สไลด์ to Unlock

ระเห็ดเตร็ดเตร่

ระเห็ดเตร็ดเตร่ “สไลด์ to Unlock” สไลด์ไปพร้อมกับ 8 วงดนตรีแบบอิ่มใจ

ระเห็ดเตร็ดเตร่วันนี้ไม่ได้ไปไหน แต่เมื่อวันที่ 18 และ 19 ที่ผ่านมา พวกเราเดินทางกลับมายังบ้านอีกหลังที่คุ้นเคย นั่นก็คือ Voice Space ที่คราวนี้เตะในบ้านของจริง เพราะนี่คือเฟสติวัลจาก Voice TV นามว่า “สไลด์ to Unlock” SOFT POWER FESTIVAL 2023 เฟสติวัลที่ชวนพวกเรามาปลดล็อกพันธนาการและส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ไทยให้ไปไกลกว่าที่เป็นอยู่ วันนี้เราจะพาทุกคนไปย้อนดู 8 ศิลปินที่พลังเหลือล้นจากงานนี้ด้วยกัน!

18 มีนาคม 2023

HYBS 

ประเดิมด้วยดูโอ้ที่ฮอตที่สุดในเอเชีย ณ เวลานี้ HYBS ที่เปิดตัวมาด้วยรอยยิ้มพร้อมเสิร์ฟเพลงแรก Go Higher ก่อนจะชวนทุกคนเต้นชูมือดุ๊กดิ๊กไปพร้อม ๆ กันใน Run Away ที่มีโทรโข่งจิ๋วคู่ใจเป็นดาวในเพลงนี้ และต่อด้วยเพลงที่ทำให้หลาย ๆ คนรู้จักพวกเขามากขึ้นอย่าง Dancing with my phone กรูฟสุดหนึบดนตรียุ่บยั่บ เท่าที่สังเกตเห็นได้ชัดคือแฟนเพลง HYBS ในวันนี้มีหลากหลายเชื้อชาติมาก ๆ ที่มาร่วมให้กำลังใจ บ้างก็มาพร้อมป้ายใจให้วงได้ชื่นใจกันไป ก่อนจะเข้า Would You Mind พวกเขาชวนทุกคนให้ทำกิจกรรมร่วมกันนั่นก็คือการที่ HYBS ร้อง Say Hello แล้วพวกเราร้อง Hello ตาม เพราะเพลงนี้คือเพลงชาติของคนขี้อายยังไงล่ะ! ก่อนจะมาถึงเพลงต่อมาที่ลิฟต์อัพมู้ดแบบสุด ๆ ใน Rockstar พร้อมเซอร์ไพรส์ด้วยเพลงที่ยังไม่ได้ปล่อยโดยต้องการความช่วยเหลือจากเหล่าคนดูให้ร้องตาม อลินกล่าวว่า เพลงนี้ยากแหละ แต่แค่เปล่งเสียงออกมาก็ถือว่าสำเร็จแล้ว ตลอดการฝึกซ้อมนี้ให้มองมืออลินเอาไว้ แล้วเขาก็บรรจงไล่สูง-กลาง-ต่ำ ให้ทุกคนได้หัดร้องตาม เอาเข้าจริงไม่ง่ายเลย! ไอการที่จะร้องฮู้ฮูฮู้ฮูฮู่ให้ถูกต้องแบบที่พวกเขาร้องเนี่ย แต่ก็ผ่านไปได้ด้วยดี อลินหยิบกีตาร์โปร่งมาบรรเลงคลอไปพร้อม ๆ กับเครื่องดนตรีอื่น แล้วส่งเข้า Ride เพลงที่เป็นดั่งจุดเริ่มต้นที่พวกเขาอดขอบคุณไม่ได้ แต่ระหว่างนี้ขอความร่วมมือให้ทุกคนเปิดทะเลดาว โบกสะบัดไฟดวงเล็ก ๆ จากมือถือไปพร้อม ๆ กัน ซ้าย ขวา อย่างมีจังหวะ ซึ่งน่ารักมากเพราะช่วงที่เพลงจบแล้วยังมีคนเปิดไฟทิ้งไว้อยู่ จนพวกเขาต้องชี้แล้วบอกว่าเพลงจบแล้วครับ ๆ (ขำ) 

