สัมภาษณ์ Blues Tape cover

Interview

คุยกับ Blues Tape ถึง MV ภาคต่อ ‘ความรู้สึกช้า’ บทสรุปความสัมพันธ์ลึกซึ้งของผู้หญิงกับผู้หญิง

  • Writer: Peerapong Kaewthae
  • Photographer: SANAMLUANG MUSIC

ความสัมพันธ์ลึกซึ้งระหว่างผู้หญิงกับผู้หญิงเป็นอะไรที่สังคมชอบจ้องมอง เพราะเป็นความลับที่ไม่ค่อยมีใครอยากแพร่งพราย การมี mv ที่หยิบประเด็นนี้มาบอกเล่าย่อมเรียกร้องความสนใจจากทุกคนได้แน่นอน แต่เหนือสิ่งอื่นใด บทเพลงที่เป็นหัวเชื้อของเรื่องเล่าต่าง ๆ ให้ mv ทั้งสองตัวก็สวยงามไม่แพ้กัน หลังจาก Blues Tape ปล่อย ผิดเวลา ออกมาไม่นานก็ปล่อย ความรู้สึกช้า เพลงป๊อปร็อกซึ้ง ๆ ละมุนไปด้วยเสียงกีตาร์และเบส ฝั่งเสียงเครื่องสายบาดลึก จังหวะกลองหมอง ๆ กับเสียงร้องมีเสน่ห์ที่คร่ำครวญถึงโอกาสที่หลุดลอยไปแล้ว Fungjaizine อยากพาไปทำความรู้จักกับเพลงนี้และวงให้มากขึ้น รวมถึง mv ที่หลายคนตกหลุมรัก

สัมภาษณ์ Blues Tape 01

เล่าถึงเพลง ความรู้สึกช้า ให้ฟังหน่อย

ขวัญ: เหมือนเราอยู่บ้านคิวแล้วนั่งบ่นกันว่าทำไมเราไม่มีเพลงช้าเลยวะ คุยกับคิวจนแต่งเมโลดี้มาได้ชุดหนึ่ง ซึ่งก็จบเลยเนอะแล้วค่อยมาเขียนเนื้อทำดนตรีทีหลัง

คิว: เนื้อเพลงมันก็ตามนั้นเลย เราเคยทำไม่ดีกับใครไว้ก็แล้วแต่ คำพูดที่เคยหวานสวยหรูก็ไม่ศักดิ์สิทธิ์อีกต่อไป พอเราเสียเขาไปจะใช้คำพูดอะไรดึงเขากลับมาก็คงไม่ได้แล้ว เหมือนใช้คำหวานผิดเวลา (FJZ: แต่งจากประสบการณ์ตรงเลย) ใช่ครับ พอเราเขียนเนื้อเพลงมาประมาณหนึ่ง ภาษาคิวมันเป็นอะไรไม่รู้ คุยกับวงทุกคนก็แนะนำให้ พี่กอล์ฟ Superbaker มาช่วยกันขัดเกลาให้มันเข้าถึงคนได้มากขึ้น ก็ดีขึ้นเยอะเลย ได้ดูดวิชาด้วย วิธีเลือกคำของเขาผมนับถือเลย

ขวัญ: เรื่องดนตรีเพลงนี้เราเถียงกันนานมาก ด้วยโครงเพลงแบบนี้มันเหมือนเพลงสูตร เราหาวิธีเยอะมากเพื่อให้ดนตรีมันอยู่ได้โดยไม่ต้องสูตรมาก ตอนส่งเดโมไปพี่กอล์ฟบอกว่าเขามีไอเดียละ แต่เขาอยากมาทำด้วยกันมากกว่า เจอมาหลายคนที่เขาเป็นนักแต่งเพลงมืออาชีพคือเขาไม่บิดเมโลดี้เราเลย มายังไงเขาใส่คำลงไปได้อย่างสมบูรณ์

คิว: ไอ้เราเนี่ยแหละ ตัวบิดเลย (หัวเราะ)

ผักบุ้ง: เปลี่ยนเค้าโครงเพลงนิดนึงให้มันสมบูรณ์มากขึ้น เราอยากให้เพลงมันมีทำนองที่คนจำได้ ฟังง่าย ไม่ใช่คอร์ดโง่หรืออะไรแต่เราคิดมาแล้วว่าทำนองน่าจะติดหูคนแหละ เราก็ไม่เคยแต่งเพลงรักจ๋า ๆ บอกความรู้สึกซึ้ง ๆ อะไรขนาดนั้น เพลงเราก็เลยต้องมีคนช่วยเขียนประมาณหนึ่ง

