Article Interview

‘สัมผัสรัก’ ไปพร้อม ๆ กันกับ 7th Sense วงไอดอลสาวหน้าใหม่ที่คุณจะตกหลุมรัก

  • Writer: Gandit Panthong
  • Photographer: Pradthana Chaijaroensuksakul

14/06/61

หากเธอรักกันจริงก็ไม่ต้องอาย เธอจะเขินทำไม ถ้าเป็นลูกผู้ชาย
จะเก็บความลับไว้ทำไม จะปิดบังอีกนานเท่าไหร่
ฉันอยากรู้ ไม่ใช่ว่าฉันไม่เคยมีความรู้สึก ในใจลึก ๆ ข้างในก็ยังไหวหวั่น
ยิ่งเธอปิดบังไว้นานเท่าไหร่ ใจก็ยิ่งสัมผัส I have 7th sense to know you are my love

สวัสดีครับท่านผู้อ่านทุกท่าน หลายคนเปิดเข้ามาอาจจะสงสัยว่า เอ๊ะ เนื้อเพลงข้างบนเป็นเพลงของใคร เพลงอะไร ใครเป็นของคนร้อง เฉลยให้ก็ได้ครับ ศิลปินจากเนื้อเพลงข้างบนนี้คือ ศิลปินไอดอลวงใหม่ที่ผมกำลังจะได้มีโอกาสสัมภาษณ์ในวันนี้ครับ โดย ณ ตอนนี้ผมได้มานั่งอยู่กับสมาชิกส่วนนึงของวงนี้แล้ว พวกเธอมีชื่อว่า 7th Sense ซึ่งพอตอนแรกได้ยินชื่อวงผมก็เริ่มสงสัยพวกเธอเป็นใคร ยิ่งปีนี้เป็นปีที่มีวงไอดอลเกิดขึ้นเยอะมากในประเทศไทย ยิ่งทำให้ผมยิ่งอยากรู้ว่า พวกเธอจะแตกต่างจากวงอื่น ๆ อย่างไรบ้าง เอาล่ะครับได้เวลาแล้วไปทำความรู้จักพวกเธอกันครับ

แนะนำตัวสมาชิกวง 7th Sense (จากซ้ายไปขวา) 

แฮมมี่ (อายุ 19 ปี), เดียร์ (อายุ 21 ปี), ตังตัง (อายุ 24 ปี), เกรซ (อายุ 19 ปี), แองจี้ (อายุ 24 ปี), ใหม่ (อายุ 22 ปี) และ กะทิ (อายุ 21 ปี)

7th Sense วงนี้เกิดขึ้นมาได้อย่างไร 

ตังตัง: จุดเริ่มต้นของวงเราเกิดขึ้นจากทางผู้ใหญ่ทีมงานของพวกเรา มีไอเดียมองเห็นว่ากระแสไอดอลมันมาแรงมาก ๆ ในปีนี้ก็เลยอยากจะสร้างวงไอดอลเกิร์ลกรุ๊ปขึ้นมา อยากจะให้กระแสของดนตรีแนว T-pop กลับมาจึงทำให้เกิดโปรเจกต์ 7th sense ขึ้นค่ะ โดยเพลงของพวกเราก็จะเป็นแนวป๊อปสมัย 90 ซาวด์ดนตรีที่หลาย ๆ คนคิดถึงอีกด้วย 

จุดเริ่มต้นของแต่ละคนในการมาอยู่วงนี้ เริ่มต้นกันมาอย่างไรบ้าง

กะทิ: หนูเห็นประกาศรับสมัครออดิชันจากเพื่อน ๆ ค่ะ เพื่อนมาเล่าให้ฟัง เราเองก็สนใจด้วยจึงลองมาออดิชันดูจากนั้นก็ติดได้เข้ามาร่วมวงด้วยค่ะ 

แองจี้: ของแองจี้จะมีทางผู้ใหญ่ติดต่อมาก็คือทักแชตเฟสบุ๊กมาเลย แล้วก็ส่งโปสเตอร์ของโครงการมาให้เราดู ถามว่าเราสนใจด้านการร้อง การเต้นบ้างรึเปล่า ซึ่งส่วนตัวหนูเคยมีความฝันอยากเป็นศิลปินอยู่แล้ว อยากอยู่วงไอดอลก็เลยรู้สึกว่า ตรงนี้ตอบโจทย์เรานะจากนั้นเลยตัดสินใจลองเข้ามาออดิชันดูแล้วก็ได้มาเจอกันกับเพื่อน ๆ มันก็สนุกดี

เกรซ: เกรซจะแปลกกว่าเพื่อน ๆ หน่อย คือ ของเราจะอยู่ในไลน์กลุ่มอันนึง แล้วอยู่มาวันนึงก็มีคนส่งโปสเตอร์โครงการนี้มา เขาบอกว่า ใครสนใจลองไปสมัครได้นะ เราก็เลยลองไปหาข้อมูลมา ศึกษาดูแล้วชอบก็เลยลองสมัครดูค่ะ 

ตังตัง: มีพี่ที่รู้จักค่ะ แนะนำมาว่า ตอนนี้มีโปรเจกต์วงเกิร์ลกรุ๊ปอยู่นะ สนใจมาออดิชันไหม เราก็เลยได้ลองมีโอกาสเข้ามาลองออดิชันค่ะ

เดียร์: ส่วนตัวเป็นคนที่มีความฝันมาตั้งแต่เด็ก ๆ แล้วค่ะ ชอบร้อง ชอบเต้น เราเองก็มองหาโอกาสต่าง ๆ มาตลอดและนี่มันเป็นหนึ่งในโอกาสที่เข้ามาในชีวิต เราก็เลยตัดสินใจเข้ามาออดิชันค่ะ ไม่อยากจะทิ้งความฝันที่เคยฝันไว้ค่ะ

แฮมมี่: ปกติชอบร้องเพลงอยู่แล้วค่ะ และประกวดแข่งขันมาตลอด จากนั้นก็มีโอกาสได้เห็นโปรเจกต์นี้จากคุณครูที่มหาวิทยาลัยค่ะ เขาก็แนะนำให้ลองไปดู เราเองก็เห็นว่าเป็นโอกาสใหม่ที่น่าจะลองดูเพราะ เราก็ไม่เคยร้องหรือเคยทำเพลงแนวนี้ก็เลยลองสมัครเข้ามาออดิชัน

ใหม่: ของใหม่ก็จะมีพี่ที่รู้จักแนะนำมาเหมือนกันและตัวเองก็มีความสนใจอยากจะหาประสบการณ์ด้านนี้ด้วยค่ะ เหมือนก็เป็นความฝันเราอย่างนึงเลยเข้ามาลองออดิชันดู แล้วในที่สุดก็ได้เข้ามาเป็นหนึ่งในสมาชิกวง

ความรู้สึกแรกหลังจากรู้ว่า ได้รับการคัดเลือกให้เป็นสมาชิกวง 7th Sense  

กะทิ: ตอนแรกที่รู้ว่าติดวงนี้ก็รู้สึกว่ายัง 50-50 อยู่ เราจะเป็นสมาชิกวงนี้แน่ ๆ แล้วใช่ไหม จะทำตามความฝันต่อไปอีกดีรึเปล่า ซึ่งในใจลึก ๆ มันก็บอกว่าเป็นโอกาสครั้งนึงในชีวิต งั้นลองทำตามความฝันดูสักครั้งนึงดีกว่า ซึ่งพอเข้ามาแล้วก็โอเคเลย เราอยู่กับที่นี่ได้ ยิ่งตอนนี้เราได้มาเป็นสมาชิกวงอย่างเป็นทางการแล้วมันก็ดีใจมาก ๆ (ยิ้ม) 

แองจี้: ตอนแรกที่เห็นรายชื่อติดเป็นสมาชิกวง 7th Sense รู้สึกดีใจมาก คิดในใจว่า เขาเลือกเราเข้ามาได้ยังไง (หัวเราะ) เพราะว่า ตอนออดิชันมันตลกมากเลย เราก็รู้สึกว่าเราเองไม่ได้เป็นคนที่พร้อมมากขนาดนั้น แต่ว่าพอได้เข้ามาแล้ว ได้เข้ามาเรียนร้อง เรียนเต้นก็รู้สึกว่า ได้เห็นพัฒนาการของตัวเองและของทุกคนไปเรื่อย ๆ มันรู้สึกสนุกและคิดว่าจะทำให้เต็มที่ต่อไปเรื่อย ๆ หลังจากนี้ค่ะ 

เกรซ: พอรู้ว่าติดก็ดีใจค่ะ ทำได้แล้ว ดีใจมาก ๆ  มันเป็นความฝันของเรา ยิ่งตอนเข้ามาตอนแรกคุณครูบอกว่า อาจจะเป็นแค่เด็กฝึกนะ แต่สำหรับเราตอนนั้นรู้สึกว่า เป็นเด็กฝึกก็ดีใจแล้ว สุดท้ายพอได้มาเป็น 7th Sense ก็รู้สึกสนุกเพราะว่าเป็นอะไรที่อยากทำอยู่แล้ว