ช่วงคุยของทั้งอลินและกานไม่ว่าจะปล่อยมุกไหนมาก็เรียกรอยยิ้มมุมปากและเสียงหัวเราะได้เสมอ และใช่ ณ ตอนนั้นอลินกำลังอินโทรเข้าเพลงรักที่หวานที่สุดของพวกเขา โดยบอกว่า เพลงนี้เกี่ยวกับความรัก สิ่งที่กานทำคือการเล่นเพลงซิลลี่ฟูลส์ (เฉกเช่นทุกครั้งที่เคยเป็นมา) ทำเอาขำกันทั้งฮอลล์ ในที่สุดเราก็ได้ฟัง Prettiest To Me ที่คลอด้วยเสียงกีตาร์ของกานไปครึ่งเพลงก่อนจะมีเครื่องดนตรีอื่นมาเสริมเติมความรู้สึก เป็นเพลงรักที่ทรงพลังจริง ๆ ความน่ารักคือการที่ทั้งสองคนมากอดคอร้องด้วยกันผ่านไมค์ของอลินคนเดียว เป็นภาพที่น่ารักมากจริง ๆ หลังจากเพลงนี้จบก็ถึงช่วงเวลาที่พักแนะนำวงที่วันนี้ทำเอาทุกคนประทับใจไม่น้อย และก็ชวนทุก ๆ คนถ่ายรูปด้วยกัน โดยมีท่าประจำคือให้ทุกคนทำมือเป็นกุ้งแบบตามใจชอบ พร้อมรูปแรกตะโกนว่ากุ้ง รูปสองตะโกนว่าเคย ตามคอนเซปต์ชื่อวงที่มาจาก Have You Been Shrimp? = HYBS ที่แปลไทยก็ได้เป็นคำว่า เคยเป็นกุ้งหรือเปล่า? ใช่ กะปินั่นแหละ ขี้เล่นสุด ๆ จริง ๆ ดูโอ้คู่นี้ ก่อนจะส่งท้ายกับเพลงที่ทุกคนพร้อมใจกันร้องกันลั่นอย่าง Killer แล้วร่ำลากันก่อนจะลงจากเวทีไป นับเป็นช่วงเวลา 45 นาทีที่คุ้มค่าแก่การได้ฟัง หากมีโอกาสในอนาคตก็ยังอยากฟัง HYBS เช่นเดิม และอยากชวนให้ทุกคนที่ยังไม่เคยได้ชมโชว์จากพวกเขาได้ลองมาฟังกับหูและตาตัวเองสักครั้งจริง ๆ 

LANDOKMAI

อูปิม และแอนท์ สองสาวดูโอ้จาก LANDOKMAI มาปลดล็อกดนตรีด้วยพลังเสียงอ่อนหวานชวนทุกคนลุ่มหลงไปกับโชว์ที่พวกเธอจะแสดงกันหลังจากนี้ เปิดโชว์ด้วยเพลงแรก บีดีบั๊บบา (ฺB-D-BUB-BA) ชวนทุกคนไปเต้นในปาร์ตี้วันนี้ด้วยกัน ไปต่อกันอย่างไม่รอช้า เรียกพลังแห่งความสนุกต่อกันกับเพลง Our Sunset ก่อนที่จะแนะนำตัวให้ทุกคนได้รู้จักกันอีกครั้ง “สวัสดีค่า พวกเรา LANDOKMAI จาก What The Duck” อูปิมกล่าวทักทายพร้อมกับความตื่นเต้นที่มีผู้ชมเข้ามาดูกันมากมายในวันนี้ ก่อนที่จะพาพวกเรานั่งรถไฟไปท่องโลกแห่งความฝันบนขบวนรถไฟกันกับเพลง On the Train จนเดินทางมาถึงที่ชานชลาสถานี เกาะลอยฟ้า (still) ก่อนที่จะพบเจอกันอีกครั้ง “ระหว่างนี้ดูแลตัวเองอย่าลืมคิดถึงกัน” ท่อนฮุคของเพลงนี้เรียกได้ว่าทำเอาผู้ฟังร้องตามกันได้เลยทีเดียวกับซิงเกิลล่าสุดของพวกเธอ 

ช่วงเวลานี้อูปิมอยากให้ทุกคนขอเสียงให้กับทีมแบ็คอัพของพวกเรา และพวกเราอูปิมกับแอนท์ LANDOKMAI ทั้งสองแนะนำตัวก่อนที่จะส่งต่อไปกันกับเพลง The Diary ขีดเขียนภาพวาดที่มีพวกเราอยู่ด้วยกัน ณ ตอนนี้ บันทึกลงไปในเมมโมรี่ของความทรงจำที่ดีไปด้วยกัน อีกทั้งอูปิมยังไม่แผ่วใส่พลังเสียงได้อย่างสุดยอด พาทุกคนให้เข้าถึงกับโชว์วันนี้กันได้ดีจริง ๆ ต่อกันด้วย Tsuki เพลงที่แทงลึกเข้าไปในหัวใจของใครหลาย ๆ คน ที่ต้องเก็บใครบางคนไว้ในใจ รักเราอาจไม่หวนคืนมาใหม่ ถึงแม้จะรักเท่าไหร่ ก็คงบอกลากันไปจริง ๆ คงไม่ขอให้เธอคืนกลับมาแล้วล่ะ

ไปต่ออย่างไม่รอช้ากันกับเพลง Please Be True กับเนื้อหาของการที่ชอบใครสักคนแล้วอยากให้มันเป็นจริง และยังคงเป็นอีกเพลงหนึ่งที่ทุกคนร้องตามกันได้อย่างพร้อมเพรียงกันจริง ๆ ก่อนจะไปต่อกับเพลงต่อไป อูปิมได้พูดเกริ่นมาว่าเพลงต่อไปนี้เป็นเพลงที่ได้ไปร่วม Feat. กับ พี่ ๆ วง YEW เพียงเท่านั้นเสียงผู้ชมในฮอลล์ก็ค่อย ๆ ดังฮือฮาออกมาด้วยน้ำเสียงดีใจ และแน่นอนว่าเพลงนี้คือ ลมแล้ง  (Summertime) ส่งต่อความนุ่มละมุนหู และเสียงไฮโน้ตสุดหวานกันต่อกับเพลง ด้วยใจยินดี (Willingly) เพลงที่มอบให้กับทุกความสัมพันธ์ที่จบไปแล้ว ไม่ว่ามันจะนานหรือสั้น แต่ก็ยินดีที่ได้พบกันและยินดีที่ได้จากลา ต่อให้ย้อนเวลากลับไปได้ก็จะยินดีที่จะรักอย่างเต็มใจอยู่ดี ทำเอาเรียกน้ำตาได้จากทุกคนได้จริง ๆ สำหรับเพลงนี้ หากเจอเรื่องราวจองการเลิกราในความสัมพันธ์มาหมาด ๆ มีบ่อน้ำตาแตกแน่นอน 

