FJZ-olinmattiblue

Interview

Olin Mattiblue และการค้นหาตัวตนจนได้ส่วนผสมที่ลงตัว ผ่านบทเพลง เสียงดนตรี และจิตวิทยา

คุยกับ Olin Mattiblue อิ๊น, คอปเตอร์ และเปา วงดนตรีหน้าใหม่ที่เรียงร้อยบทเพลงด้วยมุมมองจิตวิทยาผ่านซาวด์ดนตรีของพวกเขาที่ไม่เหมือนใคร ไม่ว่าจะเป็นเพลง Time Machine, Rollercoaster, Laika, Daisy และ SOBER มาทำความรู้จักกับพวกเขาให้มากยิ่งขึ้นผ่านบทเพลง เสียงดนตรี และจิตวิทยา จาก Olin Mattiblue ไปพร้อม ๆ กันนะ

จุดเริ่มต้นของ Olin MattiBlue

สมาชิก – อิ๊น (ร้องนำ, กีตาร์), คอปเตอร์ (กลอง) และ เปา (เบส)

อิ๊น: คอปเตอร์กับอิ๊นเป็นเพื่อนกันอยู่แล้วฮะตั้งแต่ที่โรงเรียน แล้วก็เล่นดนตรีกันมาบ้าง แต่ว่าไม่ได้ตั้งวงกัน

คอปเตอร์: เล่นขำ ๆ เฉย ๆ 

อิ๊น: ช่วงเรียนจบขึ้นก็มหา’ลัยอิ๊นก็แต่งเพลง แล้วเอาไปให้เตอร์ฟัง เตอร์ก็สนใจทำวง เลยชวนอิ๊นมาทำด้วยกัน แล้วพอเตอร์เข้าศิลปากรก็มาเจอกับพี่เปา

คอปเตอร์: เลยชวนมาทำวง มาลองซ้อมด้วยกัน มันเวิร์คก็เลยยิงยาว จนตัดสินใจตั้งวงเลยครับ

อิ๊น: พี่เปาเขาสายชิลล์เหมือนกันไง

คอปเตอร์: ตอนนั้นผมก็ไปถามพี่เปาว่า ชอบเพลงที่เพื่อนผมแต่งไหม โอเคไหม พอเขาบอกว่าชอบ น่าทำนะ ก็เลยลองทำครับ

‘Olin MattiBlue’ ชื่อวงที่มาจากชื่อสัตว์เลี้ยงของสมาชิกวง

คอปเตอร์: ชื่อวงมันมาจากที่พวกผมเอาชื่อสัตว์เลี้ยงของพวกผมมารวม ๆ กัน

อิ๊น: เพราะว่าคิดไม่ออก

คอปเปอร์: มันจะมี Olin คือหมาผม Matty คือ หมาอิ๊น และก็ Blue คือนกพี่เปา ตอนแรกก็สลับกันมั่ว Matty Olin สุดท้ายก็ลองมารวมกันแบบนี้ จนเป็น Olin Mattiblue มันดูเป็นเหมือนชื่อใครสักคน

อิ๊น: พอลองพูดดูมันก็ได้อยู่นะ 

Track by Track

Time Machine

อิ๊น: รูปที่เห็นมันจะเป็นรูปผิงไฟ จริง ๆ อยากให้บรรยากาศมันเป็นอย่างนั้นเลย เหมือนเราได้กลับมาเจอคนรัก ได้เจอเพื่อน ได้ใช้เวลาร่วมกับใครสักคน เป็นช่วงเวลาที่อบอุ่น เป็นช่วงเวลาที่มีความสุข แต่ในเพลงก็จะพูดถึงว่า ให้เรามีสติยู่กับช่วงเวลานั้นให้ดีนะ เพราะว่าเวลามันผ่านไปเร็ว เหมือน Time Machine เราก็รู้ตัวอีกทีเราอาจจะอยู่ที่เดิม แต่ว่าคนละเวลา คนละบริบทกันแล้ว เราอาจจะไม่ได้รู้สึกแบบนี้อีกครั้งตอนที่เรากลับมาเจอกันครับ