ได้เทคนิคอะไรจากพี่กอล์ฟมาบ้าง

คิว: พี่กอล์ฟจะเลือกคำที่ไม่เกลื่อนกลาด และหนักแน่นมาก เขาจะให้ความสำคัญกับสัมผัสมาก ๆ เราอายุแค่นี้ก็ไม่คิดเหมือนกันว่าคำคำนี้จะแปลความหมายเป็นแบบนี้ได้ การพูดที่มันจบในประโยคเลยอะไรเงี้ย (ขวัญ: หมดคำถามไปเลย) ใช่ ปกติผมจะชอบเขียนเนื้อที่คลุมเครือให้คุณไปเลือกตีความในแบบของเขาเลย แต่นี่คือชัดเจนขึ้น วงกว้างอาจจะแคบลงแต่คุณสามารถตีความได้ เขาโตมากเลย (ผักบุ้ง: มึงอะเด็กมากเลย (หัวเราะ)) ซึ่งมันเป็นเรื่องที่เจ๋งดี สุดท้ายมันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับเรา แต่พี่กอล์ฟมาช่วยถ่ายทอดให้

มีพี่แชมป์ The Richman Toy มาช่วยเรื่องดนตรีด้วย

ขวัญ: ผมทำเดโมที่มีเครื่องสายจบแล้ว ตอนไปอัดก็เขียนโน้ตให้พี่แชมป์เล่นอย่างเดียว จะมีบางส่วนที่พอเขามาอ่านแล้วบอกว่าโน้ตนี้มันกั๊กว่ะ คนที่เขาเล่นเครื่องนั้นเขาจะเข้าใจมากกว่าเรา แต่โดยโครงสร้างแล้วพี่แชมป์มาช่วยอัดอย่างเดียว

ผิดเวลา กับ ความรู้สึกช้า นี่ตั้งใจแต่งมาต่อกันอยู่แล้วรึเปล่า

ผักบุ้ง: ความรู้สึกช้า มาก่อน ผิดเวลา เนี่ยพี่ขวัญทำมาตอนหลังตอนที่เรามีเพลงช้าแล้ว ก็อยากมีเพลงกลาง ๆ บ้าง

ออฟ: จริง ๆ ความรู้สึกช้า ไม่อยากจะปล่อยด้วยซ้ำเพราะลองผิดลองถูกกันเยอะมาก

ขวัญ: อย่างที่บอกน่ะครับว่าเรากลัวความสูตรมากเลยอะ แล้วยังหาไดเร็กชันไม่เจอว่าเราจะทำยังไงกับมันดี จนมีเพลง ผิดเวลา ออกมาก่อนเลยคิดว่ามันน่าจะมาทางนี้แหละ เลยยึดเพลงตัวเองเป็น refernece ตัวเองอีกที (หัวเราะ)

ผักบุ้ง: ในโชว์ของเราทั้งหมด วงเราทำเพลงประมาณ 130 bpm ตลอด การที่มี ความรู้สึกช้า ผ่าปั้งมาเพลงหนึ่ง (ขวัญ: มันสะดุ้งไปหน่อย) เราเลยไม่เอาไปเล่นซักทีเพราะไม่รู้จะเรียงยังไง

คิว: แต่ไอ้ความมั่นใจของเพลงนี้ส่วนตัวผมมันเกิดขึ้นจากตอนที่ เราทิฐิว่ามันสูตรไปรึเปล่า เราทำเพลงแบบนี้มันจะเป็นอะไรรึเปล่า แต่วันที่เราซ้อมกันมาเล่นแล้วร้องมันอะ มันคือเข้าใจเลยคำว่าสูตรอะมันไม่ใช่ มันคือเพลงที่โดนใจคนอะ เพลงมันส่งถึงคนอื่นได้จริง ๆ นะระหว่างโชว์ ยังไงเราก็ต้องทำต่อแหละ (ผักบุ้ง: พอมาซ้อมอีกทีหนึ่งจากตอนนั้นแล้วผ่านมาอีกปีสองปี ความรู้สึกเราก็เปลี่ยนไปแล้ว) ความรู้สึกมันจริงมากเลย เราไม่ควรหลอกตัวเอง

ขวัญ: ไม่ว่ามึงจะอินดี้ขนาดไหน สุดท้ายมึงก็ร้องเพลง งมงาย เป็นแหละ เราจะปฏิเสธมันทำไมวะ มันไม่มีอะไรเสียเลย

พอ mv มันมีสองตอนจากเพลง คนละช่วงเวลา พอปล่อยออกไปจริง ๆ แล้วคิดว่าทั้งสองเพลงมันมีจุดเชื่อมเหมือน mv ไหม