เก็บตกความฮาเล็ก ๆ น้อย ๆ กันไปสำหรับแฟนคลับ LANDOKMAI ที่คอยแซวศิลปินวงโปรดของตัวเองอย่างไม่ขาดสาย ก่อนที่อูปิมจะบอกว่าจบโชว์แล้ว แต่แฟนคลับหน้าเวทียังขอให้เล่นกันอีกเพลง สองสาวลานดอกไม้จึงเสิร์ฟ ฟ้า (Blue Heart) เป็นเพลงสุดท้ายก่อนที่จะถ่ายรูปเก็บความทรงจำครั้งนี้ที่ Voice Space ด้วยกัน

H I N A N O

สาวน้อยมหัศจรรย์ที่พลังล้นเหลือ ขึ้นเวทีมาพร้อมกับเพลงที่ทำให้ทุกคนรู้จักเธอ Tomorrow I’ll be Twenty-Two ก่อนจะต่อด้วย Kitty with a Knife แล้วเร่งเครื่องต่อด้วย Whiskey&Coke ที่โชว์เสียงแปดหลอดแบบที่ทำเอากรรมการอึ้ง ทักษะการร้องของ H I N A N O คือที่สุดจริง ๆ พอดิบพอดีกับเสียงดนตรีสาก ๆ ที่จัดหนักจัดเต็มอยู่ด้านหลังจริง ๆ  ต่อด้วยเพลงแรกที่เธอเริ่มแต่งมาก่อนเพลง Tomorrow I’ll be Twenty-Two อีก นั่นก็คือ How Would I Know? หลังจบเพลงนี้คิตตี้ก็ได้แวะอินโทรถึงเพลงต่อไปที่เธอตั้งใจแต่งมันมาเพื่อต้องการอยากให้เพลงนี้เป็นเพื่อนทุกคนที่เจอเรื่องราวของการถูก sexual harrasment ว่ายังมีเธอที่เข้าใจและพร้อมจะเป็นเพื่อนเสมอ ผ่าน Insomnia เพลงที่พวกเราเองฟังก็ชอบทุกครั้ง ถึงแม้จะเกิดขึ้นจากความเจ็บปวดและทรมานกับเรื่องราวเลวร้ายที่ผ่านมา แต่อารมณ์ของ H I N A N O ที่ส่งผ่านเพลงนี้มันเข้มข้นเสมอมาจนรู้สึกตามไปด้วยในทุกครั้งจริง ๆ  

ดึงอารมณ์กันอย่างต่อเนื่องกับ Wish Upon A Star เพลงที่แรกเริ่มแต่งให้น้องแมวที่จากไป แต่ไม่นานมานี้คิตตี้เองเพิ่งเสียคุณตาผู้เป็นที่รักไป คิตตี้เลยอยากใช้เวทีนี้ร้องเพลงนี้ให้กับคุณตาด้วยเช่นกัน หวังว่าดาวจะส่งคำปรารถนาของคิตตี้ไปถึงทุกคนที่จากไปนะ กลับมาอัพบีตกันต่อกับเพลงที่เราคาดกันว่าน่าจะเป็นเพลงใหม่เพราะไม่มีในอัลบั้มเต็มของคิตตี้ สนุกและอารมณ์พุ่งพล่านกันถึงเวลาที่คิตตี้ถอดเสื้อตัวนอกออกแล้วปล่อยใจจอย สนุกมากแถมยังไม่ปล่อยให้ขาดตอนเพราะเมื่อเพลงนี้จบเธอรีบต่อด้วย Hair Up High ทันที ก่อนจะใช้ช่วงเบรคแนะนำสมาชิกในวงที่เป็นสุดยอดแห่งค่ำคืน พร้อมคืนความเดือดดาลด้วยเวทีที่แดงแป๊ดล้อไปกับดนตรีที่ฉุดไม่อยู่อีกต่อไป เรียกเสียงปรบมือและกรี๊ดเชียร์จากทุกคนที่อยู่ในฮอลล์ไปได้นานพอตัวเชียวล่ะ สุดยอด! 

สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด เธอกลับมาพร้อม effy เพลงที่น่าจะตกคนไปได้มากหลังจากได้ฟังครั้งแรก นอกจากพลังของคิตตี้ที่ล้นเหลือแล้ว แบนด์ของคิตตี้แต่ละชิ้นก็พลังล้นไม่แพ้กันจนทำให้แต่ละเพลงที่ได้ฟังในค่ำคืนนี้เต็มอิ่มจนนอนตะแคงไม่ได้ ความสุขมันจะล้นออกจากปาก สะหูสะใจจริง ๆ และสุดท้ายก็ทิ้งท้ายด้วยเพลงที่หาฟังไม่ได้ถ้าคุณไม่ได้ซื้ออัลบั้มเต็มของเธอเก็บเอาไว้ นั่นก็คือ animal face ที่เรียกยิ้มมุมปากจากแฟน ๆ ได้ไม่น้อยเลย เป็น 45 นาทีที่สั้นเกินไป ผ่านมาเป็นวันแล้วเรายังคิดถึงโชว์จากคิตตี้อยู่ ประทับใจจริง ๆ พร้อมที่จะดูในครั้งต่อไปแล้ว!

