Nowadays

อุ่นเครื่องเตรียมพร้อมรำลึกความหลังไปกับ Morning Surfers

  • Writer: Montipa Virojpan and Gandit Panthong
  • Photographer: Chavit Mayod

หลังจากที่อิ๊กและพี่กันต์ได้ดูพวกเขาซ้อมกันสด ๆ ต่อหน้าต่อตา เราบอกได้คำเดียวว่า ไม่อยากให้ทุกคนพลาดงาน ‘เห็ดสด 3’ นี้จริง ๆ แต่ก่อนอื่น เราขออุ่นเครื่องทุกคนด้วยบทสัมภาษณ์สนุก ๆ ก่อนจะไปมันจริงในวันงาน จากพวกเขา Morning Surfers

1

สมาชิก (จากซ้ายไปขวา): มะเหมี่ยว กลอง, เต่า ทรัมเปต, คีย์บอร์ด, กาจ กีต้าร์, เชี่ยง ร้องนำ, ไบ กีต้าร์, กล้วย เบส

Morning Surfers หายไปกี่ปี

เหมี่ยว: 7-8 ปีได้ครับ ตอนเล่นงาน No More Belts นี่กี่ปีแล้ววะ

ช่วงที่หายไป แยกย้ายไปทำอะไรกัน

เหมี่ยว: ผมยังเล่นดนตรีอยู่เรื่อย ๆ ครับ

เชี่ยง: ผมกลับต่างจังหวัดครับ ไปช่วยงานทางบ้าน

กาจ: ผมทำงานครับ

เต๋า: ทำงานแล้วก็เล่นดนตรีไปด้วยครับ

ไบ: ผมทำงานครับ เป็นพนักงานออฟฟิศ

กล้วย: ผมทำเพลงโฆษณาครับ บางคนก็ยังทำเพลงอยู่ แต่แค่ไม่ค่อยได้เจอกัน

นี่คือการกลับมาเจอกันแบบครบวงในรอบหลายปีเลยหรือเปล่า

MS: ใช่ครับ

ไบ: ก่อนหน้านี้ไม่เคยเจอครบวงเลย

กาจ: ขอขอบคุณฟังใจมาก (หัวเราะ) เหย พูดจริง ๆ

กล้วย: นี่คืออยากขอบคุณตั้งแต่ตอนเจอเขาแล้วเนี่ย

รู้สึกแก่ขึ้นกันบ้างหรือเปล่าตั้งแต่ตอนนั้น

เหมี่ยว: ไม่นะครับ ก็ยังไปเที่ยวกันอยู่ (หัวเราะ)

กล้วย: แต่ตอนนี้สบาย ๆ ขึ้นนะ อย่างตอนนั้น เราเป็นเด็กก็คาดหวังว่าเราจะไปได้ถึงไหน แต่ตอนนี้เหมือนกลับมาเล่นดนตรีด้วยกันเฉย ๆ สนุก ๆ แค่นั้นเอง

แล้วตอนซ้อมมาเล่นในงานเห็ดสด 3 ต้องเคาะสนิทกันเยอะไหม

กล้วย: โห กรังเลยครับ (หัวเราะ) ที่เห็นนี่คือดีขึ้นประมาณ 80% ตอนแรกแย่มาก

ไบ: แต่จริง ๆ คิดว่าจะหนักกว่านี้นะ แต่ก็กลับมาเร็ว

เหมี่ยว: เพลงเรามันไม่ได้ยากด้วยครับ

เราเป็นวงที่เป็นเพื่อนกัน ซึ่งแทบจะไม่ได้แชร์ความสนใจในเชิงดนตรีที่เหมือนกันเลย คือมันมีความมั่วซั่วอยู่เยอะมาก ต่างคนต่างชอบคนละแบบ ผมว่าทุกวันนี้ที่มันไม่เคยเปลี่ยนเลยคือมันเป็นวงเพื่อนกัน มาเจอกันสนุก ๆ พอเล่นดนตรีเสร็จก็ไปทำอย่างอื่นต่อ ซึ่งมันก็ดีนะผมว่า

ความรู้สึกตอนกลับมาซ้อมครั้งแรกแบบครบวงเป็นยังไงบ้าง

เชี่ยง: ก็ดี นึกถึงบรรยากาศก่อน ๆ เหมือนว่าคิดอะไรออกไปไม่รู้ ทำไมถึงแต่งเนื้อแบบนี้ทุกวันนี้ก็ยังสงสัย

ชื่อ Morning Surfers มาจากไหน

ไบ: เราเล่นดนตรี แล้วมักจะเล่นกันตอนกลางคืน เพราะช่วงนั้นยังเรียนอยู่ ก็เลยมาเป็น “โต้รุ่ง” แล้วก็กลายมาเป็น Morning Surfers ด้วยความที่ภาษาอังกฤษแข็งแรงมาก เหมือนชื่อนี้เชี่ยงพูดขึ้นมาที่บ้านเหมี่ยว

กล้วย: หน้าเชี่ยงยังไม่เชื่อตัวเองเลยว่าเป็นคนพูด (หัวเราะ)

เป็นการทำงานต่อเนื่องมาจาก คณะรวยกุ้ง เลยหรือเปล่า

เชี่ยง: ใช่ครับ คือพอประกวด Hot Wave เสร็จก็ทำเพลง เหมือนตอนเล่นที่ Hot Wave พวกคีย์บอร์ด เครื่องเป่า ทั้งเพลงมันนุ่มนิ่ม ๆ ก็เลยอยากลองเปลี่ยนใหม่ ทำใหม่ดีกว่า

กาจ: ตอนนั้นโชคดีด้วยที่มีงานมาให้เล่นเยอะครับ ช่วงจบมอหก มีไปเล่นที่สนามหลวง ไปเล่นตามสวน งานสงกรานต์ เป็นวงเปิดให้ศิลปินใหญ่ ๆ จาก Hot Wave นั่นแหละครับ มีโอกาสได้เล่นอยู่ตลอด ๆ ก็เลยอยากทำเพลงของตัวเองขึ้นมา

กล้วย: ต้องขอบคุณ Hot Wave แหละครับ ถ้าไม่อย่างนั้นจบมอหกมาก็คงเลิก

ตอนที่ยังเป็นคณะรวยกุ้งแล้วชนะ Hot Wave เวลานั้นอยากทำเพลงของตัวเองแล้วหรือยัง

มะเหมี่ยว: เป็นธรรมดาของเด็กอายุเท่านั้น ตอนนี้ก็เป็นฮะ มีความฝันจะทำเพลง ทำอัลบั้มของตัวเอง คือคนเล่นดนตรีก็อยากมีหมด

พอได้มาทำจริง ๆ แล้วเป็นยังไงบ้าง

กาจ: ไม่น่าเลย (หัวเราะ) ก็ดี ๆ

ไบ: ตามครรลองของยุคนั้นก็คือ ถ้าคนได้แชมป์ Hot Wave ก็จะได้ออกอัลบั้มกับแกรมมี่ แต่ว่าเราไม่ได้ลงอีหรอบนั้น ค่ายใหญ่ ๆ จริง ๆ ก็มีแหละ แต่ไม่มีใครเอากับเรา

กาจ: รุ่นเดียวกับเรา วงใหญ่ ๆ ก็มีวง Slot Machine น่ะครับ

ไบ: แล้วอยู่ดี ๆ มีเพลงขึ้นมาก็ลอง ๆ ทำกันเอง

เชี่ยง: ลองทำขายดูครับ เพราะว่าตอนนั้นกำลังอินดี้ช่วงแรก ๆ ทำเองขายเอง งาน Fat ครั้งที่ 2 ที่อิมพีเรียล ไปนั่งขายตรงถังขยะ เพราะไม่มีบูท ตอนแรกจะมี แต่แล้วก็ไม่มี ปั๊มแผ่นมาร้อยแผ่น ใช้กล่องส้มที่เป็นกระดาษยืนถือ เหมือนมี walkman ให้ฟัง

กล้วย: จริง ๆ ตอนนั้นผิดกฎหมายนะ ไปเนียนขายแผ่นละสองร้อย (หัวเราะ) ไม่ได้มีส่วนกับงานเขาเลย

เหมี่ยว: ได้เงิน ได้กำไรมาพันนึง กินพิซซ่าหมดไปพันสอง (หัวเราะ) เข้าเนื้อ

2

แจ็คเกตด้านในแผ่น EP ของ Morning Surfers นี่ยังเป็นลายมือเขียนอยู่เลย

เหมี่ยว: ใช่ ๆ ให้เพื่อนช่วยเขียนให้ครับ เครดิตแต่ละแผ่นไม่เหมือนกัน ลายมือไม่เหมือนกัน บางคนพี่ปิ๊ด บางคนพี่ปื๊ด (หัวเราะ) เขียนกันมั่วไปหมดเลย ก่อนยุคดิจิทัล

ไบ: ตอนนั้นไรท์เอง แบ่งกันไปไรท์เพราะไม่ทัน

กาจ: แล้วเอาสติ๊กเกอร์มาแปะ แต่พอแปะแล้วแม่งเจ๊งทุกแผ่นเลย

กล้วย: แต่ขายเกือบหมดตั้งแต่วันแรกนะครับ เพื่อนซื้อหมดเลย (ไบ: ซัดไปสัก 150 แผ่น)

หลังจากขายแผ่นแล้ว กลายมาเป็นอัลบั้มแรกเลยหรือเปล่า

เชี่ยง: มีอีกปีหนึ่งที่เราทำไปขายเองเหมือนกัน

ไบ: แต่ที่สวนสยามเขาเหมือนมี Bedroom Studio จริงจัง

เชี่ยง: มันต้องเริ่มที่ทำครั้งที่สอง ส่งเข้าไปใน Fat แล้วมันจะมีช่วง Bedroom Studio เขาก็ให้บูทเรา

กล้วย: จริง ๆ ตอนนั้นเราทำครั้งที่สอง เราได้รู้จักพี่หนึ่ง แล้วเราก็หาห้องอัด สุดท้ายมันไม่มีห้องว่าง ก็เลยลองโทรหาพี่หนึ่งดู

ไบ: พี่หนึ่ง ณรงค์วิทย์

กล้วย: ใช่ (หัวเราะ) ไปพาดพิงเขาอีก เออ ก็รู้จักพี่หนึ่งแล้ว เขาก็นึกว่ามีค่ายไปแล้ว พอยังไม่มีค่ายก็ เอ้า อัดที่นี่ทำอัลบั้มที่นี่ไปเลย

ไบ: ไปรู้จักพี่หนึ่งที่สามนางคอร์ด แฟลตของพี่บอย ตรัย มันก็เหมือนวงอื่นที่จะเอาอัลบั้มตัวเองไปยื่นที่แกรมมี่ นี่พอดีชอบ Friday ก็เลยไปที่สามนางคอร์ด เมื่อก่อนมีค่าย Under Tone อยู่ เป็นค่ายของพี่บอย ตรัย ก็เลยไปขอ แก๊ง ๆ เขาแหละ รู้จักพี่ดิวก่อนเพราะไปเล่นที่งาน Irish Pub แกเรียกไปเล่นที่นั่น เล่นเพลงของ สี่เต่าเธอ

ผลตอบรับของอัลบั้มแรกเป็นยังไงบ้าง

กล้วย: ถ้ามองเรื่องยอดขาย ยุคนั้นเป็นยุคที่ขายซีดีได้เยอะอยู่ จริง ๆ เราขายได้เยอะนะ ถ้าเทียบกับวงยุคนั้น

เหมี่ยว: กูว่าขายได้ดีกว่าตอนเข้าแกรมมี่อะ

3

ทำไม

เหมี่ยว: ไอ้กล้วยไปชอบอีโมครับ (หัวเราะ) อัลบั้มสองก็เลยเดือด ๆ นิดนึง… ไม่เกี่ยว ๆ ก่อนหน้านั้นเขาเปิดค่ายสนามหลวงขึ้นมาเพื่อทำอินดี้ แต่ที่เราทำคือเหมือน No More Belts ผลิตเพลง แกรมมี่จัดจำหน่าย เราก็ยังทำเพลงกับที่เดิมแหละครับ แต่ถ้าฟังสองอัลบั้ม มันจะต่างกันด้วยเครื่อง ความที่เราโตขึ้น ฟังเพลงเยอะขึ้น แล้วคนส่วนใหญ่จะชอบอัลบั้มแรก เพลงป๊อป ๆ มีเครื่องเป่าเยอะ พอมาอัลบั้มนี้จะเน้น electronic มากขึ้น

กล้วย: แต่ผมก็ว่าเป็นไปตามเวลา คือตอนชุดสองมันเหมือนยุคที่มีวงเยอะแล้ว คนก็ฟังเพลงเยอะ คนดาวน์โหลดก็เยอะด้วย ยอดขายมันก็เลยตกไปตามสภาพ ตัวเพลงของเราก็ยังทำเองอยู่เหมือนเดิม

เชี่ยง: เพลงก็สู้ไม่ได้นะ ด้วยชุดสองมันรีบทำมาก พอมันเข้าไปในค่ายใหญ่มันมี timeline มี deadline แบบ เดือนนี้ ๆ ต้องเสร็จนะ ก็เลยเหมือนรีบ ๆ

กาจ: กูไปฝึกงานอยู่ตอนนั้นก็ต้องรีบกลับมาทำ (หัวเราะ)

กล้วย: ชุดแรกเนี่ย อัดกัน 7-8 เดือน อัลบั้มสองนี่อัดกันเดือนเดียว มันใช้สมองน้อยกว่า

เชี่ยง: มันไม่ใช่ process ในการทำงานของเราเท่าไหร่ ชุดสองเหมือนยังคิดไม่เสร็จ ยังไม่ตกตะกอนดีเท่าที่ควร แต่พอมันไปอยู่ในระบบก็ต้องเร็ว

ไบ: มันเหมือนจะดีนะ มันมีคนช่วยคิด แต่ก็ไม่เพียวเท่าไหร่ โดนบีบด้วยอะไรหลาย ๆ อย่าง

แล้วทำไมตอนนั้นเลือกเพลง เกี่ยวกับเรา ของ The Fin มาทำใหม่ในโปรเจค Sanamluang Connects 02

เชี่ยง: ตอนแรกเลือกวง Nuvo แต่ทำเท่าไหร่มันก็ไม่ได้สักที

ไบ: อีกอย่างคือโจทย์พอเป็นเพลงแกรมมี่แล้ว เราก็ไม่อยากทำเพลงที่ดังมาก มันนึกถึงเพลงนี้ขึ้นมา มันเป็นเพลงที่เพราะ แล้วไม่ค่อยดัง แต่เราชอบมาก

เหมี่ยว: จำได้เลยว่าตอนที่พวกมันเลือกเพลงกันมา พอเป็นเพลงนี้ผมไม่เคยฟังเพลงเลยนะ แล้วก็บอกวงว่างั้นกูไม่ฟัง จะได้ไม่ต้องนึกถึงต้นฉบับ แล้วก็ลุยเลย พอกลับมาฟังต้นฉบับ เออ แม่งประหลาดว่ะ ดีแล้วที่ไม่ฟัง เพราะมันต่างออกไปเลย

พอเพลงนี้ดังคนก็คิดว่าเป็นเพลงของ Morning Surfers ไปเลย

เหมี่ยว: ก็ต้องขอโทษเขาด้วย (หัวเราะ) เนื้อเพลงนี้ดีมาก

เชี่ยง: แล้วพวกทางคอร์ดมันง่าย คือมันง่ายแหละก็เลยทำ

กล้วย: สรุปแล้ววงเราทำอะไรยาก ๆ ไม่ได้ (หัวเราะ)

ช่วงอัลบั้มนี้ออกมาได้เล่นสดเยอะไหม

เหมี่ยว: พอไปอยู่ค่ายใหญ่ เขาจะมีระบบ campus tour ครับ งานพวกนี้ก็จะเยอะ ช่วงโปรโมทสามเดือนแรกก็จะเล่นเยอะ

เวลาเราทำเพลงกัน เราก็จะพูดกันกลาย ๆ ว่าเรามาเจอกันตรงกลางก็แล้วกัน เราจะให้เกียรติกันตรงนี้ มันจะบอกได้ว่า สมมติคนนี้ชอบแบบนี้แล้ว พอมาเจอกันตรงกลางมันทำให้เราสละอะไรบางอย่างได้

แล้วทำไมไม่ทำอัลบั้ม 3 ต่อ

เหมี่ยว: ผมว่ามันหมดสัญญาด้วย แล้วมันเป็นช่วงที่เรียนจบ หัวเลี้ยวหัวต่อของชีวิต แต่ละคนก็ทำงาน ผมก็มีงานอีกงานหนึ่งเข้ามา เลยคุยกันว่า ถ้าไม่ทำต่อ เราจะไปเล่นตรงนู้น กาจก็ไปเรียนต่อเมืองนอก

ไบ: จริง ๆ ตอนนั้น timing มันไม่ดีนะ พอมีเพลงแล้วพยายามจะรวมกลับมาตอนนั้น กาจอยู่ลอนดอน เชี่ยงอยู่จันทบุรี เชี่ยงจะเดินทางเข้ามายากนิดนึง ไม่มีไฟลท์ (หัวเราะ) ทุกวันนี้ก็ยังไม่มีไฟลท์ คือถ้ามีไฟลท์อาจจะรวมตัวง่ายขึ้น

เชี่ยง: รถตู้นี่โคตรเสี่ยงเลย (หัวเราะ) ขับเร็วนรกมาก

ไบ: ด้วยความที่คนมันไม่ครบ มันก็มีหลายแนวทางว่า หานักร้องใหม่ ฟอร์มกันใหม่ไหม แต่ถ้าเพลงแต่งไม่ใช่เชี่ยงร้องก็ไม่อยากให้คนอื่นร้อง ก็เลยทำกันกับเต่า

เหมี่ยว: มันมีแหละ ความอยากทำต่อ แต่พอคนนั้นไม่ว่าง คนนี้ไม่ว่าง มันก็เหมือนวงทั่วไปอะครับ งั้นทำแค่นี้ไหม แล้วความที่วงมันเป็นแบบนี้เรื่อยมาว่า ถ้าไม่ครบก็ทำอย่างอื่นไป เพราะมันไม่ใช่ Morning Surfers

เชี่ยง: ไบกับเต่าเขาก็ยังเล่นด้วยกันอยู่

ถ้าไม่มีเห็ดสด 3 วงจะกลับมารวมตัวกันไหม

กล้วย: ไม่ครับ (หัวเราะ) ขอบคุณอีกรอบ

เหมี่ยว: จริง ๆ แพลนอะมี แต่เป็นแพลนในกรุ๊ปไลน์ เมื่อไหร่จะมาเจอกันวะ แต่คุยกันเรื่องไร้สาระ (หัวเราะ) ถึงขนาดว่ามีเห็ดสดเข้ามาแล้ว วันแรกที่มาซ้อมนี่ยังมาไม่ครบวงเลย

ไบ: เอาจริง เราซ้อมได้ครบวงจริง ๆ ก็เมื่อสองอาทิตย์ที่แล้ว

เหมี่ยว: ต้องให้เครดิตนักร้องนำ นี่นั่งรถมาจากจันทบุรี แล้วเดี๋ยวเสร็จก็กลับจันทบุรี

MS: ไม่ ๆ เดี๋ยวเที่ยว Onyx ต่อ (หัวเราะ)

เชี่ยง: คือบัตรประชาชนผมหายครับ รู้ว่าจะเข้าเมือง ผมก็เลยว่าจะต้องรีบไปทำบัตร แล้วเห็นบอกว่าคืนนี้เขาให้เข้าฟรี

4

ก่อนหน้านี้เคยได้ยินงานเห็ดสดไหม

กาจ: ผมเคยไปดูครับ ครั้งแรก ชอบมากเลย มีบูทเบียร์อยู่ในงาน (หัวเราะ)

เคยคิดไหมว่าเราจะได้กลับมาแล้วไปยืนอยู่บนเวที

กาจ: ไม่เคยเลยครับ

กล้วย: กาจไปดูรอบแรก ผมไปดูรอบสอง Death of a Salesman กับ Goose ได้ดูทั้งคู่ ดีมาก

ไบ: ก่อนหน้านี้มีความพยายามอยากจะรวมตัวกันหลายรอบนะ

เหมี่ยว: มันมีที่ใกล้เคียงที่สุดก็งานเลี้ยงรุ่นสวนกุหลาบ (หัวเราะ) ซึ่งก็ไม่ครบ มีแค่ 4 คน เต่ากับเชี่ยงไม่ได้มา

ไบ: แต่งานเลี้ยงรุ่นยังโอเคนะ ได้ตั้งกรุ๊ปไลน์ เข้ามากันครบ

ถ้าคนรุ่นหลัง ๆ ไม่รู้จัก Morning Surfers มาก่อน จะบอกว่าวงเราเป็นวงแบบไหน

กาจ: ผมว่าเราเป็นวงที่เป็นเพื่อนกัน ซึ่งแทบจะไม่ได้แชร์ความสนใจในเชิงดนตรีที่เหมือนกันเลย คือมันมีความมั่วซั่วอยู่เยอะมาก ต่างคนต่างชอบคนละแบบ ผมว่าทุกวันนี้ที่มันไม่เคยเปลี่ยนเลยคือมันเป็นวงเพื่อนกัน มาเจอกันสนุก ๆ พอเล่นดนตรีเสร็จก็ไปทำอย่างอื่นต่อ ซึ่งมันก็ดีนะผมว่า

เชี่ยง: ไม่ได้ตั้งใจจะเป็นนักดนตรีมากขนาดนั้น เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็ก มาเจอกัน แล้วต่างคนมันก็มี source ที่ไม่เหมือนกันอยู่แล้ว เลยไม่ต้องมาคิดว่าต้องทำแบบนี้ เล่นแบบนี้ โดยรวม ๆ มันก็ไม่รู้ว่าจะจำกัดวงว่าเป็นอะไรยังไง พูดยาก

กล้วย: ในเชิงดนตรีมันก็คือป๊อปแบบผสมผสานแหละ เพราะไม่มีใครชอบอะไรเหมือนกัน

เหมี่ยว: มันก็มีข้อดีบนข้อเสียว่า ถ้าสมมติเข้าค่ายใหญ่ทำเพลง เขาจะเรียกประชุมว่าวงนี้แนวไหน จะต้องทำโปรดักชั่นยังไง ภาพยังไง จะเป็นป๊อปร็อค อิเล็กทรอนิกส์ หรืออะไร แต่วงนี้มันไม่เคยมานั่งคุยกันเลย ผมเล่นแบบนี้มา ชอบไหม ไม่ชอบ ไม่เอา ชอบ เอา จบ แบบ มันร็อคไปเปล่า มันป๊อปไปไหม เราไม่ต้องมาคุยเรื่องแบบนี้ ข้อดีก็คือฟังแล้วมันเฉพาะทาง

ด้วยความที่แต่ละคนมี source ที่ต่างกัน เวลาหาจุดร่วมตรงกลางต้องทำยังไง

เต่า: เวลาเราทำเพลงกัน เราก็จะพูดกันกลาย ๆ ว่าเรามาเจอกันตรงกลางก็แล้วกัน เราจะให้เกียรติกันตรงนี้ มันจะบอกได้ว่า สมมติคนนี้ชอบแบบนี้แล้ว พอมาเจอกันตรงกลางมันทำให้เราสละอะไรบางอย่างได้

เชี่ยง: ผมมองว่ามันเอา source ของตัวเองมาเสนอว่าแบบนี้มันดี ซึ่งบางคนก็อาจจะยังไม่เคยเจอ source นี้ด้วยซ้ำ มันเหมือนเป็นการแชร์ ไม่มีอีโก้ มีความเชื่อใจกันตรงนี้

กล้วย: จริง ๆ แล้วมันรอดเพราะว่าเป็นเพื่อนกันเนี่ยแหละ มันมั่วจริงอะ ไม่คิดว่า เฮ้ย มึงไม่เคยฟังอันนี้ด้วยซ้ำ แต่เพราะด้วยกูเป็นเพื่อนมึงอะ ไหนมาลองฟังละกัน

กาจ: ซึ่งมันทำให้มีความไม่สุดทางอยู่ แต่จริง ๆ แล้วมันก็ไม่เป็นไร

ไบ: แต่มันก็สุดโต่งไปอีกทางนะ ความที่มันเกรงใจกันอะ ชุดแรกแม่งเกรงใจกันเหี้ย ๆ นะ ใครเล่นไรก็เล่น แต่พอชุดสอง มันเริ่มมีกรอบ

เชี่ยง: มันเหมือนมีคนดูเราอยู่ มีความคาดหวังอะไรสักอย่าง

กล้วย: อาจเพราะว่าชุดสอง เราอยู่ด้วยกันเยอะมั้ง ชุดแรกตอนอัดก็ไม่ได้อยู่ด้วยกัน เชื่อใจว่าถ้ามึงตีมาอย่างนี้กูก็เล่นได้อยู่แล้ว

กาจ: ชุดแรกมันเหมือนไม่ค่อยรู้อะไรเท่าไหร่ ความใหม่อะ ชุดสองมันจะเกร็งกว่า

จะมีเพลงใหม่ไหม

มะเหมี่ยว: กำลังบิ๊วกันอยู่ครับ

กาจ: ตอนนี้กำลังสนใจ EDM กันอยู่ (หัวเราะ)

เต่า: วันนี้จะลองไปหา reference ดู

เหมือนกับวิธีคิดมันเปลี่ยนไป สมัยก่อนผมก็คิดแค่ว่า กีตาร์ เบส กลอง ทำยังไงให้มันเท่ดี ผมไปดูวิธีคิดของวงอินดี้สมัยนี้ มันแยกกันว่า เดี๋ยวอันนี้ กูจะเล่นความถี่ตรงนี้ เดี๋ยวกูมาเล่นตรงนี้ โดยที่มันไม่ได้คิดว่า กูต้องเล่นเบส กลอง หรืออะไรแล้ว ทุกคนฟรีหมด อิสระเลย คิดออกมาให้เพลงสนุกและเท่ที่สุด ผมว่ามันมีวิวัฒนาการที่ดีครับ

แล้วเห็ดสด 3 นี่เป็นตัวช่วยจุดไฟแต่ละคนบ้างหรือเปล่า

มะเหมี่ยว: คือกาจมันซื้อของมาเยอะแล้ว ต้องเอาให้คุ้ม เพื่อเอาตังคืนให้ได้ (หัวเราะ)

กล้วย: โห ตอนซ้อมนี่เปิดกีตาร์ขึ้นมา… เหี้ย มึงเอาไปทิ้งเหอะ (หัวเราะ)

กาจ: จริง ๆ ไม่ได้เปิดเลย

เชี่ยง: ถ้าถามว่าจุดไฟไหม ผมมองว่าจริง ๆ มันแค่ได้มาเจอกันครบวงมันก็ดีใจแล้วอะ เรื่องอื่นมันเรื่องเล็ก

มะเหมี่ยว: ถ้าได้ทำก็ถือเป็นโบนัส

กล้วย: แต่เป็นบุญคุณจริง ๆ ที่ชวนมาเล่นเห็ดสด ขอบคุณครับ

ตอนที่มีคนมาชวนไปเล่น ใครเป็นคนตอบรับ

ไบ: ผมโยนที่ถามมาเข้าไปในกรุ๊ปไลน์ รอให้ทุกคนโอเคว่าจะเล่นไหม ด้วยความที่ก่อนหน้านั้นไม่สามารถรวมตัวกันได้เลย