คิว: มันเป็นความบังเอิญ มันต่อได้จริง ๆ ตอนเราเขียนเนื้อเพลงเนี่ยมันเกิดขึ้นกับช่วงเวลาหนึ่ง เรารู้สึกในใจมันเกิดขึ้นผิดเวลานะ แต่อีกอันหนึ่งคือเราย้อนกลับไปตอนที่เราเคยทำร้ายใครคนหนึ่ง ขณะที่เขียนเนี่ยคือคนเดียวกันคนละช่วงกัน แต่มันต่อกันได้ในชีวิตจริง พี่ผู้กำกับก็เห็นว่ามันต่อได้ เลยประหยัดค่าถ่าย mv ลงไปอีก (หัวเราะ)

ขวัญ: จริง ๆ คือเราส่งเพลงไปให้ผู้กำกับเลือก 5-6 เพลง แล้วเขาชอบสองเพลงนี้ มันน่าจะต่อกันได้นะ

จะมีภาคต่อ mv ที่สามรึเปล่า

คิว: mv ต่อไปน่าจะไม่เกี่ยวละครับ นอกจากมีคนอยากให้เราทำภาคต่อแล้วให้ตังเราทำ (หัวเราะ)

วงได้ลงไปมีส่วนร่วมใน mv บ้างไหม

คิว: มีน้อยครับ พยายามให้มันไม่หลุด วิธีเล่าตอนหรือการสื่อสารในภาพต่าง ๆ ไม่ให้หลุดความหมายของเพลง นิดหน่อย ๆ เลยครับ รวม ๆ เขาก็ทำมาค่อนข้างโอเคแล้ว ด้วยความที่เนื้อเพลงกว้างเราก็อยากได้อีกมุมมองหนึ่ง พี่ผู้กำกับเอาเพลงไปแล้วเขาก็ตีความเป็นภาพของเขา

ขวัญ: เขาก็จะมาเล่าให้ฟังว่าเขาชอบแบบนี้ มันน่าจะเป็นแบบนี้นะ มี 2-3 อย่างให้เลือก มีจนไปถึงงานศพด้วย ดีแล้วที่ไม่เลือกมัน (หัวเราะ)

ทำไมถึงเลือกที่จะเล่าผ่านความสัมพันธ์ระหว่างผู้หญิงกับผู้หญิง

คิว: เรามองว่าเนื้อเพลงมันเรื่องความรักใช่มั้ยครับ ถ้าเราสื่อสารผ่านชายกับหญิงมันเห็นได้ทั่วไป เราอยากให้เข้าใจว่าความรักที่เกิดขึ้นผิดเวลาหรือรู้สึกช้าเกินไปมันเกิดขึ้นได้กับทุกคนนะ พอเป็นความสัมพันธ์ของผู้ชายกับผู้ชายและผู้หญิงกับผู้หญิงมันให้คำตอบของคำว่าทุกคนได้มากกว่า

แล้วมีเพื่อนที่เป็นคนหลากหลายทางเพศได้ดู mv นี้บ้างไหม แล้วเขารู้สึกยังไง

ผักบุ้ง: มีค่ะ ก็จะมีแก๊งสาว ๆ เขาก็จะว้าว รู้สึกว่ามันโดนใจเขามากเลย

ขวัญ: มันก็จะมีสองประเภทเนอะ คนอื่นเขาก็จะมองว่าเป็นผู้หญิงสองคนดูแล้วฟินจังเลย แต่คนที่เป็น LGBT เขาก็มองว่ามันกลายเป็น mv ประจำตัวเขาไปเลย ส่วนใหญ่ก็จะมีแต่คนมาคอมเมนต์ว่าไม่ได้ฟังเพลงเลยอะ ฟิน mv ก็อยากให้เขาฟังเพลงด้วย (หัวเราะ)

สัมภาษณ์ Blues Tape 02

อย่างนี้คิดว่า mv ยังสำคัญกับคนทำเพลงอยู่ไหม

คิว: ผมคิดว่ามันสำคัญนะ มันคือวิธีสื่อสารอีกรูปแบบหนึ่ง มันเป็นศิลปะที่เป็นคู่ขนานกัน จะสร้างบ้านแล้วต้องมีวิศวกรกับสถาปนิกคู่กัน เทียบกันยังไงปล่อยเพลงพร้อม mv ก็มีลุ้นกว่าช่วยให้คนรู้จักกันมากขึ้น

