Interview

Family Product ผลิตภัณฑ์ของครอบครัว H 3 F ที่อบอุ่นและหวานที่สุดในขณะนี้

เราคุยกับ ก้อง ปิง แม็ก ครั้งแรกเมื่อสองปีก่อน ในฐานะที่พวกเขาคืออดีตสมาชิกวง Penny Time กลับมาคราวนี้ สามคนเปลี่ยนชื่อมาเป็น H 3 F พร้อมชวน หม่อม มาร่วมทีม ทำเพลงป๊อปที่ได้กลิ่นอายบลูส์ โซล สุดหวาน แต่ไม่ทิ้งลวดลายกีตาร์สุดร้ายกาจไป และกลายมาเป็นวงที่หลาย ๆ คนชอบในตอนนี้

และหลังจากที่พวกเขาปล่อยอัลบั้มเต็ม Family Product ออกไปได้สักพัก เราก็อยากรู้เบื้องหลังการทำงานและเรื่องราวที่มาในแต่ละเพลง เลยชวน H 3 F มาพูดคุยกันที่บ้านฟังใจอีกครั้ง

พอเปลี่ยนมาทำวง H 3 F ต้องปรับตัวยังไงบ้าง

ก้อง: ตอนผมอยู่ Penny Time ผมเล่นกีตาร์ นักร้องแต่งมา เราก็ช่วย แล้ววงก็มาอะเรนจ์กัน แต่อันนี้มันยากตรงการขึ้นเพลงเอง การตัดสินใจว่าอันนี้จะเอาหรือไม่เอา เพราะมันเป็นอะไรที่ไม่เคยทำด้วยแหละ การทำงานของเราก็จะเป็นผมขึ้นก่อน แล้ววงก็โปรดิวซ์ แต่ถ้าตัดสินใจได้แล้วเอาไปขายเพื่อนว่าจะทำไม่ทำ อันนั้นไม่ยากละ เพราะมีความเห็นของหลายคนช่วยตัดสินใจ

เคยทำอัลเทอเนทิฟร็อก แล้วพอเป็น H 3 F ทำไมถึงเป็นโซล กรูฟ นุ่ม

ก้อง: ตอนแรกก็ไม่ได้นุ่มขนาดนั้น ยังมีความโวยวายโหวกเหวกติดมาอย่างเพลง All Your Love แล้วพวกเราก็ฟังเพลงเยอะ ก็ใช้เวลาย่อยออกมา เวลาผมทำเพลงจะไม่ตั้งว่าเฮ้ย เราจะทำ 10 เพลง มีเพลงช้า 3 เพลงเร็ว 4 เพลงเท่ 3′ อันนั้น mindmap มามันก็ดีแหละ แต่ชุดนี้เป็นอัลบั้มแรกที่อยากลองแต่งไปเรื่อย แต่งอะไรได้ก็แต่ง แล้วก็มารวมกัน ไม่ได้มีธีม ตามมีตามเกิด ไม่รู้ว่าจะเวิร์กไหม เรนจ์เพลงมันเลยกว้างมาก อันนึงทำมาอีกทาง อีกอันก็ไปอีกทาง มันจะอยู่ด้วยกันได้ไหมวะ แล้วเราก็ช่างมัน

พอทำเสร็จเรารู้สึกว่ามันเปิดโลกประมาณนึง ก็สนุกกับมันแม้มันจะยาก แล้วเวลาแต่งเพลงผมนึกในหัวคร่าว แล้วลองเขียนกับกีตาร์ อยากได้ประมาณนี้แล้วมาลองขายเพื่อน ลองซ้อมในห้องซ้อม แล้วเอาตรงนั้นให้จบเลย คือพยายามเล่นให้เป็นเพลงแล้วอัดใส่ไอโฟนมาฟังกัน ไม่ได้ใช้คอมเลยเพราะใช้ไม่เป็น ทำงานกันอย่างงั้นทั้งอัลบั้มเลย แต่งเพลง ซ้อม อัดใส่ไอโฟน แต่งเพลง วนไป ลองเอาไปเล่นดูว่าจะสนุกไหม ถ้าเล่นแล้วสนุกก็เอา ถ้าคนแต่งเองเล่นเองแล้วไม่หนุกก็คงไม่เอา

แต่ตอนนี้เริ่มอยากทำกับคอมก่อนแล้ว เพราะเวลาทำกับคอม เราเห็นเลเยอร์ของเครื่องดนตรี รายละเอียดมันเยอะกว่า บางอย่างเรารู้สึกพลาดมาก ตอนฟังมิกซ์ แบบ เออว่า ถ้าเอาแทร็คใส่คอม เราจะเห็นว่ามันทำอะไรได้อีก อันนี้ดูสดไปหมดเลย คือมันก็ดีในแบบของมัน แต่ก็ไม่เป็นไร ถือว่าเรียนรู้ไป

ตอนแรกเขียนว่า Cheesy Lyrics, Sloppy Groove ตั้งใจจะให้เป็นชื่อ EP หรือให้เป็นแนวทางที่จะยึดในการแต่งเพลง

ก้อง: อันนี้เขียนไว้ใน About Us ตอนทำเพจเมื่อนานมาแล้ว ไม่ได้คิดอะไรใส่ไปขำ แล้วตอนหลังหม่อมมาทักว่าเฮ้ย อันนี้หมายความว่าอะไร เท่ดีว่ะ เรากลับมาดูก็เห็นว่า เออ น่ารักดีว่ะ ก็เลยใช้ ไม่ได้ตั้งใจจะให้เป็นชื่ออะไรเลย แต่สิ้นปีที่แล้วทำ EP ใช้ชื่อนี้ เพราะมันยังก๊อง แก๊ง ทุกอย่างดูยังไม่เข้าร่องเข้ารอย ชื่อนี้ก็ดูเหมาะกับเราในตอนนั้นดี ในความกวนส้นตีนด้วย อ่านแล้วแบบอะไรวะ’ แต่สุดท้ายมันก็ make sense นะ

แล้วเจอสมาชิกใหม่ได้ยังไง

ก้อง: ตอนทำ Penny Time ผมเล่นกีตาร์ ปิงจริง ก็เล่นกีตาร์นะแต่ตอนนั้นเล่นเบส ผมตั้งชื่อวง Happy 3 Friends ไว้เพราะอยากเล่นร้าน เล่นกลางคืน แนวบลูส์ 3 ชิ้น ไม่ได้ชอบจริง กะใช้ขำ แล้วตอนนั้นไม่มีใครเล่นกับผมเลย มาเจอหม่อมพอดีก็เอาหม่อมมาเล่นเบส เพราะ ผม ปิง หม่อม เรียนดนตรีรังสิต แม็กเรียนนิเทศคนเดียว

ทำไมถึงตั้งชื่อว่า Family Product

ปิง: เหมือนทุกอย่างเราให้คนอื่นช่วย

ก้อง: เราไม่ได้มีค่าย เราอัดบ้านเพื่อน มิกซ์บ้านพี่ คือเราจ้างเขานะ แต่วิธีการทำงานก็วัดใจกันระดับนึง แบบ เราจ่ายพี่แน่ แต่พี่รอก่อนนะ มันเหมือนสัญญาใจ แต่มันเสร็จ เราก็รู้สึกว่า เชี่ย Family Product ว่ะ

แม็ก: บางคนจ่ายเงินไปแล้ว จะไม่เอาด้วย

ก้อง: ตอนแรกตั้งชื่อนี้ไว้แล้ววงบอก ไม่ได้เว้ย มันไม่เท่ เกือบจะใช้ชื่อเป็นภาษาฮินดีเลย ที่แปลว่าผลผลิตจากครอบครัวเหมือนกัน แต่เรามาเปลี่ยนอีกทีตอนไปถ่ายปก แล้วลองใส่ฟอนต์ดู… มันไม่ได้ว่ะ!!! เลยกลับไปชื่อเดิม แล้วชื่อเก่าคนก็ไม่น่าจะเรียกถูกด้วย จะกลายเป็นวงเร็กเก้ทันที

ทำไมถึงมีเครื่องเป่าในชุดนี้

ก้อง: ปีที่แล้วตอนทำ EP เรายังเป็นวงสามชิ้น แต่ก็ไม่ได้อยากเป็นวงสามชิ้นแล้วเพราะจะเอาปิงมาเล่นกีตาร์ กับในใจอยากได้เครื่องเป่า แต่ไม่ชอบแซ็กโซโฟน เพราะถ้ามีแซ็กในเพลงพวกผมมันจะยิ่งเลี่ยนเข้าไปใหญ่เลยมันเพราะ แต่ก็ไม่ได้ เรากะจะเป็น Jose James wanna be แต่เป็นไม่ได้เลยเอาเครื่องทองเหลืองดีกว่า ใช้ทรัมเป็ต ทรอมโบน แทน

