Feature Head talk

Life in a Neon ปีใหม่สดใสสว่างไสวเหมือนหลอดไฟณีอร

  • Writer: Gandit Panthong and Montipa Virojpan
  • Photographer: Neungburuj Butchaingam
  • Stylist: Varachaya Chetchotiros
  • Art Director: Son of Jumbo

สวัสดีปีใหม่ปี 2559 ฟังใจซีนยังอยู่กับทุกคนอย่างเช่นเคยแต่มมาพร้อมโฉมหน้าที่สดใสชื่นมื่นกว่าเดิม ฉบับนี้ขอเปิดศักราชใหม่ด้วยวงจากเชียงใหม่ที่ชื่ออาจจะไม่ค่อยใหม่แล้ว แต่เร็ว ๆ นี้พวกเขาจะมีสิ่งใหม่ ๆ มามอบให้ทุกคนแน่นอน เรากำลังอยู่กับ เจน แป๊ก แทน เต้ แห่งคณะหลอดไฟ electric.neon.lamp ที่เราคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี แต่วันนี้เราจะชวนพวกเขามาคุยเรื่องใหม่ ๆ ไม่ซ้ำเดิม ทั้งเรื่องดนตรีอินดี้ในเมืองเชียงใหม่ เพลงใหม่ และวันหยุดปีใหม่ของพวกเขา มาดูกันว่าในวงสนทนาที่เป็นกันเองแบบสุด ๆ นี้ พวกเราจะได้รู้เรื่องอะไรสนุก ๆ จากพวกเขาบ้าง

 

1

เจน: เหมือนประชุมรอบกองไฟเหี้ยอะไรสักอย่าง (ตะโกนใส่เครื่องอัด) สวัสดีคร้าบบบบ

แทน: เหมือนบำบัดหมู่เลยอะ (หัวเราะ) สวัสดี ผมชื่อจอห์น

เต้: เดี๋ยวก็ต้องมีจับมือล้อมวงกันแล้วพูดว่า เราจะไม่กินเหล้า

เราไม่มีประนีประนอมเรื่องดนตรีครับ

electric.neon.lamp จากตอนนั้นถึงตอนนี้ อยู่ด้วยกันมาแล้วกี่ปี

เจน: (นับนิ้ว) ประมาณ 10 ปีครับ

ทำไมถึงตัดสินใจเริ่มทำวงนี้กันขึ้นมา

เจน: เริ่มจากการเล่น cover ปกติเนี่ยแหละ เหมือนวงดนตรีทั่วไป อยากเล่นโชว์หญิงแค่นั้นอะ ตอนจริงจังนี่คือเราไปยืนดู Scrubb กับ ต้น มือกีตาร์คนเก่ากันสองคน เขามาเล่นร้านเหล้าที่เชียงใหม่ เราก็แบบ เชี่ย แม่งชอบว่ะ

แทน: ชอบ Scrubb เหรอ

เจน: ชอบหญิงในร้านเหล้า ทุ้ย! (หัวเราะ) พอเขาเล่นเสร็จ เขาก็นั่งกินข้าวกัน เราก็เข้าไปคุยกับพี่บอล พี่เมื่อย พี่ครับ พี่มีเนื้อไหม ไม่ใช่!

แทน: เนื้อเพลง ๆ

เจน: เออ ชอบ แล้วเข้าไปคุยกับเขา เออ พี่ ผมอยากทำเพลง ทำวงบ้าง ทำไง เขาก็บอก ก็ลุยดิ อยากทำก็ทำเลยครับ ไอ้ต้นก็เป็นคนเริ่มทำเพลงขึ้นมาเพลงแรก ชื่อเพลง Nightmare

แทน: มึงจะทำให้มันลึกลับทำไมวะ (หัวเราะ)

ทำไมต้อง Nightmare ชื่อมันดูขัดกับชื่อวงที่เป็นหลอดไฟนะ

เจน: ตอนแรกนี่ทำแบบ Bodyslam ทำเชิ้บ ๆ แบบเพลง แสงสุดท้าย ทำกันเล่น ๆ อะ ไอ้ต้นก็แต่งให้หญิง

เต้: ตอนนั้นที่แต่งยังไม่ได้คิดชื่อวงเลยมั้ง

2

ช่วงนั้นเล่นดนตรีกลางคืนระหว่างทำเพลงไปด้วยหรือเปล่า

e.n.l: ไม่ได้เล่นดนตรีกลางคืนเลย

แล้วคนอื่นเห็นเราเล่นจากที่ไหน

เจน: ตอนนั้นทำเพลงแรกชื่อ Nightmare แต่ยังไม่ได้ปล่อย เพลงที่ปล่อยเพลงแรกคือ Life in a Neon พอปล่อยใน myspace ก็มีคนรู้จักมาฟัง ช่วงเริ่มเล่นนั้นก็ไปรู้จักพวกนักดนตรี รู้จักกับพี่แทนด้วย ไปเจอที่ music festival ของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่

แทน: ให้เกียรติกูด้วย กูไปรู้จักพวกมึง (หัวเราะ)

เจน: เออ ๆ พี่แทนเข้ามาคุยด้วยอะ จำไม่ได้แล้วว่าเหตุการณ์เป็นยังไง ไปเล่นได้ไงวะ เล่นง่อย ๆ เล่นโง่ ๆ

เต้: เต้ว่าเต้ฉลาดอยู่นะพี่ (หัวเราะ) เหมือนเป็นงานแรกที่ได้ปล่อยผลงานของตัวเองให้คนอื่นเห็น

แทน: วันนั้นมันเป็นงานที่ลานควายยิ้ม เป็นอ่างแก้วแล้วมีสโลปลงไป ปีนั้นมีสองเวทีมั้ง แล้วก็เห็นพวกนี้มันเล่น วงอะไรวะ เล่นเพลงที่เราไม่เคยได้ยิน เล่นเพลง ไปในดาว แล้วก็เพลงแต่งเอง เพลง Nightmare คือ เธอที่ร้าย เวอร์ชันแรก เราก็เลยไปชวนคุย ตอนนั้นเรายังมีวงที่ทำอยู่ แล้วก็มี Skarangers ซึ่งปัจจุบันคือ Polycat เราก็สนใจวงนี้เล่น เลยอยากชวนมาทำ compilation ในตอนนั้น

เจน: เราก็เลยได้เข้าไปอยู่ชมรมดนตรีกลางของ มช. หลังจากนั้นเราก็เริ่มมีเครือข่ายแล้ว เริ่มรู้จักคน เวลามีงานเขาก็ชวนไปเล่น

3

ใช้เวลานานแค่ไหน กว่าจะออกมาเป็นอัลบั้ม Bright Side

เจน: ประมาณ 2 ปี หลังจากที่เริ่มตั้งใจทำกัน จริง ๆ ก็ไม่ได้ตั้งใจเลย ก่อน Bright Side มันมีซิงเกิ้ลเพลงนึงทำกับ Believe Compilation ก่อนด้วย ชื่อเพลง Because of You ตอนนั้น Believe Records เพิ่งเปิดค่ายใหม่ ๆ เลย เขาก็หาวง พี่บอลมาเจอวงใน myspace แล้วเขาก็ชอบ ทักมาใน myspace ว่าทางค่ายจะทำ compilation มาทำด้วยกันไหม เราคุยกันแล้วได้ไปทำกับเขาเพลงนึง ทำเสร็จปุ๊ป ตอนนั้นไม่ค่อยแฮปปี้ เพราะอีโก้จัด วัยรุ่นเห่อหม-ยอะ ตอนนั้นเด็กอยู่ อีโก้ว่าไอ้ที่อัดไปกับสิ่งที่ไปทำมาสเตอร์มันเป็นคนละอย่างกับที่วงอยากให้เป็น เพราะเราไม่ได้เข้าใจธุรกิจดนตรีเลย ตอนนั้นคิดว่าทำไมเอาเพลงไปแปลงแบบนี้ ก็เซ็ง เก๋า ๆ อะ เราเลยคิดว่าจะไม่ทำกับค่ายเพลงแล้ว ทำเองดีกว่า กลายมาเป็นอัลบั้ม Bright Side ขอเงินที่บ้านยับ ขายวัว ขายควาย ขายไตแล้วมั้งตอนนั้น

แล้วทีแรกอยากอยู่ Believe Records ไหม

เจน: ตอนนั้นเหมือนทำดนตรีกันอยู่ดี ๆ มีคนมา offer ให้ แล้วเป็นค่ายเพลง ตอนนั้นก็มี Musketeers วงนึง ซึ่งก็รู้จักกัน สนิทกันอยู่แล้ว เลยคิดถึงปัจจัยหลายอย่าง เรื่องเงินด้วย เขาจ่ายเงินช้า ด้วยเหตุที่เราต้องออกค่าใช้จ่าย ค่าห้องอัดไปก่อน แล้วกว่าเขาจะจ่ายเงินก็เกือบปีกว่า เลยคิดว่าทำเองดีกว่า

เต้: ตอนนั้นด้วยความเป็นเด็ก เราไม่รู้ระบบการทำงานของค่ายเลยว่ากว่าจะจ่ายเงิน กว่ามาสเตอร์จะเสร็จ มันมีขั้นตอนหลายอย่าง

แทน: ถ้าพี่บอลมาอ่านก็รู้ไว้ว่าเจนพูดนะฮะ

เจน: ก็มันเรื่องจริง อันนี้คือความไม่รู้ของวงไง มันไม่เกี่ยวกับ Believe เลยเว่ย เด็กอะ เรียนปี 2 คิดแค่ว่าเมื่อไหร่จะออกอะ

ช่วงนั้น Indie Scene ในเชียงใหม่เริ่มโตแล้วใช่ไหม

เจน: โห โตเยอะเลย ตอนนั้นมีงาน Popscene ของท็อป จากค่าย Summerdisc มีปาร์ตี้อินดี้ที่เชียงใหม่พยายามจะทำ แต่จำไม่ได้แล้วว่ามีอะไรบ้าง มีงานของพี่เงาะด้วย ชื่ออะไรไม่รู้ มี indie scene อะไรแบบนี้เกิดมาเยอะ วงยุคนั้นก็มี Dublur วงพี่แทน มี e.n.l มี Skarangers, Musketeers, Ohello, จุ๋ย จุ๋ยส์

แทน: No Signal Input ก็เริ่มทำแล้ว

เต้: ต้องเข้าใจก่อนว่าตอนนั้นเชียงใหม่มันเริ่มมีคำว่า “เชียงใหม่ซาวด์” คนก็จะเข้าใจว่าเชียงใหม่ต้องเป็นแบบวง Mild วง Hum ซาวด์มันจะเป็นแบบนั้น แล้วพอเกิดอะไรแบบนี้ขึ้นมา มันก็เลยดูใหม่

เชียงใหม่ซาวด์ เป็นยังไง

เจน: คนจะเข้าใจว่ามันเป็นแบบ ETC แบบ Mild ป๊อป ๆ ทางนั้น เพราะวงที่ดัง ๆ จากเชียงใหม่จะเป็นแนวนี้หมด ส่วนใหญ่เลยเกาะ ๆ กันมาทางนั้น จริง ๆ มี Gu Club ด้วย เป็นร็อค ๆ แบบ underground

แทน: เขามองว่าเชียงใหม่เป็นเมืองเหนือมั้ง หนาวมั้ง เลยทำเพลงออกมาแบบนั้น เออ มีวง H.R.U ด้วย

4

ทำไมเพลงจากเชียงใหม่ถึงโดดเด่นกว่าภูมิภาคอื่น ๆ

แทน: จริง ๆ แล้ว มันไม่ได้โดดเด่นหรอก

เจน: มันดีขึ้นเพราะยุค YouTube นี่แหละ คือเมื่อก่อนคนจะฟังเพลงไม่เท่ากัน คือคนกรุงเทพ ฯ มี party scene หรืองานของคนทำเพลงเองเยอะกว่า มีที่ขายซีดี เมื่อก่อนที่เชียงใหม่จะเข้าถึงยากมากเลยนะ มีร้านซีดีอยู่แค่สองร้าน ต้องไปเฝ้าว่าแผ่นญารินดา แผ่นฟรายเดย์มาหรือยัง วงอินดี้ทั้งหลาย Smallroom 001 ต้องสั่งจากในเน็ต ทุกอย่างมันไม่ได้ง่ายเหมือนที่นี่ ที่นี่แค่เดินไปดีเจสยามแล้วก็ซื้อแผ่น จบ แล้วพอยุค YouTube คนถึงได้ฟังเพลงหลากหลายขึ้น

พฤติกรรมคนฟังเพลงหรือไปดูคอนเสิร์ตในเชียงใหม่เป็นยังไงบ้าง

เจน: เดาไม่ได้เลย คือเมื่อก่อนก็แทบจะดูกันเอง งานที่จัดก็เข้าฟรี เก็บเงิน 100 บาท คนก็ไม่ค่อยมา เอาจริงว่าตอนนั้น e.n.l มีแฟนเพลงที่อยู่กรุงเทพ ฯ เยอะกว่า สังเกตชัดเลยว่าเวลาไปเล่นเชียงใหม่จะมีคนมาดูน้อยหรือไม่มีเลย แต่พอไปเล่นงาน Fat Festival เนี่ยคนเยอะ คนที่คุยกันใน myspace ส่วนใหญ่ก็เป็นคนกรุงเทพ ฯ ทั้งนั้น อีกแง่หนึ่ง พอวงมาอยู่กรุงเทพ ฯ นี่รู้เลย เหมือนเราอยู่ในกะลามาทั้งชีวิต กูคิดว่ากูเก่งแล้วเมื่อก่อน แต่ไม่ใช่เลย วงดี ๆ เยอะกว่า

เต้: เพราะอินเทอร์เน็ตทำให้เราได้รู้จักกันมากขึ้น เวลานั้นเราต้องขอบคุณ myspace ด้วย เรารู้จัก Arctic Monkeys และอีกหลาย ๆ วงก็เพราะ myspace นี่แหละ

มันดีขึ้นเพราะยุค YouTube นี่แหละ คือเมื่อก่อนคนจะฟังเพลงไม่เท่ากัน คือคนกรุงเทพ ฯ มี party scene หรืองานของคนทำเพลงเองเยอะกว่า มีที่ขายซีดี เมื่อก่อนที่เชียงใหม่จะเข้าถึงยากมากเลยนะ มีร้านซีดีอยู่แค่สองร้าน ต้องไปเฝ้าว่าแผ่นญารินดา แผ่นฟรายเดย์มาหรือยัง วงอินดี้ทั้งหลาย Smallroom 001 ต้องสั่งจากในเน็ต ทุกอย่างมันไม่ได้ง่ายเหมือนที่นี่ ที่นี่แค่เดินไปดีเจสยามแล้วก็ซื้อแผ่น จบ แล้วพอยุค YouTube คนถึงได้ฟังเพลงหลากหลายขึ้น

ค่ายเพลงหรือคนทำเพลงในเชียงใหม่มีบทบาทในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมเพลงที่โน่นยังไงบ้าง

แทน: กลุ่มหลัก ๆ มันก็มีไม่กี่กลุ่มครับ ถ้าถามความรู้สึกเรา ซีนตอนนี้มันเซากว่าสมัยที่เราเล่นกันแรก ๆ อีก หมายถึงเรื่องความตื่นเต้นของคน เรารู้สึกว่าวงมันเยอะแล้วมั้ง เดี๋ยวนี้อายุวงมันสั้น เราเห็นวงปล่อยเพลงมาเพลงนึงแล้วก็แตก เราวิเคราะห์กับคนทำเพลงที่เชียงใหม่ว่ามันเป็นเรื่องเมืองเชียงใหม่ด้วย คนส่วนใหญ่ไม่ได้พร้อมจะเปิดรับอะไรใหม่ ๆ เกี่ยวกับดนตรีขนาดนั้น ถ้าจะพูดถึงอินดี้ วงเรามันก็ไม่ใช่อินดี้แล้วไง คือเขาก็จะฟังแต่เฉพาะวงที่มี fanbase แล้วระดับหนึ่ง ถ้าวงใหม่ ๆ เขาก็จะไม่ไปฟังหรอก บางงานก็มีเหงา ๆ บ้าง ถ้าเทียบกับฝั่งกรุงเทพ ฯ หรืออีสานซึ่งคนฟังจะเยอะกว่า แต่ที่อีสานคนผลิตงานจะน้อย พูดถึงความตื่นเต้น เขาจะตื่นเต้นถ้าบอกว่าวงนี้มาจากเชียงใหม่ แบบ โห มาจากเชียงใหม่หรอ ที่เขาตื่นเต้นเพราะว่าคนมักเข้าใจว่าอะไรดี ๆ มันต้องเกาะอยู่ที่กรุงเทพ ฯ พวกเราเป็นเด็กบ้านนอก คนจะคิดว่ามึงทำเพลงได้ด้วยหรอ ตอนนี้ถามว่ามันดีขึ้นไหม มันเซาลง วงมันเยอะมาก ใครก็ทำเพลงได้

คนทำเพลงก็รู้จักกันหมดไหม

แทน: ส่วนใหญ่ก็รู้จักกันอยู่แล้ว ก็เห็นหน้ากันบ้าง แต่ถ้าเป็นเด็กใหม่ ๆ มาก็ไม่รู้จักละ

เพื่อนสนิทของ e.n.l ที่เชียงใหม่คือใคร

เจน: ไม่ค่อยมีใครคบ

เต้: สมัยนั้นก็จะเป็นกลุ่ม Past Midnight Compilation เนี่ยแหละ ก็มี Dublur, Skarangers, e.n.l อยู่ด้วยกัน ลองเข้าไปดูได้ มีแต่ใน myspace

อยากปรับเปลี่ยนอะไรใน indie scene ของเชียงใหม่

เจน: ไม่รู้อะ อยู่กรุงเทพ ฯ แล้ว จะทำอะไรก็ทำ (หัวเราะ) คือเห็นวงดี ๆ เยอะ อย่าง No Signal Input จะมีวงใหม่ ๆ ที่มันดีหลายวงเลย มันไปโทษคนดูอย่างเดียวก็ไม่ได้

แทน: เปลี่ยนยากอะ มันเหมือนบอกว่า มาฟังกูหน่อยเห๊อะ (เสียงสูง) จะบอกว่าคนไม่มีเงิน มันก็ไม่ใช่ อาหารอร่อยคนแม่งก็แดกเองอะ มันอยู่ที่วง คนอยากฟังเขาก็ฟัง

เต้: (ทำเสียงอาจารย์ยิ่งศักดิ์) ไม่ฟังก็เขี่ยทิ้งปาย

แทน: เคยคุยกับพี่คนนึง เขาบอกว่าคนเชียงใหม่พร้อมจะเสียเงินไปกินเหล้า 500 บาท แต่ถ้าเสียเงินไปดูวงดนตรีดี ๆ รวมเอาวงอินดี้สัก 10 วง บัตร 300 บาท เขาบ่นว่าแพงแล้ว คือปัจจัยมันไม่ได้อยู่แค่เรื่องเพลงแล้ว มันเป็นเรื่องค่าครองชีพหรืออะไรที่มันเยอะมาก เราว่าเราควรทำวิจัยจริงจัง (หัวเราะ)

เจน: เหมือนคนเชียงใหม่ให้มูลค่ากับแต่ละสิ่งไม่เท่ากัน แดกเหล้า 500 บาทกับคอนเสิร์ต 500 บาท อย่างหลังแม่งแพง แต่อย่างแรกดูธรรมดา ไม่ได้ว่าคนเชียงใหม่นะคร้าบ มันเป็น nature ของเขาอะ

5

พอมากรุงเทพ ฯ แล้วต้องปรับตัวเยอะไหม

เจน: ปรับเยอะ เรื่องทำเพลงเนี่ย เมื่อก่อนอีโก้เยอะไง แบบเราทำเพลงดีแล้วเว่ย

แป๊ก: เมื่อก่อนเราทำเพลงจะเอาบนเวทีสนุกอย่างเดียว พอเห็นข้างล่างก็ เชี่ย เขาไม่เอาว่ะ เราเริ่มต้องการให้ข้างบนกับข้างล่างสนุกเหมือนกัน เราก็เริ่มหาครึ่งทาง พยายามทำยังไงให้พวกเรายังสนุกอยู่ เราเล่นด้วยแล้วเราก็โอเค

เต้: สามารถไปดูวิวัฒนาการเพลง เธอที่ร้าย Nightmare เนี่ย มีหลายเวอร์ชั่นมาก มันมีตั้งแต่เวอร์ชั่นอะคูสติก เป็นแบนด์ครบ แล้วก็มีเวอร์ชั่นที่เล่นที่ Fat ที่มีอะไรเราก็ใส่หมดเลย แล้วสุดท้ายก็เป็น เธอที่ร้าย เวอร์ชันที่โดนว่าเหมือน Two Door Cinema Club อะ

เจน: มันได้จากเล่นสดด้วยเว่ย พอออกไปเล่นงี้ เรารู้เลยว่าเพลงประมาณนี้นี่หว่าคนจะชอบ ถ้าออกมาแบบนี้คนแม่งนิ่งหวะ

เต้: วงเราเล่นสดจะดีไม่ดีอยู่ที่คนดูมันจอยกับเราหรือเปล่า ถ้ามีคนจอยกับเราจะรู้สึกว่ามีพลัง มีความบ้าอะไรบางอย่าง แต่ถ้าเป็นงานที่คนดูไม่เก็ท เราก็จะเฟลเอง อันนั้นเป็นสิ่งที่พยายามก้าวข้ามให้ได้อยู่ เวลาเจอคนที่ไม่เก็ทแต่เราจะต้องสนุกให้ได้

เจน: มีฟีลที่เล่น ๆ อยู่คนเดินหนี มันก็มีอยู่แล้ว เป็นธรรมดา อ๋อ อีกเรื่องที่ต้องปรับตัวคือการใช้ชีวิตนี่โดนเต็ม ๆ ที่โน่นมอเตอร์ไซค์คันเดียวไปไหนก็ได้ ที่นี่ หืออออ จริง ๆ ก็หวังนะว่าตอนไปอยู่บ้านที่โน่นแล้วทำเพลง มีเล่นค่อยลงมา

แทน: ใส่ไปด้วยนะ พี่เจนเริ่มร้องไห้ (หัวเราะ) เสียงสั่นเครือ

เจน: มันเริ่มถึงวัยที่จะกลับไปถึงบ้านแล้วไง แต่มันยังทำไม่สุดสักที อยากรู้ว่าจะไปได้ถึงไหนวะ แต่อยู่ไปนาน ๆ ก็เหมือนเป็นคนกรุงเทพ ฯ ไปแล้ว

เต้: ชินแล้ว ความรู้สึกพอเรากลับไปเชียงใหม่มันจะช้า ขับรถช้า เราติดความกรุงเทพ ฯ ไปแล้ว หรือบางทีเจอราคาข้าวว่า เฮ้ย ทำไมถูกจังวะ แต่จริง ๆ เมื่อก่อนมันก็ราคานี้นี่หว่า มันเหมือนเราถูกย้อมไปแล้ว แล้วก็หงุดหงิด รถติด ท้อเหมือนกันนะ เลิกงานห้าหกโมง ไม่ว่าจะ BTS หรือ MRT คนแม่งแน่นแล้วเราจะเจอคนแย่งเข้าเบียดตัดหน้า หงุดหงิดก่อนกลับบ้านทุกวัน บางทีก็คิดในใจว่า กูต้องเจอสิ่งนี้ตลอดไปใช่ไหม จะไม่มีทางเจอที่ดีกว่านี้ใช่ไหม

แทน: เราไม่ชิน กูโคตรเกลียดที่นี่เลย เวลาเดินทางทำไมต้องเผื่อเวลาสองชั่วโมง ทั้ง ๆ ที่สองชั่วโมงนั้นกูควรจะได้นอนหรือไปหาอะไรกิน คือเราติด มช. ติดอาณาบริเวณรอบ ๆ นั้น เราเป็นคนต้องออกไปนั่นไปนี่ อย่างต่ำแล้วต้องมีเงินติดตัว 200 บาท ถ้ามีรถก็คิดว่าต้องเสียค่าน้ำมันเยอะกว่าที่นู่นแน่นอน เราเลยเลือกที่จะกลับไปที่นู่น ตั๋วเครื่องบินก็ถูกแล้ว คือเรายอมเหนื่อยกายแต่เราสบายใจดีกว่า

เจน: อยู่นู่นแล้วดี มีหญิงอะดี๊

แทน: คนมันจะมีอยู่ที่ไหนมันก็มีเว่ย (e.n.l. เหยดดดดดดด) อันนี้ท้าทายนะ

6

เวลาเล่นแล้วบิลด์ให้คนโบกไม้โบกมือนี่เตี๊ยมกันยังไง

เต้: มันแล้วแต่เพลงที่ช่วงไหนใครว่างอะไรตรงไหน บางทีพี่แทนสับคอร์ดอยู่ เราก็ว่างไม่ได้ดีดอะไรก็โบก ๆ บางทีก็ลืม ปัญหาคือมันไม่ได้เตี๊ยมไง พอบอกให้โยก เราก็จะโบกซ้ายขวา แล้วเอาเข้าจริงก็ทำคนละทิศคนละทาง

เจน: จริง ๆ ก็พยายามจะคิดแหละ แต่ไม่ได้คิดมาก มันดูไม่ธรรมชาติเท่าไหร่ เรื่องโชว์ยังต้องทำการบ้านอีกไกล

ตอนโดนว่าว่าเหมือน Two Door Cinema Club รู้สึกยังไง

เจน: โห แรก ๆ นี่งิด เสียกำลังใจเลย แบบ เชี่ย ไม่ทำละ

เต้: ตอนนั้นมันอะไรก็ TDCC อะ ใครทำอะไรมาก็แบบนั้น ด้วยกระแสซาวด์มันมา แต่ที่เจ็บปวดคือบอกว่าคอร์ด Nightmare เนี่ยลอกมาเลย ทั้ง ๆ ที่คอร์ดมันมีมาตั้งแต่เวอร์ชั่นกีตาร์โปร่งแล้ว ตอนนั้น TDCC คืออะไรวะ กูยังไม่รู้จักเลย

มีอะไรอยากบอกคนฟัง TDCC ไหม

เต้: ความจริง TDCC ก็เป็นวงที่ดี แต่ก็ไม่อยากให้อะไรก็ TDCC มันก็มีอีกตั้งหลายวงที่เล่นแบบนี้ อย่าง Satellite Stories ก็เล่นคล้าย ๆ ก็โดนด่าเหมือนกัน แค่เขาดันทำออกมาก่อนไง

แทน: พูดแบบเหี้ย ๆ เรกเก้มันก็ แช้ด ๆ ๆ ๆ ๆ ออกมาเหมือนกันหมด ไม่เห็นไปว่ากันมั่งง่ะ (หัวเราะ)

เจน: หลัง ๆ มาก็หนีทุกอย่าง อะไรที่มันเฉียดเขา เราพยายามหนี สังเกตดูหลัง ๆ เริ่มไม่มี single note แล้ว

แป๊ก: จริง ๆ แล้วเราชอบนะ แต่เรายอมหนีปัญหาดีกว่า เพื่อที่จะไม่ได้มาโดนอีก มันบั่นทอนอะ

เต้: แต่สุดท้ายโทรจิตก็มีคนบอกว่า TDCC นะ อย่างเพลง นางรอง ยังมีบอกเลย เราก็เลยทำใจแล้วว่าถ้ามีคนติดภาพเราเป็น TDCC ก็แล้วแต่เลย ไม่เป็นไร ก็เป็นเรื่องตลกไป

สิบปีในวงการเพลงถือว่าเราโตขึ้นไหม

เจน: ถามว่าโตแล้วเก๋าขึ้นไหม ไม่เก๋า เพลงก็จะโตไปตามวัยตลอด อย่างตอนนี้อินกับอะไรแบบนี้ก็จะทำ ตอนนั้นวัยรุ่น ตอนทำ Bright Side โคตรง่อยเลย เขียนเรื่องการเมืองด้วย แม่งเด็กอายุเท่าไหร่วิจารณ์การเมือง ไอสัส มัฆวานรังสรรค์งี้ เพลงใหม่ที่จะได้ฟังก็โตขึ้นมาตามวัยของวงพอดี แต่ไม่ออกปีละเพลงละ ทำอัลบั้มเต็มแล้วปีหน้า ปีละเพลงเนี่ยโทษ BEC ก็ไม่ได้ วงก็ช้าเอง

แป๊ก: เราทำเพลงยังไม่ดีด้วยแหละ ถ้าห้าวปล่อยปีก่อน อาจจะเสียดายก็ได้

เต้: คราวนี้เราอดเปรี้ยวไว้กินหวานดีกว่า ไม่อยากให้มันลงอีหรอบเดิม

เจน: คือก่อน นางรอง มันมีเพลงที่ทำไปแล้วเยอะมาก ทำจนท้อ อยากกลับบ้านละ นางรอง ตอนแรกจะไม่เอา เพราะแบบเสี่ยวว่ะ เลี่ยนว่ะ จั๊กกะจี้อะ จะไหวหรอ จนสุดท้ายแล้วก็เลือก นางรอง โผล่มาแค่เพลงเดียว ที่เหลือมันก็แบบ ยากสัส จะไฟท์ปล่อยอีกเพลงนึงด้วย แต่มันยากเหี้ย ๆ ผมอยากโชว์ของว่ะ แต่ก็ไม่ได้ สัดส่วนทางดนตรีมันยาก คือตั้งใจทำมาก e.n.l เป็นวงที่พยายามเขียนเนื้อให้ป๊อป ให้เข้าใจง่าย แต่ไม่รู้ว่าดีพอหรือยัง แต่ไม่มีทางเป็นป๊อปดาด ๆ แน่ ๆ

เต้: อย่างน้อยเนื้อหามันฟังง่ายแล้วก็ขอมาใส่สีสันตรงดนตรีละกัน

แทน: เราไม่มีประนีประนอมเรื่องดนตรีครับ (e.n.l: เหยดเข้)

7

สมาชิกอีกคนมายังไง

แทน: คือเราไปเจอ อุณ เล่นที่ถนนคนเดิน

เจน: มันเปิดหมวกคั่วฝรั่งอยู่… ไม่ใช่ คือจุดเปลี่ยนของวง คือตอนที่ต้นจะออก เป๋เลย คิดอยู่เลยว่าจะเลิกดีไหม เพราะต้นมันเป็นคนตั้งวงนี้ด้วยซ้ำ แล้วมันเป็นหัวใจหลักของวงเลยอะ ปกติเวลาแต่งเพลง ส่วนใหญ่จะแต่งกับต้นมาตลอดเลย มีบางเพลงแต่งเอง Life in a Neon งี้ ต้นจะเขียนฮุค เราจะเขียนท่อน verse หรือ pre จะเป็นแบบนี้มาตลอด แล้วพอต้นออกไป จะเอาไงดีวะ คือ e.n.l มันแทบจะเท่ากับต้นเลย กีตาร์มันก็เด่นสุดไง แต่ว่ามันก็บอกไว้นานแล้วว่ามันจะหยุดแค่นี้นะ ตอนนั้นมันมีเดโมในมือเยอะมากที่เราทำอัลบั้มเสร็จแล้ว แล้วคงต้องกลับไปที่บ้านแล้ว พ่อแม่มันแก่แล้ว หาครอบครัวเลย เราก็ เชี่ย เอาไงดีวะ ลองทำดูก่อน ถ้ารอดมันก็รอด แล้วก็ไปเจออุน แป๊กมันก็เล่นอยู่ Part Time Musicians ด้วย ตอนนั้นมืดแปดด้านเลย ไม่รู้จะเอาใคร แม้แต่ทุกวันนี้บางเพลงที่ไม่เอามาเล่นเพราะเหมือนว่าใครเล่นก็ไม่เหมือนไอต้นเล่น

แป๊ก: พยายามหาครับ แต่อุณมันเรียนรู้ไว มันไม่ได้เล่นทางนี้นะ ตอนมันมาแจมครั้งแรก เล่นมาก็ไม่เหมือนกับต้น แต่ว่ามันไว บอกไกด์ไปก็ให้ไปทำการบ้านมาก็โอเค แล้วเราสนิทกัน ทำงานด้วยกันแล้วโอเค ดีกว่าเอาคนอื่นมาเรียนรู้กันใหม่

เจน: คือสิ่งที่มันยากกว่าคือ คนเล่นเก่งอะ มันมีอยู่แล้ว ก็เลือกเอฟเฟกต์มาดิ แต่เป็นเรื่องเคมีมากกว่า

ปีใหม่กับอัลบั้มใหม่ อีกนานไหมกว่าจะได้ฟัง

เต้: ปีหน้าเนี้ยแน่นอน แต่ยังไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ ต้องรอให้ดีแล้วปล่อย

แป๊ก: เราทำมาห้าเพลง เพลงที่เข้าหู ชอบสุด มีอยู่เพลงเดียว ผ่านจุดนั้นมา พอผ่านจุดนั้นเราทำเพลงอะไรเราก็ชอบ เพราะเราพยายามทำเพลงใหม่ให้มันดีกว่าอีกเพลงให้ได้

เจน: อย่างอัลบั้มที่จะได้ทำเนี่ย ทำไปเยอะมาก เพลงที่ส่งไปแล้วไม่ผ่านมีเยอะมาก แล้วมันมาเจอเพลงนึงแล้วปลดล็อค เชี่ย เจอแล้วว่ะ แบบนี้ว่ะ ทีนี้โฟลวละ ไหลมาเลย ทำเพลงอะไรมา เพลงนี้ก็ได้หมด เหมือน นางรองอย่างเงี้ย ตอนแรกทำส่งไปหลังจากเพลงนั้นก็ชอบนะ แต่พี่โป โปษยะนุกูล เขามาตรฐานสูง เป็นคนเคาะเพลงอะ

แทน: เจนลุกขึ้นยืน ยกมือไหว้ (หัวเราะ) เขาไม่ได้บังคับนะ แต่แบบ เพลงนี้ไม่ได้ เพลงนี้ไม่เอา

เจน: เอาจริง ๆ ถ้าพี่โป ไม่ได้เค้นขนาดนี้ มันก็จะไม่ได้ของขนาดนี้ออกมา

เต้: แบบ ถ้าพอใจ แค่นี้ก็โอเค้ อยู่ที่เราอะ อยากไปถึงไหน ถ้าจะไปไกลกว่านี้ก็ต้องมากกว่านี้

วงอยากไปไหน

เต้: สเปน (หัวเราะ)

เจน: ทำเหี้ยอะไร กินทาโก้หรอไอสัส

เต้: ไปปามะเขือเทศ

เจน: …มึงต้องแก้ว่าเม็กซิโก ไม่ทันเลย

8

เพลงใหม่จะชื่อเพลงอะไร

เจน: อย่ารู้เลย ชื่อเพลงใหม่แต่ละเพลงแม่งโคตรเหี้ย กวนตีน คือชื่อเพลงที่คิดมามันเหี้ยมาตลอด เธอที่ร้าย โทรจิต นางรอง คือมันจะมีความงง ๆ นิดนึง จะไม่ตั้งว่า ฉันรักเธอ I miss you อะไรแบบนี้จะไม่มี ตอนนี้มีเพลงที่เลือกอยู่สามเพลง มันยังมีเพลงเร็วเพลงนึง เพลงกลาง ๆ เพลงนึง แล้วก็เพลงช้าเพลงนึง ไม่รู้จะเอาเพลงไหนเป็นเพลงแรกดี ยังไม่เสร็จเลย เมื่อคืนยังปั่นเดโม่กันอยู่

ตอนนี้ e.n.l อยู่ตรงจุดไหนของวงการเพลงไทย

เจน: ที่เดิมอะ ไม่ไปไหน (หัวเราะ) ไม่เคยคิดว่าวงโตขึ้นหรืออะไร จำนวนแฟนเพลงเพิ่มหรืออะไรแบบนี้ เวลาวงไปเล่นที่ไหนก็รู้สึกว่าเราเป็นวงง่อย ๆ หวัดดีครับพี่ เหมือนเดิม แต่ตอนนี้เริ่มมีแต่คนไหว้ละ แก่แล้ว แต่เพลงยังวัยรุ่นเหมือนเดิมครับ เฟี้ยวอยู่ ไว้สัก 35 ค่อยแต่งเพลงการเมือง ตกผลึก

มวลอารมณ์ของอัลบั้มนี้จะเป็นยังไง

แป๊ก: วาไรตี้ฮะ แต่จะไปในทาง นางรอง น่ะ บีท กรูฟ ซาวด์ จะเป็นแบบนั้น

แทน: คนด่าแน่ ๆ แบบ ทำไมพวกมึงเล่นกันแบบนี้ล่ะ ด่าได้ ถ้าไม่ชอบ เพลงไม่ดี ไม่เป็นไร แต่อย่าแรง (หัวเราะ)

เจน: มันจะแตกต่างจากสิ่งที่เคยทำพอสมควร เมื่อก่อนจะโดด ๆ มีความกระฉับกระเฉงหน่อย ตอนนี้ย่อง ๆ มีความ R&B คือสิ่งที่พยายามทำอยู่ คือเอาซาวด์แบบ e.n.l เนี่ย ไปอยู่ในกรูฟแบบ hiphop R&B มันก็ยังมีความร็อค พวกพาร์ทกีตาร์ มี nu ด้วย เหมือนเราโตมากับอะไร พวกเนื้อ เมโลดี้ มันเป็นยุคที่เราโตมาเลย พงษ์สิทธิ์ คำภีร์

แทน: มาลีวัลย์ เจมิน่า

เราทำเพลงเอาใจตัวเองหรือเอาใจแฟนเพลง

แทน: แคร์นิดนึง

เต้: มันก็ไม่ถึงกับเอาใจตัวเองอย่างเดียว มันเหมือนแบ่งรับแบ่งสู้ เรารู้ว่าจุดตรงกลางมันอยู่ตรงไหน อยู่ที่คนกำลังชอบ และเรากำลังพอใจ

เจน: จริง ๆ แล้วก็ทำเพลงมาเสิร์ฟแฟนเพลงเนี่ยแหละ มันคือการทำมาแล้วรู้สึกว่าเพลงนี้คนน่าจะชอบ แล้วเราก็ชอบด้วย คือมันอยู่ในธุรกิจเพลง เป็นเรื่องปากท้องอะ ก็ต้องกาตรงกลางให้เจอ เอาแต่ใจตัวเองบางทีมันก็ไม่รอดไง อันนี้คือเราแฮปปี้ด้วยไง นางรอง เนี่ยเป็น case study เลยเพราะมันชัดเจนมากว่ามันต่างจากเพลงที่เหลือ ด้วยเนื้อ ด้วยอะไรต่าง ๆ ของมัน

ความสัมพันธ์กับแฟนเพลงเป็นไง เห็นว่ามีแฟนเพลงคนนึงที่ตามดูตลอด

เจน: มี ๆ ชื่อปุ้ย มันเกินกว่าแฟนเพลงไปแล้ว เป็นน้องสนิทกันแล้ว

เต้: แรกเริ่มเขาเป็นแฟนคลับ Scrubb

เจน: เราไปเล่นงานเดียวกับ Scrubb แฟนเพลงได้มาจาก Scrubb เยอะเพราะมีช่วงที่เราไปกับวงนี้บ่อย Slot Machine งี้

แทน: แฟนเพลงเราครึ่งนึงมาจาก Scrubb อีกครึ่งนึงมาจาก กล้วยไทย(หัวเราะ) งานโคตรอินดี้

9

อยากบอกอะไรแฟน ๆ บ้าง

แทน: รักนะ รอแปป

เต้: จริง ๆ แล้วคนที่เข้ามาคอมเมนต์ หรือมาบอกต่อหน้าว่ารอเพลงอยู่นะ หรือผมชอบเพลงพี่มาก คือมันเป็นกำลังสำคัญให้เราทำเพลงต่อ วงเรามีจังหวะจะให้เลิกทำหลายทีแล้ว แต่อันนี้มันทำให้เรารู้สึกว่าเพลงเรามันมีค่าสำหรับคนบางคน มันหยุดไม่ได้

ให้เป็นนายกหนึ่งวัน ขอนโยบายอะไรเด็ด ๆ

เต้: อยากให้ต้นไม้บางต้นถูกกฎหมายสักที ไม้ประยูง หูกวาง

เจน: อยากทำขนส่งสาธารณะให้ดี คือเบื่อขับรถไง อยากนั่งรถขนส่งสาธารณะแล้วมีความปลอดภัย แค่นั้นเลย แล้วทุกอย่างก็จะดีตามมา

แป๊ก: อยากทำถนน ทางอะ สังเกตว่าต่างจังหวัดเวลาทำถนน เลนซ้ายเวลาซ่อมเสร็จแล้ว เลนขวาก็มาพัง สลับไปซ่อมขวาอีก ไม่มีทางที่มันจะขับดี ๆ ตลอดทั้งเส้น เบื่อปัญหานี้

แทน: อันนี้ส่วนตัวเลย เราเพิ่งไปบวชมาตอนเดือนมีนาคมแล้วรู้สึกว่า กี่รัฐบาลมาแล้วเขาบอกให้เรียนฟรี แต่มันก็ไม่ได้ฟรีจริง ๆ จนถึงมอสามก็ได้ มอหกดูจะทำยาก ที่บอกว่าเรียนฟรีคืออุปกรณ์การเรียน ชุดนักเรียนอะไรมันแพงไง เราไปบวชมา เจอเณร ตอนแรกเราก็งงว่าเณรมันไปกินหมูกระทะทำไมตอนกลางคืน ทั้ง ๆ ที่มันถือศีลสิบ แล้วก็เลยรู้ว่าเด็กพวกนี้ไม่มีเงิน เขาเลยต้องมาเรียนกับพระ ทีนี้ ถ้าเรียนฟรีทุกคน ความรู้มอสามกันหมด มันก็อยากทำถนน อยากเปลี่ยนนั่นเปลี่ยนนี่ ต้องให้คนมีความรู้ การศึกษามันเป็นรากฐานเลย เรียนฟรีไม่พอ ระบบการศึกษามันไม่เท่ากัน โรงเรียนบ้านนอก โรงเรียนในเมืองก็ไม่เหมือนกัน

มันก็ไม่ถึงกับเอาใจตัวเองอย่างเดียว มันเหมือนแบ่งรับแบ่งสู้ เรารู้ว่าจุดตรงกลางมันอยู่ตรงไหน อยู่ที่คนกำลังชอบ และเรากำลังพอใจ

ปีใหม่อยากเคาท์ดาวน์กับใคร

แทน: มีงานก็เคาท์ดาวน์กับพวกมันอะ เลือกไม่ได้แล้วปีนี้

เต้: พ่อแม่ คนพิเศษ ครอบครัว คนรัก

เจน: น้องมายด์ วิรพร จิรเวชสุนทรกุล ได้ไหม

แป๊ก: ไปด้วยได้ไหม

เจน: ไปกันหมดเนี่ยแหละไอเหี้ย (หัวเราะ)

แทน: นายก ฯ (หัวเราะ) …นายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่

คิดคำขวัญปีใหม่ 2559 จาก e.n.l ให้หน่อย

เจน: ชอบกดไลค์ ใช่กดรัว

แทน: เสยผมต้องใช้หวี

เจน: เสยสีต้องใช้ลิ้น โคตรเหี้ยเลย

เต้: สวัสดีปีใหม่ ขอให้ชีวิตสว่างไสวเหมือนหลอดไฟทุกครัวเรือน… ไม่รู้ว่ะ นึกไม่ออก

แทน: ปีใหม่… ปีใหม่แล้วไง ไอสัส

เต้: สุขสันต์ปีใหม่ ประเทศไทยใครก็ได้…

อวยพรประชาชนชาวไทยหน่อย

เจน: น้ำท่วมไม่กลัว แชร์มั่ว ระวังโดน เฮ!

แทน: อะ ไป ๆ ไปสูบบุหรี่กัน

สรุปว่าเราก็ไม่ได้คำขวัญปีใหม่จาก electric.neon.lamp แต่ไม่เป็นไร ติดตามผลงานอัลบั้มเต็มชุดใหม่ของพวกเขาได้ภายในปีนี้ พร้อมอัพเดตความเคลื่อนไหวต่าง ๆ ได้ทางแฟนเพจ https://www.facebook.com/electric.neon.lamp.band/ และฟังเพลงของพวกเขาบนฟังใจได้ที่ https://www.fungjai.com/artist/ElectricNeonLamp

Facebook Comments

Next:


Gandit Panthong

กันดิศ ป้านทอง อดีตนักศึกษาฝึกงานนิตยสาร Hamburger Magazine, ทำงานในกองบรรณาธิการ MiX Magazine และ บก.คนแรกของ Fungjaizine ที่มีความมุ่งมั่นว่าจะตั้งใจสร้างสรรค์วงการเพลงให้เกิดแต่สิ่งดี ๆ ต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง