Feature Head talk

Yokee Playboy : In the Mood for Love

  • Writer: มนต์ทิพา วิโรจน์พันธุ์
  • Photographer: ณัฐนิช ชนะฤทธิชัย
  • Stylish: วรัชยา เชษฐโชติรส

เราเป็นโรคชอบโพสต์เพลงบนเฟสบุ๊กเพื่อระบายความรู้สึก มีอยู่หลายครั้งที่เพลงพวกนั้นจะเป็นเพลงของโยคีเพลย์บอย ไม่ว่าจะสุข เศร้า เหงา หรือโดนเทมาแบบงง ๆ เพลงของพี่โป้สามารถตอบโจทย์ชั่วขณะที่เรารู้สึกได้เป็นอย่างดี หรือก่อนหน้าที่โลกของโซเชียลจะเข้ามามีบทบาทในชีวิตโยคีเพลย์บอยก็มักจะเวียนมาเข้าหูอยู่เสมอแม้ตอนนั้นจะไม่รู้ว่าใครคือเจ้าของเพลง

มาจนวันนี้ เพลงของโยคีเพลย์บอยกลายเป็นซาวด์แทร็กชีวิตของใครหลายคนมาเป็นเวลาเกือบ 20 ปีแล้ว Fungjaizine จึงขอใช้โอกาสนี้พูดคุยและย้อนรำลึกถึงความประทับใจกับบทเพลงเหล่านั้น รวมถึงถามไถ่ชีวิตปัจจุบันของพี่โป้ว่าตอนนี้เขาเป็นอย่างไร

ความสุขของการทำดนตรีก็เหมือนกับที่หลาย ๆ คนมีความสุขกับการได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรัก ถ้ามีแฟนเพลงเยอะขึ้นเราก็มีความสุข ยิ่งถ้าเราไปจุดประกายอะไรให้กับหลาย ๆ คนนี่ยิ่งเหมือนขึ้นสวรรค์เลย นั่นคือได้รางวัลแล้ว

pic1

Part 1 อยู่มานาน

เข้ามาในวงการได้ยังไง

ตอนแรกพี่เรียนครุศาสตร์ ศิลปะ ที่จุฬา ฯ เป็นรุ่นน้องพี่ป๊อด Moderndogได้รู้จักพี่นภ พรชำนิ ด้วย ก็ได้ซึมซับเรื่องดนตรีมาบ้าง พอตอนหลังย้ายไปอยู่ที่รังสิตก็ยังเล่นดนตรีอยู่ ก็มีคุณโต้ง P.O.P ที่เป็นเพื่อนกันเนี่ยทำงานอยู่ในเบเกอรี่อยู่แล้ว โทรมาบอกว่ามีงานของศิลปินใหม่คนนึงชื่ออรอรีย์ กำลังขาดนักดนตรีสมทบ ก็เรียกพี่เข้าไปช่วย ตอนนั้นไม่คิดว่างานนั้นจะเป็นงานที่ใหญ่มาก คือคอนเสิร์ต DNA ของ Moderndog ที่สนาม ทบ. พี่ก็ได้ไปเล่นกับพี่อร ตอนแรกกะจะเล่นแค่งานเดียว แต่จากงานนั้นก็ได้รับการชักชวนจากพี่อรให้เป็นนักดนตรีสมทบในตำแหน่งเบสเรื่อยมา

ทำไมเด็กครุศิลป์สมัยก่อนถึงชอบทำดนตรี

เพราะพี่ป๊อดเลย (หัวเราะ) ตัวดีเลย เพราะว่าเมื่อก่อนเวลาเรียนเสร็จจะชอบจับกลุ่มกันเล่นดนตรี เล่นแซวสาวบ้าง โชว์ความเจ๋งของแต่ละคนบ้าง ไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชายถ้าเขามาชอบเราก็จะยิ่งแฮปปี้ เป็นธรรมดาของเด็ก ๆ

พอได้ทำงานกับพี่อรแล้วก็ได้เข้าไปรู้จักกับคนทำงานในเบเกอรี่ไม่ว่าจะเป็นพี่สุกี้ พี่สมเกียรติ พี่บอย อะไรต่าง ๆ เสร็จแล้วก็ได้จับพลัดจับผลูแต่งเพลงให้พี่สมเกียรติเอาไปใช้ ชื่อเพลง ตอนนี้ หลังจากนั้นก็ได้ชักชวนจากเบเกอรี่ให้ทำโปรเจกต์ของตัวเองเลย ไม่ต้องเป็นนักดนตรีสมทบแล้ว งานชุดแรกพี่ได้คุณพงษ์สิน จักลาธิสมิธินันท์ เป็นโปรดิวเซอร์ด้วย เป็นซาวด์เอนจิเนียร์ด้วย แล้วได้คุณปาเด เป็นมือเบส คุณเปาซี มามะ เป็นมือกีตาร์ คุณยิ่งใหญ่ หุณชนะเสวีย์ เป็นมือกลอง เพลงส่วนใหญ่จะมาจากพี่ แต่ตอนนั้นคือด้วยความที่เราไม่ใช่คนเรียนสายดนตรีมาโดยตรง เพลงที่ทำออกไปส่วนใหญ่เลยเกิดจากเพลงที่สนใจฟังในช่วงนั้น ๆ อย่างชอบฟังร็อก 70s แต่ก็ฟังพวกป๊อป หรือเพลงอื่น ๆ ในยุคนั้นด้วยเพราะมันค่อนข้างมีเอกลักษณ์ งานที่ออกมาตอนนั้นเลยออกมาเป็นย้อนยุค ต่างจากคนอื่น เหมือนทุกคนช่วงนั้นเขาจะเดินไปข้างหน้า ทำ alternative กัน แต่เราย้อนมาข้างหลัง คนก็เลยงงกันหมดว่าพวกเราทำอะไรออกมา แต่ก็ไม่ได้คาดหวังอะไรตอนนั้น เราแค่คิดว่าอยากได้ยินเพลงแบบนี้ เลยทำเองเลยแล้วกัน

