ตาดูหูฟัง

จดหมายรักถึง La La Land

  • Writer: Tunlaya Dunnvatanachit

ตกหลุมรัก La La Land เข้าอย่างจังแบบที่เข้าไปอยู่ในลิสต์หนังโปรดตลอดกาลโดยไร้ข้อสงสัย เราเป็นคนนึงที่แพ้ทางความโรแมนติกแบบ old school มาก ๆ ก็เลยถูกชะตาตั้งแต่ได้ดูตัวอย่างหนัง แล้วพอได้ดูจริง ๆ แล้วก็ต้องบอกเลยว่า ไม่ผิดหวังเลยแม้แต่นิดเดียว

เรื่อง La La Land เป็นภาพยนตร์แนว musical/ dramaโดย Damien Chazelle (ผู้กำกับ Whiplash) ที่เล่าเกี่ยวกับชีวิตคนสองคนที่ตามหาความฝันของตัวเองในเมืองแห่งแสงสีอย่าง Los Angeles คนหนึ่งมีความใฝ่ฝันอยากเป็นนักแสดงหญิงชื่อดัง (Emma Stone) ส่วนอีกคนคือนักเปียโนแจ๊ซตกอับ (Ryan Gosling) ทั้งสองต่างต้องประคองความรักและต่อสู้เพื่อความฝันของตัวเองไปพร้อม ๆ กัน

ถึงโครงเรื่องจะดูเป็นเรื่องที่เล่ามาหลายครั้งแล้ว แต่ตัวหนังเล่าได้อย่างไม่น่าเบื่อเพราะเต็มไปด้วยความขี้เล่น มีช่วงหนัก เบา สนุกนาน จังหวะตลกที่ใส่ได้พอดี และดราม่าที่ไม่ฟูมฟายเหมือนกับเพลงแจ๊ซที่ตัวหนังเชิดชู ส่วนตัวแล้วเราชอบมากที่หนังออกมาดูเพ้อฝันแต่ก็มีความเป็นจริงอยู่มากทำให้ไม่เลี่ยนจนเกินไป ในเรื่องของนักแสดงนำคือคัดมาถูกต้องที่สุดแล้ว Emma Stone คือเอาอยู่จริง ๆ ในทุกอารมณ์ ไม่แปลกใจที่ได้รางวัลนักแสดงหญิงยอดเยี่ยมที่ Venice Film Festival มาแล้วเรียบร้อย ส่วน Ryan Gosling ก็เกิดมาเพื่อเล่นบทประเภทนี้อยู่แล้วแน่นอนว่าทุกคนเทใจให้หมดจริง ๆ (Ryan Gosling + jazz music แค่นี้เลยค่ะ จบค่ะ) มาถึงเรื่องภาพก็ดีมาก ๆ เช่นกัน วิธีการถ่าย การจัดฉาก คุมโทนมาได้สวยงาม บางฉากคือถ่ายได้สวยมากและเก่งมาก ๆ ส่วนฉากที่เพ้อฝันมากหน่อยก็ทำได้เพลิดเพลิน มันคืออาหารตาที่แท้จริง

เมื่อเป็นหนัง musical เราก็ต้องพูดถึงบทเพลงในเรื่องซึ่งถือว่าเป็นตัวเอกเลยทีเดียว ทุกเพลงเพราะมาก ปกติเราจะค่อนข้างรำคาญ musical ที่มีความล้น ๆ เกิน ๆ เอะอะออกมาเต้นแต่ La La Land ทำออกมาพอดีมาก ไม่เยอะจนเกินไป ไม่ต้องใช้เพลงเล่าเรื่องตลอดเวลา แต่มีเพลงหลักพอให้ติดอยู่ในใจคนได้นาน ๆ โดยที่ทุกเพลงมีฐานอยู่ที่สไตล์เพลงแจ๊ซ เพลง theme หลักของเรื่องที่สุดแสนจะเรียบง่ายถูกนำมาขยายต่อใช้ได้ทั้งจังหวะที่เศร้าและสุขหรืออย่างเพลง Someone in the Crowd ก็ทำออกมาได้สนุกสนานเหมาะสมกับฉาก Justin Hurwitz ผู้แต่งเพลงทั้งหมด คือคนที่ทำให้หนังมีชีวิตขึ้นมาจริง ๆ เมื่อผนึกกำลังกับผู้กำกับ Damien Chazelle เราจะสัมผัสได้ถึงความรักที่มีต่อภาพยนตร์และบทเพลง เพราะสุดท้ายแล้ว La La Land ก็เป็นเหมือนจดหมายรักที่เขียนขึ้นมาให้กับเหล่าภาพยนตร์คลาสสิกของฮอลลีวู้ด ที่อาจจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้พวกเขาตกหลุมรักในภาพยนตร์ ทำให้เขาตามความฝันของตัวเองเหมือนตัวเอกทั้งสอง และมันก็เป็นจดหมายรักที่เขียนได้สวยงามและไร้ที่ติ

เราเชื่อว่า La La Land จะต้องกอบโกยรางวัลอีกมากมายแต่ที่แน่ ๆ คือเราได้ให้ใจไปแล้วเรียบร้อย นี่คือหนัง musical ของยุคที่เราจะรักมันไปอีกนาน

Here’s to the ones who dream, foolish as they may seem.

ขอขอบคุณ สหมงคลฟิล์ม ที่ให้เราได้ชม La La Land ก่อนใคร และไปฟังเพลงประกอบที่เพราะสุด ๆ ได้ ที่นี่

Facebook Comments

Next: