chisun-2021

Interview

“Chisun” ศิลปินหน้าใหม่ ที่ส่งเสียงเล็ก ๆ จากหัวใจ มาเล่าผ่านเสียงเพลง

Chisun (ชิซัน) หรือ ชาร์ลี – จิรภัทร สุนิลหงส์ ศิลปินชายหน้าใหม่ที่มีเรื่องราวในเพลงที่น่าสนใจจนทำให้อดสงสัยไม่ได้ว่าเพลงต่อ ๆ ไปจากเขาจะหยิบยกเรื่องอะไรมาเล่าให้หัวใจรู้สึกตาม โดยก่อนหน้านี้เขาได้ปล่อยเพลงออกมาให้ฟังราวสี่เพลงแล้วด้วยกัน มาทำความรู้จักกับเขาให้มากขึ้นพร้อมเข้าใจในความเป็นเด็กในร่างผู้ใหญ่ในแบบที่จะทัชใจใครหลาย ๆ คน

Chisun ศิลปินที่ถูกหล่อหลอมด้วย ‘เพลง’ ตั้งแต่เยาว์วัย

ชาร์ลี: คือเหมือนกับว่าผมโตขึ้นมากับการฟังเพลงเยอะมาก ๆ เลยครับ คือรู้สึกว่าจริง ๆ แล้วดนตรีคือชีวิตมาตั้งแต่เด็กแล้ว แล้วยังมีศิลปินอีกหลายคนมาก ๆ ที่ทำให้ผมรู้สึกแบบ เข้าใจความซับซ้อนของอารมณ์มนุษย์มากขึ้นครับ คิดว่าแบบดนตรีเป็นสื่อที่เอาเรื่องนี้ออกมาอธิบายได้ดีมาก ๆ แล้วผมก็อยากจะสร้างโปรเจกต์ของผมที่เป็นคนทำอย่างนั้นให้คนอื่นรู้สึกเหมือนกัน เพราะว่าผมรู้สึกว่ามันมีหลายเรื่องที่ผมอยากจะค้นหามัน อาจจะมีมุมหรือ ประสบการ์บางเรื่องที่ผมพูดออกไปแล้ว ถ้าสมมติมันมีคนแค่หนึ่งคนที่รู้สึกว่าเรื่องนี้ตรงกับตัวเอง ก็จะรู้สึกแบบ ดีแล้วในฐานะศิลปินครับ โดย Chisun มาจากชื่อจริงผมครับ ชื่อ  Chirapat Suninhong (จิรภัทร สุนิลหงส์) ก็เอาสามตัวแรกของชื่อจริงกับนามสกุลมาครับ 

การทำเพลงคนเดียวในแบบของ Chisun

ชาร์ลี: ส่วนมากผมจะเป็นคนที่เขียนเพลงจากเรื่องที่เกิดขึ้นจากชีวิตของตัวเอง อย่างปีนี้ ผมกำลังจะทำ EP ซึ่งผมพยายามจะหยิบเรื่องที่คนไม่ค่อยได้เขียนมา อย่างเช่น ผมเพิ่งปล่อยเพลงชื่อ Pluto ไปครับ เพลงที่พูดถึงห้วงอารมณ์ที่เรารู้สึกว่าตัวเองไม่ดีพอ แล้วมีการเทียบกับคนอื่นตลอดเวลา โดยส่วนตัวผมรู้สึกว่าอุตสาหกรรมเพลงป็อป มันมีคนพูดถึงความรักเยอะมาก ๆ ผมก็เลยพยายามจะเขียนเรื่องที่แบบคนที่อายุประมาณเรา จะต้องมีคนรู้สึกแบบนี้อยู่ อย่าง Pluto ก็คือรู้สึกว่าเราไม่ดีพอ หรือว่ารู้สึกว่าตัวเองเห็นคนอื่นดีมาก ๆ เลย แล้วเรารู้ในใจว่าเราไม่มีทางเป็นเหมือนเขาได้ ผมก็เลยเขียนเพลงนี้ขึ้นมาแล้วก็พยายามทำให้มันออกมาเป็นเพลงป็อปมาก ๆ เพื่อหวังว่าอย่างน้อยก็ส่ง messege ถึงคนฟังได้ โดยกระบวนการฃของการเขียนเพลงของผมก็คือ ตกลงกับตัวเองได้ว่า โอเค อยากเขียนเรื่องนี้ ผมก็จะหมกมุ่นอยู่กับเรื่องนี้เลยครับ ถ้ามี rhyme หรือเนื้อเพลงอะไรเด้งขึ้นมาผมก็จะจดเข้า โน้ตในโทรศัพท์ ซึ่งจริง ๆ แล้วก็เต็มไปด้วยเนื้อเพลงที่ผมเก็บเป็นไอเดียไว้ บางทีก็ได้แต่เนื้อเพลงที่เป็นไอเดีย บางทีก็ได้แต่ชื่อเพลง เขียนโครงไว้ก่อน แล้วก็สร้างโน้ตใหม่ไปเรื่อย ๆ ครับ แล้วพอวันนึงที่เรารู้สึกว่า โอเควันนี้มัน ใช่แล้วล่ะ ผมก็จะมากดคอร์ดแล้วก็ใส่เมโลดี้ครับ 