ไม่ได้หวังให้ขายได้

ถ้าบอกว่าไม่หวังเลยมันก็โกหกน่ะครับ ก็หวังว่าจะมีคนชอบบ้าง แต่ไม่คิดว่าคนที่จะมาชอบเพลงเราต้องอาศัยเวลามากขนาดนั้น เพราะเพลงก็ค่อนข้างเฉพาะกลุ่ม ตอนนั้นเลยไม่ประสบความสำเร็จในแง่ยอดขาย คนรู้จักก็แค่กลุ่มเล็ก ๆ แต่ในใจคิดว่ายังมีอะไรที่อยากทำอีกเยอะ ก็เลยมองว่างานชุดต่อไปจะเป็นยังไง แล้วช่วงนั้นต้องทำวิทยานิพนธ์สถาปัตย์พอดี ก็มานั่งคิดว่าจะไปรอดไหมถ้าต้องทำทั้งเพลง ทำทั้งวิทยานิพนธ์ เลยไปคุยกับทางเบเกอรี่ว่าขอทำเป็นมินิอัลบั้มออกมา 5 เพลงก่อนได้ไหม เขาก็โอเค เราก็ลองทำดู พอมาดูตัวงานก็ต้องคิดอีกว่างานแรกมันไม่ประสบความสำเร็จแล้วจะทำยังไงต่อ เพราะนักดนตรีคนอื่น ๆ ก็แยกย้ายกันไปทำงานของเขาเหมือนกัน ก็ยังเหลือพี่ซีที่ยังทำงานกับพี่ เลยเปิดรับสมาชิกใหม่ ซึ่งตอนนั้นวง Tea For Three ก็ได้นักดนตรีซัพพอร์ตคนนึง ชื่อคุณมาดชาย พี่ก็ไปคุยแล้วดึงตัวเขามาช่วยเล่น มือเบสตอนนั้นยังไม่รู้จะเอาใครเลยคุยกับคุณนอร์ วง Pause ที่สนิทกันให้มาช่วยเล่นก่อน ทำเป็นชุด Super Swinging ออกมา เป็นส่วนผสมของงานชุดที่แล้วกับอะไรที่กำลังสนใจ คือจะไปทางดิสโก้ ยุค 70s พวก Bee Gees ที่ฟังแล้วมันเบิกบาน แต่อย่างไรแล้วพวกเราถือว่าโชคดีเพราะได้ทีมที่เข้มแข็ง ถึงส่วนใหญ่ พี่จะเป็นคนที่ทุกคนจำได้ แต่โยคีเพลย์บอยก็คือพี่และเพื่อนนักดนตรีที่เก่งมาก ๆ ทั้งคุณฆ้อง มงคล (คีบอร์ด และช่วยแต่งเพลงเด่น ๆ อย่าง คืนนี้ขอหอม และขอให้ผม คุณเปาซี มามะ ที่ใคร ๆ นับถือเป็นมือกีตาร์เทพในตำนาน และน้อง ๆ สมาชิกบัจจุบัน คุณหนุ่ม พิทยา (กลอง) คุณสุทัศน์ (เบส) และคุณมิ้ม ญานสิทธิ์ (กีตาร์) ในช่วงที่ผ่านมายังมีนักดนตรีเก่ง ๆ หลายคนมาช่วย  เช่น อดุลย์จาก Friday คุณตุ่ม มือเบส และอีกเยอะครับ

ทำไมถึงสนใจยุค 70s

70s มันมีเอกลักษณ์มากครับ นักดนตรียุค 60s ปลาย ๆ เข้า 70s นี่จะเป็นตำนานหมดเลย ทั้ง Jimi Hendrix นี่สายกีตาร์นะครับ หรือว่า ABBA โอ้โห มันเป็นต้นแบบของดนตรีในยุคต่อ ๆ มาหลาย ๆ ยุคเลย

เราเอาส่วนผสมของดิสโก้กับร็อก 70s มารวมกัน เราลองเอาเสียงแบนโจมาใส่ในเพลงด้วย มันเลยดูจะประสบความสำเร็จมากขึ้น ในแง่ยอดขายก็โอเค มีคนรู้จักเรามากขึ้น มีเพลงเพลงนึงชื่อ ท.ท.ท. วิธีคิดคือพี่คิดเพลงไปก่อน แล้วลองซ้อมเล่น อัดลงเทปที่มันเป็น 4 tracks เสร็จแล้วลองกลับหน้ามันแล้วฟัง ก็จะเป็น backward วืด ๆๆ แล้วพบว่ามันเป็นโน้ตใหม่ ก็เลยเรียกทุกคนประชุมด่วนให้เล่นตามโน้ตนี้ มันก็เลยออกมาเป็นเพลงแบบนี้

ถือว่าเป็นอะไรที่ใหม่ในบ้านเราตอนนั้น

มันต้องใหม่อยู่แล้วเพราะพี่แค่กลับเทป (หัวเราะ) พี่ลองทำดูปรากฏว่ามันฟลุ๊ก โน้ตที่มันกลับกันมันยังพอฟังได้แล้วพี่ก็ชอบด้วย ชุดนี้เลยประสบความสำเร็จ มีเพลงที่คนรู้จักและร้องมาจนถึงปัจจุบันเลย คือ คืนนี้ขอหอม ลำพัง เป็นร้องกับกีตาร์โปร่งธรรมดา ยิ้ม กับ ข้างเดียว ก็มีหลาย ๆ คนชอบ แล้วก็เพลง ท.ท.ท. อย่างเพลง ท.ท.ท. นี่ทำขึ้นเพราะอยากให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยเอาไปใช้ แต่คงไม่ผ่านการพิจารณาเพราะชื่อวงอาจจะน่ากลัว เราก็พลาดหวังไป

เราก็ทัวร์เล่นดนตรี คนรู้จักกันมากขึ้น มาบูมสุดในชุดที่สาม มันไม่ใช่การทดลองแล้ว มันคือการสนองความต้องการของตัวเองอย่างมาก เพราะมันคือดนตรีป๊อปของโยคีเพลย์บอยที่แท้จริง ชุดนี้ประสบความสำเร็จมาก เพลงเข้าชาร์ตพร้อมกัน 3 เพลงอยู่ใน top 5 คนให้ความสนใจแล้วทัวร์ต่อกัน 2 ปีเลย ชุดนี้ชื่อ YKPB มีเพลงที่ทุกคนรู้จักอย่าง วันเกิด ทำร้าย คำที่เป็นสุข สวย

ทำไมเพลงชุดที่สามถึงมีความเป็นโยคีเพลย์บอยมากที่สุด

เพราะเพลงส่วนใหญ่ตอนคิดจะทำออกมาก็ออกมาทั้งเนื้อทั้งทำนองเลย ทำออกมาเร็วมากครับ

เพลงในอัลบั้มที่ชอบที่สุดคือเพลงอะไร

ชอบฟังทุกเพลงในนั้นต่อ ๆ กันเพราะตั้งใจจัดเรียงมาอยู่แล้ว

โชว์แรกในชีวิตเป็นยังไงบ้าง

ตอนนั้นเป็นงานที่ทองหล่อในอาคารที่เขาขายไปแล้ว ชื่อ Blue Moon Junction เป็นเวทีเปิดงานของคลื่นวิทยุนึง ตื่นเต้นทั้ง ๆ ที่ซ้อมมาเยอะมาก แล้วพบว่าตัวเองทำได้ไม่ดี เพราะมันตื่นเต้นเกินไป จริง ๆ ก็แค่ปล่อยสบาย ๆ แล้วก็ร้องเพลงให้เต็มที่พอ แต่ตอนนั้นคิดเยอะ คิดว่าคนจะชอบไหม

