Feature เห็ดหูหนู

Playlist ทีมนักแสดงและผู้กำกับภาพยนตร์เรื่อง สยามสแควร์

  • Writer: Gandit Panthong, Montipa Virojpan and Teeraphat Janejai
  • Photographer: Chavit Mayot

เราได้โอกาสไปพูดคุยกับ 5 วัยรุ่นชายและหญิงในชุดนักเรียนที่เป็นกระแสอยู่บน newsfeed ร่วมเดือน โดยมีฉากหลังเป็นสถานที่ที่วัยรุ่นทุกคนคุ้นเคยแทบจะทุกซอกทุกมุม สยามสแควร์ และก็ยังถูกใช้เป็นชื่อภาพยนตร์สยองขวัญที่กำลังจะเข้าฉายสิ้นเดือนมีนาคมนี้ พร้อมกับ ปกป้อง คุ้มวัน ผู้กำกับหน้าใหม่แต่แท้จริงคร่ำหวอดอยูในฐานะทีมงานเบื้องหลังภาพยนตร์หลาย ๆ เรื่อง มาดูกันว่าพวกเขามีเพลงประจำตัวเพลงใดเมื่อนึกถึงสยามสแควร์ เรื่องราวเกี่ยวกับหนังที่คุณควรรู้ ใน เห็ดหูหนูรอบพิเศษ ที่มาพร้อมกับ section In Form เติมคนในช่องว่าง ที่ห่างหายจาก Fungjaizine ไปเนิ่นนาน

In Form

inform_siamsqr_05

inform_siamsqr_02

inform_siamsqr_03

inform_siamsqr_04

inform_siamsqr_01

Exclusive talk

img_9138

จากหน้าหนังตอนแรกที่เหมือนจะเป็นหนังรักวัยรุ่น แต่ตอนหลังกลับเป็นหนังผี สรุปว่าหนังเรื่องนี้เกี่ยวกับอะไรกันแน่

ป้อง: เป็นภาพยนตร์เกี่ยวกับวัยรุ่น 10 คนที่เรียนพิเศษที่โรงเรียนกวดวิชาในสยามสแควร์ สำหรับเราแล้วนอกจากจะเป็นที่ช็อปปิ้ง สยามสแควร์ก็ถือเป็นสถานที่ที่มีโรงเรียนกวดวิชา ซึ่งเป็นฉากที่น่าสนใจในสยามสแควร์ และก็ไม่ค่อยมีหนังไทยที่เลือกจะสำรวจพื้นที่ในโรงเรียนกวดวิชา ทั้ง ๆ ที่สยามก็เป็นที่ที่รวมกวดวิชาไว้เยอะที่สุด เป็นที่ที่รวมผู้คนมากมายจากหลายโรงเรียน จนวันหนึ่งก็เกิดเหตุการณ์ไฟดับทั้งสยามสแควร์ พร้อมกับเรื่องราวที่ถูกลือกันต่อมาว่าเมื่อสามสิบปีก่อนก็เคยเกิดเหตุการณ์นี้เหมือนกัน และมีเด็กคนหนึ่งหายตัวไปจากเหตุการณ์นี้ เด็ก ๆ กลุ่มนี้ก็เริ่มขุดเรื่องลึกลับจากเหตุการณ์ครั้งนั้นมาเล่ากัน จนกลายเป็นว่าเกิดเหตุการณ์บางอย่างขึ้นกับเด็กกลุ่มนี้

img_9192

เรื่องนี้จะแตกต่างจะหนังผีเรื่องอื่น ๆ อย่างไร

ป้อง: น้องนักแสดงคงจะยังตอบไม่ได้ เพราะยังไม่มีใครได้ดู เขาจะรู้แค่บทที่เขาเล่น แต่สำหรับผม หนังเรื่องนี้มันมีเส้นเรื่องของหนังวัยรุ่นที่แข็งแรง และก็มีความสยองขวัญอยู่ในเรื่องโดยแยกออกจากกันไม่ได้ ที่แข็งแรงก็คือเนื้อเรื่องและความสัมพันธ์ของตัวละครโดยที่เราไม่ได้พยายามโฟกัสว่า เราจะต้องทำหนังผี เราอยากทำหนังวัยรุ่นและหนังสยองขวัญในเรื่องเดียวกันและออกมาให้สนุก

