Article Interview

Penny Time วงดนตรีเล็ก ๆ ที่ใจไม่เล็ก กับการลุยโชว์ต่างประเทศด้วยตัวเอง

  • Writer: Montipa Virojpan
  • Photographer: Narawit Suksawat

บางคนอาจจะรู้จักพวกเขาจากเพลงจังหวะติดหูแบบ Conversating หรือบางคนโดนใจกับเพลงน่ารักประมาณ For Her แต่จากการที่เราได้ดูพวกเขาเล่นสดในเพลง Now ทำให้ตัดสินใจชวนมาพูดคุยทันที (นี่เราช้าไปใช่ไหมเนี่ย)

penny5

สมาชิก
แดน—แดเนียน ดิษยะศริน (กีตาร์, ร้องนำ)
ก้อง—เทพวิพัฒน์ ประชุมชนเจริญ (กีตาร์)
แม็ก—ฐากร อัญภานนท์ (กลอง)
ปิง—อารการ จันทร์ทอน (เบส)

จุดเริ่มต้นของ Penny Time

แดน: เริ่มจากต้นปี 2015 ตอนแรกจะเป็นผมกับก้องทำวงชื่อ Babylon เป็นเพื่อนจากโรงเรียนเดียวกัน แล้วสักประมาณกลางปีก็เริ่มอัดเพลงเลยตัดสินใจว่า ชื่อนี้หลายวงก็ใช้ไปแล้วนะ ต้องหาชื่อใหม่ได้แล้ว วันนึงผมมาเล่น GTA ที่หอก้อง แล้วมันจะมีโทรศัพท์ในเกมแล้วเราก็นั่งดูกัน แล้วไปสะดุดอยู่อันนึง เป็นตัวหนังสือเล็ก จาง มาก เขียนว่า Penny Time คำมันตลกดีว่ะ แล้วพอเล่นเสร็จ ไปนอน ตื่นมาตอนเช้าชื่อมันก็ยังติดอยู่ในหัว ก็เลยใช้ Penny Time มาตลอด

ก้อง: แล้วสมาชิกตอนแรกมีแค่มือกลองที่เป็นเพื่อนแดน ชื่อเบ็น แดนเจอผมในอินสตาแกรม คือมาฟอลโลวกันแล้วก็ขอเฟสบุ๊กผมเลย พอจะทำเพลงจริงจัง ตอนอัดเพลง Now เลยให้รุ่นพี่คนนึงมาอัดให้ พอเพลงที่สอง Conversating ก็ให้พี่อีกคนมาอัดเบส ก็ยังไม่มีมือเบสที่แน่นอน จนประมาณปล่อย Conversating ไปแล้วประมาณเดือนสองเดือน ก็ให้ปิงมาเล่นให้ แล้วแม็กซ์ก็ตามมาทีหลังเพราะเบ็นไปเรียนต่อเลยไม่ได้มาเล่นให้แล้ว

การมาเป็นสมาชิกคือแค่ส่องอินสตาแกรมเจอแล้วชวนมาเล่นเลยหรอ

Penny Time: ใช่

แดน: จริง ทุกคนมาเจอกันแบบเหมือนกัน ผมเจอก้องผ่านอินสตาแกรม ไอ้ปิงคือมาส่งไอ้ก้องที่ห้องซ้อม ปิงมันเล่นกีตาร์ แล้ววันนั้นมือเบสไม่มาเลยให้ปิงมาช่วยเล่น พอลองซ้อมกันก็รู้สึกว่าปิงโอเค เล่นได้ แล้วช่วงนั้นมือเบสเขาป่วยด้วย ก็ออกมาเล่นไม่ค่อยได้ เลยให้ปิงมาเล่นก่อน

อะไรทำให้ทุกคนตัดสินใจเล่นด้วยกัน ฟังเพลงใกล้กันไหม

Penny Time: ไม่ใกล้กันเลย

ก้อง: เพราะเป็นเพื่อนกันมากกว่า ผมกับปิง แล้วก็แม็กเงี้ย แม็กเรียนนิเทศ .รังสิต ปิงเรียนคณะดนตรีกับผม มันก็ใกล้ตัวอยู่แล้ว แล้วผมก็รู้จักกับแดน แดนถามว่ามีใครเล่นดนตรีได้บ้างไหม เราก็บอกก็เนี่ย เยอะแยะ เพื่อนเรา