แล้วมาจับทริกได้ตอนไหน

หลังจากนั้นครับ คือพอหลังชุด 1 มาแล้ว ตอนที่เราไปทัวร์รู้สึกว่าเขาเข้ามาสัมผัสเราไม่ได้ ด้วยหน้าตาเราน่ากลัวหรือโหด แล้วหน้าตาคนอื่น ๆ ก็ไว้หนวด ปาเดงี้ พี่ซี จะไว้หนวดไว้เครา คนไม่กล้าเข้าใกล้อยู่แล้ว มีอยู่โชว์นึงที่เชียงใหม่ เลยตัดสินใจแกล้งว่าลืมเอากีตาร์ไป เพื่อที่จะได้ไม่ต้องจับกีตาร์แล้วตั้งใจร้องอย่างเดียว ตอนร้องอยู่ดี ๆ ก็รู้สึกว่าตัวเองเริ่มไม่บาลานซ์แล้วเพราะไม่มีเครื่องดนตรีอยู่ในมือเลยไม่รู้จะทำยังไง เลยหันหลังกลับ ไม่ให้ดูหน้า ให้ดูก้นแล้วทำท่าอะไรของเราไป มันก็คงตลกดีที่ผู้ชายมีเคราร้องเพลงไม่ให้ดูหน้าแล้วให้ดูเราส่ายตูดแทน มันแปลก ๆ แต่ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่คนชอบ อารมณ์ของคนที่มาดูก็เริ่มเปลี่ยนไป เริ่ม connect กันได้ เราก็ว่าก็ดีนะ หลังจากนั้นก็เลยไม่เอากีตาร์ไปเลย มันคล้าย ๆ ว่าคนดูก็ไม่รู้จะพักผ่อนยังไง เพราะคนที่ถ่ายทอดเพลงยังซีเรียสอยู่เลย เราก็เลยผ่อนคลายดีกว่า คนดูถึงจะผ่อนคลายไปด้วย คนก็เริ่มให้ฉายาว่ายียวน ไม่ใช่เท่หรืออะไรนะครับ แต่เป็นว่าดูกวน ๆ ไป

pic2

โชว์ครั้งไหนที่ประทับใจที่สุดจนทุกวันนี้

เป็นโชว์ที่สวนอัมพร งานกาชาด วงเปิดเป็นละครลิงคุณประกิต คนที่มาดูคือคนที่นั่งกินเบียร์อยู่ในลานเบียร์ พอเขาพูด เชิญพบกับวงโยคีเพลย์บอยครับ ที่ประทับใจคือพรรคพวก ตอนที่เราเจอลักษณะงานจริง ๆ หน้างานตอนนั้นพี่ช็อกไปแล้ว แบบ เอาแล้วเว้ย เราจะทำยังไงดีวะ เริ่มหันไปมองพรรคพวกแล้ว แต่เพื่อน ๆ ก็ให้กำลังใจ เฮ้ย เล่นกัน รับงานมาแล้วก็ต้องเล่น เล่นให้เต็มที่ด้วย แล้วตอนที่เดินเข้างานก็ช่วยกันยกเครื่องดนตรีด้วย รู้สึกเป็นความประทับใจที่มันไม่มีอะไรเลย เราเป็นเหมือนวงโนเนม คนอื่นก็มากินเบียร์ ไม่ได้มาดูเรา เขาอาจจะมาดูคุณประกิตมากกว่าเราด้วยซ้ำ ณ เวลานั้นอาจจะยังไม่มีใครรู้จักเรา ก็ไม่เป็นไรครับ เราก็ทำตามหน้าที่ไป

แสดงว่าชื่อโยคีเพลย์บอยมาจากการไว้หนวดไว้เคราด้วยหรือเปล่า

พี่เชื่อว่าเกี่ยว แต่คนที่ตั้งชื่อเขาบอกว่าไม่เกี่ยว เขาคือรุ่นพี่ที่ครุศิลป์ ชื่อคุณทอม วรุฒม์ ปันยารชุน เป็นคนคิดชื่อให้กับโมเดิร์นด็อกด้วย เป็นทั้งสไตลิสต์ ครีเอทีฟ เป็นอะไรหลาย ๆ อย่าง แต่พี่จำได้ว่าเขาบอกว่าหน้าตาพวกนายดูแขก ๆ ไว้เครากันหมดเลยนี่หว่า เลยให้ชื่อว่าโยคี แต่โยคีเฉย ๆ ก็ไม่ได้เพราะลักษณะพวกนี้มันไม่โยคี ดูเป็นเพลย์บอย ก็เลยเป็นโยคีเพลย์บอย ก็หัวเราะชอบใจกันใหญ่ เขาตั้งชื่อให้ Siam Secret Serviceด้วย

เลยพาลมาให้เนื้อเพลงมีความอีโรติกหน่อย ๆ ด้วยหรือเปล่าอย่าง คืนนี้ขอหอม

จริง ๆ มันก็เป็นเรื่องจริงนะ คือเห็นคนที่เรารักกำลังนอนหลับ เขาจะเหมือนเด็ก หน้าเขาผ่อนคลาย เห็นแล้วก็อยากไปลูบหลัง แต่ตอนนี้พี่มีแล้วครับ (มองภรรยา)

 

Part 2 ทางแยก

มีช่วงที่ท้อไหม

มีครับ อย่าเรียกว่าท้อเลย เรียกว่าเหวอเลยดีกว่า (หัวเราะ) เราเคยมีความคิดว่าจะมีคนฟังเพลงในลักษณะนี้บ้างในตอนแรก แต่มันน้อยมากจริง ๆ เพราะทุกคนเขาจะกระโดดกัน ชอบเพลงร็อกอีกแบบนึงที่กระโดด ๆ ได้ แต่ของเราเป็นฟังก์ แต่ก็รู้สึกดีที่เราไม่ได้เหมือนใคร เราก็เริ่มทำมาเจ้าแรก แล้วก็พัฒนาต่อไปเรื่อย ๆ

หลังจากออกชุด YKPB มาสักสองปีก็ทำอีกชุดนึงชื่อ Love Trend จะเป็นอะไรที่เป็นการร่วมงานกับพี่ ๆ น้อง ๆ ที่อยู่ในค่ายด้วยกันเยอะมาก ดนตรีออกมาจะเป็นกึ่งทดลองแล้วล่ะ พี่มองกลับไปรู้สึกว่าตอนนั้นเริ่มจะมองหาแนวทางของตัวเองต่อไปเรื่อย ๆ แล้ว ชุดนี้เลยเหมือนทดลองหน่อย ๆ เพลงที่คนรู้จักในชุดนี้ก็จะมี อีกแล้ว อยากมองเธอในแง่ร้าย