Safeplanet

วงดนตรีที่ครองใจผู้ฟังด้วยสไตล์ดนตรีที่เป็นเอกลักษณ์ และเนื้อร้องที่เข้าถึงง่ายจาก Safeplanet  สามหนุ่ม เอเลี่ยน, ดอย และยี่ จัดเต็มอย่างให้พวกเราอย่างเช่นเคย ไม่รีรอเปิดมาด้วยเพลงแรก สิ่งที่เธอฝากไว้ ต้องบอกได้เลยว่าซาวด์ที่เป็นเอกลักษณ์ของ Safeplanet ยังคงพาให้เราได้ท่องอวกาศไปกับพวกเขาได้จริง ๆ และถึงแม้ว่าในตอนนี้แสงจากธรรมชาติจะดับลงไปแล้ว แต่เซฟบอยส์ เซฟเกิร์ลส์ และทุก ๆ คนที่ยังอยู่กันตรงนี้ยังคงเป็น ดวงตะวัน (The Sun) ที่คอยส่องนำทางให้ Safeplanet ได้เป็นที่พักพิงกันต่อไป และเราเชื่อว่าเยาวชน วัยรุ่นที่อยู่ในฮอลล์วันนี้ จะเป็นดวงตะวันที่ส่องแสงเจิดจ้านำมา Soft Power ทางดนตรีไปไกลกว่านี้ได้แน่นอน 

และขอต้อนรับทุกคนเข้าสู่ ห้องกระจก เพลงอันดับแรก ๆ เมื่อปี 2016 ที่ทำให้ใครหลาย ๆ คนได้รู้จักกับพวกเขา กับเนื้อหาของการติดอยู่ในห้องหนึ่งที่ว่างเปล่า ที่มีกระจกคอยสะท้อนเรื่องราวที่ยังฝังใจให้เห็นอยู่เสมอ แต่เมื่อได้ออกมาจากห้องนี้แล้วกลับพบว่ามีเรื่องราวมากมายให้พบเจอเต็มไปหมด เพียงแค่เปิดใจ และได้ออกไปกับเธอ 

เสิร์ฟความสนุกกันต่ออย่างรวดเร็ว พากันเต้นไปกับเพลง ในเมื่อใจ กับวิชวลที่สวยงามตาแตกเช่นเคย หลังจากจบเพลงนี้ ดอย มือกลองของวงได้กล่าวไว้ว่า 

ขอเป็นกำลังใจให้เด็กรุ่นใหม่ กับความตั้งใจในทุก ๆ อย่าง และพวกเรา Safeplanet ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนด้วย  

ก่อนจะพาเดินทางไปยัง ดินแดน ของพวกเขา ดินแดนที่ใดที่มีความรัก ที่พวกเรากำลังจะไปกัน หากที่นั้นมีความรัก พวกเราก็คงไม่ต้องจินตนาการกันอีกต่อไป แต่ดินแดนที่อยู่ตรงหน้า Safeplanet ในตอนนี้ รับรองว่ามีความรักมอบให้กับพวกเขาอย่างเต็มเปี่ยมแน่นอน เพราะในฮอลล์นี้ แน่นขนัดไปด้วยแฟนคลับ ที่ต่างคนก็ต่างใส่เสื้อวง หรือพา Merch ต่าง ๆ มาประดับประดาร่างกายกัน และนี่แหละคือความรักที่เห็นได้ด้วยตา ไม่ต้องจินตนาการใด ๆ เลย 

เอาใจแฟน ๆ กันไม่หยุดหย่อนจริง ๆ สำหรับวงนี้ หยิบ คำตอบ (Answer) อีก 1 เพลงฮิตมาเล่นกัน ผู้ขมในฮอลล์ก็ร้องตามได้อย่างสุดเสียง เต็มพลังอีกเช่นกัน ก่อนที่จะบอกทุกคนว่า 

วันนี้เป็นวันสำคัญของคนสำคัญในทีมของเรา วันนี้เป็นวันเกิดของพี่ปราดผู้จัดการวง Safeplanet และซัพพอตเตอร์ของผมครับ – เอเลี่ยน

กล่าวก่อนที่จะร้องเพลง Happy Birthday ให้กับพี่ปราด และไปกันต่ออย่างไม่รอช้ากับเพลง พริบตา (The Wind) เป็นเพลงก่อนสุดท้าย

ขอบคุณที่อยู่แฮงค์เอาท์ ดูหลาย ๆ วง ดูสัมมนา ยาวจนถึงมาดูพวกเรานะครับ และขอเสียงให้กับงานนี้ด้วย ขอบคุณทุกคนที่ซัพพอร์ตพวกเรา และพวกเราคนรุ่นใหม่จะเป็นกำลังสำคัญในการปลดล็อกทุกสิ่งในวันนี้ให้มันดีขึ้นกว่าเดิมนะครับ