ใครเล่นทรัมเป็ตในอัลบั้ม

ก้อง: ชุดที่อัดมีสามคน พี่พาม เป่าทรัมเป็ตให้พี่ Ammy the Bottom Blues กับ Roots Tone แล้วก็พี่เอ็กซ์ ทรอมโบน เป็นเพื่อนพี่พาม ล่าสุดเป่ากับ D Gerrard แล้วก็พี่ตั๋น ที่ทำเพลงฮิปฮอป ทำวง Bo. T เป่าทรอมโบนโซโล่ใน Time’s Not A Friend

Track by Track

City Lights

ก้อง: ตอนแต่งคือปีสอง เรียนเสร็จ ถือกีตาร์เดินไปที่รถ จำได้เลยตอนนั้นยังขับ Triton อยู่ กระบะพ่อ แล้วก็เล่นคอร์ดเพลงนี้ แม่งเพราะว่ะ มันเป็นเพลงที่สองที่ผมตั้งใจแต่ง ทิ้งไปเป็นปี แล้วอยู่ ก็อยากหาเมโลดี้อื่นที่ไม่ใช่เมโลดี้ที่เป็นไลน์กีตาร์ ก็ลองร้องดู แล้วเนื้อเพลงก็ตามนั้น เป็นเพลงที่ผมชอบเนื้อเพลงที่สุด แล้วจะให้แต่งแบบนี้อีกก็ไม่ได้แล้ว ตอนแต่งก็จำไม่ได้อีกเหมือนกันว่าแต่งยังไง

แม็ก: เป็นเพลงเพื่อชีวิตกลาง ไม่หวานมาก เพลงอื่นจะส่วนตัวนิดนึง เพลงหวานเจี๊ยบ

ก้อง: แล้วดนตรีก็อะเรนจ์แปลก เพราะมันไม่มีท่อนเวิร์ส มันเป็นท่อนฮุก ๆๆๆ แล้วก็วนไป มีท่อน interlude ร้องแยกมา (แม็ก: มีท่อนเบรกดาวน์) ชอบเพราะมันไม่ได้ตั้งใจ ไม่รู้ว่าวงชอบแค่ไหน แต่ผมชอบสุดในทั้งสิบเพลง

Can’t Change A Thing

ก้อง: อันนี้เป็นเพลงใหม่ แต่งเมื่อกลางปีที่แล้ว ตอนนั้นนั่งอยู่รถ รอรับแฟนเลิกงาน ก็เล่นกีตาร์ ร้องเมโลดี้ขึ้นมาสองอัน แล้วก็ยังไม่ชอบ จริง เพลงนี้เสร็จเพราะว่าแม็กเคาะ ตอนแรกอยากได้แบบที่มันมีเลเยอร์ แต่มันไม่จบเพราะผมอยากใส่กีตาร์เข้าไป แล้วเพื่อนก็ไม่อยากใส่ เราก็เถียงกัน หน้าเป็นตูดเลย ท่อนนี้กูจะเอา เพื่อนคนอื่นก็ พอเหอะะะ เพลงมันจบแล้วมึงยังจะใส่อะไรเข้าไปอีก เราก็นอย แต่พออีกวันนึงมาซ้อม เอ้า มันก็เสร็จแล้วนี่หว่า ก็เลยเป็นเพลงเดียวที่ไม่ได้โซโล่ ผมแทบไม่จับกีตาร์เลย ค่อนข้างต่างกับเพลงอื่น

แม็ก: แต่สุดท้ายมึงก็โซโล่เว่ย ซักหน่อย

ก้อง: ส่วนเนื้อหา ตอนแรกไม่ได้อยากให้เป็นเพลงอกหัก แต่มันร้องว่า I’m not so good at things like letting go. I’m better off with things like holding on. Hold on to things that really don’t belong , hold on to things that eating up my soul. มันเป็นเวิร์สที่ร้องติดปากแล้วเราก็จำได้ เพลงนี้เลี้ยวไปได้หลายทางเลยนะ จะไปเพื่อชีวิตอีกหรอ สำหรับตัวเราเองมันดูตอแหละเกิน เราเลยคิดว่า มันก็เป็นเพลงรักง่าย ก็ได้ ก็ให้มันเป็นเพลงอกหักประมาณว่า เราเปลี่ยนใจใครไม่ได้

Half Measures

ก้อง: ถ้าตอบแบบซื่อสัตย์ คือตอนแต่งเพลงนี้คิดน้อยสุดแล้ว กะให้เป็นเพลงคั่น แต่ก็ตั้งใจทำนะ แค่รู้สึกว่ามันจะไม่ครบสิบเพลง เลยเอาใส่แทร็คสามไว้ ไม่ต้องตั้งใจฟังหรอก (ปิง: แต่น่าจะเป็นเครื่องเป่าที่ช่วยเพลงนี้) ต้องให้เครดิตพี่พาม ทรัมเป็ตดีมาก กลายเป็นเพลงฟังไปเลย

ส่วนเนื้อหาก็เหมือนชื่อเพลง คือครึ่ง กลาง ใส่กัน เราอยู่ในความสัมพันธ์ที่เราเห็น และรู้สึก ในสิ่งที่เขาอยากให้เราเห็นหรือรู้สึก เราไม่ได้เห็นในสิ่งที่คนคนนั้นเป็นจริง ส่วนใหญ่เป็นเรื่องส่วนตัวที่เจอมา แต่ตอนเขียนไม่ได้คิดอะไร แค่รู้ว่าประโยคนี้ต้องไปไหน และมีเรื่องนี้ที่อยากจะเล่า ไม่ใช้เนื้อเพลงที่อยากให้ต้องคิดตามทั้งประโยค จะเป็นเพื่อนก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นคนรัก พยายามไม่เขียนเพลงอกหักให้ดูอกหั๊ก อกหัก เพราะมันจะดูแคบไปเลย

All Your Love

ก้อง: เนื้อเพลงฟีลแบบ Whatever it takes to save your love ตามนั้นอะ ผมพูดแล้วเขิน (หัวเราะ) ตอนแต่งเหมือนเพิ่งหัดเขียน เล่นข้อเปรียบเปรยให้ได้มากที่สุดในทุกประโยค metaphor ไปหมดเลย ไม่พูดตรง สักอย่าง แต่ตอนนี้กลับมาอ่านเนื้อเพลงแล้วจั๊กกะเดี๋ยม อะไรขนาดนั้นวะ พูดให้มันยากทำไม ไม่เป็นไร เขียนเป็นเพลงแรก

Just Sayin’

ก้อง: เพลงนี้ไม่มีไรมาก แต่งจีบแฟน ส่วนดนตรีก็พยายามไม่ใช้คอร์ดเยอะ อยากใช้ turnaround เดียว คอร์ดชุดเดียววนอยู่นั่น แล้วชอบเนื้อเพลงกับเมโลดี้ เวิร์สแรกกับเวิร์สสองไม่เหมือนกัน ใจอยากทำเพลงโซล แต่เกิดมาร้องเพลงไม่ได้ มันก็เลยไม่สามารถเป็น Brittany Howard ด้ แล้วโซลมีปัจจัยไหนอีกที่ไม่ใช่จังหวะ 6/8 แต่เมโลดี้เพลงมันน้อย แล้วชอบไม่เหมือนกัน ก็เลยลองทำ โซลไหมก็ไม่โซล wanna be เฉย แต่ส่วนตัวเราชอบ (แม็ก: กับ cheesy lyrics) เออ

็H 3 F

How Can I

ก้อง: ผมชอบทางคอร์ดเพลงนี้ ไม่ได้ตั้งใจเหมือนกัน ปกติคอร์ดเพลงอื่นจะคีย์ 1 ไป 4 ไป 2 5 1 แต่เพลงนี้มันสมูธหู เมโลดี้มาจากกีตาร์ ตอนได้คือเล่นกีตาร์แล้วใส่คอร์ดเมโลดี้ลงไป มันเลยได้คอร์ดเสริมโน้ตหลักของมันแล้วทำให้ไปต่อได้ เนื้อเพลงก็ไม่ได้ตั้งใจให้เป็นเพลงเศร้าด้วย อยากให้เป็นเพลงน่ารัก How can I find another one like you? แล้วตอนที่ร้องปากมันดันออกมาเป็น Holding on to things I’ve got you อ้าว เศร้าเฉย แต่ดนตรีไม่เศร้าเลย มันก็ contrast ดีนะ เหมือนนึกถึงอะไรที่ผ่านไปแล้ว แต่ยังรู้สึกดี ไม่ได้ sappy ขนาดนั้น ไม่ใช่เพลงเศร้าที่มาตอกย้ำกัน ถ้ามีแต่เมโลดี้ก็คงคิดว่าเป็นเพลงรัก