Fungjai: แต่งจากประสบการณ์ตัวเองไหม

อิ๊น: ตอนแรกผมจะคิดก่อนว่าอยากจะแต่งประมาณไหน อย่าง Time Machine ก็รู้สึกว่าอยากจะแต่งเรื่องราวประมาณนี้ เรื่องที่ว่าเรารู้สึกว่าเวลามันผ่านไปเร็วมากเลย จนเราไม่ได้เก็บเกี่ยวสิ่งที่เราชอบ สิ่งที่มันเป็นเรื่องราวดี ๆ ในชีวิตไว้ดีมาก ก็เลยอยากจะแต่งเพลงนี้ออกมา พวกเนื้อเพลงก็ไม่ได้คิดไว้ครับว่าจะเป็น Time Machine ก็เขียนไปก่อน อันไหนที่ร้องออกมาแล้วดูดีเข้ากับเมโลดี้ เข้ากับดนตรี ก็เก็บไว้แล้วค่อยลงรายละเอียดในเนื้อเพลงอีกที ไม่ได้วางแผนไว้ก่อน

คอปเตอร์: จริง ๆ เพลงแรกนี่มันทดลองมาก ๆ เลยอะพี่ พวกผมก็ไม่รู้ว่าพวกผมคืออะไร รู้แค่ว่าอิ๊นอะมันเป็นคนเล่นกีตาร์ เวลาทำเพลง ทำดนตรี คอร์ดหรืออะไรแบบนี้มันก็จะแบบ จะยึดกีตาร์ มันไม่ใช่แบบเพลงเปียโน ผมว่ามันมีความสบาย ๆ เพราะว่าพวกผมเป็นคนสบาย ๆ พวกเพลงหรือเสียงดนตรีที่ทำออกมาก็เลยดูชิลล์เหมือนพวกเพลง Surf แต่ตอนแรกพวกผมยังไม่รู้ด้วยนะ ยังไม่ค่อยมีคนทักว่าเพลงดู Surf ก็เลยเรียกว่าทดลองนั่นแหละ แต่มันก็จะออกมาทรงประมาณนี้ ไม่ได้มีรายละเอียดอะไรเยอะมาก มันจะเหมือนเราเล่นสด มีแค่กลอง กีตาร์ เบส มีรายละเอียดนิดหน่อยที่เพิ่มให้เพลงโอเคขึ้น มันเลยอาจจะดูธรรมดามาก ๆ ครับ

Laika

อิ๊น: Laika ก็เริ่มจากอิ๊นเล่นกีตาร์เหมือนกัน ตอนนั้นเล่นในห้อง แล้วตอนนั้นในห้องติดดาวเป็นแบบเรืองแสง เราก็นั่งมองดาว เราก็ไปอ่านเรื่องเกี่ยวกับหมาไลก้า เออมันน่าสงสารนะที่มันเป็นหมาจรที่อยู่ ๆ ก็โดนสุ่มไปแล้วก็ส่งไปต่างดาวเลย แล้วมันก็ตายอยู่ที่นั่น เพราะเอากลับมาไม่ได้ มันไปคนเดียวไง แล้วเราก็เลยเศร้า รู้สึกว่าแต่ถ้าเราเขียนถึงไลก้ามันธรรมดาไป คนน่าจะเขียนไปหลายคนแล้ว ก็เลยจินตนาการว่า ถ้าสมมติว่าไลก้ามีเจ้าของ เจ้าของของไลก้าจะรู้สึกอย่างไรบ้าง เพราะฉะนั้น Laika ก็จะเล่าเกี่ยวกับสิ่งที่ตัวเองทำแล้วคิดว่าเราพลาดไป เราไม่น่าทำอย่างนั้นเลย เราขอโทษนะ เรารู้สึกผิดที่ปล่อยให้เขาเอาไลก้าไปเป็นหมาอวกาศ ที่เราไม่ยอมเก็บไลก้าไว้ เพลงก็เล่าประมาณนี้