และเพลงต่อไปขอมอบให้ทุกคนที่อยู่ตรงนี้ ส่งท้ายค่ำคืนนี้ไปด้วยกันกับเพลงสุดท้าย ข้างกาย อีกหนึ่งเพลงฮิตมาแรงของวง ที่มีเมโลดี้ที่ชัดเจน เนื้อร้องที่เข้าใจง่าย ไม่แปลกเลยที่ทุก ๆ วันนี้แฟนคลับของพวกเขาจะเพิ่มขึ้น และเติบโตขึ้นไปเรื่อย ๆ พร้อมกับผลงานที่มีคุณภาพของ Safeplanet โชว์จบแต่ความน่ารักของเซฟบอยส์ เซฟเกิร์ลส์ ยังไม่จบ แฟนคลับยังคงร้องเพลง Happy Birthday ให้พี่ปราดกันอีกครั้ง ช่างเป็นบรรยากาศที่น่ารักมากจริง ๆ

19 มีนาคม 2023

TELEx TELEXs

TELEx TELEXs วงดนตรีซินธ์ป๊อปขวัญใจวัยรุ่น ปลดล็อกความสนุกวงแรกของวันนี้อย่างไม่รอช้ากันกับเพลง ดวง ดวง ดวง (Mutelu) ต่อกันด้วย ไม่อยากนอน (Night Mode) เพียงแค่สองเพลงแรก เสียงร้องตามของผู้ชมในฮอลล์ก็ดังกระหึ่มกันเลยทีเดียวเชียว  ไปกันต่อกับเพลงต่อไปนี้ ที่ต้องบอกตัวเองว่าควรลืมเรื่องราวที่ทำให้เจ็บช้ำไปได้แล้ว ทิ้งทุกสิ่งเอาไว้และกลับมารักตัวเองแบบเดิมกับเพลง หรือฉันเองที่ขังเธอไว้ในความทรงจำ (Move On) ก่อนที่ TELEx TELEXs จะกล่าวทักทายทุกคนด้วยความดีใจที่ได้มาเจอกันในวันนี้ ก่อนที่ออมจะเกริ่นเข้าสู่เพลงต่อไปด้วยประโยคที่ว่า “บางทีคนที่อยู่กับเรา เขาอยู่กับแราแค่บางช่วงเวลา พอเราตื่นขึ้นมาเขาก็ไปอยู่กับคนอื่นแล้ว” เพื่อส่งเข้าเพลง mi ami? กับความรักที่ไม่แน่นอน ครึ่ง ๆ กลาง ๆ กับความสัมพันธ์นี้ ช่วยบอกหน่อยได้ไหมว่าจะเลือกใคร ถ้ายังเลือกไม่ได้ก็ช่วยทิ้งฉันไปเถอะเธอ เนื้อหาของเพลงที่เรียกได้ว่าแทงทะลุทะลวงเข้าไปได้อย่างเจ็บลึกถึงข้างในใจเลยก็ว่าได้ เบรกกันสักครู่ ออมก็ได้ทักทายกับทุกคนที่เข้ามาดูพวกเขาในวันนี้ว่ายังสบายดีกันอยู่ใช่ไหม ยังไหวอยู่ไหม เพราะบ่าย ๆ อากาศร้อน ๆ แบบนี้ทุกคนดูซึม ๆ จากความร้อนระอุจากภายนอกก่อนที่จะเข้ามาภายในงาน ก่อนจะพาไปเดินทางไกลเป็นหมื่นไมล์กับเพลง 16090 ออกเดินทางไปกันต่อในทะเลกว้างกับ เรือใบ อีกหนึ่งเพลงที่ทำให้ใครหลาย ๆ คนได้มารู้จักกับ TELEx TELEXs และออมชวนทุกคนปรบมือเข้าจังหวะกับเพลงนี้ ความเหนื่อยล้าจากการเดินทางผ่านแสงแดดได้หายไปทันที เมื่อฟังจากเสียงร้องตามของเพลงนี้ที่ดังมาก ทุกคนร้องตามกันได้ทุกท่อนเลยจริง ๆ รวมทั้งการขยับร่างกายเข้าจังหวะเพลงเล็ก ๆ น้อย ๆ ตามสไตล์ของแต่ละคนช่างเป็นภาพที่น่ารักเอามาก ๆ เลย ไปกันต่อไม่รอช้าไปพบกับเพื่อนคนหนึ่งที่คิดว่าทุกคนน่าจะเป็นเพื่อนคนนี้อยู่ข้างกายเวลาโดดเดี่ยวเช่นกัน เพื่อนชื่อความเหงา (01.23 A.M.) ช่วงท้ายเพลงมีการถามกันว่า “ใครมีเพื่อนชื่อความเหงากันบ้างคะ” เสียงทุกคนตอบรับกันอย่างล้นหลามอีกเช่นเคย เสิร์ฟความสนุกกันต่อกันกับเพลงล่าสุดของพวกเขา ใช่หรอวะ (WTF) พร้อมตั้งคำถามว่า การที่เห็นคน ๆ หนึ่งที่เคยอยู่ร่วมกับเรา แล้วคนนั้นไปทำทุกอย่างกับคนอื่น มันใช่หรอวะ!! พร้อมส่งท้ายเพลงนี้ด้วยประโยคเด็ด ๆ

การที่เราอยู่ในประเทศนี้ ในสภาพแบบนี้ มันใช่หรอวะ!  