โดยส่วนตัว ผมเป็นศิลปินที่ให้ความสำคัญกับเนื้อเพลงมาก ๆ เลยครับ แต่เนื่องจากทำเองก็เลยเริ่มจากการมั่ว ๆ ก่อนอะครับ บางทีดนตรีมันก็อาจจะยังไม่ถึง เพลงแรกที่ปล่อยก็คือแบบ mix ไม่ได้เลยครับ แต่ว่าจริง ๆ เรื่องสำคัญสำหรับผมในแง่ของการเป็นศิลปิน ก็คือเรื่องของเนื้อเพลงครับ

เด็กน้อยที่ติดอยู่ในร่างผู้ใหญ่

ชาร์ลี: ผมรู้สึกว่าผมเขียนเรื่องเกี่ยวกับ coming of age ค่อนข้างเยอะ คือเรื่องของการโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่  คือจุดยืนตัวศิลปินของผมเลย ไม่ใช่เป็นผู้ใหญ่ที่รู้เรื่องแล้ว แล้วบอกเด็กว่าควรจะทำอันนี้ แต่เป็นการพูดพูดถึง ประสบการณ์และความรู้สึกที่เป็นครั้งแรก ผมก็พยายามจะสื่อสารกับคนฟังด้วยการพูดถึงเรื่องที่แบบว่า เออเรารู้สึกนะว่านายก็เคยอาจจะรู้สึกแบบเราเหมือนกัน เราไม่ได้รู้คำตอบหรอก แต่เรารู้สึกนะ เพราะฉะนั้นนายไม่ได้รู้สึกคนเดียว เป็นการเข้าใจความรู้สึกเป็นครั้งแรกของการโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่เพราะว่าจริง ๆ แล้วผมก็ไม่รู้คำตอบเหมือนกันครับ โดยเพลงของผมมันค่อนข้างชวนฝัน ค่อนข้างมองโลกในแง่บวกพอสมควรครับ 

Track by Track

Last Song

ชาร์ลี: Last Song เป็นเพลงที่พูดถึงการมูฟออนครับ คือผมรู้สึกว่าเพลงมัน คือเหมือนกับว่ามันจะเป็นความรู้สึกประมาณแบบ สมมติว่าเจ็บกันไปแล้ว แต่ว่าหลังจากที่มันผ่านเรื่องไปแล้ว 1 ปีอะ อยู่ ๆ เรื่องมันก็มีวันนึงที่รู้สึกขึ้นมาว่าแบบว่า โอเคพร้อมจะไปจากเรื่องนี้จริง ๆ แล้วโดยที่ไม่ได้หลอกตัวเองว่ามันผ่านไปแล้ว ก็เลยเหมือนกับว่ามันไม่ได้เป็นเพลงที่เกิดขึ้นหลังมีการเสียใจ แต่เป็นเพลงที่เกิดขึ้นจากที่เสียใจมาแล้วสองปี จนวันหนึ่งมาพูดกับตัวเองว่ามันจะไม่เกิดเรื่องแบบนั้นอีกแล้วครับผม ก็มีการใช้เสียงแบบคลื่นเอามาล้างความรู้สึกเก่า ๆ ออกไป แล้วนี่ก็จะเป็นการที่เราบอกตัวเองว่าโอเคถ้าเธอคิดถึงเราก็ move on ด้วยตัวเองนะ เพราะเราก็จะ move on แล้วเหมือนกัน เราจะไปต่อแล้ว

Crying in the cab 

ชาร์ลี: Crying in the cab เป็นเพลงที่ค่อนข้างจะอยู่คนละโพลาร์กับ Midnight City ครับ คือผมแต่งเพลงนี้เมื่อประมาณกุมภาปีที่แล้ว ซึ่งพูดถึงเรื่องความเหงาครับ มันเป็นเมืองที่เหงามาก เวลานึกถึงกรุงเทพฯ แล้วมันรู้สึกว่ามันไม่มีอะไรที่ออกไปทำได้แล้วจะรู้สึกไม่เหงายกเว้นเจอเพื่อน Crying in the cab ก็เลยพูดถึงประมาณว่า เดิน ๆ อยู่ ทุกคนคืออินเลิฟหมดเลย ขนาดวันนั้นไปกับเพื่อน เพื่อนยังหนีไปกับคนที่เจอในทินเดอร์กลับบ้านเลย ก็เลยเป็นการเล่นกับ dramatic มาก ๆ แบบ I’m gonna die alone เพราะว่ามันเหงาจังเลยครับ เป็นการพูดว่ากรุงเทพเหงา แต่ว่าเกี่ยวกับกรุงเทพคือเปลี่ยนให้ต่างออกไปโดยเอาท่อนแร็ปมาแทน 

Endless Summer

ชาร์ลี: Endless Summer เป็นเพลงที่ผมรู้ตั้งแต่แต่งแล้วว่ามันเนือยมาก ๆ มันไม่มีทางที่จะป็อปได้  แต่ว่าที่ผมเลือกแต่งเพลงนี้เพราะว่าผมอยากจะเล่าถึงแบคกราวด์ตัวผมว่า จริง ๆ แล้วผมมาจากเมืองที่เล็กมาก ๆ เลย  ผมรู้สึกว่าที่ตัวตนของผมเป็นแบบนี้ แล้วเพลงผมมันเป็นแบบนี้ได้ส่วนหนึ่งมันเป็นเพราะว่าตัวผมเองอะมาจากเมืองที่แบบว่าเงียบมาก ๆ คือ Endless Summer เป็นเพลงที่พูดถึงคืนที่ไฟดับเพราะฝนตกหนักเพราะว่าอยู่บ้านนอก ใช่ แล้วผมก็พูดถึงคุณตาด้วย ตอนเด็ก ๆ ตาผมก็สร้างบ้านต้นไม้ให้ เขาทำมีดดาบ ทำไม้กายสิทธิ์ให้เล่น ประมาณว่าเกิดในเมืองเล็ก  แล้วผมก็รู้จักทุกอย่างแบบนั้นดี ตอนเด็ก ๆ ผมก็  jumping around in PJ ก็คือ pajamas ของผมเพื่อรอให้ตัวเองโตขึ้นครับ คือพูดถึงเรื่องราวตอนเด็ก ๆ ว่ามันเป็นยังไงเฉย ๆ ครับ แต่ก็มีการพาดพิงถึงคุณตาเยอะ 

Pluto (a song from hades) 

ชาร์ลี: Pluto คือชื่อโรมันของเทพเจ้าที่ชื่อ Hades (หรือฮาเดสในภาษาไทย) ครับ ซึ่งเขาเป็นเทพเจ้าที่ทุกคนเกลียด ละเขาก็ถูกเนรเทศไปปกครองโลก under world ซึ่งเป็นที่ ๆ ไม่มีใครอยากไป ไ่ม่ว่าเขาจะทำอะไรก็ตาม เค้าก็ไม่ใช่ซุสอยู่ดี ซึ่งซุสคือเทพทุกคนชอบอะครับ Pluto ก็เป็นเรื่องที่ผมเล่าแทนในตัวเองว่าผมเป็น hades ในเรื่องนี้อะ เหมือนกับว่าผมพูดถึงคนหนึ่ง ที่อาจจะเป็นศิลปินก็ได้เพราะในเพลงคือเปรียบถึงคน ๆ นี้เยอะฮะ ก็พูดถึงคน ๆ นี้ในแง่ว่า เขาเป็นเทพสำหรับการเล่นกีตาร์เลย ในขณะที่ผมยังทำได้แค่จูนอยู่ เค้าเป็นแบบต้นแบบสำหรับหลาย ๆ คนไปแล้ว แต่ว่าผมกำลังสงสัย ยังหาตัวเองไม่เจออยู่เลยประมาณนี้ครับ แล้วต่อให้ผมจะพยายามขนาดไหน ผมก็ไม่มีทางที่จะบินได้สูงเท่าคน ๆ นี้ เพราะเขาไม่ได้เป็น hades เหมือนผม

Midnight City

ชาร์ลี: Midnight City เป็นเพลงที่ผมเขียนกับเพื่อนที่อยู่เมกาครับ ซึ่งมันเป็นความพยายามของผมที่จะ มองกรุงเทพในแบบที่สวยงามขึ้นครับ เพราะว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเวลาที่พูดถึงกรุงเทพแล้วคิดถึงเรื่องอะไร ผมก็จะคิดว่ากรุงเทพมันเป็นเมืองที่มีความสดใสยามค่ำคืนมาก ๆ ซึ่งจริง ๆ แล้วพอตอนกลางคืนปุ๊บทุกอย่างก็เกิดขึ้นไปหมดเลยในกรุงเทพก่อนหน้านี้ เมืองนี้มันไม่หลับเลยอะ ถ้าตีสามมองไปก็ยังมีใครทำอะไรอยู่สักอย่าง  Midnight City ก็เป็นเพลงที่เอาไว้เปิดเวลาแสดงสด คือมันจะมีความ electro-pop แรงมากครับ แบบ ตุ้บ ๆๆๆ   มันเป็นเพลงที่พูดถึงแบบคนสองคนที่เคยเลิกรากันไป กลับบังเอิญมาเจอกันในเมืองที่เป็นเมืองกรุงเทพครับ แล้วเมืองนี้ก็เป็นเมืองที่มีความทรงจำเยอะมากเลย สองคนนี้ก็เลยเหมือนแบบมาเต้นด้วยกันอีกครั้งใน Midnight City 

สิ่งที่เราจะได้เห็นจาก Chisun ในอนาคต

ชาร์ลี: เพลงที่จะเกิดขึ้นใน EP นี้คือเรื่องราวในเวลากลางคืนครับ ผมเพิ่งมาค้นพบเพลงเก่า ๆ ที่ผมเก็บไว้ใน คลัง ว่าผมเขียนเพลงเกี่ยวกับช่วงเวลากลางคืนเยอะมาก ผมมีดาวเสาร์ ผมมีพลูโต ผมมีพระจันทร์ ทุก ๆ เพลงให้ความรู้สึกแบบมืด ๆ ฟ้า ๆ หนึ่งในเรื่องที่ผมจะพูดถึงในเพลงถัดไปหลังจาก Midnight City  คือเรื่อง child abuse  (การทารุณกรรมเด็ก) ซึ่งผมได้ทำการติดต่อมูลนิธิไว้จะระดมทุนให้มูลนิธิเพื่อช่วยเด็ก ๆ ที่ถูกทารุณกรรม 