ขวัญ: ยอมรับวงที่เขาไม่มี mv แล้วกราฟเขาพุ่งขึ้นมาได้ อย่างวง Safeplanet เงี้ย

มีข่าวดีเรื่อง EP หรืออัลบั้มเต็มหรือยัง

คิว: มีคุยแล้วครับ แต่ยังไม่ได้วางแผนกัน เพลงมันจะต้องเสร็จให้ต่อเนื่องที่สุด สุดท้ายอาจจะรวมเป็นอัลบั้มก็ได้ เราตั้งใจจะทำเป็นอัลบั้มแหละ โทนหรือเดโมมันเป็นรูปเป็นร่างละ

ขวัญ: ปัญหาของการทำอัลบั้มคือเราไม่ได้ทำเพลงจนเสร็จแล้วค่อยทยอยปล่อย ถ้าเราหยุดเพื่อไปทำอัลบั้มก่อนหกเจ็ดเดือน คนลืมเพลงเก่าหมดแล้ว

ผักบุ้ง: เพลงที่เราปล่อยออกมาก็พยายามเรียงให้เป็นอัลบั้มเดียวกัน คุมโทนเพลง คุมซาวด์ให้มันเหมือนอยู่ในอัลบั้มเดียวกัน

เพลงใหม่เมื่อไหร่ดี

ขวัญ: ประมาณเดือนหน้าครับ แต่ยังไม่เสร็จเลย

ผักบุ้ง: เพิ่งอัดกลองไป ซึ่งเราจะทำให้เสร็จก่อนห้าวันก่อนส่ง (หัวเราะ)

คิว: เพลงมันเสร็จหมดแล้วแหละ แค่รอโพสโปรดักชั่นอะไรไป

ฝากอะไรถึงคนที่เพิ่งรู้จัก Blues Tape หน่อย

ขวัญ: ฝากวงและเพิ่งปล่อยในปีนี้ไป 2 เพลง และเราจะมีเพลงปล่อยออกมาเรื่อย ๆ

คิว: จะมีการเคลื่อนไหวในเพจตลอดครับ (FJZ: เช่นการถ่ายรูปอาหารในเพจ) กำลังจะพูดเลย (หัวเราะ)

ผักบุ้ง: รูปส่วนใหญ่ผักลงเองแหละ (หัวเราะ) ทุกคนจะเข้าใจวงเราผิด คืออายุมันต่างกัน วงอื่นเขาไปได้รวดเร็วเพราะเขาเพื่อนกันกันหมด อย่างวงเราเนี่ย คิวก็ไม่ยอมไปเรียนจนเพื่อนหนีไปหมด พี่ออฟก็ตั้งหน้าตั้งตาทำงานไม่เห็นเดือนเห็นตะวันเลย นี่ก็เหมือนกัน (ชี้ขวัญ) ออกแดดไม่ได้ แวมไพร์ (ขวัญ: พี่แค่ขี้ร้อนเฉย ๆ คือพื้นฐานคนในวงก็ไม่ค่อยมีสังคมเลย) แค่คิดว่ามันจะต้องมีอะไรบางอย่างที่ทุกคนต้องชอบแน่เลย ก็คือรูปอาหาร (หัวเราะ) ทุกคนต้องเกลียดเราหรือรักเราบ้างแหละ เราไม่ค่อยได้เจอกัน  แต่วงเราชอบกินด้วย คิวก็ชอบหาของกินแถมคิววิจารณ์เก่งด้วย พูดมาตั้งยืดยาวไม่พ้นเรื่องของกิน (หัวเราะ) แต่ไม่ได้หมายความว่าจะไม่เฟรนด์ลี่เลย ทุกคนยังคุยกับเราได้นะคะ

ออฟ: ลงไปเรื่อย ๆ อนาคตอาจได้รีวิวอาหาร (หัวเราะ) ก็ฝากนะครับ บางทีได้มาทำความรู้จักกับเราอาจไม่ได้เป็นอย่างที่ทุกคนคิด หน้าเราดูไม่กล้าเข้าหารึเปล่า (หัวเราะ) ลองมองหน้าพี่ขวัญสิ ถ้าพี่ขวัญทำหน้านิ่ง ๆ จะกล้าเข้าหามั้ย (หัวเราะ) ยังไงก็มาฟังเพลงเราแทนดีกว่า

ไปติดตามรูปอาหาร เอ้ย ข่าวสารของวงได้ที่เพจ Blues Tape และ Sanamluang Music

สัมภาษณ์ Blues Tape 03

Facebook Comments

Next:


Peerapong Kaewthae

แม็ค เป็นคนชอบฟังเพลงเพราะเป็นกิจกรรมที่ทำคนเดียวได้ และก็ชอบแนะนำวงดนตรีหรือเพลงใหม่ ๆ ให้คนอื่นรู้จักผ่านตัวอักษรตลอดเวลา