Article Import

‘no song without you’ อัลบั้มเต็มจาก HONNE กับ Mixtape เพลงรักที่ฟังได้ไม่มีเบื่อ

หลังจากที่ HONNE โปรดิวเซอร์จากลอนดอนปล่อยเพลง Coastal Love มาสู่สตรีมมิง หลายคนเกิดอาการตื่นเต้นกับเพลงอิเล็กทรอนิกป๊อปที่แตกต่างของพวกเขามากขึ้นเรื่อย

จนเมื่ออัลบั้มเต็ม Warm On A Cold Night ถูกปล่อยออกมาเน้นย้ำภาพรวมของดนตรีป๊อป r&b เย้ายวนแบบ HONNE ก็ยิ่งมีเสียงตอบรับที่ดีอย่างล้นหลาม ทำให้ James Hatcher และ Andy Clutterbuck กลายเป็นที่รู้จัก และได้รับนิยมอย่างมากในหลายประเทศแถบเอเชีย โดยเฉพาะเกาหลีใต้จนมีมิวสิกวิดิ Me & You โอที่พวกเขาบินไปถ่ายทำถึงที่เพื่อขอบคุณแฟน ๆ หรือแม้แต่ประเทศไทย ที่ทั้งคู่ได้มาแสดงสดถึง 3 ครั้งภายในเวลา 3 ปีที่ผ่านมา ซึ่งตอนนั้นเป็นเวลาที่อัลบั้มชุดที่สอง Love Me / Love Me Not ออกมาพอดี

no song without you

ปี 2020 HONNE กลับมาพร้อมกับซิงเกิ้ลใหม่ no song without you ที่ทำให้หลายคนแปลกใจ กับทิศทางดนตรีที่เปลี่ยนไปเกือบจะโดยสิ้นเชิง จากอิเล็กทรอนิก r&b กลายเป็นดนตรีป๊อปเรียบง่าย ฟังดูน่ารักเป็นมิตร และอบอุ่นใจ ซึ่งอาจเป็นการบอกใบ้ว่างานอื่น ในอัลบั้มใหม่จะออกมาในสไตล์นี้

และก็เป็นเช่นนั้นจริง เมื่ออัลบั้มใหม่พวกเขาใช้ชื่อเดียวกันกับซิงเกิ้ลเปิดตัว ซึ่งมันก็บอกเล่าทุกอย่างในตัวได้ดี เพราะหลาย เพลงได้ใช้ element ตั้งต้นเป็นเพลง no song without you ที่ถูกเอามาตัดส่วน ใส่ไปตรงนั้นนิด ตรงนี้หน่อย นอกจากนี้บางเพลงก็มีความเป็น beat pop ที่อาจ revisit เพลงป๊อปจากยุค 60s, 70s ฟังแล้วรู้สึกเหมือนเอา The Beach Boys, The Beatles และ baroque pop มาผสมกันในเพลง la la la that’s how it goes, gone gone gone, lines on our faces 

พวกเพลง 80s new wave, yacht rock ก็ปรากฏในดนตรีของ loving you is so easy ก็มี หรือ Bon Iver ยุคหลังที่ชอบใส่เสียง auto tune หลาย เลเยอร์ใน one way to tokyo, our love will never die พวกเขาเอาแรงบันดาลใจเหล่านั้นกลั่นออกมาได้กลมกล่อม แล้วเรียงแทร็คให้ฟังได้รื่นหูจนจบทั้งอัลบั้ม (แฟนเพลงที่ชอบงานชุดเก่าก็ไม่ต้องเสียใจเพราะ เพราะ HONNE ก็แอบเก็บเอาสไตล์ของชุดแรกมาบ้าง อย่างพวกเครื่องสาย หรือกรูฟเย้ายวนก็พอมีหลงเหลืออยู่ใน by my side)

สิ่งที่อยากหยิบมาโฟกัสในชุดนี้คือพวกแทร็คสั้น ๆ ที่ดีงามทุกเพลง อย่าง dear P คือเอาเปียโนที่เป็นโครงของ no song without you มาเป็นแทร็คเปิดอัลบั้ม ฟังดูก็คล้ายเดโม่ตั้งต้น หรือ iloveyoumorethanicansay นี่ถอดฉบับ r&b 90s มาเลย แล้วก็มีเพลงที่โดดออกมาคือ can’t bear to be without you เป็น electro ambient หนัก บวกกับบีต breakbeat เบา ซึ่งอาจเป็น reprise ของ no song without you อีกที

s o c i a l d i s t a n c i n g ก็เป็นพวก lo-fi, vaporwave, chill hop โดยเฉพาะ smile more smile more smile more เนี่ย น่าสนใจมากว่าอาจจะได้แรงบันดาลใจจากคลิป Everybody’s Free (To Wear Sunscreen) ของ Baz Luhrmann ซึ่ง HONNE เอากลิ่นอายความเป็นเพลงพลังบวกตรงนั้น กับบีตฮิปฮอปสบาย ๆ มาเป็นเพลงปิดอัลบั้ม ให้กำลังใจคนฟังในสถานการณ์ที่ไม่เป็นใจแบบนี้ ด้วยการแนะนำให้มองแง่มุมใหม่ ลองมีความสุขกับสิ่งเล็ก ทำอะไรที่ไม่เคยทำดู

ส่วนนึงที่ปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ HONNE ได้รับความสนใจ เพราะนี่เป็นวงที่วางคอนเซ็ปต์ทั้งภาพและเพลงไว้ให้ไปด้วยกันตั้งแต่งานชุดแรก Warm On A Cold Night ที่องค์ประกอบศิลป์เป็นแบบญี่ปุ่นร่วมสมัย ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากตัวเพลง ที่มีความเป็น night time music ชื่อวงก็ได้อิทธิพลจากภาษาญี่ปุ่น ทั้งโอบิคาดปกแบบซีดีที่วางจำหน่ายที่ญี่ปุ่นเท่านั้น หรือการออกแบบฟอนต์ ส่วนชุดที่สอง Love Me / Love Me Not ที่ปกเป็นรูปผู้หญิงเอเชียนส่องกระจก ที่เป็นการต่อยอดมาจากงานชุดแรก และใส่สัญลักษณ์ unicode ของพระจันทร์ข้างขึ้น ข้างแรม มาต่อท้ายชื่อเพลงทุก เพลง โดยทางวงใช้มันเพื่อเปรียบเปรยว่าเป็นคู่ตรงข้ามของความสัมพันธ์ เพื่อเอาไว้บอกว่าเพลงไหนเป็นเพลงสุข เพลงไหนเศร้า เพราะมีอย่างละครึ่ง พอดี

no song without you

สำหรับอัลบั้มที่สามที่ HONNE แทบจะเปลี่ยนสไตล์ดนตรีไปโดยสิ้นเชิง พวกเขาก็เปลี่ยน art direction ตามไปด้วย ซึ่งงานนี้ก็ได้ Holly Warburton มาช่วยดูแลให้ จากที่ดูจริงจัง โฉบเฉี่ยว ก็กลายมาเป็นงานกึ่ง doodle ภาพวาดเล่น เน้นลายเส้นที่ดูสบายตา คล้ายเป็น stroke ฝีแปรง และใช้สีที่สื่อถึงกลางคืน ซึ่งเข้ากับโทนของอารมณ์เพลงที่ยังเป็น late night music แต่มีความอบอุ่นขึ้น ซึ่งความขยันคือพวกเขาทำ lyrics video หรือ animated music video ออกมาให้ทุกเพลง โดยมีเรื่องเล่าผ่านตัวละครหลักสีเขียวแสนเปลี่ยวเหงา เมื่อได้มาพบกับตัวละครสีเหลืองอีกตัว ก็ทำให้ชีวิตของพวกเขาเปลี่ยนไป 

no song without you เป็นอีกหนึ่งอัลบั้มที่เราอยากแนะนำให้ได้ลองฟังกัน ฟังรวม ๆ แล้วเป็นเหมือนพวก mixtape ใน soundcloud ที่บอกเล่าความรู้สึกที่ทุกคนต้องปรับตัวในช่วง covid-19 ได้ดี พบทั้งความเหงา การปลีกวิเวก แต่เมื่อนึกขึ้นมาได้ก็จะพบว่าจริง ๆ เราไม่ได้อยู่คนเดียว เพราะยังมีเพลงของพวกเขาเป็นเพื่อน

เรียกว่าฟังได้เพลินตั้งแต่ต้นจนจบ และยังได้รู้จัก HONNE ในแง่มุมใหม่ ที่ไม่คุ้นเคย แม้ภาพรวมจะไม่หวือหวาโฉบเฉี่ยวเท่างานชุดก่อน แต่ก็มีลูกเล่นที่ทำให้เราเซอร์ไพรส์อยู่ไม่น้อย รวม คือฟังสนุก อุ่นใจ เหมาะจะส่งให้คนที่เราห่วงใยที่สุดในช่วงนี้เลย

Facebook Comments

Next:


Montipa Virojpan

อิ๊ก เนิร์ดดนตรีที่เพิ่งกล้าเรียกตัวเองว่าเป็นนักเขียนตอนอายุ 25 ชอบเดินเร็ว นอกจากขนมปังกับกาแฟดำแล้วก็สามารถกินไอศกรีมกับคราฟต์เบียร์แทนมื้อเช้าได้