ภาพจำสยามสแควร์ในยุคของแต่ละคน

พลอย: ส่วนใหญ่ก็จะจำได้ว่ามีโรงเรียนกวดวิชาเยอะ เพราะเวลามาที่สยามก็จะมากวดวิชามากกว่า ยังไม่ได้ช้อปปิ้งเท่าไหร่

หลิว: ผมซอย มีผ้าเช็ดหน้าวางที่ไหล่ น้ำยาอุทัย

เบสท์: เซนเตอร์พอยท์ ลานน้ำพุ ตอนนั้นม.1 ไปดูคอนเสิร์ตเปิดตัวค่าย LOVEiS ผมเป็นติ่งค่าย Bakery ก็เลยตามไปดู และก็จำภาพของการโดนเช็กจากเด็กโรงเรียนอื่น โดนตบเข็มโรงเรียน โดนตบวอกเกิ้ลลูกเสือ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะเอาไปทำไม (หัวเราะ) อีกเรื่องก็คือ คาราโอเกะ จำไม่ได้ว่าที่ชั้นสองของลิโด้หรือสกาล่าที่จะมีห้องคาราโอเกะ ทึบ ๆ หน่อย ผมก็พาแฟนไปร้องเพลง ทีนี้ห้องข้าง ๆ ก็มีคนอยู่ แต่ไม่มีเสียงร้องเพลง มีแต่เสียงดนตรี… ก็ไม่รู้ว่าเขาทำอะไรกัน (หัวเราะ) แล้วมาเป็นคู่ ๆ ด้วยนะ

เอิร์ท: เราไม่ค่อยได้คลุกคลีกับสยามเท่าไหร่ เพราะผมอยู่แถวลาดพร้าวก็เลยไม่ค่อยได้ไป ตอนเรียนมหาวิทยาลัยก็อยู่ธรรมศาสตร์ รังสิต แต่เราก็รู้จักแหละ แต่ที่ไปเดินจริง ๆ คือ ฟิวเจอร์ปาร์ก กับ เซียร์ รังสิต (หัวเราะ)

บอนน์: น่าจะเป็นร้านเกมบนลิโด้ ตอนนี้ก็น่าจะยังมีอยู่ ไปเล่น Dota กับ Counter Strike 

ป้อง: เราอยู่มาหลายยุคเลย ถ้าตอนเด็กก็จะจำร้านหมึกจีน เป็นร้านการ์ตูน ตอนนั้นเราตามรุ่นพี่ที่เขาเรียนพิเศษ ส่วนเราก็จะมานั่งรอที่ร้านนี้ พอโตหน่อย ก็จะมาเล่น Counter Strike ที่สยาม เพราะคนเก่ง ๆ จะมาเล่นอยู่ที่นี่ โตขึ้นมาอีกหน่อยก็จะเริ่มเดินดูหนังสือ ซีดี เป็นจุดเริ่มต้นของการเข้าสู่แวดวงการฟังเพลง

img_9149

เคยเรียนกวดวิชาที่สยามบ้างไหม แล้วมีความทรงจำอะไรบ้างจากการไปเรียนกวดวิชา

เบสท์: ครั้งหนึ่งผมไปเล่นกีตาร์เปิดหมวกที่สยาม แล้วพี่ที่เป็นแคสติ้งเขาไปเจอผมที่นั่น ก็เลยเรียกผมไปแคสติ้ง ประเด็นมันอยู่ที่ว่าสาเหตุที่ผมไปเปิดหมวก เพราะผมอยากหาเงินไปดื่มเหล้ากับเพื่อน แต่ที่หน้ากล่องรับเงินเขียนว่าเอาไปทำบุญ (หัวเราะ) แต่ก็เอาแบ่งบางส่วนไปทำบุญจริง ๆ นะ ส่วนช่วงที่ไปเรียนพิเศษก็กลายเป็นเหมือนเป็นข้ออ้างในการไปเจอสาวมากกว่า ก็ขอโทษแม่ไว้ตรงนี้ด้วยนะครับ

พลอย: เวลาเรียนในห้องเทป ก็จะหลับ เพราะเรียนไม่รู้เรื่องด้วย ไม่มีพี่พนักงานมาดูด้วย พอแม่รู้ก็เลยให้เรียนห้องสดตลอดเลย ก็เลยหลับไม่ได้

เอิร์ท: เคยเรียน แต่ไม่ได้เรียนที่สยาม เรียนที่วิสุทธานี แถวลาดพร้าว เป็นอีกหนึ่งสถานที่รวมโรงเรียนกวดวิชา ซึ่งก็จะรวมเด็กหลาย ๆ โรงเรียน แล้วเราก็มีแก๊งค์เพื่อนที่ชอบไปตีกับชาวบ้าน วันนั้นเราขึ้นไปเรียน แต่ลงมาอีกทีก็เจอเพื่อนโดนต่อยอยู่ วันรุ่งขึ้นครูก็เรียกคนที่มีเรื่องไปหน้าเสาธง เราก็ต้องออกไปด้วย เพราะเราก็อยู่ในแก๊งค์ ทั้ง ๆ ที่ไม่เคยต่อยใครเลย 

บอนน์: ก็จะคล้าย ๆ พี่เบสท์กับพี่เอิร์ท ก็มีทั้งเรื่องเจอสาวและเพื่อนต่อยกัน แต่แถวสยามจะมีการแบ่งเป็นโซนของแต่ละแก๊งค์ มีชื่อถิ่นด้วย เรดโซน โตโย แล้วมีอยู่ครั้งหนึ่งเรากำลังจะกลับบ้าน มองข้ามไปฝั่งพารากอนก็เห็นคนมีเรื่องกัน เราก็มองซูมเข้าไป เอ้า นั่นเพื่อนเราเอง ตีกับคนอื่นอยู่ แต่แต่งตัวดีมากเลย ใส่สูทด้วย สงสัยติดมาจากการ์ตูนเรื่องเรียกเขาว่าอีกา

หลิว: เคยไปเรียนอ.อุ๊ แล้วเราก็ไม่ค่อยชอบเลยโดดเรียนบ่อย ทีนี้ตอนไปเรียนก็ไปกับเพื่อนอีกสองคน ผู้หญิงคน ผู้ชายคน แล้วเพื่อนผู้ชายที่ว่านี้เราก็เห็นว่าเขาดูตุ้งติ้งนิดนึง ก็เลยคิดในใจว่าเขาอาจจะเป็นเกย์ก็ได้ แล้ววันหนึ่งไปเล่นไอซ์สเกตด้วยกัน พวกเราก็จับมือเล่นไอซ์สเกตกันตามปกติ ไม่ได้คิดอะไร อยู่ดี ๆ เพื่อนผู้หญิงก็ดึงมือเราออกไปแล้วบอกเราว่าเขาชอบเพื่อนผู้ชายคนนั้น เราก็ช็อก มาเรียนกันสามคน แล้วเราจะต้องอยู่เป็นติ่งระหว่างพวกเขาเหรอ หลังจากนั้นก็ไม่ได้ไปเรียนอีกเลย

img_9186

พอได้มาเล่นเรื่องนี้แล้วภาพที่มีต่อสยามสแควร์เปลี่ยนไปบ้างไหม?

เบสท์: ไม่ถึงกับรู้สึกกลัว แต่มีจินตนาการมากขึ้น พอกลับมาเดินตอนกลางคืนแล้วก็มีแอบคิดเหมือนกันว่า ตรงนั้นตรงนี้อาจจะมีสิ่งลึกลับอยู่จริง ๆ ก็ได้

หลิว: มันก็อดคิดว่าสยามมีผีจริง ๆ ไม่ได้ เพราะตอนที่เราเริ่มเดินสายโปรโมทกันก็จะถูกอัดด้วยคำถามและเรื่องราวเกี่ยวกับผีในสยามสแควร์ ตอนถ่ายทำก็เป็นตอนกลางคืนด้วย ถึงเราจะเคยเดินสยามตอนมืด ๆ สองสามทุ่มก็จริง แต่ตอนถ่ายมันดึกแบบตีสองตีสาม มันก็ทำให้เห็นมุมใหม่ ๆ ของสยาม

บอนน์: ตอนแรกที่มาเล่นก็แอบกลัวเหมือนกันว่าจะเจอผีเหมือนที่กองถ่ายหนังผีเรื่องอื่นเขาเจอกันมั้ย 

มีเหตุการณ์แปลก ๆ ตอนถ่ายทำบ้างไหม

ป้อง: มีเรื่องบังเอิญอยู่เรื่องหนึ่ง คือในหนังจะมีตัวละครตัวหนึ่งชื่อ เฟิร์น จะเป็นคนที่จมอยู่กับปัญหาในใจเรื่องที่แม่ไม่สนใจเขา แม่ด่าเขา เขาก็เลยมีความคิดและก็พูดเปรย ๆ ว่าอยากฆ่าตัวตาย ตอนแรกเราก็ไม่ได้เล็งสถานที่ถ่ายไว้ แค่เลือกที่ที่น่าจะถ่ายทำง่ายที่สุด ก็เลยเลือกอาคารสยามกิตต์ไว้ แต่ปรากฎว่าไม่ได้เพราะเรื่องการจัดการจราจร เราก็คิดว่าคงเหลือแค่ที่เดียวแล้ว ก็คือ ศูนย์หนังสือจุฬาฯ เราไปดูสถานที่และก็ตกลงแล้วว่าจะเอาที่นี่ พอกลับบ้านมาเปิดข่าวตอนสองทุ่ม อ้าว มีคนโดดตึกที่นั่น ตอนนั้นเราก็อึ้ง ๆ นิดหน่อย แต่ก็คิดแค่ว่าเขาจะยังให้เราถ่ายที่นั่นอยู่หรือเปล่า สรุปก็ได้ถ่าย ทีนี้พอกลับมาดูหนังที่เพิ่งตัดต่อเสร็จเมื่อไม่กี่วันมานี้ เรามีความรู้สึกว่าตัวละครตัวนี้ถูกสถานที่ดึงเข้าไป ดึงให้ต้องเข้าไปถ่ายที่แห่งนี้ และต้องพูดเรื่องนี้ที่ตึกนี้ มันเลยทำให้แบคกราวน์ของหนังเราแข็งแรงขึ้นทันทีโดยที่เราไม่ได้ตั้งใจจะเลือกที่นี่เลย

img_9170

เป็นภาพยนตร์ยาวเรื่องแรกของคุณ มันยากขึ้นกว่างานที่ผ่านมาอย่างไร

ป้อง: มันก็ยากขึ้นตามความยาวที่เพิ่มขึ้นของหนัง ภาระของเราก็ต้องมากขึ้นไปด้วย แต่รู้สึกว่าโชคดีเหมือนกันที่ได้มีโอกาสทำหนังยาวตอนอายุเท่านี้ ด้วยวุฒิภาวะของการเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยด้วย ได้ทำโฆษณาด้วย ได้ร่วมทำหนังไทยก็หลายเรื่องแล้ว เราก็คิดว่าคงจะพร้อมที่จะรับมือกับปัญหาต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นได้ ความยากที่สุดในเรื่องนี้อาจจะเป็นเรื่องจำนวนตัวละครที่เยอะมาก และเราก็พยายามเฉลี่ยให้ทุกคนมีบทบาทพอ ๆ กัน แต่มันคงทำให้เท่ากันไม่ได้ ที่ทำได้มากที่สุดคือทำให้คนดูรู้สึกว่าเราไม่ได้โฟกัสไปที่ใครคนใดคนหนึ่งมากเกินไป และตอนที่ออกแบบตัวละคร เราไม่อยากให้นักแสดงต้องมาเล่นตามบทของเราทั้งหมด เราก็เลยต้องไปนั่งดูศึกษาตัวละครอย่างละเอียดว่าแต่ละคนมีนิสัยอย่างไร แต่งตัวแบบไหน ก็พยายามออกแบบรายละเอียดปลีกย่อยให้มากที่สุด แล้วค่อยให้น้อง ๆ ไปทำการบ้านกันต่อ

คนไหนแสบสุด

ป้อง: เบสท์น่าจะดูถ่อยสุด (หัวเราะ) แต่นี่คือชมนะ คือเขาจริงใจ ห้าว ๆ พร้อมปะทะ แต่เขาก็จะมีความเป็นรุ่นพี่ในกอง คอยดูแลน้อง ๆ ส่วนเอิร์ทจะเป็นแสบสายไอที ชอบแคปรูปชอบแอบถ่ายนั่นนี่แล้วเอามาแซวมาเม้าท์ในกรุ๊ปไลน์

เอิร์ท: คือผมซื้อไอโฟน 128 GB ซึ่งมันก็มีเนื้อที่เยอะมาก เราก็ต้องใช้ให้คุ้มค่า (หัวเราะ)

ป้อง: ส่วนน้องพลอยจะเป็นเด็กดีประจำกอง เป็นคนที่ทำการบ้านเยอะสุดในกอง อย่างตอนวันที่มาซ้อมอ่านบทกัน ซึ่งจริง ๆ วันนั้นก็ยังสามารถอ่านบทในกระดาษได้ แต่พลอยจำบทมาหมดแล้ว ตอนเล่นก็มองหน้าเพื่อนแล้วเล่นเลย ส่วนหลิวจะเป็นดอกไม้ประจำกอง ชอบโปรยเสน่ห์ตามหน้าเซตกับพี่ ๆ ทีมงาน คือเขาเป็นคนที่ชอบมาเดินดูนั่นนี่ที่หน้าเซต มาดูที่กล้อง ก็ไม่รู้ว่าเขาตั้งใจหรือเปล่า แต่ก็ถือว่าเป็นกำลังใจให้หนุ่ม ๆ ในกอง (หัวเราะ) บอนน์ เป็นคนน่ารัก แต่เป็นคนผิดจังหวะ เล่นมุกแล้วแห้ง ทุกคนก็จะชอบแกล้งชอบเบรก แล้วหนังเรื่องนี้เป็นเรื่องแรกของเขา เขาก็เลยสงสัยไปหมด อันนี้ต้องเล่นอย่างไร ต้องยืนตรงไหน ผมต้องหันหน้ามากี่องศาดี เขาถามขนาดนั้นเลย

img_9159

ในหนังมีการพูดถึงคอนเสิร์ตเห็ดสดของฟังใจด้วย ทำไมถึงเลือกที่จะพูดถึงคอนเสิร์ตนี้

ป้อง : จริง ๆ ตอนที่เขียนในบทยังไม่ได้ระบุว่าเป็นคอนเสิร์ตไหน เราก็เลยเลือกพูดถึงคอนเสิร์ตที่ใกล้ตัวเราที่สุด และเพิ่งไปมาล่าสุดก็คือ เห็ดสด ของ ฟังใจ เพราะเรามานั่งนึกว่าจะให้เด็กม.ปลายไปคอนเสิร์ตอย่าง Wonderfruit ก็คงไม่ใช่ หรือ Stone Free ก็ยังไกลจากเด็กรุ่นนี้ไปหน่อย จะยก Big mountain ก็คงไม่ดี เพราะมันถูกใช้ไปเยอะแล้ว

ถ้าจะพาพวกเราไปเที่ยวสักที่ในสยามจะพาไปที่ไหน

หลิว : พาไปดูหนังแล้วกัน ชอบกินป๊อปคอร์นรสชีสที่พารากอน มันอร่อยกว่าที่อื่นนะ

เอิร์ท : พาไปร้านหนังสือคิโนะคุนิยะครับ บรรยากาศดีนะ ยืนอ่านหนังสือฟรี ไม่ซื้อ ไม่มีเงิน (หัวเราะ) 

เบสท์ : พาเดิน Siam Center ไม่มีอะไรหรอกครับ เย็นดี

พลอย : พาไปเล่นเกม หนูชอบเล่นเกมยิงปืน กับ air hockey

บอนน์ : ไปเล่นเลเซอร์เกมที่อยู่ชั้นล่างของ SQ1

ป้อง : พาไปเดินสยามตอนกลางคืน แบบที่เราเคยเดินสำรวจเองก่อนถ่าย ตอนนั้นเราไปดูโลเคชันคนเดียว เกรงใจทีมงาน เพราะเราอยากไปดูตอนตีสองตีสาม ก็รู้สึกว่ามันมีบรรยากาศที่แปลกตาดี จริง ๆ มันดูเศร้ามากกว่าน่ากลัวด้วยซ้ำ

img_9124

ฝากผลงานภาพยนตร์เรื่องนี้หน่อยแต่ขอแบบไม่เหมือนกับให้สัมภาษณ์ที่อื่น

เอิร์ท : เอ้อ งั้นเราฝาก Ghost in the Shell ดีมั้ย เข้าฉายพร้อมกันเลย (หัวเราะ) แต่อย่าไปดูเลยครับ มีสการ์เลตต์คนเดียว พวกเรามีตั้งหลายคน ตอนอ่านบทเองก็สนุกแล้ว และก็อยากฝากพี่ป้องด้วยครับ พี่ป้องเก่งมาก เคยได้รางวัลสุวรรณหงส์ด้วยนะ แผล็บ ๆ ๆ (หัวเราะ)

เบสท์ : 30 มีนาคมครับ ว่าง ๆ ก็ไป ไม่ต้องดูวันที่ 30 ก็ได้ ดูหลังจากนั้นก็ไม่เป็นไร แต่ไปดูช่วงสัปดาห์แรกเยอะ ๆ หน่อยก็ดี รอบฉายจะได้เพิ่ม ถ้าไม่ไปดูกัน รอบก็อาจจะลด แล้วพวกเราก็จะไม่มีงาน (หัวเราะ)

พลอย : เรื่องนี้ทุกคนตั้งใจกันมาก หลายคนก็เป็นหนังเรื่องแรก ก็เลยอยากให้ทุกคนมาลองดูผลงานพวกเรากันค่ะ

หลิว : ก็เป็นหนังเรื่องแรกของหลิวเอง และก็ได้ร่วมงานกับพี่ป้อง ซึ่งผิดจากที่คิดไว้ เพราะพี่ป้องเคยเป็นอาจารย์ที่คณะแล้วทุกคนที่ได้เรียนจะบอกว่าพี่ป้องเป็นคนดุ แต่พอมาทำงานด้วยกันก็สนุกกว่าที่คิดไว้เยอะเลย คิดว่าหนังออกมาก็น่าจะสนุกด้วย

บอนน์ : ก็เป็นหนังเรื่องแรกเหมือนกันครับ ก่อนหน้านี้เล่นซีรีส์มาก็ยังคิดว่าเล่นได้ไม่ดีเท่าไหร่ ก็เลยอยากขอแก้ตัว (หัวเราะ)

พี่ป้อง : ผมว่าหนังเรื่องนี้ไปไกลมากกว่าที่ทุกคนคาดคิด ไปไกลจนคุณนึกไม่ถึง ในหนังตัวอย่างคุณอาจจะเห็นแค่สระบุรี แต่ตัวหนังจริง ๆ ไปไกลถึงดอยสุเทพเลย (หัวเราะ) เราค่อนข้างมั่นใจกับทุก ๆ ขั้นตอน เราคิดว่าคนไทยหลาย ๆ คนที่รู้สึกต่อต้านกับหนังไทย คิดว่าคนทำหนังไทยทำแต่หนังลวก ๆ ให้ดู แต่เราอยากให้เขามาดูเรื่องนี้ เพราะเรามั่นใจว่าเราไม่ทำส่ง ๆ ต้องลองมาวัดกันเอง

siam-theme-poster

Facebook Comments

Next:


Teeraphat Janejai

ธีรภัทร์ เจนใจ กองบรรณาธิการ Fungjaizine ที่มักสนุกกับการเปิดเพลงในรถมากกว่าการไปคอนเสิร์ต และชอบนั่งสวนพอๆ กับนั่งบาร์