แดน: เหมือนเลือกขนมเลย (หัวเราะ)

ไม่เจอปัญหาที่แนวเพลงไม่ตรงกันแล้วบางคนไม่อินกับเพลงหรอ

แม็ก: มันเหมือนการแจมกันมากกว่า

ก้อง: การทำเพลงของบางคนจะมี reference มาก่อนว่าจะทำอะไร แต่เวลาทำเราจะไม่คิดเยอะเกินไป คือพวกผมฟังเพลงกันคนละอย่างเลย ปิงก็จะ Justin Bieber เป็น Belieber (หัวเราะ) ตึ๊ด ไป แดนก็จะ 90s grunge ใต้ดินนิดนึง แม็กก็จะพวก Phoenix ร็อกอังกฤษ แต่งตัวเท่ ส่วนผมชอบฟังเพลงบลูส์เก่า

แม็ก: แล้วก็มาแจมกันจนได้แนวอะไรไม่รู้ รู้แต่ว่ามันอยู่ในรากฐานของอัลเทอร์เนทิฟร็อก แล้วก็เป็นในสไตล์ของ Penny Time ที่มีกลิ่นของบลูส์ด้วย ถึงแม้สามเพลงจะให้ความรู้สึกไม่เหมือนกันเลย แต่ยังได้ซาวด์ หรือเสียงร้องที่เป็นเอกลักษณ์ของเรา

ได้กำหนดทิศทางเพลงไหม

ก้อง: ส่วนมากจะแจมกันครับ แต่แดนก็จะขึ้นโครงมาก่อน แล้วเราก็มาช่วยกันทำต่อ เอาจริงคือพวกผมใช้คอมไม่เป็น ไม่มีใครอยากขยันใช้คอม เวลาทำเพลงทีคือต้องไปห้องซ้อม  แล้วก็อัดไอโฟนไปลองตัดลองทำกันดูเนี่ยแหละครับ

แม็ก: ไม่มีการตีกลองเป็นแบบจิ้ม คีย์บอร์ดมาก่อน

เลยทำให้ปล่อยเพลงช้าด้วยหรือเปล่า

แม็ก: ตอนนี้เพลงก็มีค่อนข้างที่จะครบทั้งอัลบั้มแล้ว แต่บางเพลงก็ยังต้องเคาะกันต่อไป บางเพลงก็มีหลายขั้นตอนแต่เราก็พยายามปล่อยออกมาเรื่อย

ก้อง: ไม่มีตังอัดก็บอกเขาไป (หัวเราะ)

penny4

กะจะออกอัลบั้มเต็มเมื่อไหร่

ก้อง: ตอนต้นปีบอกว่า สิ้นปีนี้ปล่อยแน่นอน แต่มาตอนนี้ น่าจะได้อัดสิ้นปี (หัวเราะ) ยังไม่ชัวร์ แต่น่าจะปล่อยปีหน้า

ได้กำหนดทิศทางของเนื้อหาที่จะเล่าไหม

แดน: ยังไม่มีครับ จริง คือคิดอะไรได้ก็เขียนลงไอโฟนไปก่อน เวลาเขียนเพลงขึ้นโครงขึ้นอะไรมาได้ แล้วยังไม่มีเนื้อหรือคิดอะไรไม่ออกก็ดึงพวกนั้นมาใส่ ส่วนใหญ่เป็นประสบการณ์ครับ อะไรที่บางครั้งรู้สึกโอเคกับมัน หรือไม่โอเคกับมันมาก แต่อยากเก็บไว้ อยากกลับมาอ่านวันหลัง จะได้จำวันนี้ได้ ก็เขียน ๆ ลงไปก่อน

แล้วเพลงที่กำลังจะปล่อยจะเป็นยังไง

แดน: เล็งไว้ประมาณอีก 2-3 เดือนหน้าครับ สามเพลงที่ปล่อยมามันก็จะไม่ค่อยคล้ายกันเท่าไหร่ อันนี้ก็จะยิ่งแตกออกไปอีกเหมือนกัน แล้วยิ่งปล่อยเพลงไหน เพลงนั้นยิ่งเก่า คือเพลงนี้ทำมาตั้งแต่ 2-3 ปีมาแล้ว ที่จะออกมาเป็นเวอร์ชันนี้คือเราใช้เวลาตกตะกอนกับมัน เนื้อหาถ้าเทียบกับเพลงอื่นก็จะเศร้า เครียด หม่น มีความอีโม (หัวเราะ) เรียกว่าเพลง Jam ไปก่อน