เดินทางไปกันต่ออีกครั้ง คราวนี้ไปถึงที่ SHIBUYA เพลงที่พูดถึงคนรักเก่าที่ได้กลับมาพบเจอกันอย่างบังเอิญ ซึ่งในตอนนี้ก็มีความสุขดี ไม่เหมือนตอนที่เลิกรากันไปเลย ฤทธิ์ของแอลกอฮอลล์ที่คลุกเคล้าผสมไปด้วยความทรงจำที่ยังทิ่มแทงใจ ทำให้ทุกคนส่งเสียงร้องในเพลงนี้ดังอีกเช่นเคย ก่อนที่จะเข้าสู่ช่วงท้ายโชว์ ออมได้พูดขึ้นมาว่า

“เราหวังว่าการที่เราได้มาเล่นงานนี้จะได้ทำให้ Soft Power ของประเทศเรามันเป็นจริงนะคะ” 

เอาใจแฟนเพลงกันอย่างต่อเนื่องกับเพลง ซ่อน (B2B) และต่อด้วยเพลงสุดท้ายจากพวกเขา 1991-1993 ต่อเวลาหน่อยได้ไหม เพราะทุกคนอยากให้มีเวลาปลดล็อกความสนุกทางดนตรีไปด้วยกันอีก ก่อนที่จะถึงเช้าพรุ่งนี้วันจันทร์ที่ไม่อยากให้ถึงเลย แต่ถึงยังไงเช้าวันจันทร์ที่ผ่านมานี้ ก็จะเป็นวันที่สดใส เพราะทุกคนได้มาอันล็อกปลดปล่อยความเครียดไปกับพลังแห่งเสียงดนตรีที่หลากหลายของวันนี้ด้วยกันแล้ว

Yellow Fang

Yellow Fang สามสาวสุดเก๋ มาพร้อมกับความเท่แบบไม่ซ้ำใคร พวกเธอเปิดมากับเพลง PLUNK (พลั้ง) ต่อด้วย GANG จากโปรเจกต์ Fungjai Crossplay 3 เมื่อปี 2019 และไปกันต่อกับเพลงที่ 3 Morning จนถึงเวลาที่สามสาวพาเรามาย้อนวันวานกลับไปเมื่อ 15 ปีที่แล้ว ที่พวกเธอได้แต่งเพลงแรกกันนามว่า เลี้ยง และหลังจบเพลงนี้ Yellow Fang ได้เอ่ยกล่าวความคิดถึงต่อเวทีใหญ่ ๆ ที่ไม่ได้ขึ้นมานานมาก ต้องขอบคุณทุกคนที่มาดูวันนี้ที่คอยเป็นกำลังใจให้กับ Yellow Fang ได้ดีจริง ๆ และเพลงต่อไปเป็นเพลงโคตรฮิตของพวกเธอ สำหรับ I Don’t Know ที่ทุกคนร้องตามกันได้ แม้จะเป็นเพลงที่ผ่านมานานแล้ว ต้องยอมรับเลยว่าเพลงของพวกเธอ ยังคงทำหน้าที่ได้ดีเสมอมาต่อให้เวลาจะผ่านมานานแล้วก็ตาม มาขยับร่างกายโยกคอกันต่ออีกสักหน่อยกับเพลง แค่เพียง เพลงเมื่อ 6 ปีที่แล้วที่ยังคงสะกดผู้ชมในฮอลล์ให้ลุ่มหลงไปกับซาวด์ดนตรีที่โดดเด่น หนักแน่นแต่ก็ยังมีความอ่อนโยนผสมผสานกันอยู่ เรียกได้ว่าฝีมือของพวกเธอทั้งสามคนร้ายกาจไม่เบาเลยทีเดียว ไปกันต่อกับเพลงนี้ ที่ได้แต่งมาในช่วงปี 2020 ยุคที่พวกเราทุกคนยังเผชิญกับโควิด-19 อยู่ พวกเธอใช้เวลานี้สร้างสรรค์เพลง เคลียร์อยู่ (In Between) ขึ้นมา ไลน์ร้องประสานของทั้งสามคนในช่วงแรกของเพลงนี้ทำเอาผู้ชมในฮอลล์อึ้งไปตาม ๆ กันเลย อีกทั้งในโชว์วันนี้ยังได้ กิ๊กกี้ สาวเพอร์คัสชั่นมือทองแห่งวงการดนตรีมาช่วยเสริมความมีมิติทางดนตรีเพิ่มขึ้นอีกด้วย ยอมรับเลยว่าสุดยอดแห่งความเท่จริง ๆ สำหรับวงนี้ ปลดล็อกอิสรภาพทางดนตรีกันต่อกับเพลงใหม่ล่าสุดกับ ไม่ได้ใจร้าย MDJR ก่อนที่จะไปต่อกับเพลงต่อไป Yellow Fang ได้กล่าวไว้ว่า เป็นเพลงที่หยิบยืมพี่สาวที่เรารักมา เป็นเพลงที่พวกเราประทับใจ ซึ่งก็คือเพลง Cranes in the Sky และ ประวัติศาสตร์ ที่หลังจากนี้ทางวงได้กล่าวขึ้นมาว่า

