นเราว่ายกันมาถึงชายฝั่งของญี่ปุ่น พวกชาวประมงเข้าใจผิดว่าเขาเป็นวาฬเลยเอาฉมวกแทงและจับเขาไป ตอนนั้นฉันหลุดออกมาได้ สิ่งสุดท้ายที่ฉันจำได้ตอนนั้นคือทะเลกลายเป็นสีเลือด แล้วก็ได้ยินเขาร้องเพลง All By Myself ลอยห่างออกไปเรื่อย

ส่วนฉันก็ตื่นขึ้นมาอีกทีในหมู่บ้านชาวประมง จำได้เลยว่าได้กลิ่นปลาตลอดเวลา ตอนนั้นคุณยายจิโยโกะเป็นคนดูแลฉันจนหายดี ฉันไม่รู้จะตอบแทนยังไง แกบอกแกทำอาชีพเป็นคนเก็บมุก ฉันก็เลยอาสาไปเป็นเด็กฝึกงาน ได้ช่วยแกงมเก็บหอยไข่มุก คือเรื่องดำน้ำนี่งานถนัดของฉันอยู่แล้วเพราะเวลาไปทัวร์แล้วต้องกลั้นหายใจตลอด คนที่จะนั่งรถคันเดียวกับเมอร์ดอคได้ถ้าไม่จมูกบอดก็ต้องกลั่นหายใจเก่ง ๆ แหละ แต่มีอยู่วันนึง ฉันบังเอิญไปเจอหอยมุกไซส์ใหญ่กว่าปกติ พอจะแงะเปลือกเพื่อเอาไข่มุก กลายเป็นว่าฉันได้ปล่อยปีศาจจากขุมนรกที่ชื่อ Mazuu ออกมา มันสามารถแปลงร่างเป็นมนุษย์ได้ ทีนี้มันก็หนีไปป่วนเมืองยกใหญ่ ฉันเลยต้องออกตามล่ามันไปทั่วญี่ปุ่นเพื่อกำจัดมันด้วยการบั่นคอมันซะ จนในที่สุดฉันก็มาเจอมันที่โตเกียว ใต้จมูกแท้ ๆ ตอนนั้นมันได้กลายเป็นอาชญากรอันดับหนึ่งของโลกบาดาลไปแล้ว ฉันก็ต้องปลอมตัวเป็นเกอิชาแล้วบุกเข้าไปที่รังของมัน ในระหว่างที่กำลังปาร์ตี้กันอยู่ฉันก็อาศัยทีเผลอตัดหัวมันได้สำเร็จ น่าเสียดายที่ฉันทำพรมแพง นั่นเลอะเทอะไปหมด แล้วก่อนที่จะโดนพวกบอดี้การ์ดซูโม่จับตัวไปได้ ฉันก็หนีด้วยวิธีเดิม แพ็กตัวเองใส่กล่อง FedEx ให้มาส่งที่บ้านเมอร์ดอคในลอนดอน พร้อมกับน้ำเปล่า ปลาแห้ง แล้วก็หนังสือ Moby Dick ที่กะจะอ่านให้จบ ซึ่งตอนนี้ฉันอ่านจบแล้วล่ะ

ตอนหลังก็ได้ข่าวว่ารัสเซลลอยไปถึงทะเลเหลืองแล้วไปเกยตื้นที่ชายฝั่งเกาหลีเหนือ แต่เขาโดนจับไปแสดงในคณะกายกรรมเปียงยาง ท่านผู้นำบอกว่าเขาเป็นพุลกาซารีเหมือนก๊อดซิลล่าในตำนานของประเทศ แล้วเสื้อลาย ‘I survived Pulgasari’ ก็กลายเป็นสินค้าขายดีของประเทศน่าจะเพราะประเทศเขาอนุญาตไม่ให้ซื้อขายอะไรตามใจแหละนะ (หัวเราะ)

“แต่แล้ววันนึงเกิดภาวะขาดแคลนอาหารในประเทศ ตัวของรัสเซลก็หดลงเหลือขนาดเท่าปกติที่เขาเคยเป็น เขาเลยถูกส่งตัวกลับอังกฤษ เดินเตะฝุ่นอยู่หลายวัน Jeff Wootton ก็มาเจอเข้าแล้วให้เขาไปพักด้วย จนเมอร์ดอครู้ว่ารัสเซลอยู่ที่นี่ก็เลยชวนเจฟมาทำอัลบั้มใหม่ด้วยกัน รัสเซลก็ได้ย้ายกลับมาอยู่พร้อมหน้ากับพวกเราทุกคน มีอยู่วันนึงฉันเห็นนังหนูไซบอร์กนูเดิ้ลเริ่มช็อตอีกรอบ เลยยิงทิ้งซะเลย ไหน ตัวฉันก็กลับมาแล้วนี่คงไม่เป็นไรหรอกมั้ง จากนั้นก็เอาหัวมาปลูกต้นบอนไซให้งอกขึ้นมาจากคอเลย เก๋

และในที่สุดพวกคุณก็ปล่อย Humanz ออกมา

ใช่ค่ะ แต่ก่อนหน้านี้คนเห็นพวกเราหายไปนานเลยปล่อยน้ำจิ้มเป็นเพลง Hallelujah Money ออกมาก่อนเพราะไม่รู้ว่าจะมีใครรอเราอยู่ไหม ปรากฏว่าคนดูตื่นเต้นนะ เพราะมันตรงกับตอนที่ Donald Trump ได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีคนล่าสุดของอเมริกาพอดี

แล้วพออัลบั้มเต็มออกมาเราก็กะจะเอาให้บูมเลยทำแคมเปญที่ใช้โปรโมตเยอะมาก ทั้งแอป Gorillaz ที่ทำร่วมกับ Electronic Beats พอคุณโหลดมาแล้วจะได้เข้ามาดูห้องของพวกเราทุกคน (FJZ: ฉันเคยโหลดมานะ) จริงหรอ! เป็นไงบ้าง ห้องของเมอร์ดอคน่าขยะแขยงมากใช่ไหม (หัวเราะ) แล้วก็จะมีเพลย์ลิสต์ที่พวกเราจัดกันเอง มี Humanz House Party ที่จะให้ออกไปตามหาพิกัดที่เราปักหมุดไว้ทั่วโลก สำหรับคนที่อยากฟังอัลบั้มใหม่ของพวกเราเป็นครั้งแรกหนึ่งสัปดาห์ก่อนจะปล่อยให้ในสตรีมมิ่งทั่วไป ของที่ไทยเป็นแถว สนามหลวงใช่ไหม ต้องขอโทษมาก ที่ตอนนั้นพวกเราไม่ได้เช็กให้ดีว่ากำลังมีงานอะไรสักอย่างทำให้คนเข้าไปเดินในโซนนั้นไม่ได้ ส่วนฉันก็เริ่มหัดใช้อินสตาแกรม แล้วเราก็ได้ลงนิตยสารเยอะขึ้น Juxtapoz, Wired, Numero, NME แล้วก็ไปออกรายการสดบ่อยขึ้น

“สุดท้ายผลตอบรับก็ดีมาก นะ จนฉันได้เป็นพรีเซ็นเตอร์ของ Jaguar Racing แล้วก็วงได้โฆษณาสตรีมมิง Pandora

“ในอัลบั้มนี้เรามีศิลปินมาร่วมแจมเยอะอีกเหมือนเดิม ทั้ง Noel Gallagher, Grace Jones, Pusha T, De La Soul, Kali Uchis, Vince Staples, D.R.A.M., Kelela, Lil Simz เป็นการทำงานที่สนุกมาก ค่ะ แต่ว่ามีคนวิจารณ์เหมือนกันนะที่พวกเราชวนคนอื่นมาร่วมงานเยอะเกินไปจนไม่ค่อยมีความเป็นแบนด์ 2-D เลยปล่อยเพลง Sleeping Powder ออกมา ทำเอง เล่น mv เอง ร้องเองหมดเลย แล้วหลังจากนั้นเราก็เริ่มทัวร์ไปทั่วโลก และก็เป็นครั้งแรกที่ Gorillaz จัดมิวสิกเฟสติวัลของตัวเอง Demon Dayz Festival ที่มาร์เกต แล้ว live stream ผ่าน Red Bull TV

แต่อยากรู้เรื่องบ้านผีสิงใน Saturnz Barz เกิดอะไรขึ้น ทำไมยังมีวิญญาณมาตามหลอกหลอนพวกคุณอีก

คือวันที่เราจะปล่อยอัลบั้ม เมอร์ดอคตั้งใจจะจัดปาร์ตี้ที่แจ่มเจิดจนทุกปาร์ตี้ต้องเลิกจัดในบ้านทีเรียกว่า ‘Spirit House’ อยู่ในเมืองดีทรอยต์ อเมริกา พอไปถึงเราก็เดินสำรวจบ้านตามปกติแหละ เมอร์ดอคเข้าไปอาบน้ำ รัสเซลง่วงมากเลยกะงีบซักเดี๋ยว 2-D หิวก็เลยตรงไปที่ห้องครัว ส่วนฉันไปเจอคอลเล็กชันแผ่นเสียงเลยลองหยิบมาฟัง ปรากฏว่าเราโดนผีหลอกกันทุกคนเลย ตลกชะมัด

หลังจากตอนนั้น เมอร์ดอคก็หายตัวไป เกิดอะไรขึ้น

ถ้าจำในเพลง Strobelite ได้ พวกเราไปปาร์ตี้กันที่คลับคลับนึง ระหว่างที่รัสเซลนอนอยู่ที่โต๊ะ ฉันกับ 2-D ลุกไปเต้น เมอร์ดอคก็เข้าไปคุยกับลุงคนนึงที่บาร์ เขาบอกว่าชื่อฮวน เป็นพ่อค้าหนัง แล้วเหมือนจะตกลงทำธุรกิจอะไรกันสักอย่าง

ช่วงนั้นเราก็ยังทัวร์อยู่ แล้วกำลังจะเริ่มทำอัลบั้มใหม่ The Now Now เราก็ไม่รู้จะทำยังไงเลยชวน Ace จากแก๊งขี้ไคลมาช่วยเล่นเบสแทนไปก่อน พอดีว่าเขาตัวสีเขียวเหมือนเมอร์ดอค ทรงคล้าย กัน นิสัยก็ชั่วพอกัน น่าจะแทนกันได้ (FJZ: แก๊งขี้ไคลเดียวกับ Powerpuff Girls อะนะ?) ใช่ เอซนั้นแหละ ใน mv Humility เราไปถ่ายกันที่ Venice Boardwalk ในลอสแอนเจลิส ถ้าสังเกตดี คือ 2-D หน้าตามีความสุขมาก แล้วตาเขาเป็นสีขาว ทีแรกฉันคิดว่าเพราะไม่มีเมอร์ดอคอยู่บุลลี่เขาแล้วเลยอารมณ์ดีขึ้น แต่ก็มีทฤษฎีว่าจริง แล้วเขาน่าจะโดนอะไรสักอย่างเข้าสิงหรือเปล่า ซึ่งรัสเซลผู้เชี่ยวชาญการถูกสิงเห็นเขาดูแปลก เลยลองขัดขาตอนโรลเลอร์สเกต ปรากฏว่าเขาตากลับมาเป็นสีดำแล้วก็เล่นสเกตไม่ได้อีกเลย

แล้วจู่ ฉันก็คิดขึ้นได้ว่า 2-D อาจจะโดน El Mierda ปิศาจแห่งเม็กซิโกเข้าสิง หลังจากที่ฉันรู้ข่าวว่าเมอร์ดอคติดคุกอยู่ที่เม็กซิโก เมอร์ดอคบอกว่าเอลเมียร์ด้าคือคนเดียวกับฮวน คนขายเครื่องหนังที่เมอร์ดอคเจอที่บาร์ และ เอลเมียร์ด้านี่แหละที่จัดฉากให้เขาติดคุกข้อหาลักลอบขนยา จากนั้นเมอร์ดอคขอร้องให้ฉันไปพาทาโกเนียเพื่อตามหาเอล เมียร์ด้า และหาทางช่วยให้เขาออกจากคุกผ่านแคมเปญ #FreeMurdoc ตอนแรกฉันกะจะไม่ช่วยแล้วเพราะตอนไม่มีเขาวงเราก็ดูจะดีขึ้นด้วยซ้ำ แต่เพราะฉันอยากช่วย 2-D เขาดูไม่ใช่ 2-D ที่ฉันเคยรู้จัก ก็เลยจะไปคุยกับปีศาจตนนั้นให้เลิกยุ่งกับ 2-D ซะ ระหว่างนั้นเราก็ปล่อย mv Tranz ออกมาโปรโมตอัลบั้มใหม่ไปพลาง ฉันลองยอมผมสีส้มเป็นครั้งแรกด้วย

ในที่สุดฉันก็ยอมไปพาตาโกเนีย แต่ที่ฉันโกรธสุด คือการพลิกแผ่นดินหาเอล เมียร์ด้าเพื่อพบว่าจริง แล้วเขาเป็นแค่เจ้าของสปา เอล เมียร์ด้าวางมือจากตลาดมืดนานแล้ว รวมถึงไม่มีความเกี่ยวข้องกับการเข้าสิง 2-D หรือยัดเมอร์ดอคเข้าคุก แต่ที่เมอร์ดอคโดนจับก็เพราะข้อหาไม่ยอมจ่ายค่าปรับที่เขาจอดรถในที่ห้ามจอดต่างหาก

“สุดท้ายแล้วฉันก็เผอิญเจอเมอร์ดอคระหว่างปีนเขา ตัวเขาถูกผูกติดอยู่บนหลังจามรี ทุกอย่างดูเป็นเรื่องบ้าบอมาก ฉันอยากจะฆ่าเขาให้ตายคามือ แต่สุดท้ายเขาก็สารภาพว่าการติดคุกของเขาคือการจัดฉากเพราะอยากเรียกร้องความสนใจ และเขาอิจฉา 2-D ที่คนชอบเขามากกว่าเมอร์ดอคมาโดยตลอดจริง เมอร์ดอคก็ไม่ใช่คนเลวร้ายอะไรขนาดนั้น คงเป็นเพราะตอนเด็ก เขาเจอเรื่องแย่มาเยอะเลยทำให้เขาเป็นคนแบบนี้ แต่ก็นั่นแหละ สุดท้ายเราก็พากันไปใช้สปาของเอล เมียร์ด้า เมอร์ดอคก็บอกว่าจะกลับตัวกลับใจทำตัวให้ดีขึ้น จนเขากลับมาทัวร์ The Now Now โค้งสุดท้ายกับพวกเราที่เม็กซิโกได้ทัน

ดูจบดีนะ แล้วตอนนี้พวกคุณก็เป็นพรีเซ็นเตอร์ของ Casio G-Shock ด้วย

ช่ายยยย คือเราได้รับการติดต่อจาก อิเบะซัง เจ้าของ G-Shock คือเขาเห็นว่า 2-D ใส่นาฬิกาเขาใน mv Humility เลยคิดว่าเราน่าจะเหมาะเป็นพรีเซ็นเตอร์คนต่อไป วันนึงเขาเรียกฉันกับ 2-D ไปคุย เขาเล่าว่าก่อนหน้านี้เขาตั้งใจใช้เวลากว่า 35 ปีออกแบบให้จีช็อกเป็นนาฬิกาที่ทนที่สุดในโลก เขาเคยเอานาฬิกาไปใช้แทนลูกฮ็อกกี้ หวดกี่ทีมันก็ไม่พัง คราวนี้เขาอยากเห็นเอเลี่ยนใส่ อยากให้มันกลายเป็นนาฬิกาที่ทนที่สุดในจักรวาล เลยให้เราเดินทางไปยังดาว M101 เพื่อแจกนาฬิกาให้พวกเอเลี่ยน ทีนี้เราดันทำพลาด โยนจีช็อกลงค็อกเทลเสี่ยสักคนแล้วเสี่ยแกกระดกหมดแก้ว นาฬิกาติดคอจ้าาา ก็เลยให้พวกลูกกระจ๊อกไล่ล่าเรา ทำไมวงเราถึงต้องเจออะไรที่เสี่ยงตายตลอดเลยก็ไม่รู้ (หัวเราะ)”

แล้วหลังจากนี้พวกคุณวางแผนสำหรับอัลบั้มใหม่หรือยัง

ยังค่ะ ขอพักบ้างซักแปป รู้สึกว่าเจออะไรมาเยอะมากเหลือเกิน นอกจากเรื่องเพลง เรื่องทัวร์ ก็เรื่องที่เมอร์ดอคสร้างมาให้ต้องคอยตามเช็ดตามล้างอยู่เรื่อย เนี่ยแหละ (หัวเราะ)”

โอเค ยังไงก็ขอบคุณมากนะนูเดิ้ลที่สละเวลามาคุยกัน ดีใจที่ได้ฟังเรื่องของพวกคุณ อยากให้พวกคุณได้มาเล่นที่ไทยจัง ก่อนหน้านี้ได้ดูคุณเล่นที่ Fuji Rock ด้วย

จริงหรอ นั่นเป็นโชว์ที่สนุกมาก พวกเราอยากไปเล่นที่ไทยเหมือนกัน ไว้ถ้ามีโอกาสนะงั้นฉันขอตัวก่อน ไว้คุยกันอีก วันนี้สนุกมาก เลย ดีใจที่ได้เจอกัน ขอบคุณที่รักวงของพวกเรา และขอบคุณสำหรับกาแฟด้วยค่ะ

นูเดิ้ลลุกขึ้นจากโต๊ะแล้วเดินออกจากร้าน ส่วนเราก็กดปิดเครื่องอัดเสียง เก็บสมุดจดลงกระเป๋าและเดินไปจ่ายค่ากาแฟ ก่อนจะหยิบหูฟังขึ้นมาใส่ บีตในอินโทรของเพลง Andromeda เริ่มบรรเลงขึ้นพร้อมกับก้าวเดินออกจากร้านแบบตัวเบาหวิว ๆ สังเกตว่าแสงของพระอาทิตย์เปลี่ยนเป็นสีส้มจัดและค่อย ๆ เคลื่อนลับตาไป

สิ่งที่ทำให้ Gorillaz เป็นวงดนตรีที่มีคนติดตามมาโดยตลอดเพราะกิมมิกการเป็น virtual band ที่เกิดขึ้นจากจินตนาการสุดลึกล้ำของ Damon Albarn แห่ง Blur และนักวาดการ์ตูน Jamie Hewlett ตัวละครทั้งสี่ได้แรงบันดาลใจจากศิลปินหรือผู้คนรอบตัวทั้งสอง อย่าง 2-D คือ Stuart ‘Stu’ Lowbridge ซาวด์เอนจิเนียร์และ live music co-ordinator ของอัลบาร์นที่ทำงานร่วมกันมาตั้งแต่สมัยที่เขาทำ Blur ส่วน Murdoc คือ Keith Richards วง Rolling Stones และ Russel ก็มีต้นแบบเป็น Ice Cube เพราะฮิวเล็ตชอบคาแร็กเตอร์พวกเขาเหล่านี้มาก ส่วน Noodle ก็มาจาก Gum ตัวละครในเกม ‘Jet Set Radio’ สังเกตได้จากหมวกของเธอในอัลบั้มแรก

หลายครั้งที่เราเผลอคิดไปว่าตัวละครทั้งสี่อย่าง 2D, Murdoc, Russell และ Noodle มีตัวตนจริง เพราะ Gorillaz มีเรื่องราวเบื้องหลังที่ดำเนินต่อไปอย่างไร้ที่สิ้นสุด ถึงขนาดออกหนังสือชื่อ ‘Rise of the Ogre’ เป็นอัตชีวประวัติของวง ขายที่ pop up store ใน South Bank Centre เมื่อปี 2006 และ spin-off ของแต่ละตัวละครช่วงอัลบั้ม Plastic Beach ออกมา 4 เล่ม ‘The Book of 2-D’, ‘The Book of Murdoc’, ‘The Book of Russell’ และ ‘The Book of Noodle’ ตัวละครมีวิวัฒนาการทุกอัลบั้ม สไตล์เพลงก็มีการเปลี่ยนแปลงไม่หยุดนิ่ง เพราะได้ศิลปินหลากหลายแนวมาร่วมงานจนเกิดสีสันที่น่าสนใจอยู่เสมอ มีให้ฟังตั้งแต่ drum and bass, power pop, electronic rock, reggae และพวกเขาไม่ได้หยุดอยู่แค่การฉายภาพตัวการ์ตูนเคลื่อนไหวเป็นวิดิโอประกอบโชว์เบื้องหลังนักดนตรีในไลฟ์คอนเสิร์ต แต่บ้าพอจะทำให้สมาชิกทั้งสี่มีชีวิตจริง บนเวทีในรูปแบบโฮโลแกรมเหมือนเราจับต้องพวกเขาได้

ที่ฉลาดมากคือการทำมาร์เก็ตติ้งโดยให้สมาชิกวงมีอินสตาแกรมส่วนตัวที่อัพเดตชีวิตแบบคนจริง ๆ (ของ Noodle ตามไปได้ ที่นี่) เวลาสัมภาษณ์พวกเขาก็มีถ่ายทอดสตรีมมิงให้ดูสด ไปจนถึงแอปพลิเคชันที่ให้คนฟังได้มีส่วนร่วมเข้าไปสำรวจโลกของพวกเขา ซึ่งมีแฟนเพลงเข้าร่วมกิจกรรมต่าง อย่างจริงจัง เป็นอีกขั้นของการทลายโลกในจินตนาการให้ผนวกเข้ากับโลกจริงได้อย่างแนบเนียน และเราก็ยินดีเหลือเกินที่จะเป็นส่วนหนึ่งในโลกของพวกเขา ต้องรอติดตามกันต่อไปว่าเรื่องราวของทั้งสี่คนจะดำเนินไปในทิศทางไหน

อ้างอิง
Backstory
Rise of the Ogre
The Book of Murdoc
The Book of 2-D
The Book of Russel
The Book of Noodle
Facebook Comments

Next:


Montipa Virojpan

อิ๊ก เนิร์ดดนตรีที่เพิ่งกล้าเรียกตัวเองว่าเป็นนักเขียนตอนอายุ 25 ชอบเดินเร็ว นอกจากขนมปังกับกาแฟดำแล้วก็สามารถกินไอศกรีมกับคราฟต์เบียร์แทนมื้อเช้าได้