ก้อง: บางคนอาจจะชอบ Conversating เพราะติดหู ฟังง่าย เขาอาจจะมองเราเป็นวงป๊อปร็อก แต่อัลเทอร์เนทิฟเราก็มี แล้วถ้าปล่อยเพลงหน้าเขาคงจะแบบ… (ทำหน้าเหวอ) แต่ตอนเราทำไม่รู้สึกว่ามันฉีก เรารู้สึกดีกับมัน แล้วก็ยังมีความเป็นเราอยู่

แม็ก: เหมือนปล่อยมาสี่เพลงให้คนที่ฟังรู้สึกว่ามีหลายอารมณ์แต่ให้มันอยู่ในคำว่า Penny Time คือถ้าใครชอบเพลง Conversating มันอาจจะมีเพลงอื่นในอัลบั้มที่จะชอบด้วย แต่เรายังไม่ได้ปล่อย

สนใจยอดวิว ยอดฟัง หรืออยากให้เพลงติดชาร์ตไหม

แม็ก: ไม่ครับ จริง ก็ไม่ได้หวังอะไรอยู่แล้ว แต่ถ้าทำแล้วคนชอบก็รู้สึกดี เหมือนมีคนรู้สึกเหมือนที่เรารู้สึก เราแค่อยากปล่อยให้คนได้ลองฟังเยอะ ไม่ได้อยากได้ที่หนึ่งหรืออะไร

ก้อง: ไม่งั้นจะกลายเป็นว่า อุ๊ย แต่งเพลงนี้แล้วยอดวิวโอเคว่ะ เดี๋ยวเพลงหน้าทำอย่างนี้เลยไหม เราจะไม่ทำแบบนั้น มันเลยออกมาไม่ค่อยเหมือนกันแต่ละเพลง เพราะเราไม่ได้คิดเรื่องนั้น แต่ก็เหมือนผลพลอยได้ ถ้ามีคนชอบเพลงเราก็มีความสุขมากขึ้น

รู้สึกยังไงที่มีหลายสื่อช่วยผลักดันเพลงของเรา

ก้อง: ก็แปลกใจว่ามีอะไรที่เขาต้องผลักดันเราหรือสนใจเรา (หัวเราะ)

แม็ก: เหมือนเขาฟังแล้วเขาชอบ แฟนเพลงโทรไปขอ ซึ่งเราไม่รู้มาก่อนเลย (ก้อง: หน้าเพจ Cat Radio ก็เห็นมีคนพิมพ์ขออยู่)

แดน: แล้วก็หลาย ๆ อย่าง ด้วยเวลาที่มาถูกจังหวะพอดี รู้สึกว่าตอนนี้มีวงในซีนเราที่ทำภาษาอังกฤษที่ก็ไม่ได้เยอะเหมือนวงที่ทำเพลงไทย แต่มันก็มีตลาดของมันอยู่ ผมเชื่อว่ามีคนสนใจอยากฟังเพลงแบบนี้ อันที่จริงตอนเล่นกันแรก เลย จะมีกลุ่ม expats หรือพวกฝรั่งที่อยู่ในกรุงเทพ ครับ ตอนเราทำเพลงก็กะจะให้ฐานแฟนอยู่ในกลุ่มนั้นอยู่ แล้วมันอาจจะมีโอกาสที่คนติดตามจริง มากกว่า เพราะเขาอาจจะชินกับสิ่งที่ผมทำมากกว่าที่คนอื่นทำกัน ก็เลยทำตรงนั้นอยู่ปีสองปี