Be Your Man

ก้อง: อันนี้ก็แต่งจีบแฟน (หัวเราะ) (แม็ก: เนื้อเพลงร้องตามได้ง่าย) คอร์ดมาเป็นแบบนี้ แต่เมโลดี้เวิร์สร้องเป็น สิงโต นำโชค เลย ไม่ได้ไม่ชอบนะ แต่เพลงนี้คอร์ดแบบนี้แล้วเมโลดี้ร้องแบบนี้ไม่ได้ ยากอย่างเดียวคือพอแก้เมโลดี้เวิร์ส พอแก้เสร็จแล้วก็ชิลเลย ก็ชอบเหมือนกัน

หม่อม: ตรงกรูฟก็ยากอยู่นะ

ก้อง: เออ เหมือนมันเป็นเพลงแรกที่มาฟีลแบบนี้ ก็นวดนานเหมือนกัน เพราะมาจากการเป็นชาวร็อก มันเลยงง นิดหน่อย

A Place to Cry

ก้อง: เขียนยากมากเลย เพลงนี้แต่งกีตาร์อินโทรมาก่อน จริง ทั้งเพลงมีคอร์ดเดียว แล้วเนื้อหาคือ ไม่ว่าเธอจะเคยเป็นใคร จะผ่านอะไรมา ขอจงอย่าเป็นกังวล นี่คือคนของเธอ ส่วนดนตรีก็ยากอยู่นะ เถียงกันเรื่องแพตเทิร์นกลองนานอยู่ว่าจะเอาแบบไหน (แม็ก: เปลี่ยนมา 2-3 แพตเทิร์นเลยครับ) ผมไม่อยากให้เป็นบีตที่เดาได้ขนาดนั้น ขอเลี้ยงด้วยเบส แล้วให้กลองอยู่ข้าง

แม็ก: ตอนแรกเป็นอีกแบบนึงที่รกกว่านี้ แล้วพอเคาะ Can’t Change A Thing จบ ก็คิดว่าถ้าเอาจังหวะนี้มาอยู่ในเพลงมันก็ได้นี่ (ปิง: เหมือนเอามาสลับกันใช้)

ก้อง: กลองมันเลยดูไม่ค่อยทำอะไร แต่มันทำ เป็นตัว pulse เลย แต่เบสเป็นตัวโยก ปกติเพลงอื่นแรก ที่ทำกันคือเบสตามคอร์ด แล้วกลองอุ้ม อันนี้เราชอบเพลงสวิงนะ เพลงนี้ก็ทำได้ แต่ถ้าทำแบบนั้นมันจะเสียมู้ด ไม่ได้ quarter note ผมก็ตีกลองไม่เป็น ก็ปั้นนานอยู่ เลยให้แม็กดู

แม็ก: เพลงนี้เป็นอีกเพลงที่ถ้าเราทำในคอมเราอาจจะได้ยินอะไรมากกว่านี้ ถ้าฟังแล้วจะได้ยินเขย่า

ก้อง: พี่วิน ซาวด์เอนจิเนียร์วงสมเกียรติ คนมิกซ์เพลง เขาใส่มาให้ แล้วได้เลย ผมชอบกรูฟเพลงนี้ตอนเล่น เล่นยากแต่มัน

Time’s Not A Friend

ก้อง: ผมไม่ชอบขนาดนั้นตอนแรก เฉย แต่ปิงชอบ เหมือนผมแต่งไม่เสร็จ ได้แค่ท่อนฮุก อยากพูดแค่นั้นไม่อยากพูดเรื่องอื่น เนื้อเพลงตรงอื่นก็ไม่รู้จะพูดทำไม เพราะฮุกพูดไปหมดแล้ว ชอบฮุกเพลงนี้สุด กับทรัมเป็ต ทรอมโบนโซโล่ดีมาก แอบเสียดายว่าตัวเองไม่น่าโซโล่กีตาร์เข้าไปเลย แต่มันอัดไปแล้ว (หัวเราะ) เนื้อหาก็คือ เวลาไม่ใช่เพื่อนของเรา เราไม่สามารถให้อะไรมาอยู่กับเราตลอดไปได้

I’ll Be OK

ก้อง: อันนี้ก็เพลงแถม ไม่รู้จะทำให้เป็นอัลบั้มยังไงแล้ว ให้เป็นเพลงพักหู ส่วนใหญ่ปิดอัลบั้มเขาชอบทำเป็นอะคูสติกยัดไว้ ลอกแม่งเลย (หัวเราะ) เพลงนี้แต่งไว้นานมาก พอ กับ All Your Love เลย (หม่อม: ผมได้ยินแรก เลย ชอบ เมโลดี้เพราะ) แต่มันไม่มีจริต ไม่บลูส์ ไม่กรูฟ

ปิง: ตอนแรกจะเป็นเพลงบรรเลงด้วย ตอนปล่อยอัลบั้มไปคนก็ชอบเพลงนี้กันเยอะอยู่ (ก้อง: มันฟังง่าย เพลงอกหักรักคุดอะ)

็H 3 F

เวลาเขียนเพลงรักแล้วเขินไหม

ก้อง: ส่วนตัวเราเองมันไม่เขิน ตอนเขียนในหัวเรามีไม่กี่อย่าง อะคอร์ดมาละ ร้องแบบนี้นะ คำมันต้องลงละ มันก็ auropilot แต่พอพูดให้คนฟังมันเขิน หรือพอมองกลับไปมันก็เขินแหละ แบบ อิหยังวะ

ทำไมคิดว่าเพลงเพื่อชีวิตตอแหละสำหรับเรา

ก้อง: ถามว่าเราอินเรื่องชีวิตไหม เราก็อิน แต่จะมีสักกี่คนที่ถ่ายทอดได้ เรื่องบ้างเรื่องบางคนเขาเก่งในการเอาเรื่องคนอื่นมาเล่าเป็นเรื่องตัวเองได้ดี แต่เราพูดแล้วไม่ได้น่าเชื่อขนาดนั้น บางทีเราเขียนเนื้อเพลง จะสื่ออะไรที่มันลึก แต่ผมกลัวว่ามันจะย้ำคิดย้ำทำ เนื้อหามีแค่นี้แต่พูดซะยืดยาว ก็เลยไม่ทำดีกว่า อันไหนธรรมชาติจริง ก็จะทำ แต่อยากเป็นนะ คนที่เล่าเรื่องคนอื่นได้ดี ไม่ใช่ต้องแต่งเรื่องของตัวเอง แต่มันดูคนละสาย ซึ่งแบบนั้นยากมาก

ผลตอบรับจากงาน Cat Expo

แม็ก: ดีมากครับ ไม่เคยคิดว่าจะมีคนมาดูเยอะขนาดนี้ ปกติทุกปีเรากลับมาบูธจะแบบโอ๊ย เหี้ย เหงาว่ะ วงนั้นแม่งฮอตว่ะแต่คราวนี้มีคนมาต่อคิว เย้ดเข้

ก้อง: ตอนแรกไม่ล่กนะ ขึ้นเวทีไปล่กเลย เห็นไดโนเสาร์สวนสยามปะ คนมาดูเลยโค้งไปอีก แต่วันนั้นเสียดาย ได้เล่นแค่ 4 เพลง แล้วเราเรียงเพลงไม่ถูก อยากเล่นเพลงมัน ก็ไม่ได้เล่น (ปิง: แต่ตอนแรกเตรียมมา 5 เพลงนะ ตัดเหลือ 4) ยังไม่ทันหายเขินเลย ต้องลงแล้ว ไม่กล้ามองหน้าคน มองตรงไปอย่างเดียวเลย

แม็ก: แล้วก็มีหลายคอมเมนต์มาก ว่าไม่เล่นเพลงแบบ Ain’t Coming แล้วหรอ เราก็แบบนะ มีเพลงอื่นอยากขายด้วย

เออ แล้วไม่กลับไปทำแบบเดิมแล้วหรอ

ก้อง: ก็น่าจะมีแหละ แต่แค่ไม่อยากไปคิดว่าต้องทำเพลงมัน เดี๋ยวถ้าจะมันมันก็มันเอง ไม่งั้นมันจะเกร็งมาก โอเคมันเป็นฟอร์มเพลงบลูส์ แล้วลิกพวกนี้มันลอกกันง่าย คือมันฟังออกว่า อ๋อ มึงก็แค่เอาท่อนนั้นมาแปะ ไม่มีความ authentic บางอันเราก็ไม่ได้ตั้งใจ ไม่รู้ทำไง แต่แอบไม่เชื่อนะการแต่งเพลงมันเป็นเรื่องเหนือธรรมชาติ เป็นการต่อตรงมาจากข้างบน ที่คนหล่อแม่งชอบพูดว่า นี่ chanelling มากเลยว่ะ กูสามารถถ่ายทอดทุกอย่างออกมาได้ คือมันต้องแต่งบ่อย ถึงจะทำให้เราแต่งเก่ง แต่มันจะมีความแต่งเก่งบางคนที่ผมเชื่อว่ามันไม่ได้มีทุกเพลงที่โฟลว บางเพลงเขาต้องเค้น บางเพลงที่เขาโฟลงน่าจะมีคนเคยมาถามว่าทำไมไม่ทำอีก ถ้าเขาทำได้เขาไม่ทำเป็นร้อยเพลงแล้วหรอ เป็นเรื่องเหนือธรรมชาติปนกับวิทยาศาสตร์ด้วยกัน

บางคนเพลงออกมาดีมาก ต้องรอไปสามปีกว่าเพลงจะเป็นที่รู้จัก คิดว่าเราเป็นแบบนั้นไหม

แม็ก: ผมว่าก็อาจจะ วงดังหลาย วง ผมก็เพิ่งมารู้จักจากอัลบั้ม 3 แล้วค่อยกลับมาตามฟังชุดแรก ชุดสอง แสดงว่ามันต้องมีเพลงที่ทำงานให้วงได้ไปทั่วถึงมากขึ้น เหมือนคนพอฟังแล้วชอบ ก็อยากรู้ว่าวงโตมายังไง

H 3 F

สมมติวงนึงทำเพลงมาแล้วดังตอนชุดสาม เป็นช่วงที่เขาเปลี่ยนสไตล์เพลง แต่แบบที่วงชอบจริง เป็นชุดแรก กับชุดสอง เป็นเราจะทำแบบใหม่ หรือกลับไปทำแบบเดิม

ก้อง: อันนี้เขาต้องซื่อสัตย์กับตัวเอง อยากจะเป็นศิลปิน หรือคนขายเพลง สมมติวันนึงเพลงที่ดังขึ้นมาเสือกไม่ใช่เพลงที่ชอบ จะไปฝืนทำไหม ผมว่าถ้าทำมันจะยิ่งเจ๊งกว่าเดิม ทั้งตัวเราและคนฟังด้วย เราจะไม่มีวันแต่งเพลงแบบเดิมอีก ไม่พอนะ เราจะยิ่งหลอกตัวเองเข้าไปใหญ่ มันไม่ใช่เรา เป็นผมผมไม่ทำ

คิดเพลงชุดใหม่หรือยัง

ก้อง: แต่งไว้สองเพลงแล้ว แต่ยังไม่ได้อัด ว่าจะเปลี่ยนวิธีทำเพลงดู จะลองทำให้มันละเอียดขึ้น ที่ผ่านมา ใส่นอม อัดกลอง ไม่อีดิตอะไรเลย เบสตาม กีตาร์ตาม แล้วทุกอย่างก็ออกมาเสร็จเลย อันนี้คงจะถอยหลังมาฟังก่อน ใจเย็นน้า ไม่ต้องรีบขนาดนั้น ปีที่แล้วรีบมาก อยากทำอัลบั้มขายงานแคต

แม็ก: แต่จริง ก็ดีนะ คิดถึงเรื่องเวลาแล้วมันมีบทเรียนจากการทำวงเก่า คือเราเอื่อย ดอง

ก้อง: เอื่อยไม่พอ ยังมโนธรรมสูงมาก ฟุ้ง (แม็ก: กูจะอย่างนู้นนะ จะอย่างนี้นะ) แต่ไม่ทำ

ปิง: ตอนกลังเราเลยตั้ง deadline พอบอกไปแล้ว ก็ต้องทำให้ได้

แม็ก: เหมือนวงต่างประเทศ ปีนึงทำออกมา 2 อัลบั้ม อยากทำให้ได้บ้าง

ก้อง: สไตล์เพลงอาจจะเนิบกว่าเดิม ตามสมัย ตอนนี้ฮิปฮอปมาแล้วเราก็ชอบ แต่เราแร็ปไม่ได้ ก็อาจจะไปเล่นเรื่องทางคอร์ด กับจังหวะมากกว่า เพราะที่ผ่านมาเป็น sloppy groove จริง ถ้าเราเปิดเพลง r&b โยก ฝั่งเข้า เพลงเราจะกลายเป็นเด็ก ไปเลย คือก็พอได้แหละ แต่จริตเราไม่ได้เกิดมามีพรสวรรคในการทำเพลงแบบเขา ก็อยากเวิร์กเรื่องนั้นมากขึ้น

H 3 F ถือเป็นวงที่ประสบความสำเร็จเร็วเหมือนกันนะ

ก้อง: ยังไม่รู้สึกว่าประสบความสำเร็จเลย อยากไปเล่นต่างประเทศ ถ้าถามผมคือรู้เลยว่าอัลบั้มนี้ไม่ได้ไปเล่นต่างประเทศ วิธีการทำงานแล้วหนึ่ง ตัวงานแล้วหนึ่ง คือสแกนเพลงแล้วรู้เลยว่ายังไม่ได้ ไม่ต้องมานั่งบิลด์ตัวเองว่า เดี๋ยวมึงต้องได้ไปเว้ยก้อง (ทำเสียงซีนอารมณ์) (หัวเราะ) มันไม่ได้แบบ ปล่อยอัลบั้มมาแล้วตัวเบาไปเลยลูกพ่อ พาพวกกูดังทีมันเป็นไปไม่ได้ ขนาดตัวเราเองยังรู้ว่าะพลาดเพราะมันเป็นงานแรกของเรา ก็ยังไม่ใช่ masterpiece แล้วเราทำงานแบบครอบครัวมาก เหมือนเพิ่งเรียนจบในฐานะการทำวง .ตรี มากกว่า การทำวงมันทำง่าย พาเพื่อนมา 4 คน แต่งเพลง เนี่ย ทำวงแล้วเว่ย แต่อันนี้คือวงอยู่ด้วยกันมาได้จนทำอัลบั้ม เรารู้สึกดีใจที่คนชอบ และเราทำเพลงมาได้ 4 เพลง และยังอยู่ด้วยกัน ไม่ได้เขวไปไหนหรือทะเลาะกันเรื่องไม่เป็นเรื่อง มันสบายใจกว่า เราว่ามันโอเค แต่อยากไปเล่นต่างประเทศ และยังมีอีก 100 เควสที่ต้องทำ ไม่รู้จะทำได้หรือเปล่า ไม่เครียด ทำแบบสนุก กันเนี่ยแหละ (แม็ก: ทำไปเรื่อย )

ปิง: อัลบั้มนี้เหมือนเรียนรู้ข้อผิดพลาด จริง ข้อเสียเราเยอะ เรื่องเวลาเนี่ย เยอะ แต่ละคนมีข้อแย่ข้อเสียกันหมด ขึ้นอยู่กับว่ามากน้อย ก็จะได้ปรับปรุงกัน ด้วยความเป็นเพื่อนมันก็กวนส้นตีนกัน

แม็ก: แล้ว 4 ชีวิตอะ ที่ต้องมาร่วมโปรเจกต์นึง แล้วต้องเอาเวลาของทุกคนมาให้กับ H 3 F

ตอนนี้ยังเล่นร้านอยู่ไหม

ก้อง: เล่นกันสามคนไม่มีปิง จะเปลี่ยนชื่อละเป็น O M G (หัวเราะ) เล่นที่ Loyshy, Prking Toys, Black Cabin, Nineteens Up ก็ติดตามได้

แม็ก: แล้วก็ย้ำนะครับว่า เราเปลี่ยนชื่อจาก Happy 3 Friends เป็น H 3 F (เอชทรีเอฟ) แล้ว

ก้อง: มีงานนึงเขียนไปว่า H 3 F แล้วนะ ตอนเขาประกาศต่อไปขอเชิญพบกับวง Happy 3 Friends ครับผมแบบ แสสสสสส (ปิง: มันก็ได้แหละ แต่ยาวเกิน อยากให้เข้าใจตรงกัน) ว่าจะจัดคอนเสิร์ตเปิดอัลบั้มช่วงเดือนมีนา เร็ว นี้ติดตามรายละเอียดกันด้วยครับ

ติดตามผลงานและรายละเอียดต่าง ๆ ของวงได้ที่แฟนเพจ H 3 F ได้เลย

H 3 F

Facebook Comments

Next:


Montipa Virojpan

อิ๊ก เนิร์ดดนตรีที่เพิ่งกล้าเรียกตัวเองว่าเป็นนักเขียนตอนอายุ 25 ชอบเดินเร็ว นอกจากขนมปังกับกาแฟดำแล้วก็สามารถกินไอศกรีมกับคราฟต์เบียร์แทนมื้อเช้าได้