พวกเราจะมาปลดล็อกประวัติศาสตร์ของวงการดนตรีไปด้วยกัน กับพลังแห่ง Soft Power ที่อยู่ในมือทุกคน และยังตื่นเต้นด้วยที่พวกเราจะได้ไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งกัน

ไปกันต่อกับเพลงนี้ที่เหมาะกับบรรยากาศในฮอลล์มากสำหรับแอร์ที่เย็นเฉียบกับเพลง ห่มผ้า ยังคงเป็นอีกเพลงที่แฟนคลับตั้งหน้า ตั้งตารอเช่นกันสำหรับเพลงนี้ และถ้าหากพูดถึงบรรยากาศตอนที่วงกำลังเล่นเพลงนี้ เสียงทุกคนร้องตามกันอย่างเต็มปากเต็มเสียงเลยทีเดียว ก่อนจะปิดท้ายไปด้วย Unreal ที่ทุกคนชูมือขึ้นเหนือหัวปรบมือตามจังหวะกลองกันอย่างพร้อมเพรียง ร่างกายก็ขยับโยกกันไปตามสเต็ปของแต่ละคน จนจบโชว์เสียงปรบมือให้กำลังใจกันก็ดังขึ้นมาทันที อีกหนึ่งวงดนตรีเพื่อนหญิงพลังหญิงที่ประสบการณ์ล้นหลาม และพร้อมจะพาวงการดนตรีไปสู่ระดับโลกได้เลย และนี่คือพวกเธอ Yellow Fang

H 3 F

สี่หนุ่มสุดเท่ของพวกเราขึ้นเวทีมาก็ซัดเพลงหวาน ๆ ก่อนเลยกับ How Can I เพลงรักหวานฉ่ำที่ไม่ว่าฟังกี่ครั้งก็ยังไม่เบื่อ ก่อนจะต่อด้วย It’s Alright เพลงสุดนุ่มจากอัลบั้มล่าสุด เสียงปรบมือช่วงต้นของแก๊ง brass (เครื่องเป่า) สะกดคนฟังแบบพวกเราไว้ได้ไม่น้อยเลย จนกระทั่งพวกเขาหยิบเครื่องเป่ามาเสริมสีสันในเพลงก็ยิ่งเพราะจนไม่อยากให้เพลงจบเหมือนเดิม ก่อนจะส่งเข้า City Lights หนึ่งในเพลงเซ็ตแรก ๆ ที่ทำให้พวกเราได้รู้จักพวกเขาทั้งสี่คน แล้วพาเข้า Make Believe World แทร็กสุดท้ายจากอัลบั้มใหม่ที่ความหมายดีมาก ๆ โซโล่เอาตายของจริง พร้อมกับเป็นช่วงแนะนำคนในวงที่บางส่วนของวงนั้นเป็นสมาชิก Rattanakosin Breakin Crew และวง MOOM 

พร้อมบอกกันโต้ง ๆ ว่าตอนนี้พวกเขากำลังอัดอัลบั้มที่สามกันอย่างหนุบหนับ ก่อนเซอร์ไพรส์ด้วยเพลงใหม่ที่ยังไม่มีชื่อ เมื่อได้ฟังแล้วก็อดยิ้มไม่ได้เพราะซาวด์ยังคงเป็น H 3 F แบบร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ที่เพิ่มเติมคือมุมมองของการเล่าเนื้อหาที่เติบโตขึ้นตามอายุวงจริง ๆ โดยก้องและหม่อมบอกว่าอัลบั้มนี้ยังไม่มีชื่อ แต่ถ้าจะให้มีตอนนี้หม่อมบอกว่ามันน่าจะชื่อ ชาละวันซาวด์ ต่อให้อาจไม่ได้ใช้จริง แต่คำนี้ก็ติดอยู่ในหัวก้องตลอดมา ใครจะรู้ว่าถึงเวลาจริง ๆ คำ ๆ นี้อาจจะกลายเป็นชื่ออัลบั้มที่พวกเราได้ฟังกันในไม่ช้านี้ก็ได้นะ และแล้วก็เข้าสู่ช่วงท้ายที่หยิบ Cultivation มาเล่นให้ฟัง ช่วงอินโทรก็เรียกเสียงกรี๊ดไปได้ไม่น้อยเพราะเท่ขึ้นเรื่อย ๆ พอได้ฟังก้องร้องเองเต็ม ๆ ทั้งเพลงก็ได้ซาวด์ที่สดใหม่และก็ควรค่ากับคำว่าเท่แบบตะโกนดัง 120 เดซิเบลก็ยังดังไม่พอ! ความน่ารักในช่วงท้ายคือทุกคนเดาเพลงสุดท้ายได้แล้วว่ามันจะต้องเป็น Ain’t Coming Home เป็นแน่ แล้วมันก็ใช่จริง ๆ ก้องชิงเล่นตัวเองก่อนเลยว่า “ถ้าผมทำเพลงที่มันกว่านี้ได้เมื่อไร ผมจะเปลี่ยนเพลงจบให้” แต่ไม่เป็นไร ทุกคนยินดีที่จะฟัง Ain’t Coming Home เสมอ เพราะพวกเขาโซโล่จัดเต็มไม่ว่าจะเครื่องดนตรีใดก็ตาม ยิ่งช่วงแจมสุดท้ายที่เร้าจังหวะขึ้นมาเรื่อย ๆ นี่เรียกได้ว่าอุดปากกรี๊ดกันเป็นแถบ อุทานออกมาซ้ำ ๆ ว่าเท่จังวะ เท่จังวะ สมมงวงคนเท่จริง ๆ!

The Paradise Bangkok International Molam Band

ไฮไลต์ของค่ำคืนนี้จะเป็นใครไปได้ ถ้าไม่ใช่ชาวสวรรค์บางกอกที่ขนเครื่องดนตรีไทยมาเสริมทัพปลดล็อกซอฟต์พาวเวอร์ จะเรียกว่าพวกเขาเป็นกลุ่มที่ส่งออกตัวเองมานานแล้วก็ว่าได้ ไปเฟสติวัลเมืองนอกมาแล้วแบบนับไม่ถ้วน และต้องขอสารภาพตรงนี้ว่าพวกเราทีมงานฟังใจไม่มีใครหยุดตัวเองให้เลิกเซิ้งหน้าฮ่านเพื่อมาทำงานได้เลยแม้แต่น้อย เลยจะขออภัยด้วยการเล่ามวลรวมของฝูงชนที่เราเห็นแทน 

เพียงโน้ตพิณแรกก็เห็นได้ทันทีว่าทุกคนพร้อมเบิกหู พร้อมจัดระเบียบร่างกายให้อยู่ในท่าที่สะดวกต่อการเซิ้งมากที่สุด ม่วนตั้งแต่ต้น มีเบรคให้พักบ้างแต่ก็ยังเซิ้งได้ในช่วงกลาง และพีคจนทนไม่ไหวในช่วงท้ายในเพลง โชว์วงหมอลำอินเตอร์เนชันแนล ที่มองไปตรงไหนทุกคนก็มีท่าของตัวเอง บ้างหางเครื่อง บ้างเซิ้ง บ้างฟ้อน บ้างเต้นอะไรก็ได้ให้เข้าจังหวะ เป็นภาพประทับใจที่หาจากศิลปินไหนไม่ได้เลยนอกจากพวกเขา The Paradise Bangkok International Molam Band ถึงแม้จะเป็นวงที่เราในค่ำคืนสุดท้ายเขียนระเห็ดเตร็ดเตร่ถึงได้สั้นที่สุด แต่พวกเราทุกคนใช้เวลากับพวกเขาแบบคุ้มทุกวินาที คุ้มทุกโน้ตจริง ๆ เต้นกันจนเมื่อยขาปวดหลัง เรียกได้ว่าเอ็นจอยโมเมนต์ตรงหน้าสุด ๆ บอกได้เพียงคำเดียวว่าพอถึงเพลงสุดท้ายก็เหมือนคนใจสลาย ได้ยินเสียงบ่นเนือง ๆ ว่าทำไมเร็วจังอะ! แน่นอน เพราะช่วงเวลาแห่งความสุขไม่อยู่กับเรานานนัก แต่การที่ได้ฟังพวกเขาเป็นวงสุดท้ายแห่งค่ำคืนวันอาทิตย์ ก็ส่งต่อแรงมาให้พวกเราจนถึงวันจันทร์และวันต่อ ๆ ไปในอาทิตย์ถัดมาได้อย่างเต็มเปี่ยม พวกเราขอคารวะ 

สไลด์ to Unlock

นอกเหนือจากพาร์ตคอนเสิร์ต ในงานก็มีอีกหลายพาร์ตที่ส่งเสริม Soft Power ในประเทศไทย ซึ่งมีความน่าสนใจที่แตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็นฝั่งภาพยนตร์ การเสวนาพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เวิร์กช็อปต่าง ๆ หรือกระทั่งนิทรรศการที่ชื่อว่า Soft Power ในมือคุณ ที่มีลูกเล่นในการนำเสนอแสนจะน่าสนใจ เป็นช่วงเวลาปลายสัปดาห์ที่พวกเราได้เปิดหูเปิดตาออกไปมองสิ่งต่าง ๆ รอบตัวที่มันดีอยู่แล้ว และกำลังรอวันให้มีใครสักคนมาปลดล็อกสิ่งเหล่านี้ให้ออกไปสู่สายตาสากลเพื่อที่จะก้าวหน้าและเติบโตไปพร้อม ๆ กันในอนาคตอันใกล้นี้ เฟสติวัลนี้เลยนับว่าเป็นอีกงานที่จบครบในหนึ่ง อิ่มท้อง อิ่มหู รู้สึกจรรโลงใจและได้ความรู้ติดตัวกลับมาด้วยตลอดทั้งสองวัน รู้สึกมีความหวังมากขึ้นไม่น้อยจริง ๆ เลยล่ะ

มีเรื่องราวมากมายที่รอให้คุณมาเจอ ใน “สไลด์ to Unlock” 18-19 มีนาคมนี้

Facebook Comments

Next:


Donratcharat

นัท มีหมาน่ารักสองตัวชื่อหมูตุ๋นกับหมูปิ้ง กาแฟดำยังจำเป็นต่อชีวิต และยกให้กาแฟใส่นมเป็นรางวัล