Feedback ของเพลงที่ปล่อยออกไป

แม็ก: ก็ดีนะครับ เราคิดว่าฐานแฟนเพลงของเราจะมีอยู่แต่ในกรุงเทพ พอเรามีโอกาสไปเล่นงานคัฟเวอร์ที่บางแสน 7-8 เพลงเป็นปกติ เราก็จะเล่นเพลงเราสักสองเพลง แต่ปรากฎว่ามีแฟนเพลงที่นู่นมายืนรอ ร้องเพลงเราได้ เราเลยรู้สึกว่าเพลงเราจับต้องได้

แดน: ตอนนั้นก็เลยผสมเพลงตัวเองไปเยอะกว่าเดิมหน่อย เพราะเราก็ต้องให้เกียรติคนที่ชวนเราไปเล่นด้วย แต่ก็ไม่คิดว่าจะมีคนไทยมาสนใจขนาดนี้ พอมีก็คิดว่าโอเคนะ เราอาจจะมีโอกาสทั้งที่นี่และที่เมืองนอกด้วย

แม็ก: อย่างที่มาเลเซียเราอยากจะไปโชว์งานเฉย ๆ ไม่ได้คิดว่าจะไปโกยแฟนเพลงกลับมา แล้วตอนก่อนไปเล่น มีคนมาคอมเมนต์ใต้เพลง Now ใน YouTube ว่า “Can’t wait to see you in Penvia Studio.” พอไปเล่นก็มีคนร้องเพลง Conversating ได้ด้วย แต่ร้องออกมาเป็นภาษาเขา (หัวเราะ) เล่นเสร็จก็มากอด มาอะไร

แดน: คือตกใจมาก เพราะเขาทำการบ้านมาจริง  มันรู้สึกเหมือนเวลาวงอย่าง DYGL มาเล่นบ้านเรา มันจะมีความรู้สึกว่าไม่ได้เหมือนดูวงในซีนเราเล่นเอง มันจะดูมีค่ามากขึ้น ซึ่งผมคิดว่าคงเป็นอะไรที่ดีถ้าวงได้ออกไปเล่นต่างประเทศบ่อย

ปิง: แล้วคนตั้งใจดูด้วย มีผู้หญิงมุสลิมโพกผ้ามาดู แล้วบอกอย่าบอกแม่นะ (หัวเราะ) เขาร้องเพลงเราได้

head

การไปเล่นต่างประเทศเองต้องเตรียมตัวยังไงบ้าง

ปิง: ต้องซ้อมให้หนัก

แม็ก: ต้องวางแผนทุกอย่าง ทุกเม็ด ให้มันได้ร้อยเปอร์เซ็นต์เลย

แดน: ตอนไปมาเลเซียเราส่งเมลไปทุกร้านที่อยากเล่น copy paste ไปประมาณ 50 เมล สุดท้ายมี 10 ที่ตอบกลับมา แล้วเราก็ได้ไปเล่นประมาณ 3 ที่ แล้ววันแรกไปไม่ทันด้วย จากสามวันเหลือแค่สองวัน

ก้อง: เคยมีที่เขาไม่ตอบเมลผม คือเพิ่งตอบกลับมาเมื่อประมาณสองอาทิตย์ที่แล้ว ทั้งที่เราไปเล่นมาหลายเดือนแล้ว Hey, sorry for the late reply. When are you coming to KL? (หัวเราะ) กูไปมาแล้วววว

มีแพลนจะไปเล่นที่อื่นไหม

แม็ก: มีที่ญี่ปุ่นครับ ประมาณเดือน 8 ก็เล็ง ไว้อยู่

แดน: ถ้าผมได้ไปจริง ก็อาจจะมีโปสเตอร์ออกมา

ให้ความสำคัญกับการอัดเพลงหรือเล่นสดมากกว่า

แดน: จริง เท่า กันเลยนะครับ แต่ที่เพลงอัดไว้ไม่ได้ปล่อยซักทีเพราะเราเอาเวลาไปเล่นสดเยอะด้วย

แม็ก: แล้วเวลาเราเล่นสดเยอะ เราจะรู้ว่าแฟนเพลงชอบเพลงไหน เราก็จะให้ความสำคัญกับเพลงนั้น อย่าง For Her ก่อนที่จะปล่อยออดิโอ ก็เอาไปเล่นบ่อย 3-4 เดือน เล่นแล้วเติมไปเรื่อย เดือนแรก เป็นแบบเดโม่ แล้วหลัง ก็เริ่มเข้าที่แล้ว การเล่นสดเหมือนเป็นการเทสต์ทั้งเราทั้งเขาว่าเขาโอเคไหม เราโอเคไหม