ตังตัง: มันก็เป็นเหมือนความฝันค่ะ ตังตังชอบร้องชอบเต้นตั้งแต่เด็ก ๆ อยู่แล้ว อยู่ในห้องน้ำที่บ้านก็ร้องเพลงเปิดคอนเสิร์ตเป็นประจำด้วย (หัวเราะ) และพอมารู้ว่าได้ติดที่นี่ก็ดีใจค่ะที่ได้ทำตามความฝัน

เดียร์: ของเดียร์รู้สึกดีใจเช่นกันค่ะ ตอนที่ติดเราก็ได้มีการคิดทบทวนได้ปรึกษากับทางผู้ใหญ่ เรารู้ว่าที่นี่เหมาะกับเรา ตอบโจทย์เรา เพราะฉะนั้นพอได้มาเป็นสมาชิกวงนี้มันไม่มีความรู้สึกอื่น ๆ เกิดขึ้นเลย นอกจากคำว่า ดีใจ ดีใจมาก ๆ 

แฮมมี่: พอเห็นชื่อว่าติด เข้ารอบแล้วงี้ก็ดีใจมาก ๆ ค่ะ (หัวเราะ) ทางผู้ใหญ่เขาก็ให้โอกาสเราและเมื่อได้โอกาสมาแล้ว พวกเราทุกคนก็ต้องทำให้เต็มที่ค่ะ

วินาทีที่ทุกคนได้เจอหน้ากันเป็นครั้งแรก วันนั้นเป็นอย่างไรบ้าง

กะทิ: ของกะทิจะเข้ามาซ้อมทีหลังเพื่อน เพราะว่าติดสอบที่มหาวิทยาลัย ทุกคนในวงก็จะรู้จักกันหมดแล้ว ตอนที่เข้ามาก็รู้สึกว่า ต้องปรับตัวและค่อย ๆ เรียนรู้กัน พอเรียนรู้กันแล้วก็สนุกค่ะ ทุกคนแบบใจดีมาก ๆ  (FJZ: สมาชิกคนแรกที่กะทิเข้าไปทักคือใคร) เป็นเพื่อนที่ชวนมาสมัครเลย เขาก็ติดเข้ามาด้วย แต่วันนี้เขาไม่ได้อยู่ที่นี่นะ (หัวเราะ) คนนั้นเลยเป็นคนแรกที่คุยอย่างจริงจังเลย แต่ทุกวันนี้หนูก็จำเพื่อน ๆ ในวงได้หมดแล้วนะ 

ตังตัง: ต้องจำได้แล้วนะตอนนี้ (หัวเราะ) 

แองจี้: ตอนแรกที่เห็นประกาศรายชื่อก็จะมีเพื่อน ๆ ที่รู้จักกันอยู่แล้วบ้าง 2 คน ซึ่งนั้นก็คือ น้องใหม่และแพรวเล็ก 2 คนนี้มาออดิชันรอบเดียวกันเลยรู้สึก อุ่นใจอย่างน้อยก็รู้จัก 2 คนในวงนี้มีเพื่อนแน่นอนแล้ว (หัวเราะ) พอมาวันแรกที่ปฐมนิเทศคนแรกที่เจอและคุยเยอะที่สุดก็คงจะเป็น วาววาค่ะ 

เกรซ: ตอนเข้ามาก็โชคดีหน่อยได้เจอคนที่รู้จักมาตั้งแต่ตอนออดิชันแล้วอย่าง เอ๊ะกับกะทิและก็จะมีคนที่แบบยังไม่เคยเห็นมาก่อนอีกหลายคนเลย พอเห็นชื่อก็เลยไปแอบว่อง ๆ ดูว่าคนนั้นเป็นใครกันบ้างในโซเชียล ยิ่งพอมาเจอตัวจริงทุกคนก็น่ารักและเป็นกันเองมาก ๆ เลยสนิทกันค่อนข้างไวค่ะ 

ตังตัง: จริง ๆ การมาเจอกันครั้งแรก มันก็เหมือนทุกคนล่ะเนอะ มันก็จะมีความตึงๆ นิดนึงจะต้องสุภาพเป็นพิเศษ แบบตัวเองชื่ออะไรอะ ทุกวันนี้ไม่ละ (หัวเราะ) ส่วนคนที่คุยคนแรกเหรอ จำไม่ได้เหมือนกัน จำได้แค่ว่าเดินเข้ามาละก็เห็นเขานั่งกันอยู่ก็จะมี ต้นมอส สตางค์ 2 คนนี้เลย 