เคยสังเกตไหมว่าเพลงชุดแรกกับชุดสองไม่ค่อยต่างกัน แต่แค่เพิ่มความเป็นดิสโก้เข้ามาแล้วคนชอบ หรือเพราะคนชอบเพลงสนุก

จากประสบการณ์ในการทัวร์ตอนนั้นด้วย คิดว่าเพราะคนไม่รู้จักเพลง พี่เลยมองหาเพลงที่ทุก ๆ คนรู้จัก ตอนนั้นคนเขาจะชอบพวก สาวบางโพ แต่เราก็จะไปเล่นเพลงของ พี่เพชร โอสถานุเคราะห์ อย่างเพลง ดิ้นกันไหมลุงคือเอาเพลงมาเสริมในการโชว์ กลายเป็นรูปแบบในการทำงานต่อไป

เช่นเดียวกับการเอา sampling ของเพลงดังในอดีตมาใช้ด้วยหรือเปล่า

อย่างเพลง คอลลาเจน หรือ Kung Fu Fighting คิดแค่ว่ามันมีประโยชน์ในแง่ที่ว่ามันเป็นการให้คนรุ่นใหม่ได้รู้จักงานของคนรุ่นเก่า คนรุ่นเก่าก็จะแฮปปี้ด้วย เพราะเราเคยทำตอน YKPB มีเพลง พรหมลิขิต ที่หยิบมาทำนี่เพราะชอบเป็นการส่วนตัวทั้งนั้นเลย (หัวเราะ) เพราะว่าเนื้อเพลงในตอนนั้นไม่ว่าจะเป็น ครูแก้ว อัจฉริยะกุล หรืออีกหลาย ๆ คนแต่งเนื้อเพลงได้อย่างสละสลวยมาก แล้วก็ดูมีชั้นเชิง

พอไม่มีพื้นฐานดนตรีแล้วเอาทักษะพวกนี้มาจากไหน

ก็ความชอบอีกแหละครับ พี่เชื่อว่าถ้าเรารักหรือชอบที่จะทำอะไร คุณก็จะหาข้อมูลโดยที่คุณไม่รู้ตัว ไม่ว่าจะเป็น ในชีวิตประจำวัน อย่างเรื่องเพลงก็จะมาจากเพลงที่ฟัง ข่าวสาร แนวคิด มุมมองทุกอย่างจากพวกนักดนตรี

pic3

เสน่ห์อีกอย่างของโยคีเพลย์บอยที่ทำให้ทุกคนจำได้คือ พี่โป้เต้นเก่งมาก

ตอนนั้นพี่มีเสน่ห์ใช่ไหมครับ (หัวเราะ) พี่ว่าตอนนี้พี่มีเสน่ห์กว่านะ เมื่อก่อนหุ่นก๋องแก๋งมาก ใจเราแค่อยากให้คนสนุกอย่างเดียวแหละครับ เสน่ห์มันอาจจะมาจากที่เราไม่ได้คิดอะไร แค่เราแฮปปี้ คนที่อยู่ข้าง ๆ ก็น่าจะแฮปปี้

ไปเป็นสมาชิกวง 2 Days Ago Kids ได้ยังไง

เป็นเพื่อนที่เรียนมาด้วยกันสมัยมัธยมครับ เขาไปเรียนที่บอสตันแล้วกลับมาทำงานในสายดนตรี ก็เลยชักชวนเพื่อน ๆ มาให้ทำงานร่วมกันโดยไม่แบ่งวง แล้วปรากฏว่ามันมาจากหลายวงมากจริง ๆ แล้วก็ทำงานออกมาชุดนึงชื่อ Time Machine ซึ่งทำมาจากความสนใจของแต่ละคนในตอนนั้น ปรากฏว่ามันกลับประสบความสำเร็จ ทำออกมาชุดเดียว ทัวร์มาถึงปัจจุบันนี้เลย ทั้งจากเจอรี่ ศศิศ มิลินทวณิช บอยและอดุลย์ Friday รวมถึงนักดนตรีซัพพอร์ตทั้ง คุณนอร์ คุณไบรอั้น คุณโตน Sofa คุณก้อ ณฐพล ศรีจอมขวัญ จาก Groove Riders หลาย ๆ คนมารวมกัน

ความรู้สึกตอนไปทัวร์กับแก๊งนี้

ตอนนั้นมึน ๆ ครับ มันเยอะมาก เหมือนตอนนั้นเราเพิ่งทัวร์ของโยคีเพลย์บอยเสร็จ แล้วงานชุดนี้ก็ประสบความสำเร็จ ก็ทัวร์ต่อไป

ที่ผ่านมาที่ได้เป็นทั้งนักแต่งเพลง โปรดิวเซอร์ พี่โป้ชอบร่วมงานกับใครมากที่สุด

ตอนนี้เปิดรับทุกคนนะครับ เบเกอรี่มันเป็นเหมือนโรงเรียน ที่ที่เรา input ข้อมูลได้เยอะ พี่ประทับใจหลาย ๆ คน แต่ขอกล่าวถึงรุ่นพี่ ทั้งพี่สมเกียรติ อริยะชัยพาณิชย์ (Mr. Z) ที่เป็นเหมือนอาจารย์ด้วย มีพี่บอย โกสิยพงษ์ ที่เป็นอาจารย์เหมือนกัน พี่สุกี้ สุโกศล แคลปป์ ดีใจที่ได้ร่วมงานกับทุกคนครับ

 

Part 3 เปลี่ยนไปแล้ว

ความสุขในการทำดนตรีของพี่โป้คืออะไร

มันได้ใช้จินตนาการของเราเต็มที่ แล้วข้อจำกัดมันน้อย หรือไร้ข้อจำกัดเพราะว่าเราตั้งให้มันเป็นอย่างนั้นเอง  คือเรื่องศิลปะด้านอื่นอย่างวาดภาพพี่จะโดนปลูกฝังมาตั้งแต่เด็ก พ่อจะชอบพาไปฝึกวาดรูป แต่ดนตรีมันเป็นอะไรที่ใหม่กว่า คือเราชอบฟังมาเรื่อย ๆ ซึมซับมาเรื่อย ๆ จนกระทั่งอยากเล่นเป็น พอเล่นเป็นก็อยากมีงานต่อ มันเป็นไปโดยธรรมชาติ เพราะฉะนั้นความสุขของมันก็เหมือนกับที่หลาย ๆ คนมีความสุขกับการได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรัก ถ้ามีแฟนเพลงเยอะขึ้นเราก็มีความสุข ยิ่งถ้าเราไปจุดประกายอะไรให้กับหลาย ๆ คนนี่ยิ่งเหมือนขึ้นสวรรค์เลย นั่นคือได้รางวัลแล้ว

รู้สึกยังไงตอนที่แฟนคลับเดินเข้ามาบอกเราว่าชอบเพลงของเรา

มันเกิดความรับผิดชอบอะไรบางอย่าง เราต้องทำให้ดีกว่านั้น ต้องเต็มที่กับมัน อย่าปล่อยผ่าน เพราะนี่คือรางวัลที่เขาให้เรา แบบพี่ พี่ชอบเพลงนี้ พี่เอาเพลงนี้ไปใช้นั่นนี่ มันเข้าไปเกี่ยวพันกับชีวิตเขา เวลาเราทำเราต้องให้มันดีสุด ๆ แบบที่เราอยากเป็น

แล้วรู้สึกยังไงที่แทบทุกเพลงของโยคีเพลย์บอยเป็นเพลงที่ทุกคนร้องได้

เพราะทุกคนให้โอกาสเราไงครับ จริง ๆ ศิลปิน คนทำเพลง ก็คือคนที่มีหน้าที่ ทุกคนมีหน้าที่ เพราะฉะนั้นเราถือว่าเราได้โอกาสและหน้าที่ตรงนี้มาแล้ว คุณต้องไปให้สุดไม่ว่าทางใดทางหนึ่ง สุดในที่นี้หมายถึงว่าทำเต็มความสามารถ สร้างอะไรใหม่ ๆ ให้เกิดขึ้น ถ้าคิดอะไรไม่ออกให้นึกว่าสิ่งที่ทำมา ทำแล้วมันมีประโยชน์ไหม แล้วทำมันไปเรื่อย ๆ

pic4

ก่อนหน้านี้ได้เล่นหนังด้วย

ช่วงของนี้บทสมภาษณ์ พี่หนูเล็ก ภรรยาของพี่โป้เข้ามาร่วมให้สัมภาษณ์ด้วย

โป้: ตอนเขามาชวนไม่ได้ตอบตกลงเลยในทันทีครับ โทรมาประมาณ 2 – 3 รอบ คือเราไม่เคยจินตนาการตัวเองว่าจะไปทำอย่างนั้นได้ยังไง พอได้ทำแล้วก็พบว่า ไม่น่าจะไปทำอย่างนั้น (หัวเราะ)

หนูเล็ก: แต่จริง ๆ ไม่ใช่ว่าเขาไม่ชอบนะคะ เพราะตอนนี้ที่เขาเป็นผู้ใหญ่แล้วเขายอมรับว่าเขาชอบการแสดง แต่ที่ไม่ชอบคือวินัยของนักแสดง

โป้: คือไม่มีวินัยนั่นเอง เขามารับตอนตี 5 แล้วมาส่งตอนตี 5 ของอีกวัน แล้วตอนบ่ายก็ต้องออกอีก พี่ก็เลยไม่สนใจแล้ว จะนอน

หนูเล็ก: ตอนนั้นคนในกองถ่ายเขามากดกริ่งหน้าบ้านก็ไม่มีคนมาตอบ ก็เลยปีนรั้วบ้านเข้ามาไปปลุกพี่โป้ที่ห้องนอน แล้วหลังจากนั้นก็เป็นกันหมด คือต้องไปตามต่อที่บ้านพี่โจอี้ บอย มันไม่ใช่เนเจอร์ของเขา

โป้: คนทำหนังต้องมีความอดทนสูงมาก แล้วมันเกี่ยวเนื่องกับหลาย ๆ คน หลาย ๆ กลุ่ม เรื่องเวลาอีก ต้องใส่ส้นสูงห้านิ้ว ใส่วิกทั้งวัน แล้วต้องรอสี่ชั่วโมงกว่าจะได้พูดบทตัวเอง เรารอเข้าฉากแค่จะพูด เอ้อะ อ้ะ คือพี่ทนไม่ไหวแล้วอะ (หัวเราะ) เล่นกีตาร์แล้วสร้างอิมเมจว่าขรึม แต่ขรึมเกิน คือไม่ใช่ตัวพี่เลย มันไม่ใช่ตัวเราอะ พี่เป็นคน alert เวลาทำงานมันสนุกกว่า มันได้ขลุกอยู่กับงานเรา อยากได้สิ่งนี้ก็ทำเลย อันนั้นต้องไปนั่งรอ พอเข้าฉากปุ๊บก็แค่พูด อืม ตลอด 3 เดือนน่ะ ไม่เอาแล้ว

หนูเล็ก: คนชอบบทโบ้ ที่พี่โป้เล่นก็จะชอบมาก บอก โบ้เจ๋งมากกก แต่ไม่เห็นทำอะไรเลย (หัวเราะ) มีสแตนอินด้วยเพราะพี่โป้ไปไม่ไหว ขนาดมีสแตนอินได้อะคิดดูสิ (หัวเราะ)

การแสดงยากไหม

หนูเล็ก: เขาเป็นเอนเตอร์เทนเนอร์อะ ถ้าเคยไปดูโชว์พี่โป้ก็จะพบว่าเขาเต็มที่ อยากให้คนมาดูมีความสุข

โป้: ที่ชอบแสดงก็เอนเตอร์เทนเธออะแหละ (ยิ้ม)

เราต้องยอมรับอย่างนึงว่าคนในแต่ละรุ่นเขาต้องการฟังเสียงของคนรุ่นเขา มันเป็นแรงบันดาลใจแบบนึง

เวลาพี่โป้ทำเพลงก็จะเป็นอีกโหมดเลยหรือเปล่า

หนูเล็ก: จริง ๆ ก็เป็นอย่างนี้ตลอดเวลา แต่พอทำงานก็จะเนิร์ดมาก พอขึ้นเวทีจะเป็นเอนเตอร์เทนเนอร์ เป็นอีกบุคลิกนึงเลย สิ่งที่เขารักมากคือดนตรี แล้วเขาก็แทบจะสนใจอยู่อย่างเดียวคือการทำเพลง ถ้ามีงานที่ต้องออกไปข้างนอก อย่างมาให้สัมภาษณ์อันนี้ กลับไปบ้านเขาก็ทำเพลงต่อ เพราะเพลงมันยังไม่เสร็จ แต่จะมีเวลาพักอยู่ช่วงนึงตอนอัลบั้มเต็มเสร็จ แล้วก็จะเป็นการโปรโมต เดินสาย เล่นโชว์ แล้วเว้นไปไม่นานไม่ถึงปี เขาก็จะเริ่มใหม่อีกแล้ว อัลบั้มนึงก็ใช้เวลานานมาก อย่างสองเพลงแรกของอัลบั้มนี้ก็คือเมื่อปี 2014 ที่ทำออกมาชื่อเพลง อาฮะ ที่ทำกับคุณแจ๊บ The Richman Toy กับอีกเพลง ออกมา 2 ซิงเกิล ตอนนี้กำลังจะเติมให้มันเต็ม บางเพลงนาน แต่บางเพลงก็แป๊บเดียวเสร็จเลยก็มี เขาจะเป็นประเภทที่ทำงานเพลงเก่ายังไม่เสร็จ อีกวันนึงก็มาบอกว่า เฮ้ย ฉันค้นพบบางอย่าง เสียงแบบนี้ทำงี้ได้ด้วยไม่เห็นเคยมีใครบอกเลย เราก็จะแบบ วันก่อนค้นพบแล้ววันนี้ค้นพบอะไรอีกอะ เขาจะตื่นเต้นทุกครั้ง อย่างนี้คือเนิร์ดใช่ไหม (หัวเราะ) แต่บางทีคนมาถามคอร์ดกีตาร์ ด้วยความที่เขาไม่ได้เรียนมา พี่โป้จะไม่ได้คิดออกมาเป็นคอร์ดนะคะ เขาจะจำเสียงที่ชอบแล้วเล่นเลย คอร์ดมันเลยจะคร่อม ๆ แปลก ๆ งานก็ออกมาเป็นตัวเขา ยุคแรก ๆ แต่งเพลงด้วยกีตาร์เพราะบ้ากีตาร์มาก จริง ๆ ก็ชอบพร้อม ๆ กับดนตรีไทย ตอนเขาอยู่โรงเรียนเขาเป็นประธานชมรมดนตรีไทย จริง ๆ เล่นได้หมดแต่ที่ถนัดคือขลุ่ย ชิงแชมป์มัธยมประเทศไทยได้ที่ 2 แล้วตอนที่บ้ากีตาร์ก็จะมีไอดอลเป็นอัสนีย์-วสันต์ แล้วก็จะฟังแต่กีตาร์ พออายุมากขึ้นก็สนใจเปียโน เขามาพบว่าเสียงเปียโนกับเสียงไวโอลินมันสร้างขึ้นใหม่ได้เรื่อย ๆ เขาเหมือนนักวิทยาศาสตร์อะ พอจบตรงนี้ก็ไม่ได้คิดว่าตัวเองเก่ง “เฮ้ย ฉันยังไม่รู้อะไรอีกเยอะ” เขามักจะพูดคำนี้เสมอ บางทีนักดนตรีบางคนที่เรียนทฤษฎีดนตรีมาเยอะมากที่เราก็นับถือก็สงสัยว่าพี่โป้มีวิธีการแบบนี้ได้ยังไง การเล่นประหลาด ๆ ที่เล่นขึ้นมาเองจากความเข้าใจของเขา แล้วมันมาตรงกับหลักที่เขาเรียน อาจจะเป็นเพราะการชอบ รสนิยมทางด้านดนตรี ทำให้เขามีแรงบันดาลใจจากศิลปินอื่น ๆ เยอะแยะ คือฟังมาบ้าง แต่ความชอบในการทำเพลงจากการทดลองให้เกิดอะไรใหม่ ๆ คือตัวเขาที่สุด

พี่โป้เคยบ่นเรื่องการทำเพลงให้ฟังไหม

หนูเล็ก: ถ้าบ่นก็คือเขาเพิ่งไปทะเลาะกับเครื่องไม้เครื่องมือมา แบบ อัดตรงนี้แล้วอันนี้มันลบออกหมดเลย พี่โป้เป็นคนไม่เก่งด้านเทคโนโลยี แต่ก่อนนี่คือบ้ามากกับการอัดด้วยเครื่องมือเก่า ๆ เขาไปถึงไหนกันแล้ว นี่ก็เพิ่งจะมาใช้โปรแกรมอัดจริง ๆ จัง ๆ แล้วก็ชอบทำปลั๊กหลุด กีตาร์สายขาด ตอนบ่นก็หน้าซีดหน้าเซียวหลังจากที่นอนน้อยมาหลายวันจนหลับไปเอง

โป้: เขาพูดเกินจริงนะครับ หารครึ่งบ้าง ๆ

หนูเล็ก: เรื่องจริงค่ะ พี่โป้นอนน้อยมาก วันนึงประมาณ 3 ชั่วโมง ไม่เกินนี้ (โป้: ไม่ขนาดนั้น) ตอนกลางคืนมันเงียบสำหรับนักดนตรีได้ทำเพลงไงคะ กลางวันมีภาระกิจนู่นนี่นั่นทำให้ทำเพลงได้ไม่ต่อเนื่อง แต่ถ้ากลางคืนก็ทำจนถึงตี 4 ตี 5 แล้วนอน ตื่นมา 8 โมงเช้าก็มาลองอัดร้อง อะไรแบบนี้ นาน ๆ ทีถึงจะนอนยาว

pic5

Part 4 อยากมองเธอในแง่ร้าย

ชีวิตที่มีครอบครัวแล้ว ต่างกับเมื่อก่อนยังไง

โป้: มีความสุขทุกวันเลยครับ พี่เป็นคนอยากมีลูก ตอนที่พี่จีบเขาพี่บอกไปตรง ๆ เลยว่าผมหาแม่พันธุ์อยู่ ถ้าเขารับได้ เขาก็คงเป็นแม่พันธุ์ให้เรา ถ้าเขารับไม่ได้เขาก็คงตบเรา ตอนนั้นเขาก็คงงง ๆ ว่าไอ้นี่เป็นอะไรของมัน

หนูเล็ก: คนบ้า

ไปเจอกันที่ไหน 

โป้: ร้านอาหารครับ เห็นเขากินข้าวมูมมาม เรารู้สึกผ่อนคลายดีเวลาเห็นเขากิน แต่ตอนนั้นพี่พบว่าตัวเองเริ่มอายุมากแล้ว ถ้าจะมีใครสักคนต้องเป็นลักษณะเพื่อน คงไม่ใช่อะไรที่โรแมนซ์มาก ๆ คงเป็นเพื่อนที่คุยกันง่าย ๆ เวลามีความสุขกันก็อยู่ง่าย ๆ ด้วยกันได้ ไม่ต้องไปสร้างให้มันเป็นอะไรที่พิเศษ จะทำให้มันธรรมดา เรียบง่ายที่สุด

จีบยังไง

โป้: เขาแอบชอบพี่อยู่แล้ว เขาชอบชำเลืองตามาทางพี่ตอนเขากินข้าว

หนูเล็ก: ไม่ คือไม่ได้สนใจเลย จริง ๆ ก็ชอบโยคีเพลย์บอยมาอยู่แล้ว แต่เนื่องจากบ้านอยู่ใกล้ ๆ กันก็เลยมาโผล่อยู่ที่ร้านนี้ที่เรากับเขาก็ไปประจำ พอเจอเราก็นึกในใจแบบ นี่หรอพี่โป้ โยคีเพลย์บอย เราก็ให้ความเป็นส่วนตัวเขา ไม่ได้เข้าไปยุ่งเพราะเราชอบแต่ผลงานเขา แล้วพี่โป้เขาจะบ้าน ๆ มาก ๆ เดินเข้ามาในผับจะสั่งอาหารใส่ถุงพลาสติกกลับบ้าน ตอนยืนรอนี่ดูเซอร์มาก เป็นอย่างนี้ทุกครั้ง เขาไม่ใช่คนชอบดื่มเหล้า แต่ลุคเหมือนเป็นคนอย่างนั้น

โป้: จริง ๆ เป็นคนตะกละ (หัวเราะ)

หนูเล็ก: วันนึงเขาเห็นพี่กินข้าว ตอนนั้นเรากลับจากที่ทำงานเหนื่อย ๆ เราก็สั่งอาหารมายืนกินเยอะมากแบบไม่เกรงใจใคร แล้วข้าง ๆ ก็จะเป็นเพื่อนสวย ๆ ที่เขาเต้นเซ็กซี่ ซึ่งพี่เขาก็มองมาเราก็คิดว่ามองเพื่อน พวกเพื่อนก็คิดว่าพี่โป้มองเขา แต่จริง ๆ ไม่ใช่ เพราะพอเพื่อนมาบังเขาก็พยายามจะมองหาเรา

โป้: นี่เล่าเป็นหนังแขกไปได้ ตอนนั้นหลังจากชุด Telepathy ครับ เริ่มมองตัวเองว่าบั้นปลายชีวิตจะเป็นยังไง เริ่มมองเห็นลูกก่อนเลย ต้องมีครอบครัว ไม่งั้นแย่ ก็เริ่มมองผู้หญิงบ้างแล้วว่าจะมีใครบ้างไหมนะ เพราะเรามัวแต่พัวพันกับเพลงจนเป็นคนบ้า รู้สึกว่าตัวเองผิดปกติตอนที่อยากสมัครงานประจำ แล้วพอลองไปทำงานก็พบว่า เราไม่เหมือนคนอื่นแน่นอน ทำงานประจำไม่ได้ ก็ต้องเป็นแบบเดิมอย่างนี้แหละ แล้วต้องหาคนที่พิเศษหน่อย เพราะไม่งั้นเขาก็ไม่เอาพี่เหมือนกัน เลยเริ่มด้วยประโยคประหลาด ๆ แต่ก็พูดตรง ๆ ว่าผมต้องการแม่พันธุ์ของลูกผมนะ เขาก็ยอมมาเป็น แล้วก็ได้ลูกคนนี้ออกมา

ตอนพี่โป้พูดประโยคนั้นแล้วพี่หนูเล็กรู้สึกยังไง

โป้: หายเมาเลย

หนูเล็ก: เราก็ไม่ได้คิดอะไรนะ ดูตลกดี

โป้: หลังจากนั้นก็ชวนเขากินข้าวเพราะรู้ว่าเขาชอบกินไง

หนูเล็ก: ถ้าคนทั่วไปมีคนพูดประโยคนี้ใส่คงจะอี๋ แบบ คนบ้าอะไร แต่มองลึก ๆ ก็รู้ว่าเขาจริงจัง คงไม่ได้มาจีบเราเล่น ๆ แล้วพอเขาขอเบอร์พี่ไป หลังจากนั้นก็ทำหาย หายไปหลายเดือนเลย (หัวเราะ) ประมาณ 2 เดือนถึงจะโทรกลับมา แล้วโทรมาว่า ขอโทษนะครับ ใช่คุณคนที่ทำงานกับคุณคนนี้หรือเปล่า เราก็แบบ พี่โป้นี่อะไร

กุญแจสำคัญที่ทำให้บ้านมีความสุขไม่ใช่ลูกนะครับ แม่ครับ เชื่อผมเถอะ ไม่มีใครพ้นหลักการนี้ไปได้ เคยพยายามแล้ว คุณต้องทำให้ภรรยาของคุณมีความสุขไว้แล้วคุณจะมีความสุขเอง