ปิง: มันจะมีคลิปวิดิโออยู่ For Her แรก มันจะไม่ได้เล่นแบบตอนนี้เลย มันจะค่อย เปลี่ยนไปเรื่อย แต่ก็เอาให้ขึ้นอยู่กับที่เราสบายใจที่สุด เพราะว่าเวลาเล่นจะได้รู้สึกเต็มที่

ไปเล่นสดแต่ละที่ต้องปรับวิธีเล่นให้เข้ากับกลุ่มคนดูหรือเปล่า

แดน: จริง เป็นการเปลี่ยนเซ็ตลิสต์มากกว่า

ปิง: ที่ไหนเล่นเพลงหนัก หรือคัฟเวอร์หนัก เราก็จะเล่นแต่เพลงหนักเข้าไป ถ้าที่ไหนน่ารัก เราก็เล่น For Her เดี๋ยวคนแก่ข้างบ้านจะตกใจ

ประสบการณ์การเล่นสดแต่ละครั้งให้อะไรกับเรา

แดน: สำคัญที่สุดเลยคือความสัมพันธ์ของเรากับคนดู เหมือนทั้งให้และรับ เขาให้เรา เราก็ต้องให้เขาด้วย แล้วทุกครั้งมันจะเห็นชัดเลยเวลาเรา enjoy กับเพลง เขาก็จะสนุกเป็นพิเศษ

แม็ก: อย่างมีบางเพลงที่เราทำมาแล้วเราชอบมาก เราก็จะตั้งใจเอาไปเล่นงานนี้เป็นพิเศษ แล้วคนดูก็จะรู้ว่า เอ๊ย เราชอบเพลงนี้นะ เขาก็ชอบเหมือนกัน

แดน: ผมว่าตรงนั้นคือความอินที่สุดแล้วที่ทั้งคนฟังและเราก็โอเคกับเพลง

penny2

อะไรคือเคล็ดลับที่ทำให้ Penny Time เล่นสดได้มันมาก

แม็ก: คือถ้าเราอิน แล้วเล่นกันบนเวทีแล้วสนุกมาก ผมว่าคนข้าง ก็จะบ้าตามเราไปด้วย แรก เราก็มีเขินเกร็ง มันจะทำให้ฟีลเราไปไม่ถึง คนดูก็จะรู้สึกไม่ถึงไปด้วย

ปิง: เคล็ดลับของวงคือคนนี้เลยครับ (ชี้ไปที่ก้อง)

ก้อง: บางทีผมยังไม่รู้เลยว่าคนดูสนุกเป็นยังไง บางทีตอนนั้นเราแค่อยากสนุกเอง เหมือนเพื่อนชวนไปกินเหล้าแล้วเราตื่นเต้น เป็นความรู้สึกเดียวกับตอนเล่นคือเราอยากสนุก

เคยเจองานที่สนุกเกินเบอร์แล้วคนดูไม่สนุกไปกับเราไหม

ปิง: ที่บางแสน นานแล้ว ตั้งแต่ผมยังไม่เข้ามา แม็กยังไม่เข้ามา

ก้อง: มีคนเดินออกด้วย เราขึ้นปุ๊บเขาก็ลุกเดินไปเลย เหมือน walking street ที่คนมันเยอะมาก เขามายืนมุงกันแล้วก็แตกหน่อ ทะเลแหวกไปเรื่อย ๆ  แทบร้องไห้

แดน: ยอมรับว่าเราเองก็ตื่นเวทีด้วย มือเบสคนเก่าเดินลงมาจากเวทีแล้วบอกว่า เฮ้ย เราเล่นกับพวกนายไม่ได้แล้ว คือวงที่เล่นก่อนพวกเรา คนยืนดู กำลังสนุกเลย พอวงเรา คนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่น แล้วนั่งลงหมด

แล้วตอนนั้นทำยังไง

แม็ก: ก็ไม่ทำไงครับ ไม่ได้หวังตั้งแต่แรกแล้วว่าเขาจะมาดู แต่ถ้าเรายอมแพ้ก็จบ เราไม่ยอม เราเล่นต่อ เราเชื่อว่ามันยังมีวันที่เขาจะยอมรับเรา มันต้องมีวันที่โอเคและไม่โอเค วันนั้นมันแค่ไม่โอเค แล้วคนก็เยอะมาก แค่นั้นเอง (หัวเราะ)