เดียร์: ของเดียร์ ตอนเจอครั้งแรกได้เจอหลายคนมาก ๆ แบบมาก ๆ ก็เลยจำไม่ได้ว่า คุยกับใครเป็นพิเศษหรือเปล่า แต่บางคนเราก็รู้จักมาก่อนหน้านี้แล้วนะก็เลยไม่ค่อยเกร็ง และเหมือนกับคนที่เราเพิ่งมาเจอครั้งแรก เขามีความฝันเมหือนกัน มีจุดมุ่งหมายเหมือนกัน ทุกคนเลยก็ค่อนข้างจะเปิดใจ พยายามเข้าหากัน มันแฮปปี้มาก ๆ 

แฮมมี่: หนูตอนแรกที่เข้ามาคือไม่มีเพื่อนเลย (หัวเราะ) 

ตังตัง: ตอนนี้มีรึยังคะ

แฮมมี่: ไม่มีเหมือนกัน (หัวเราะ) ล้อเล่นค่ะ ก็มีแล้ว ตอนนี้ก็เป็นเพื่อนกับทุกคนเลย ตอนแรกบางคน เขาก็เคยเจอกันตอนที่มาออดิชันวันเดียวกันใช่ไหม แต่ของแฮมมี่คนที่มาออดิชันวันเดียวกันก็ไม่ติด ไม่มา มาถึงก็คือเขาก็เป็นกลุ่มกันหมดแล้ว ก็เลยไม่ได้มีใครมาคุยกับเราจะมีทักแค่แบบไม่กี่คน เกรซกับใครสักคนนี่แหละ แต่สุดท้ายทุกคนก็รู้จักกันในที่สุดนะ

ใหม่: วันแรกที่เจอกันก็รู้สึกว่า จะจำชื่อทุกคนได้เมื่อไหร่อ่ะ (หัวเราะ) เป็นแบบสิ่งแรกที่คิดเลย 20 คน จะนั่งจำชื่อเพื่อนได้ตอนไหน แต่ตอนนี้จำได้แล้วนะและก็คนที่คุยกับใหม่คนแรกน่าจะเป็นต้นมอส ถ้าจำไม่ผิดนะ ต้นมอสทักใหม่ว่า ใหม่เป็นเพื่อนของเพื่อนของต้นมอสรึเปล่า คนนี้ก็เลยเป็นคนแรกที่เข้ามาคุยกับใหม่ โดยที่ใหม่ไม่ได้เป็นคนไปคุยกับเขาก่อน

แฮมมี่: สวยจ้า

ใหม่: เพราะปกติใหม่จะไปพูดกะเขาก่อนไง แต่ต้นมอสเป็นคนที่เข้ามาคุยกับใหม่ก่อน ใหม่เลยจำได้ 

หลังจากที่ได้เจอกันแล้ว ชื่อวง 7th sense นี้มีที่มาจากไหน 

เดียร์: ชื่อวงของเราคือ 7th Sense ใช่ไหมค่ะ แปลเป็นภาษาไทยได้ว่า ‘สัมผัสที่เจ็ด’ อย่างสัมผัสที่หกหลาย ๆ คนก็อาจจะรู้อยู่แล้ว แต่สัมผัสที่เจ็ดของเราจะเป็นสัมผัสรักและก็เป็นสายสัมพันธ์ เรื่องราวระหว่างพวกเราเมมเบอร์และแฟนคลับค่ะ

ตังตัง: จริง ๆ คอนเซปต์วงที่บอกในตอนแรกยังไม่หมดนะคะ โดยคอนเซปต์วงของเราก็คือ การรวมตัวกันของกลุ่มเด็กสาวเด็กผู้หญิงที่ไม่ได้เก่งมาตั้งแต่เริ่ม ทุกคนเหมือนค่อย ๆ เริ่มจากศูนย์หรือเริ่มจากหนึ่ง ค่อย ๆ เรียนรู้ด้วยกัน ก้าวไปด้วยกัน ส่วนสัมผัสพิเศษที่ 7 มันคือ สัมผัสรักจากตัวเราและแฟนคลับค่ะ แฟนคลับก็จะเห็นเราค่อย ๆ เติบโตกันไปอะไรแบบนี้ค่ะ ซึ่งพวกเราเองก็จะพยายามส่งรอยยิ้ม ส่งกำลังใจไปให้แฟนคลับเช่นเดียวกัน