Fungjai: ดนตรีเปลี่ยนไปจากเพลงแรกไหม ความยากความง่ายต่างกันไหม

คอปเตอร์: ต่างนะ เพราะว่าใช้กีตาร์โปร่งเป็นหลัก มันจะดูโฟล์กไปเลย ซึ่งตอนนั้นก็ไม่ได้คิดว่ามันจะต้องเป็นกีตาร์ไฟฟ้าต่อนะ พออิ๊นมันขึ้นกีตาร์โปร่งไว้แล้ว มันเปลี่ยนไม่ได้พอมันมาเป็นแนวนี้ ก็เลยออกโฟล์ก ๆ มีกีตาร์โปร่งเป็นหลัก

อิ๊น: แล้วก็เพิ่มเสียงซินธ์เข้าไป

คอปเตอร์: เสียงอิเล็กทริคเปียโนต่าง ๆ ให้มันดูเหมือนว่าไปต่างดาว เวลาฟังมันก็จะดูแบบว่าลอย ๆ หน่อย

อิ๊น: เพลงนี้มีแค่กีตาร์โปร่งอย่างเดียวเลยครับที่ยืนพื้นอยู่ข้างหลัง

Rollercoaster

อิ๊น: ตอนนั้นอิ๊นอยู่หอที่องครักษ์ เลยเขียนเกี่ยวกับความรักระยะไกล ก็ไม่เชิงระยะไกลแต่เป็นความรักที่ไม่ค่อยได้เจอกัน เลยเขียนว่า เออความรักเหมือนทำให้เรานั่งอยู่บนรถไฟเหาะเลย เพราะเดี๋ยวเราก็รู้สึกคิดถึง เดี๋ยวเราก็รู้สึกกังวล หรือเราก็รู้สึกโกรธ มันเหวี่ยงมาก ในเพลงก็จะพูดถึงความเพ้อเจ้อต่าง ๆ ของเรา สิ่งที่คิดว่าเขาจะทำ สิ่งที่คิดว่าคนอื่นจะมาทำกับเขา เราก็คิดไปเรื่อย เพ้อเจ้อไปเรื่องสไตล์คนเหงา (หัวเราะ) เพลงนี้ผมแต่งดนตรีขึ้นมานิดนึง จะยึดกีตาร์ไฟฟ้าเป็นหลัก ไม่ได้แต่งจากกีตาร์โปร่งขนาดนั้น

คอปเตอร์: ใช่ ๆ ดนตรีตอนนั้นผมไม่รู้แต่ว่าปิ๊งไอเดียว่าน่าจะดูโซล ดูอาร์แอนด์บี หน่อยนะ โซโล่มันก็เลยออกมามีความบลูส์

อิ๊น: ผมคิดนานมาก โซโล่อะ คิดหลายรอบมาก 

Fungjai: แล้วมู้ดของดนตรีกับเนื้อหาของเพลงไปในทางเดียวกันไหม 

คอปเตอร์: มันแย้งกันก็ได้นะสำหรับพวกผม เพราะว่ามันแล้วแต่ว่าจะตีความไปแบบไหน เพลงเร็วก็อาจจะดูเศร้าตามเนื้อร้อง ประมาณนี้ฮะ ผมว่ามันยืดหยุ่น

อิ๊น: เพราะว่าสุดท้ายคนฟังก็ตีความกันไปเองอยู่ดี เพราะฉะนั้นบางเพลงดนตรีก็อาจจะเหมือนกับสิ่งที่เราต้องการจะสื่อ แต่ว่าบางเพลงก็อาจจะคนละฟีล แล้วแต่คนจะตีความ

Daisy

อิ๊น: Daisy พูดถึงความสัมพันธ์ที่มันผ่านมาแล้ว เป็นความสัมพันธ์อะไรก็ได้ อาจจะเป็นเพื่อน เป็นคนรู้จักเรา หรือว่าเป็นใครก็ตามที่ไม่ได้เจอกันแล้ว แต่ว่ามันก็ไม่ได้ทะเลาะกัน แค่เหมือนเติบโตไปคนละทาง แล้วก็รู้สึกเสียดายความสัมพันธ์ เลยเขียนลงไปในนี้ว่า ถ้าเราไม่ได้ตัดสินใจแบบนั้นเรื่องมันก็คงไม่เป็นแบบนี้หรอก แต่ว่าพอเราเป็นแบบนั้นไปแล้ว ตอนนี้เขาเป็นอย่างไรบ้าง เขาไม่มีเราแล้วสบายดีหรือเปล่า

Fungjai: แล้วทำไมถึงเป็น Daisy

อิ๊น: ผมแค่รู้สึกว่ามันเข้าเฉย ๆ มันเดซี่อะ เลยใช้คำนี้แล้วกัน มันแต่งง่ายดี มันก็มีคนที่เปรียบชื่อคนเป็นดอกไม้เลยลองทำบ้างเป็นเดซี่แล้วกัน ผมรู้สึกได้ว่าเดซี่กำลังจะมา เป็นเทรนด์ดอกเดซี่ (หัวเราะ) 

คอปเตอร์: เพลงนี้ผมพูดกับอิ๊นเลยว่า อยากทำเพลงที่มันฟังง่ายว่ะ เพลงอะไรก็ได้ที่มันฟังง่าย ๆ ก็เลยขึ้นกลองเลย อะไรที่มันสบาย ๆ แต่ก็ยังมีกีตาร์อยู่นะ มีความชิลล์ มีความเป็นพวกผมอยู่ กลิ่นมันจะเริ่มออกประมาณเพลงนี้มั้ง แค่อยากทำให้มันฟังง่าย แค่นี้เลยครับไม่มีอะไร ฟังเพราะ ฟังง่าย เข้าใจง่าย

SOBER

อิ๊น: SOBER ผมเขียนถึงความเสียใจ การออกไปกินเหล้าตอนคนเราเสียใจ แล้วเราก็จะได้เห็นความคิดป่วย ๆ ของตัวละครในเพลงนั้นที่ว่าเขามีความคิดที่ไม่ healthy ต่อชีวิตยังไงบ้าง การจัดการแบบนี้ ควาามคิดแบบนี้ จริง ๆ แล้วมันอาจจะไม่ใช่ผลดีต่อเรานะ มันเป็นความคิดของคนที่กำลังเสียใจอยู่หรือเปล่า เป็นความคิดของคนที่กำลังอกหักอยู่หรือเปล่า เขาก็เลยคิดแบบนี้เพื่อที่จะทำให้ตัวเองรู้สึกดีขึ้น สิ่งที่เป็นอยู่ในเพลงก็จะประมาณนั้น แต่มันก็จะมีท่อนสุดท้ายที่ฟังใจเอาไปเขียนเหมือนกันที่ชอบมากเลย “When you say goodbye all my friends keep saying let it go I can’t make you mine so keep me high thats how I’m letting go” เป็นประโยคที่สรุปทั้งเพลงได้ดีมาก เหมือนยอมรับไปเลยว่าสุดท้ายแล้วเราจะลืมเขาให้ได้ด้วยวิธีนี้แหละ วิธีเมาเนี่ยแหละ ซึ่งจริง ๆ แล้วมันก็เป็นไปไ่ม่ได้หรอก

คอปเตอร์: พาร์ทดนตรี พูดยังไงดี

อิ๊น: เป็นการเปิดใหม่ของ Olin Mattiblue

คอปเตอร์: เพลงนี้มัน inspire พวกผมในเพลงต่อ ๆ ไป มันเป็นเพลงแรกที่มีโปรดิวเซอร์

อิ๊น: เป็นโปรดิวเซอร์ที่ไม่ใช่แค่คุมอัดเฉย ๆ 

คอปเตอร์: ใช่ ดูเรื่องแนวทางของวงว่าจะไปทางไหนไม่ให้ทับศิลปินที่ร้องสากลในไทย พวกคาแรกเตอร์มันก็จะต่าง มันจะไม่ฉ่ำ ผมรู้สึกว่ามันคือความดิบ มันเป็นความเท่ที่ยังไม่ค่อยมีคนทำ เพราะส่วนใหญ่เราจะเห็นอะไรที่ฟุ้ง ๆ ใช่ไหมเวลาฟังเพลงในไทย แล้วพวกผมมันดูเป็นแนวเล่นสดอยู่แล้วอะ ก็อยากให้เป็นแนวนี้ต่อไป เพลงต่อ ๆ ไปที่พวกผมจะทำก็จะออกมาเป็นแบบนั้น มันจะดูเหมือนเราเล่นสด มีความแห้ง ๆ หน่อย ไม่ได้มีองค์ประกอบอะไรเยอะมาก อาจจะเรียกว่ามินิมอลอยู่มั้ง

อิ๊น: หลัก ๆ ก็จะเป็นกีตาร์ฮะ ก็จะทำเป็นเสียงต่าง ๆ 

คอปเตอร์: เราเติมเต็มเพลงด้วยเสียงกีตาร์ ด้วยการเล่นประหลาด ๆ

การผสมผสานระหว่าง จิตวิทยา และ ดนตรี จาก Olin MattiBlue

อิ๊น: คืออิ๊นเรียนมนุษยศาสตร์ เอกจิตวิทยามาฮะ จุดเริ่มต้นมันก็เริ่มมาจากพี่บอลลูนทำเพจนั่นแหละ แล้วเขาก็สนใจในเรื่องจิตวิทยาเลยถามว่าอิ๊นได้เอามาแต่งหรือเปล่า ได้เอามาใช้ไหม อิ๊นก็ไม่เคยคิดมาก่อนเลยนะ เพิ่งมานั่งคิดเร็ว ๆ นี้แหละฮะ ว่าเรื่องจิตวิทยากับเรื่องดนตรีมันควบคู่กัน เราก็มาใช้ในการแต่งเพลงในเรื่องของการรับรู้ตัวเอง รับรู้ความรู้สึกตัวเอง เรื่องของการจินตนาการว่า สมมติว่าเราเป็นเขาเราจะทำอย่างไร อย่างเช่น SOBER หรือว่าเพลง Laika ที่เราเป็นเจ้าของน้องหมาเนี่ย ถ้าเราไม่มี empathy เราก็จะจินตนาการไม่ได้ว่าคนที่เป็นเจ้าของหมาที่เขานำหมาออกไปนอกโลก เขาจะรู้สึกประมาณไหน ถ้าเราไม่ใช่ผู้ที่มองในมุมมองของคนอื่นได้ เราก็จะไม่สามารถที่จะคิดได้ว่าเขาน่าจะมีความคิดประมาณนี้นะ มีความรู้สึกประมาณนี้นะ แต่ว่าสุดท้ายมันก็เป็นเพลงที่ผมจินตนาการขึ้นมานะ ไม่ใช่ทุกคนต้องรู้สึกแบบนี้หมด

Fungjai: คิดว่าจิตวิทยาและดนตรีสัมพันธ์กันมากแค่ไหน 

อิ๊น: ผมคิดว่าสัมพันธ์นะ เพราะมันก็จะมีสาขาหนึ่งที่เรียกว่าจิตวิทยาดนตรีบำบัด เขาก็จะเอาดนตรีมารวมกับจิตวิยามาบำบัดคน ก็เป็นอีกศาสตร์หนึ่ง แต่เราคิดว่าน่าจะเกี่ยวกัน อย่างเช่นดนตรีมันทำให้เรารู้สึกอะไรบางอย่างได้ มันทำให้เราจินตนาการถึงเรื่องต่าง ๆ ได้ มันทำให้เราจำเหตุการณ์ต่าง ๆ ได้ เพราะฉะนั้นผมคิดว่าอะไรที่มันมีผลต่อความคิดความรู้สึกเรา พฤติกรรมของเรา ก็น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับจิตวิทยาทั้งนั้น

คอปเตอร์: ผมว่ามันก็เกี่ยวอยู่แล้ว ดนตรีมันก็เรื่องของอารมณ์ด้วยเนอะ มันก็มีผลทั้งกับคนฟังและคนทำเพลง 

อิ๊น: อันนี้สำคัญมาก เรื่องวงด้วยฮะ เอาจิตวิทยามาใช้ในวงในการแก้ปัญหาที่เรามีกันในวง ขนาดเราเป็นวงเดียวกัน อิ๊นกับเตอร์อยู่ด้วยกันมาตั้งนาน สุดท้ายมันก็ยังทะเลาะกันอยู่ดี วงเรามันเหมือนความสัมพันธ์หนึ่งที่มันจะต้องรักษาไว้ สกิลทางด้านจิตวิทยาก็สามารถเอามาช่วยได้ให้วงเราไม่แตก (หัวเราะ)

Fungjai: แล้วเอามาใช้ยังไงบ้าง

อิ๊น: ใช้ ๆ ก็แค่เป็นคนดีเท่านั้นแหละฮะ แค่ใจเย็น ๆ แค่เราฟังเขาเยอะ ๆ เราไม่ต้องอคติเขาว่าแบบ ไอเตอร์มันเป็นคนแบบนี้ เพราะฉะนั้นมันจะต้องพูดแบบนี้เพื่อแบบนี้แน่เลย หรือแบบว่า ไอเตอร์มันจะต้องพูดแบบนี้อยู่แล้วเพราะมันเป็นคนแบบนี้ แค่ฟังเฉย ๆ ฟังดี ๆ และก็ไม่เอาความคิดเราไปยัดตอนฟัง ฟังให้จบก่อนแล้วค่อยว่ากันว่าจะตอบว่าอะไร มันก็ช่วยให้เราเข้าใจกันได้มากขึ้น พอเราเข้าใจกันมากขึ้นก็จะแก้ปัญหาได้ถูกจุดมากขึ้น

อนาคตที่คนฟังจะได้เห็นจาก Olin MattiBlue

คอปเตอร์: ยังไม่มี EP Album แต่ว่ามีเพลงที่เก็บไว้เตรียมจะปล่อยอีกหลายเพลงที่กำลังทำอยู่ คิดว่าน่าจะมี EP ในภายภาคหน้าแน่ ๆ ครับ

เราจะเจอ Olin MattiBlue ได้ที่ไหนบ้าง

คอปเตอร์: ฝากติดตามก่อนเลยครับอย่างแรก ลองเปิดใจฟังเพลงของพวกเราดู ไม่รู้จะฝากอะไร แค่อยากให้ลองฟังผลงานของเรา แค่นั้น ส่วนผลงานก็สามารถติดตามได้ทุกช่องทาง 

Instagram:  https://www.instagram.com/olinmattiblue/

Facebook: https://www.facebook.com/olinmattiblue

Twitter: https://twitter.com/olinmattiblue

YouTube: https://www.youtube.com/channel/UCySUmd4OErHo8E4XfYGG2TQ

และ Streaming ทุกช่องทาง

อิ๊น: ฝากว่ายังมีคนอยู่ในคุก อย่าลืมคนที่อยู่ในคุกด้วยครับ

คอปเตอร์: ใช่ครับเรื่องนี้สำคัญมาก

ฟังทุกเพลงจากเขาได้แล้วที่นี่

อ่านบทความอื่น ๆ ได้ที่นี่

Facebook Comments

Next:


Jiratchaya

เฟิส พูดไม่ค่อยเก่งแต่รักหมดใจ ชอบมองท้องฟ้าสีส้ม หมดเวลาทั้งวันไปกับการนั่งขำมีมและพูดคนเดียว ยืนหนึ่งเรื่องนิ้วเบียด และชีวิตติดมิ้นต์ช็อก