ปิง: มันเหมือนการที่เราต้องพิสูจน์ตัวเอง

ก้อง: มันทำอะไรไม่ได้ครับ ทุกคนมันต้องหวังอยู่แล้ว รอบนั้นมันก็ผิดหวัง แต่สำหรับ พอลองนึกย้อนไปความรู้สึกแรกตอนเราหัดเล่นกีตาร์โง่ ๆ อยู่ในห้องคนเดียวก็มีความสุข แต่ถ้ามันทำให้เราเซ็งมันก็แค่เซ็ง เรื่องเล่นสดวันนั้นก็ไม่ใช่เรื่องที่เราต้องมาเซ็งอะไรขนาดนั้น

หลังจากนั้นใช้เวลานานขนาดไหนกว่าคนจะยอมรับหรือเปิดใจ

แดน: ผมมองว่าน่าจะเป็นงาน Sqweez Animal ผมมองว่าเขาเป็นวงที่มาตรฐานสูงเหมือนกัน ซึ่งตอนแรกที่ Cat Radio ชวนก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงเลือกพวกเรา เพราะคิดว่าพวกเราน่าจะไม่อยู่ในเรดาร์ ไม่อยู่ในอะไรเลย แค่ติดชาร์ตครั้งเดียว แต่เหมือนพี่วินตอนนั้นเดินมาบอกว่าจริง เขาเอาวงสามวงมาให้พี่ดูนะ แต่วงน้องพี่โอเค หลังจากวันนั้น ก็ไม่ได้กดดันตัวเอง รู้สึกว่าเรามีอะไรที่ต้องทำจริง รู้ว่ามีคนรอฟังเยอะเหมือนกัน การทำวงของเราก็เปลี่ยนไปเยอะเลย

ปิง: ก็มีคนพูดว่า เออ เคยฟังเพลงนะ ชอบมากเลย แต่ไม่รู้ว่าวงอะไรเล่น เราก็รู้สึกว่าคนมาสนใจ คนขอถ่ายรูป

ความทรงจำที่ดีที่สุดที่เคยเล่นมา

ปิง: น่าจะเป็น Cat Expo ปีแรก สองปีที่แล้ว น้ำตาจะไหล

ก้อง: เล่นเปิดเวที แฮปปี้มาก มันอิ่มใจ

penny3

การเป็นนักดนตรีไม่มีสังกัด ให้ความสำคัญกับการปรากฎตัวตามสื่อไหม

แดน: ก็ให้นะครับ มันมีช่องทางให้โปรโมตอยู่ แต่อาจจะไม่ได้มีเท่าวงที่มีบ้านอยู่แล้ว เราก็ต้องทำการบ้านมากกว่าเดิม ต้องเข้าไปคุยเองถ้าเขาไม่ติดต่อมา เวลามีอีเวนต์ มีงานอะไรก็พยายามไปรู้จัก พยายามเจอคน เพราะไม่มีใครทำอะไรพวกนี้ให้เรา

เป็นวงที่ลงประกวด ลุยอะไรเยอะเหมือนกัน

ก้อง: ไม่ติดซักอัน น่าจะไม่เหมาะกับการประกวด

แดน: จริงครับ วงเราเคยประกวดสองครั้งยังไม่เคยได้อะไรสักอันเลย

ปิง: แต่เป็นการสร้างโอกาสให้ตัวเอง มีอะไรก็ไปหมด

สองปีในวงการดนตรีเราเปลี่ยนไปยังไงบ้าง

ปิง: สมาชิก (หัวเราะ)

ก้อง: อาจจะคิดเยอะขึ้น แต่หลัก แล้วผมว่าเหมือนเดิม แรก อาจจะไม่โดดเรียนไปเล่น ทุกวันนี้ก็ไม่เรียนละ (หัวเราะ)

แม็ก: เรื่องการทำงานแต่ก่อนก็ไม่ได้บ่อยขนาดนี้ คนดูให้ความสำคัญกับเรา เราก็ต้องให้ความสำคัญกับงาน

แดน: คือในวงจะมานั่งเบรนสตอร์มกันตลอดในแช็ต ในเฟสบุ๊ก โนติเด้งทั้งวันทั้งคืน งานวงมันเป็นงาน 24 ชั่วโมงจริง ครับ มีโอกาสอะไรต้องรีบคว้า มีอะไรทำได้ก็รีบทำ

ให้เปอร์เซ็นต์ความทุ่มเทกับการทำงานเพลงกี่เปอร์เซ็นต์

แดน: ร้อยเปอร์เซ็นต์ครับ

ก้อง: เราไม่น่าจะเรียนจบสี่ปีนะ (หัวเราะ)

คนดูให้ความสำคัญกับเรา เราก็ต้องให้ความสำคัญกับงาน

เห็นอะไรในวงการที่เปลี่ยนแปลงไปบ้าง

ก้อง: คนเปิดใจมากขึ้น

แดน: กรุงเทพ สามปีไม่เหมือนตอนนี้เลยครับ มันมีซีน underground อยู่ แต่ตอนนี้มันเริ่มจะแมสขึ้นมานิดหน่อยแล้ว เรียกได้เต็มปากมากขึ้นว่าเป็น Bamgkok music city อยู่ เราก็แซงมาเลเซีย แซงอินโดนีเซีย ล่าสุดที่เราไปมาเขายังไม่ได้ขนาดนี้เลยนะ ก็ไม่คิดว่าจะมีคนเปิดใจมากขนาดนี้

อยากเห็นอะไรในวงการเพลงมากขึ้นอีก

ก้อง: อยากเห็นคนเปิดใจมากกว่านี้

แดน: อยากเห็นเรื่อง import export มากกว่านี้ ตอนนี้ก็เริ่มดีขึ้นมาหน่อย ปีนี้มีวงนอกเข้ามาเยอะมาก แล้วก็มีวงเราไปเล่นข้างนอกเยอะมาก อยากให้มันเพิ่มขึ้นไปทุกปี อยากสร้างความสัมพันธ์กับประเทศอื่น เขามาเราก็ต้อนรับ ถ้าเราไปก็หวังว่าเขาต้อนรับด้วย

แม็ก: อยากเห็นการเปิดรับการยอมรับที่มากขึ้น ความเคารพในวิชาชีพดนตรี ไม่ใช่ผู้ใหญ่มองว่าเป็นการเต้นกินรำกิน มันควรจะเป็นอะไรที่เป็นอาชีพได้แล้ว ไม่ได้เป็นอาชีพหลักขนาดนั้น แต่ให้มีข้าวกินก็ยังดี

เร็ว นี้จะมีเล่นที่ไหนไหม

แม็ก: งาน Sound Space ครับ ตรง Soy Sauce Bar เจริญกรุง 24

ก้อง: มี Shark Boys Alive แล้วก็ The Octopuss ด้วย

ฝากผลงาน

แดน: มี EP 3 เพลง อยู่ ขายเป็นแผ่น ทักมาได้ในเฟสบุ๊ก เรารวมซิงเกิ้ลหมดเลย แล้วทำมาสเตอร์ ออดิโอดี เป็นแผ่นปั๊มโรงงานมาเลย มันก็จะชัดกว่าไรท์ซีดี หรือฟัง YouTube ก็จะได้ประสบการณ์การฟังที่ต่างออกไปเยอะครับ

แม็ก: ฟังสามเพลงแรกของเราก่อน แล้วเพลงใหม่กำลังตามมา ชอบกันรักกันก็สนับสนุนกันนะครับ

penny1

ติดตามความเคลื่อนไหวของ Penny Time ได้ที่ https://www.facebook.com/PennyTimeThailand/ และรับฟังเพลงของพวกเขาบนฟังใจได้ ที่นี่

Facebook Comments

Next:


Montipa Virojpan

อิ๊ก เนิร์ดดนตรีที่เพิ่งกล้าเรียกตัวเองว่าเป็นนักเขียนตอนอายุ 25 ชอบเดินเร็ว นอกจากขนมปังกับกาแฟดำแล้วก็สามารถกินไอศกรีมกับคราฟต์เบียร์แทนมื้อเช้าได้