วง 7th Sense ซ้อมกันหนักขนาดไหน

เกรซ: ซ้อมสัปดาห์ละ 5 วันค่ะ มีวันอังคารถึงศุกร์แล้วก็มีวันอาทิตย์เพิ่มอีก 1 วัน ซึ่งเป็นวันพิเศษที่พวกเราจะซ้อมแล้วให้แฟนคลับเข้ามาดูได้พร้อม ๆ กันเลย โดยจะเป็นหนึ่งเดือนจะมีการซ้อมให้แฟนคลับดู 2 ครั้ง

แฮมมี่: ปกติหนูเป็นคนที่ไม่ได้ออกกำลังกายอยู่แล้ว (หัวเราะ) แล้วพอได้มาเรียนเต้น คือเต้นค่อนข้างเยอะมาก กลับไปวันแรกปวดขาปวดตัวแบบลุกไม่ขึ้นเลยหรือว่า ถ้ามาเข้าเรียนสายก็จะโดนลุกนั่งจนปวดขา แต่เดี๋ยวนี้ตัวเราก็พัฒนาขึ้นแล้วจากตอนแรกไม่ปวดตัวแล้ว

ตังตัง: แฮมมี่มาสายบ่อยค่ะก็เลยได้ออกกำลังกายบ่อย ล้อเล่นนะ

ความฝันของแต่ละคน หลังจากที่ได้มาเป็น 7th Sense กันแล้ว ฝันเรื่องอะไรกันบ้าง

กะทิ: ฝันอยากจะให้วงของเราไปสู่จุดที่ประสบความสำเร็จอย่างที่พวกเราตั้งใจเอาไว้และตอนนี้ทุกคนก็พยายามซ้อมเพื่อวงของเราเช่นกัน 

แองจี้: หนูก็อยากให้วงเราไปไกลให้มากที่สุดและประสบความสำเร็จมากที่สุด พร้อมทั้งได้รับความนิยมจากแฟน ๆ ด้วย

เกรซ: อยากให้วงประสบความสำเร็จและทุกคนพัฒนาเก่งขึ้นเรื่อย ๆ ความสามารถจะเป็นอะไรที่ติดตัวเราตลอดไป อีกอย่างนึงก็คือ อยากจะเป็นแรงบันดาลใจให้คนอื่นด้วย พูดเหมือน Ted Talk เลย (หัวเราะ)

ตังตัง: ความฝันเลยก็คือ ได้ร้องเพลง ได้เต้น ได้ทำในสิ่งที่เรารักและอยากให้ทุกคนรักในสิ่งที่เราทำ อยากให้วงของเราประสบความสำเร็จไปสู่จุดที่มีคนรักและมีคนค่อยซับพอร์ต ร้องเพลงของเราได้และเต้นไปพร้อม ๆ กัน

เดียร์: เพื่อน ๆ ตอบกันไปหมดแล้วอะ ทำไงดี (หัวเราะ) เหมือนที่ทุกคนพูดไปก็อยากให้วงประสบความสำเร็จ อยู่ในจุดที่สูงที่สุด อันนี้เป็นเรื่องที่แน่นอนและใฝ่ฝันไว้ แต่ในระหว่างทางที่กว่าจะไปถึงจุดนั้นมันก็เหมือนมีเป้าหมาย เราเองก็ต้องเก่งขึ้นและต้องพัฒนาขึ้น แต่ในระยะยาวพวกเราเองก็คงเริ่มมีซิงเกิ้ลปล่อยออกมาอะไรแบบนี้ ก็อยากจะทำให้แฟนคลับมีความสุขแต่ละระยะดีกว่าค่ะ 

แฮมมี่: เหมือนที่ทุกคนพูดไปก็อยากให้วงเรา ประสบความสำเร็จ แต่ก็ไม่อยากให้ระหว่างทางมีคนใดคนนึงต้องออกไป ตอนนี้ก็อยู่ด้วยกันแล้ว ก็อยากให้ไปต่อด้วยกันและประสบความสำเร็จด้วยกัน ได้ทำอะไรต่อด้วยกัน

ใหม่: ตอบคนสุดท้ายอีกแล้ว ของใหม่ก็อยากให้วงประสบความสำเร็จเหมือนกัน เหมือนพี่ตังตังที่พูดว่า อยากให้คนรู้จักเพลงเราและรู้ในสิ่งที่เราเป็น อยากโชว์ศักยภาพเราและมอบสิ่งดี ๆ ให้กับคนอื่น