มะเหมี่ยว: ยอมรับกันตรง ๆ ว่ามีความคิดจะแคนเซิลงานนี้บ่อยมาก ไม่เกี่ยวกับงานเลยนะฮะ เกี่ยวกับวงล้วน ๆ เลย ด้วยความที่ว่าประเด็นหลักเนี่ย ก่อนวันงานครึ่งเดือน ตัวผมไปต่างประเทศ ทำให้เวลาซ้อมอย่างน้อยครึ่งเดือนไม่มีแน่นอน ตอนเดือนกุมภา ก็เลย เอาไงดีวะ ไอ้นี่ดันคอนเฟิร์มไปแล้ว ก็เลย ไม่ทันละ (หัวเราะ) แต่มันเป็นเรื่องดีครับ ก็ต้องขอบคุณฟังใจอีกครั้ง ซิงเกิ้ลต่อไปเราน่าจะชื่อเห็ดสด (หัวเราะ)

แล้วทุกวันนี้เวลาเจอแฟนเพลง เขารู้ไหมว่าเราเป็น Morning Surfers

กาจ: ไม่รู้ฮะ มีครั้งหนึ่งไปเล่นที่งาน Fat กำลังถือกีตาร์ไปเก็บของ แล้วมีเด็กแก๊งหนึ่งวิ่งถือกล้องถ่ายรูปมาแล้วบอกว่า พี่ ๆ ช่วยถ่ายรูปหมู่ให้หนูหน่อย (หัวเราะ) กะว่ามาถ่ายรูปกูชัวร์

กล้วย: ผมทำเพลงโฆษณาอยู่ ลูกค้าผม พวกผู้กำกับอะไรพวกนี้ก็บอกจริง ๆ เขาเคยฟังเพลง Morning Surfers แล้วเขาก็ชอบด้วย แต่ไม่มีใครเคยรู้เลยว่าผมทำ Morning Surfers ทั้งที่รู้จัก ๆ ชอบมาก เพลงอะไร หลายเพลง (หัวเราะ)

เหมี่ยว: เพลงของ Morning Surfers มันเหมือนเป็นการบุกเบิกแนวเพลงที่ประหลาดรุ่นแรก เพราะฉะนั้น มันเหมือนคนที่หัดเล่นดนตรีจะเคยฟัง Nirvana คนอื่นก็จะแบบ เออ เคยได้ยิน Morning Surfers ว่ะ แต่เพลงอะไรไม่รู้หรอก

ไบ: บางทีไม่รู้จักหน้า แล้วมีเพื่อนแนะนำว่าคนนี้อยู่ Morning Surfers ก็อ๋อออ รู้จักเพลง เกี่ยวกับเรา (หัวเราะ)

5

เราจะได้เจออะไรจาก Morning Surfers ในเห็ดสด 3 นี้บ้าง

ไบ: ถ้าผิดพลาดอะไรก็ขออภัยล่วงหน้าด้วยครับ (หัวเราะ)

กล้วย: เราจะตั้งใจซ้อมเต็มที่ครับ

เชี่ยง: ผมว่ามันเนื่องด้วยเราไม่ได้เล่นมานาน ก็จะได้ดูเราอีกสักครั้ง

กาจ: เหมือนวงอื่น เวลามีงานใหญ่เขาจะมี special show หรือ special guest เป็นเซอร์ไพรส์ แต่ของเราอะ การที่มาเล่นด้วยกัน นี่คือเรื่องเซอร์ไพรส์สุด ๆ แล้ว (หัวเราะ) นี่คือสิ่งที่ทุกคนคาดหวังแล้ว คงไม่มีใครคาดหวังว่าจะเอาใครมาเป็น guest ผมว่าแค่ได้กลับมาก็แบบ ไอ้เหี้ย กูเห็นมึงแล้ว

หลังจากเห็ดสดจะมีโชว์อื่นไหม

เต่า: ไม่รู้เหมือนกัน

ไบ: ก็ถ้าเห็ดสด 4 มาจ้าง ก็ไป (หัวเราะ) จะไปเล่นทุกครั้งเลย

สปอยล์หน่อยว่าเพลงที่จะเล่นในงานนี้มีเพลงอะไรบ้าง

ไบ: บอกไปเลยว่า เล่นชุดสองน้อยมาก

เชี่ยง: ประมาณว่า เพลงที่ชอบ ๆ กันก็จะได้ยิน แล้วก็จะมีเพลงที่ไม่เคยเล่นสดที่ไหนเลยด้วย เพราะตอนนั้นเทคโนโลยียังไม่พอ

กล้วย: ก็ไม่รู้ว่าจะเล่นยังไงให้ออกมาดี แล้วตอนนี้.. ก็ยังเล่นไม่ดี (หัวเราะ)

ตอนนี้ยังพอจะหาแผ่น Morning Surfers ได้ไหม

เต่า: ไม่น่าจะได้ ผมยังหาไม่ได้เลย

ไบ: ซื้อได้ใน iTunes ชุดแรก ชุดสองนี่ไม่ได้ มีช่วงนึงทำมาแผ่นละ 99 เป็นกระดาษ

กล้วย: ผมเคยเห็นโละขายในกระบะ 29 บาท

กาจ: แต่ที่งานเห็ดสด 3 จะมีแผ่นไปขายนะ ชุด EP อันที่ 2 ที่สวนสยาม ชุด Middle East อันนี้เอาไป re-master ใหม่ กราฟฟิกใหม่หมดเลย

กล้วย: พบกันได้ที่ 4shared ที่ผมเอาไปปล่อยเองครับ (หัวเราะ)

วงอินดี้สมัยนี้ต่างกับสมัยก่อนยังไง

เต่า: มันยังมีอินดี้อยู่ด้วยเหรอ (หัวเราะ)

กล้วย: ผมสนุกมากขึ้นมากเลยครับ เพราะว่ามันเหมือนกับวิธีคิดมันเปลี่ยนไป สมัยก่อนผมก็คิดแค่ว่า กีตาร์ เบส กลอง ทำยังไงให้มันเท่ดี ผมไปดูวิธีคิดของวงอินดี้สมัยนี้ มันแยกกันว่า เดี๋ยวอันนี้ กูจะเล่นความถี่ตรงนี้ เดี๋ยวกูมาเล่นตรงนี้ โดยที่มันไม่ได้คิดว่า กูต้องเล่นเบส กลอง หรืออะไรแล้ว ทุกคนฟรีหมด อิสระเลย คิดออกมาให้เพลงสนุกและเท่ที่สุด ผมว่ามันมีวิวัฒนาการที่ดีครับ ถึงแม้ว่าเรื่องยอดขายมันอาจจะไม่ดีเท่าไหร่ แต่ผมเชื่อว่าพัฒนาการของดนตรีในประเทศไทยจนถึงทุกวันนี้ มันดีมาก ทุกวงทำออกมาดีหมดเลย

6

ฟังวงหน้าใหม่ ๆ กันบ้างไหม

เหมี่ยว: ผมไม่ค่อยได้ฟังเพลงครับ ฟังแต่บอล ฟังแต่คลื่น 99 (หัวเราะ)

กล้วย: ผมชอบวงที่เล่นด้วยกันคราวนี้ทุกวงเลยนะ Gym and Swim, aireตอนนี้ที่ฟังเยอะ ๆ ก็ Summer Dress, electric.neon.lamp แล้วก็ Ten to Twelve ครับ ชอบมาก แล้วก็มีอีกวง DCNXTR นี่กรี๊ดมาก

เชี่ยง: ของผมก็ไม่ได้ฟังลึกอะไรมากมาย ถ้ากระแสมันมาก็ฟัง ผมไม่ได้ฟังเพลงเป็นอัลบั้ม ชอบเพลงไหนก็จะชอบ เมื่อก่อนมันมีอีโก้ในตัวเองว่าต้องฟังลึก ๆ แต่เดี๋ยวนี้มัน เฮ้ย mass ดี ๆ ก็ฟัง มันก็เพราะนะ มันก็ตามวัยอะ แค่ฟังแล้วเพราะมันก็พอแล้ว ไม่ต้องไปแปลกแยกอะไรมากมาย ถ้าเป็นอินดี้น้อง ๆ ลึก ๆ บางทีก็เข้าไม่ถึง

กล้วย: แหม ร้อง Polycat ทั้งวันอะมึงง่ะ ร้องคล่องกว่าเพลงตัวเองอีก

ไบ: ก็มี DWELL (หัวเราะ)

เต่า: ผมก็ฟังไปเรื่อยครับ สากล เพลงไทย ป๊อปบ้าง คือไม่ค่อยเลือกหรือไม่ได้ไปหาฟังแบบที่สมัยก่อนต้องฟังอะไรที่เขาไม่ฟัง ผมว่าช่วงหลัง ๆ เพลง mass มันก็ดีจริง ๆ นะ มันคิดเยอะขึ้น

กาจ: วงที่ชอบมาก ๆ เลยคือ Yellow Fang

อยากดูวงอะไรในเห็ดสด 3

กล้วย+เต่า: Gym and Swim, Paradise Bangkok Molam International ด้วย

ไบ: Soundlanding ด้วยครับ ด้วยความที่ไม่เคยดูวงเขาเล่น ส่วนใหญ่ก็จะเล่นงานเดียวกัน คิดว่า Morning Surfers รวมกันยากแล้ว Soundlanding รวมตัวกันยากกว่าอีก

เชี่ยง: condition สองวงนี้น่าจะคล้าย ๆ กัน

กล้วย: ผมก็อยากดูวงตัวเองนะ รู้สึกว่ากลับมาเล่นครั้งนี้จะมีความเป็นมนุษย์มากขึ้น เล่นแล้วมันสนุกดี เล่นแล้วเนี้ยบขึ้น

ไบ: ไม่มีเหวี่ยงเบสแล้วเนอะ

กล้วย: ไม่มีแล้วไอ้เหี้ย (หัวเราะ) ยืนเฉย ๆ จนจบคอนเสิร์ตยังไม่มีแรงเลย เมื่อก่อนเบสผมพังทุกตัว

ไบ: เชี่ยงนี่คิ้วแตกเลย

เหมี่ยว: จริง ๆ มึงอยากใช่ไหม

กล้วย: ตอนนี้ไม่ไหวครับ ยืนเฉย ๆ ดีกว่า

เพลงที่จะมา cover ในงานคือเพลงอะไร

เต่า: ชื่อเพลง รอ ครับ

กาจ: Slot Machine

เต่า: ไม่ใช่ ของพี่จีน

ไบ: มหาสมุทร ครับ

เต่า: ไม่ใช่ พี่จีน กษิดิศ ครับ

กาจ: จริง ๆ จะเอาเพลงอื่น แต่ก็เล่นไม่ได้เหมือนกัน

เชี่ยง: ตอนแรกจะเล่น Polycat

กล้วย: จะเล่นมันเป็นใคร เล่นเท่าไหร่ก็ไม่ดี ทำไมมันยากจังวะ ก็ลงมาดูดบุหรี่ คุยกันว่า ไม่รอด ชัวร์ (หัวเราะ)

กาจ: ถึงขั้นจะถามว่าไม่เล่นเพลง cover ได้ไหม (หัวเราะ)

เต่า: จนมาเจอเพลงนี้ คือชอบกันอยู่แล้ว ความรู้สึกเหมือนมันน่าจะเป็นเรามากที่สุด ก็เลยลองมาซ้อม

เชี่ยง: พอร้องกับกีตาร์โปร่งแล้วมันสากปาก (หัวเราะ)

กล้วย: พอร้องได้รอบเดียวก็รีบรวบเลย เอาอันนี้แหละ ๆ ยิ่งท่อนนั้นนะ ไม่มีดาว แบกแดดในตอนเช้า (หัวเราะ)

เชี่ยง: เหมือนเราพยายาม แค่อยากเล่นเพลงป๊อป ๆ

เต่า: ต้องบอกว่าเพลงเขาดี คือเขาทำมาจนเราไม่สามารถทำอะไรต่อได้แล้ว

กล้วย: จะไปเล่นเหมือนเขาก็ไม่ได้

กาจ: เครื่องไม่พอ ไอสัด (หัวเราะ)

7

ฝากอะไรถึงแฟน ๆ ให้หายคิดถึง

เชี่ยง: ได้เจอกันอีกแล้วก็น่าจะดี

กล้วย: โคตรตั้งใจซ้อมจริง ๆ อย่าด่าเราเลย ถ้ามันเหี้ยนะ (หัวเราะ)

กาจ: รู้สึกว่าคนชอบวงเราไม่เยอะนะ เหมือนมีคนฟังแล้วชอบไม่เยอะ ก็เลยรู้สึกว่าคนที่จะมานี่คือคงอยากมาดูเราจริง ๆ เราก็รู้สึกว่าอยากเล่นมาก ๆ เพราะพวกเขาตั้งใจมาดูวงเรา แต่สำหรับวงเราผมคิดว่ามันสำคัญมากที่มันมีความรู้สึกแบบนี้ เราโคตรประทับใจแบบ ไปเจอรุ่นน้องบอกว่า พี่ ผมซื้อบัตรแล้วนะ ไปเจอเพื่อนถาม เฮ้ย มึงขายที่ไหนบอกหน่อย แค่นั้น

กล้วย: มันดีมาก สำหรับวงเราที่ยังจินตนาการคนร้องตามเราไม่ค่อยออกเลย

เชี่ยง: เรายังรู้สึกว่าในวงเรามาเจอกันเอง แล้วถ้าได้ไปเจอกับคนที่เราเคยเจอกันมาก่อนอีกครั้ง มันไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น เราได้เจอกันเองแล้ว เราได้เจอคุณก็พอแล้ว

ไบ: คนยุคที่ฟังเพลงเรา แม่งไม่ไปดูคอนเสิร์ตกันแล้วอะ

กาจ: อยู่บ้านเลี้ยงลูกแล้ว

กล้วย: ขออนุญาตสามีไปดูคอนเสิร์ต เลี้ยงลูกให้หน่อยหนึ่งวัน (หัวเราะ)

กาจ: ส่วนตัวผมคิดว่าการที่วงเรามีโอกาสได้เล่นบนเวทีไซส์นั้น โปรดักชั่นขนาดนั้น ผมคิดว่าแทบไม่มีแล้วในชีวิตนี้ ผมคิดว่ามันเป็นครั้งแรกและครั้งเดียว มีดีไซเนอร์มาทำไฟ มีมืออาชีพมาจัด organize ขายบัตร

ไบ: แต่เคยเล่นใหญ่กว่านี้นะ สนามหลวง (หัวเราะ)

เชี่ยง: ไม่ใช่ค่ายด้วยนะ สนามหลวงจริง ๆ วันสงกรานต์

กล้วย: ปีนั้นน้องพลับร้องอยู่ ข้างล่างแทงกัน (หัวเราะ) เป็นไง โตขึ้นตอนนี้หายไปไหนแล้วไม่รู้

เหมี่ยว: ฝากเพจวงด้วยครับ Morning Surfers มีอะไรก็เข้าไปคุยกันในเพจครับ

เชี่ยง: ถ้าน้อง ๆ เด็ก ๆ ยังไม่เคยฟังก็ลองฟังกันดูก็ได้ครับ อาจจะโบราณหน่อย แต่น่าจะชอบ

ไบ: กูว่าทำกระเป๋า SLUR ขายในงานก็น่าจะขายดีนะ (หัวเราะ) ทำของวงอื่น แจกลายเซ็นด้วย

 

ก็นั่นแหละค่ะ จากด้านบนคงสัมผัสได้ว่าพวกเราได้พูดคุยกันอย่างสนุกสนานขนาดไหนกับ Morning Surfers สำหรับใครที่เป็นแฟนของวงนี้สามารถติดตามความเคลื่อนไหวได้ที่ fanpage Morning Surfers แล้วใครที่อ่านแล้วยังไม่หายคิดถึงพวกเขา ก็ไปเจอ ไปร่วมย้อนความหลังกับพวกเขาที่งาน ‘เห็ดสด 3’ คอนเสิร์ต โดย ฟังใจ ที่จะจัดในวันที่ 13 กุมภาพันธ์ นี้ ที่ Voice Space พร้อมอีก 5 ศิลปินที่จะไม่ทำให้ทุกคนผิดหวังแน่นอน

 

 

Facebook Comments

Next:


Montipa Virojpan

อิ๊ก เนิร์ดดนตรีที่เพิ่งกล้าเรียกตัวเองว่าเป็นนักเขียนตอนอายุ 25 ชอบเดินเร็ว นอกจากขนมปังกับกาแฟดำแล้วก็สามารถกินไอศกรีมกับคราฟต์เบียร์แทนมื้อเช้าได้