FJZ: ทำไมถึงเลือกที่จะหยิบ child abuse มาเล่าผ่านเพลง

ชาร์ลี: รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องสำคัญมาก ๆ เลยครับ ไม่ว่าจะด้วยคำพูดเช่น ครูคนนั้นเคยด่าไว้ตอนเด็ก ๆ ว่าคนโง่ ๆ แบบเธอไม่มีทางที่จะทำอะไรได้หรอก แบบนี้ใช่มั้ย หรืออาจจะมีผู้ใหญ่ มีพี่เลี้ยงเองที่เป็น หรือจะด้วยแง่อื่น ๆ อีกซึ่งผมมองว่มันเป็นเรื่องที่ส่งในผลระยะยาวมาก ๆ ต่อคนหนึ่งคน เลยรู้สึกว่า จริง ๆ ในฐานะศิลปินก็อยากพูดเรื่องที่มันสำคัญ เป็นข้อเท็จจริง อาจจะเป็นเรื่องส่วนตัวก็ได้ หรืออาจจะไม่เป็นเรื่องส่วนตัวก็ได้ครับ เพราะผมมีเพื่อนหลายคนมากเลยที่ตอนเด็ก ๆ เคยถูกทำอะไรไม่ดีไว้ ยิ่งอย่าง verbal abuse (การทำร้ายด้วยคำพูด) ด้วยอะครับ ตลอดชีวิตของเราก็จะตั้งคำถามและสงสัยกับมันเสมอว่าทำอะไรผิดดหรอ เป็นแค่เด็กเองนะ แล้วแบบมันไม่ค่อยมีคนพูดถึงด้วย มันมีคนพูดถึงเรื่องอื่นแล้ว ถ้าเป็น child abuse ก็อาจจะเป็นเรื่องใหม่

โดย EP มันมี 5 เพลงใช่มั้ยครับ 3 เพลงแรกก็จะเป็นเพลงที่ค่อนข้างจริงจัง ส่วนอีก 2 เพลงที่เหลือเป็นเพลงที่ธรรมดา ไม่มีไรเลยครับ เป็นเรื่องราวชีวิตวัยรุ่น อารมณ์เหมือนเพลงประกอบ Netflix เน้น electro-pop ซะส่วนใหญ่ครับ แล้วพอจบ EP นี้แล้ว ก็จะไปเริ่มเขียน เปลี่ยนธีม, เปลี่ยนโทน แล้วก็จะเปลี่ยนวิธีโปรดิวซ์เพลง ถ้ามืด ๆ ไปแล้วก็อาจจะย้ายไปสว่างบ้าง ทำเพลงที่มันมีลูกเล่นมากกว่านี้เพราะตอนนี้ผมพูดถึงแต่เรื่องที่จริงจังในชีวิต  ผมอาจจะย้ายไปทำเรื่องที่ไม่จริงจังเลย เช่น เขียนเพลงกล้วย เขียนเพลงเกี่ยวกับแมว  ผมก็มีความฝันเล็ก ๆ อยู่เหมือนกันครับ ว่าอยากจะไปแสดงหลาย ๆ ที่ทั่วโลก ไม่ได้อยากจะได้แบบ stadium tour แต่ผมแค่อยากจะเล่าเรื่อง เพราะสุดท้ายผมมองตัวเองเป็นคนเล่าเรื่องอะครับ  

ผมคิดว่าผมพยายามทำเพลงป็อปที่ไม่เหมือนคนอื่น แต่ยังไงผมก็เป็นป็อปอยู่ดี ผมก็อยากจะเป็นศิลปินที่ทำดนตรีที่มีความหมายแทนความรู้สึก ขอฝากเพลงใหม่ล่าสุด Midnight City และ EP ที่จะมาในอนาคตอันใกล้นี้ด้วยนะครับ ขอบคุณมากครับ

___

ฟังทุกเพลงจาก Chisun ได้ที่นี่

อ่านบทความสัมภาษณ์อื่น ๆ ได้ที่นี่

Facebook Comments

Next:


Donratcharat

นัท มีหมาน่ารักสองตัวชื่อหมูตุ๋นกับหมูปิ้ง กาแฟดำยังจำเป็นต่อชีวิต และยกให้กาแฟใส่นมเป็นรางวัล