รู้สึกอย่างไรบ้างกับการที่เริ่มมีแฟนคลับมาติดตามครั้งแรกในชีวิต 

แฮมมี่: ก็ก่อนหน้านี้หนูจะมีมาติดตามบ้างนะ แต่นิด ๆ หน่อย ๆ ไม่ได้เยอะขนาดเท่าตอนนี้ ตอนนี้เวลาเราจะโพสต์ จะลงรูป จะอะไร เราก็จะรู้สึกได้เองว่า ห้ามทำอะไรบ้าง เราจะรู้สึกทั้งหมดเอง เขาจะค่อยมาตามให้กำลังใจเรา แต่ละโพสต์ตลอด จะทำอะไรก็ต้องระวังตัว เวลาเดินไปข้างนอกก็ต้องระวัง วันนี้จะทำอะไรก็ต้องระวังตลอด แต่หนูก็ยังไม่เคยเจอคนมาทักนะ (หัวเราะ)

แองจี้: เคยค่ะ เหมือนตอนแรกที่ยังไม่มีนามสกุล 7th Sense เราก็รู้สึกว่า เราเป็นคนธรรมดา ชีวิตโดดเดี่ยว (หัวเราะ) แต่ตั้งแต่มีแฟนคลับ เวลาเราโพสต์อะไรก็จะรู้สึกว่า เรามีครอบครัว มีแฟนคลับทั้งกลุ่มเดิมและกลุ่มใหม่เกิดขึ้น เขาก็จะตามคอมเมนต์ในทุกโพสต์ของเราเลย แล้วก็ติดตามชีวิตเวลาเราไลฟ์ เขาก็จะจำได้ว่า เราชอบกินอะไร ชอบทำอะไร จะพิมพ์มาคุยกับเรา กลับกลายเป็นว่า เราก็ได้ความรู้ใหม่ ๆ จากเขาได้แชร์ไอเดียกัน แล้วพอออกไปข้างนอกเขาก็จะเรียกเราว่า แองจี้ 7th Sense เราก็ดีใจเหมือนกัน เขาก็จะแซว ๆ เรา ค่อยเป็นกำลังใจให้เราหรือเวลาที่รู้สึกท้อแท้แฟนคลับก็จะค่อยให้กำลังใจเรา จากที่เราเหงา ๆ ก็มีครอบครัวมาให้กำลังใจเรา ตอนนี้ก็เลยไม่เหงาแล้ว

กิจกรรม First Date กับ 7th sense คือกิจกรรมอะไร 

ตังตัง: จริง ๆ อยากเล่าถึงกิจกรรม First Date ก่อนค่ะ กิจกรรมนี้ก็คือ ในหนึ่งเดือนเราจะมีการซ้อมแล้วให้แฟนคลับเข้ามาชมพวกเราได้ เป็นกิจกรรมที่พวกเราเองก็รู้สึกเซอร์ไพรส์มาก ๆ เพราะ เราไม่คิดว่าจะมีคนมาเชียร์พวกเราเยอะมากมายขนาดนั้น วิธีการเชียร์ของเขาก็ค่อนข้างแปลกใหม่มาก ๆ สำหรับพวกเรา มีการตะโกน ตบมือกัน รู้สึกสนุกดี เขาค่อยมาให้กำลังใจเรา โดยทั้ง ๆ ที่เรายังไม่ได้ปล่อยเพลง ยังไม่ได้เก่ง ยังหัดร้องเพลงอยู่ เขาก็มากันเยอะมาก ๆ เลย 

แฮมมี่: แต่เราตกใจนะ อย่างเพลงที่เปิดตัวไปมันยังไม่ใช่เพลงอย่างเป็นทางการ แถมเราไม่เคยเจอกับพวกเขามาก่อน เราก็ร้องเพลงไป พี่เขาก็ยิงมิกซ์มาได้ทำนองเดียวกัน จังหวะเดียวกัน เขาไปซ้อมกันมารึเปล่า (หัวเราะ) ซึ่งมันดีมาก ๆ เลย ดีใจที่เขาร้องเพลงเรา

กฎระเบียบของ 7th Sense ที่ควรรู้

ตังตัง: อันนี้ก็น่าจะเป็นพื้นฐานกฎไอดอล ห้ามถ่ายรูปคู่ในที่สาธารณะอะไรแบบนี้ แต่ของเราก็จะไม่เหมือนคนอื่น วงเราสามารถถ่ายรูปที่มีคนอยู่ภายในภาพ 3 คนได้ อย่างไปเจอพวกเราตามที่ต่าง ๆ  ก็สามารถชักชวนคนที่เดินผ่านไปผ่านมา อีกหนึ่งคนมาถ่ายรูปด้วยกันได้ แต่ก็จะมีอีกกฎนึง หากเมมเบอร์ใส่ชุดออฟฟิเชียลของทางวงก็จะงดถ่ายรูป ไม่สามารถถ่ายรูปได้ (FJZ: ที่ผ่านมามีแฟนคลับมาขอถ่ายรูปรึยัง) ยังนะ แต่หนูว่าแฟนคลับเขาก็เข้าใจกฎดี เขาก็จะช่วยเซฟเราด้วย จริง ๆ ของเรานี่มีกิจกรรมในการเชกิอยู่แล้วก็คือ การถ่ายรูป 3 คนเป็นการถ่ายรูปโพลารอยด์ก็รู้สึกว่า พี่ ๆ เขาก็ช่วยระวังเราด้วย ไม่ได้ถือโอกาสมาจับต้องเราอะไรแบบนี้เลย

เดียร์: ขอเสริมตรงถ่ายรูปเชกิหน่อย คือ ไม่เคยคิดว่าจะมีคนมาถ่ายรูปกับเราเยอะขนาดนี้ พอมาถ่ายรูปด้วย แต่ละคนเหมือนเวลามันก็น้อยมาก แต่ละคนมาจากที่ไกล ๆ ทั้งนั้นเลย ทำให้ยิ่งรู้สึกว่า เขาสละเวลาของเขามาเพื่อเรา มันดีใจมาก ๆ อ่ะ เราเองก็จะต้องใจเพื่อพวกเราเช่นกัน 

เพลงของวงกำลังจะออกมาให้ได้ฟังเร็ว ๆ นี้คือเพลงอะไร 

7th Sense: สัมผัสรัก

กะทิ: เพลงนี้ก็เป็นเพลงประจำชาติของวงเราเลย เป็นเพลงชาติ (หัวเราะ) ส่วนเรื่องราวของเพลงนี้จะเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับการบอกชอบใครสักคนนึง

ตังตัง: ถ้าชอบก็ให้บอกมาไม่ต้องเก็บไว้

กะทิ: รักกันจริงก็ไม่ต้องอาย อะไรแบบนี้

ตังตัง: วงของเราก็จะมาแนวน่ารักสดใส เพลงก็จะพูดถึงความรัก ประมาณว่า ถ้าเธอรักฉันไม่ต้องเก็บไว้หรอก เพราะว่า ฉันสัมผัสความรักของเธอได้

แองจี้: ซึ่งพวกเราเองตื่นเต้นมากเลยค่ะที่กำลังจะได้ปล่อยเพลงนี้ออกไป เหมือนเมื่อกี้ที่บอกไป เพลง สัมผัสรัก มันเหมือนกับเรารู้ว่า คุณคิดอะไรอยู่ ทุกอย่างก็จะสอดคล้องกับชื่อวง 7th Sense ด้วย เหมือนเรามีสัมผัสที่จะรับรู้เรื่องราวเหล่านี้ได้

ตังตัง: ส่วนจะปล่อยเมื่อไร อันนี้ก็จะต้องติดตาม official fanpage นะ น่าจะเป็นเดือนกรกฏาคม ตอนนี้ก็ซ้อมอย่างหนักทั้งซ้อมทั้งเต้น

7th Sense แตกต่างจากวงไอดอลวงอื่นยังไงบ้าง

ตังตัง: อย่างที่บอกคอนเซปต์เพลงเลย จะมีความแตกต่างกับไอดอลกรุ้ปอื่น ๆ อยู่ วงอื่นเขาก็จะมีฐานมาจากประเทศญี่ปุ่น แต่ของเราก็จะมาพื้นฐานเพลงไทยเลย T-pop เกิร์ลกรุ๊ป เราอยากให้เพลงไทยกลับมาฮิตอีกรอบนึง เหมือนสมัย 90s ที่เพลงไทยฮิตมาก ๆ หนูว่าตรงนี้ก็น่าจะเป็นความต่างที่เห็นได้ชัดเลยค่ะ (ยิ้ม) 

สเป็กผู้ชายที่ชอบของแต่ละคนเป็นอย่างไร 

ใหม่: ชอบคนที่อยู่ด้วยแล้วสบายใจ แค่นั้นเลย ไม่ได้มีสเป็กตายตัว ถ้าคนนี้อยู่กับด้วย แล้วเราสบายใจ เราได้เป็นตัวเองก็โอเคแล้ว

แฮมมี่: ที่จริงก็ไม่ได้มีสเป็กตายตัวนะ แต่ถ้าจะชอบก็จะชอบคนที่จริงใจและก็นิสัยดี เสมอต้นเสมอปลายอะไรแบบนี้

เดียร์: จริง ๆ เดียร์เป็นคนที่ค่อนข้างจะขี้อ้อนอะไรแบบนี้ ก็จะชอบคนที่ให้ความรู้สึกปกป้องเราได้

ตังตัง: ชอบผู้ชายอบอุ่น โรแมนติค เอาใจใส่แล้วก็ดูแลเราได้ ชอบตรงที่เขาจำรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ของเราได้ แบบบางทีไม่ต้องสำคัญแต่เขาจำได้ก็จะรู้สึกดีว่า เขาเอาใจใส่เรา

เกรซ: ชอบคนใจดี ทัศนคติดี ชอบคนที่มีความคิดเป็นผู้ใหญ่ ใส่แว่นด้วยก็ดี

แองจี้: เป็นคนชอบผู้ชายน่ารักค่ะ เพราะว่าส่วนตัวเป็นคนชอบอะไรมุ่งมิ้งอยู่แล้ว ชอบคนเอาใจใส่ เสมอต้นเสมอปลายแล้วก็ซื่อสัตย์จริงใจ ไม่โกหกเรา

กะทิ: ไม่มีสเป็กตายตัวเหมือนกันค่ะ ชอบผู้ชายน่ารัก (ยิ้ม) มีความเป็นผู้ใหญ่ด้วยก็ดี ชอบมองผู้ชายน่ารัก ผู้หญิงน่ารักก็ชอบ (หัวเราะ)

สิ่งที่ได้อะไรจากการมาเป็นไอดอล มีอะไรบ้าง 

ตังตัง: อย่างแรกที่ได้เลยคือ ครอบครัว ตอนแรกเราก็จะไม่สนิทกันมาก เนื่องจากมันเป็นผู้หญิง พอมารวมตัวกัน 20 คน ได้เรียนด้วยกัน ได้ทำกิจกรรมด้วยกัน ล่าสุดเราก็เพิ่งไปเข้าค่ายด้วยกัน ก็ได้รู้เรื่องราวของแต่ละคนมากขึ้น ทำให้รักกันมากขึ้น อยากจะให้ทุกคนไปด้วยกัน ไม่อยากทิ้งใครไว้ ทุกคนอย่าหนีไปไหนนะ

สุดท้ายอยากฝากอะไรกับคนอ่านบ้าง

ตังตัง: อยากจะฝากเกิร์ลกรุ๊ป 7th Sense ไว้ด้วยนะคะ อยากให้ทุกคนลองเปิดใจฟังกันดูและก็ลองมาดูความน่ารักของแต่ละคนกัน เพราะว่า วงเรามี 20 คน เพราะฉะนั้นความน่ารักก็จะแตกต่างกันไป อยากให้ทุกคนเห็นถึงความพยายาม ความตั้งใจของเรา ตั้งใจซ้อม ตั้งใจร้อง พวกเราอาจจะไม่ได้เก่ง แต่พวกเราก็ใส่ความตั้งใจไปอย่างสุดความสามารถเลย ที่สำคัญมาเชียร์พวกเราได้ ในวันอาทิตย์ตามที่ประกาศบนเพจเลย ติดตามกันด้วยนะ

เดียร์: ฝากเพลงล่าสุดที่กำลังจะปล่อยด้วย เพลง สัมผัสรัก เพลงที่เป็นเพลงชาติของพวกเรา เร็ว ๆ นี้ก็จะมีเอ็มวีด้วย อยากฝากทุกคนให้ติดตามกัน แล้วก็จะมีเพลงที่จะออกมาเร็วๆ นี้อีกนั้นก็คือ เพลง จ้องตา, ของขวัญ, ฝันของเรา ติดตามกันด้วยนะคะ 

Facebook Comments

Next:


Gandit Panthong

กันดิศ ป้านทอง อดีตนักศึกษาฝึกงานนิตยสาร Hamburger Magazine, ทำงานในกองบรรณาธิการ MiX Magazine และ บก.คนแรกของ Fungjaizine ที่มีความมุ่งมั่นว่าจะตั้งใจสร้างสรรค์วงการเพลงให้เกิดแต่สิ่งดี ๆ ต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง