Article ระเห็ดเตร็ดเตร่

เพลงใหม่ก็เล่นดี เพลงดังก็มาครบ ขยี้เอาให้ตายไปกับ Foster The People live in Bangkok

  • Writer: Chavit Mayot
  • Photos by: Very Radio

28 มกราคม 2561

เพิ่งจบไปหมาด ๆ สำหรับโชว์จากวงขวัญใจวัยรุ่นอายุ 20+ อย่าง Foster The People ที่ได้ฤกษ์มาระเบิดความมันซักทีหลังจากหายไปนาน ในคอนเสิร์ต The Very Company presents Foster The People Live in Bangkok จุดนี้ก็ต้องบอกก่อนว่าดีใจมาก ๆ เพราะลุ้นมานานเหลือเกินว่าจะได้ดูรึเปล่าตั้งแต่สมัยเพลง Pump up Kicks ยังฮิตทั่วบ้านทั่วเมือง ก็เป็นเวลากว่า 7 ปีมาแล้วที่อัลบั้ม Torches อันลือลั่นถูกปล่อยออกมา จนมาถึงการ comeback อย่างยิ่งใหญ่เมื่อปีที่ผ่านมาในอัลบั้ม Sacred Hearts Club ที่ทำเราทุกคนเซอไพรส์ทั้งซาวด์และลุคใหม่ของพวกเขา บิ๊วกันมาขนาดนี้แล้วพูดเลยว่าตื่นเต้นและคาดหวังกับโชว์ครั้งนี้มากจริง ๆ

หลังจากวงเปิดขวัญใจเด็กแนวยุคใหม่อย่าง Whal & Dolph (ที่ผู้เขียนมาไม่ทันดูเสียดายมาก ฮือ ๆ T T) เล่นจบไป ทางวง Foster The People ขึ้นเลตไปจากเวลาที่ตั้งไว้นิดหน่อยและบิ๊วเรารอด้วยเพลงบรรเลงที่ฟัง ๆ ไปเหมือนเพลง Star Wars ฮ่าาา และทันทีที่เงาตะคุ่ม ๆ ของสมาชิกในวงแต่ละคนได้ปรากฏขึ้นบนเวที ทุกคนก็เริ่มส่งเสียงเฮลั่นพร้อมกัน ตรงจุดนี้ต้องบอกไว้เลยว่าออร่าของพวกเขานี่แรงมากเหมือนมีพลังงานบางอย่างดึงดูดผู้คนได้หนึบหนับแบบยังไม่ทันได้เห็นหน้า ซึ่งเป็นสิ่งที่เราไม่ได้เห็นกันบ่อย ๆ

Foster the People live in Bangkon

และเวลาที่เรารอคอยก็มาถึง เสียงอินโทรของเพลงชวนโยกจากอัลบั้มชุดใหม่อย่าง Pay the Man ดังขึ้นพร้อมกับแสงสีจัดเต็ม ซาวด์แน่นเปรี๊ยะ และ Mark Foster ฟรอนต์แมนของวงที่มาโชว์ลีลาการเต้นพร้อมลุคใหม่ผมยาวที่บอกเลยว่าโคตรเท่ เรียกได้ว่าเปิดตัวได้โหดจริง ๆ ราวกับเป็นการประกาศว่าพวกเขากลับมาแล้วอย่างภาคภูมิ และไม่ทันได้หายใจคอ เพลงที่สองก็ทำเอาทุกคนกรีดร้องหวนระลึกถึงวันวานด้วยเพลงอย่าง Helena Beat จังหวะนั้นถึงกับอุทานในใจว่า ‘แค่นี้ก็คุ้มละจ้า’ และยังต่อด้วยเพลงจากชุดแรกอีกสองเพลงนั่นคือ Life on a Nickle และ Waste ที่ฟังสดแล้วบอกเลยว่าเพราะจริง ขนลุกจริง และท่อนสุดท้ายที่พี่มาร์กเราให้คนดูทั้งฮอลล์ร้องพร้อมกันแบบมาตามนัด และตัดไปที่เพลงชวนโยกแบบเท่ ๆ อีกเพลงอย่าง Doing it for Money และเพลงจากชุดสองที่เราไม่ได้ฟังกันนานอย่าง Are You What You Want 

จากนั้นเสียงอินโทรกีตาร์ที่เราคุ้นเคยก็ทำให้ทุกคนเฮลั่นฮอลล์อีก เพราะนั่นคือสัญญาณของเพลง Don’t Stop คือกะเซอร์วิสแฟนเพลงที่ชอบชุดเก่ากันอย่างจุใจไปเลย ถัดไปจากนั้นคือเพลงจากอัลบั้มชุดใหม่ Lotus Eater ที่ซาวด์เท่เอาเรื่อง และยังแถมด้วยการคัฟเวอร์เพลงของวงดังอย่าง Ramones ในเพลง Blitzkrieg Bop ที่คนดูก็สามารถตะโกน ‘Hey ho, let’s go!’ กันทั้งฮอลได้อย่างพร้อมเพรียง และปิดครึ่งโชว์แรกด้วย Pseudologia Fantastica จากอัลบั้ม Supermodel ที่ฟังสดแล้วดึงดูดเอามาก ๆ ทำเอาตอนกลับบ้านต้องไปนั่งฟังเพลงนี้ใหม่ดี ๆ อีกรอบเพราะชอบมากตอนฟังสด

foster015

ไฟดับลงไปซักครู่พร้อมเรียกเสียงฮือฮาด้วยช่วงโชว์ที่มีคำภาษาไทย ‘กอด จูบ เต้นรำ สัมผัส’ เปิดลูปไปเรื่อย ๆ ซึ่งทำออกมาได้เท่มาก ๆ และเปิดครึ่งหลังโชว์กันแบบกะทำมูนสตาร์สะเทือนด้วยเพลงที่เราทุกคนรักอย่าง Houdini และ Call it What You Want มาแบบติดกัน!! โอ้โห ต้องบอกเลยว่าหมัดนี้เอาตายมาก ๆ กับการได้ฟังเพลงเหล่านี้สด ๆ เซอร์วิสแฟนเพลงดั้งเดิมกันแบบแทบลงไปคุกเข่าเลยทีเดียว เพลงต่อไปก็น่าสนใจไม่แพ้กันด้วยซิงเกิ้ลดังจากอัลบั้มชุดสองอย่างเพลง Coming of Age ที่ฟังสดแล้วรู้สึกรื่นหูและกลับไปทำให้เราตกหลุมรักเพลงนี้อีกครั้ง ก่อนจะไปชิล ๆ กับเพลงอย่าง Ruby และ Sit Next to Me 

Foster The People Show

พวกเขาปิดท้ายโชว์ไปด้วยเพลง Miss You ที่ซาวด์โหดขยี้สุด ๆ แต่ตอนที่ทางวงลงเวทีไปยังมีเสียงซาวด์ลูปอยู่ เป็นการรับประกันเลยว่ามีอังกอร์แน่นอน (ยังไม่เล่นเพลงนั้นเลยน้าาาาา อย่ามาเนียน) และก็ไม่ทำให้เราผิดหวังเมื่อพวกเขากลับขึ้นมาอีกครั้งพร้อมกับเพลงสุดมันอย่าง Loyal Like Sid and Nancy เจอดอกนี้เข้าไปนี่ถ้าเป็นมวยก็เรียกได้ว่าเป็นหมัดฮุกเข้าปลายคางในขณะที่เรายังมันค้างมาจากเพลงก่อนหน้า และแล้วเวลาที่ทุกคนรอคอยก็มาถึง เมื่ออินโทรของ ‘เพลงนั้น’ ดังขึ้น ทุกคนก็ฮัมเพลง Pumped up Kicks พร้อมกันอย่างกึกก้อง ปิดโชว์ไปอย่างน่าประทับใจได้ย้อนไปวัยใสแบบอิ่ม ๆ

Foster The People Encore

โดยรวมกล้าพูดเลยว่าเป็นโชว์ที่น่าประทับใจมาก แม้อาจจะมีบางช่วงรู้สึกเหมือนลำโพงจะแตก ๆ อยู่รอมร่อแต่ก็ถือว่ารอดมาได้และโชว์จาก Foster The People ก็ทรงพลังและมีเสน่ห์สมราคาความคาดหวังจริงๆ ซึ่งถ้าสังเกตจะพบว่าเพลงฮิต ๆ จากอัลบั้มชุดก่อนมากันครบและสามารถกลมกลืนไปในโชว์ของเพลงใหม่ ๆ ได้อย่างลงตัว ยิ่งถ้าเป็นแฟนเพลงเก่า ๆ นี่คงจะฟินตายตาหลับแน่นอน ต้องขอขอบคุณทาง The Very Company จริง ๆ ที่สร้างประสบการณ์ทางดนตรีสุดล้ำค่าครั้งนี้ให้เราได้เต็มอิ่มไปตาม ๆ กัน และทางเราเองก็ได้แต่หวังว่าคงจะได้มีโอกาสได้ดูพวกเขาอีกซักครั้งก็คงจะดีไม่ใช่น้อยนะ :))

Facebook Comments

Next:


Chavit Mayot

บุ๊คกี้ เดอะ สไตรเดอร์ กระต่ายน้อยสุดโมเอะแห่งวงการถ่ายภาพ ผู้มีไรม์เป็นของตัวเองในทุกจังหวะกดชัตเตอร์