รู้สึกยังไงที่ศิลปินที่ชอบกลายมาเป็นตัวจริงของเรา

หนูเล็ก: เรามีเทปเขา ฟังทุกวัน ฟังได้ตลอด ไม่เบื่อ บังเอิญว่าเราชอบ เลยโอเค (หัวเราะ) เวลาไปโชว์เราก็ไปดูบ่อย อยู่บ้านก็ฟังเพลงใหม่ ๆ ที่เขาคิด ถ้าเราไม่ชอบสไตล์นี้เราก็คงอยู่ไม่ได้ แต่ตอนนี้เรายังโอเค เราเอ็นจอยกับมัน แต่เดี๋ยวนี้ก็ไม่ได้ไปทุกโชว์ งานไหนที่เป็นโชว์สบาย ๆ ก็จะพาลูกไปด้วย เราก็ยังรู้สึกชอบและมีความสุขที่ได้ฟัง ดนตรีดี เพลงเพราะ ตั้งใจเล่น ก็เลยชอบ โชคดีที่ความชอบฟังเพลงของเรากับเขาคล้าย ๆ กัน อย่างเพลงฝรั่งที่เราชอบก็ไม่น่าเชื่อว่าพี่โป้จะชอบ เพราะเขาเป็นนักดนตรีระดับนี้จะมาฟังเหมือนเราหรอ แต่บังเอิญว่าชอบตรงกัน สมัยนั้นเพลงดิสโก้Kylie Minogue กับ Jason Donovan พี่โป้เขาก็ฟัง Stevie Wonder ด้วยเพลงยาก ๆ เขาก็ฟังแหละเพราะเป็นนักดนตรี แต่เพลงง่าย ๆ ที่เราฟังเขาก็ฟังเหมือนกัน แล้วอีกอย่างคือเขาเหมือนเขาเป็นไอดอลของผู้ชายเซอร์ ๆ เพลย์บอย งานสายอาร์ต เหมือนลุคไม่ต้องพิถีพิถันแต่มีความละเอียดอ่อนในสิ่งต่าง ๆ เขาเป็นอย่างนั้นจริง ๆ เขาไม่มีพิธีรีตรองอะไรมากในชีวิตจริง ไม่ใช่คนที่มาพูดหวาน ไม่ได้ใช้ประโยคสวยงามมาจีบอะไรเลย ทื่อ ๆ เหมือนคนป่าด้วยซ้ำ พวกความโรแมนติกนี่ไปใช้แต่งเพลงหมด ไม่เคยมาเล่นกีตาร์ร้องเพลงจีบพี่ เหมือนโชคดีที่มันเป็นจังหวะเหมือนเขากำลังหาใครสักคนจริง ๆ แล้วมาเจอพี่พอดี ทุกอย่างก็ดูลงตัวเพราะบ้านก็ใกล้ เป็นคนคล้าย ๆ กัน ชอบกิน มีความสุขกับชีวิตง่าย ๆ พอได้รู้จักก็ปิ๊งกัน รู้สึกว่าใช่ ปีนึงต่อมาก็แต่งงานเลย อีกสองปีก็มีลูก ในช่วงแรก ๆ ก็ต้องปรับเยอะ คนเราเพิ่งคบกันปีเดียวก็แต่งงานมันก็ไม่ได้ราบรื่นเสมอไป คือถ้าบอกว่าคนไทป์ศิลปินมีจริง ๆ ไหม คือเขาเลย เขาเป็นตัวของตัวเขาเอง บางอย่างเขาไม่ได้ใช้เหตุผลอะไร แต่ทั้งหมดก็เป็นบรรทัดฐานของความตั้งใจดีของเขาแหละ เขาจะไม่มานั่งอธิบายอะไรมาก แล้วเมื่อก่อนก็จะขี้ลืม ตอนนี้ปรับแล้ว (หัวเราะ) แต่ก่อน สมมติว่าเราคุยกันว่าจะเจอกัน เขาก็สามารถที่จะลืมได้เลยทันที สมมติว่านึกประโยคเด็ด หรือดนตรีใหม่ ๆ ขึ้นได้ เขาก็จะไปละ หรือไม่ก็ขอไปบ้านเพื่อนคนนี้แปปนึง ปรากฏหายไป 2 คืนเพราะไปทำเพลง เราก็จะไม่เข้าใจเขาในตอนแรก ๆ ก็ทะเลาะกันเยอะ ต้องปรับตัว แต่ปีนี้ปีที่ 7 เขาบอก 7 ปีอันตราย มันก็ได้พิสูจน์ว่าเขาเป็นคนที่รักครอบครัวมาก เราเลือกเขาเพราะมั่นใจว่าเขาเป็นแบบนี้ ดูจากครอบครัวเขาแล้วก็เป็นครอบครัวอบอุ่น เขาจะมีความสุขกับการมีชีวิตครอบครัว ไม่ใช่เพลย์บอยตามชื่อที่ทุกคนเข้าใจ คำว่าโยคีเพลย์บอยอาจจะหมายถึงคนที่รักสนุกกับเสียงดนตรี โยคีก็คือพวกชอบแสวงหา อุทิศตน นั่นคือวิธีการทำงานเพลงของพี่โป้ เต็มที่กับการค้นหาซาวด์ใหม่ ๆ ทั้งหมดสุดท้ายก็เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับดนตรี และนำดนตรีมามอบความสุขให้กับทุกคน

ความรู้สึกของการเป็นพ่อ

โป้: ก่อนหน้านั้นเคยไปทัวร์ ชอบตะโกนว่า “ผมอยากมีลูกสาว” ตะโกนไปตะโกนมาก็ได้มาจริง ๆ ตามที่หวังไว้ ตอนที่จินตนาการว่ามีลูกก็เป็นลูกสาวตลอดเลย ตอนที่แฟนท้องก็พยายามอธิษฐานให้ลูกแข็งแรงนะ ให้เกิดมาได้ตามอยาก พี่ถือหลักแค่อย่างเดียวว่าเด็กเนี่ย ให้อารมณ์ดีไว้ อย่าไปคาดหวังให้เขาฉลาด เป็นคนดีเลย ให้อารมณ์ดีไว้ก่อน แล้วทุกอย่างจะดีหมด พออารมณ์ดีแล้ว สุขภาพก็ดี จินตนาการก็ดี มันดีต่อการเรียนรู้และพัฒนาการทุกอย่าง แต่ทุกอย่างจะดีจริง ๆ ต้องเริ่มจากแม่ก่อนเลย

หนูเล็ก: ไม่อยากโดนเหวี่ยงมากกว่ามั้ง (หัวเราะ)

โป้: ตอนที่เขาท้องพี่ชอบร้องเพลงกล่อมชินาตั้งแต่อยู่ในท้อง พอเขาคลอดมาเขาก็จำได้ เขาจะสงบ เลี้ยงง่าย แต่ไม่ได้ร้องเพลงตัวเองนะ พอทราบมาว่าตอนท้องเขาให้ฟังเพลงคลาสสิก ฟังไปฟังมาแม่เขาไปออกร็อก เป็นวง Queen เลย

อยากให้น้องชินาเป็นศิลปินแบบตัวเองไหม

โป้: ตอนนี้ส่วนลึก ๆ ก็ไม่อยากให้ลูกเป็นนะ เพราะเดี๋ยวจะมาแย่งกับพ่อ (หัวเราะ) แต่ในใจก็คิดว่าถ้าเขาสนใจอะไร แล้วเรามีความสามารถที่ช่วยเขาได้ก็จะส่งเขาไปทางนั้น แต่น้องชอบร้องเพลงครับ ร้องทุกวันเลย พี่จำได้ว่าตอนเขา 2 – 3 ขวบ นั่งไปในรถ แล้วพี่เปิดที่ปัดน้ำฝน เขานั่งอยู่ข้าง ๆ แล้วก็พูด “คับผม คับผม” ผมก็ถาม ครับผมอะไรลูก ลูกบอกเสียงที่ปัดน้ำฝนน่ะ “คับผม คับผม” คือคนนี้เขาชอบฟังดนตรีมาก ฟังมาตั้งแต่เล็ก ๆ ตอนนี้ 4 ขวบแล้ว

มีวิธีสอนลูกยังไงบ้าง

โป้: สอนไม่ได้เลยครับ คือยุคนี้มันเปลี่ยน…

หนูเล็ก: ขี้เกียจมากกว่า สอนการบ้านยังไม่ยอมสอน ชอบโยนให้แม่ทำ (หัวเราะ)

โป้: พี่มีลูกตอนอายุค่อนข้างมากแล้ว ประสบการณ์จากรุ่นพี่แทบจะเอาไปใช้กับเขาไม่ได้เลย ก็ได้แค่บางเรื่องแหละ แต่ในความคิดของเรา เวลาเขาไปเจอประสบการณ์ใหม่ ๆ เราขออยู่ด้วยพอ แล้วไปเจอประการณ์ใหม่ ๆ เหมือนเขา เราก็เหมือนเป็นเด็กไปด้วย

pic6

กลัวภรรยาไหม

โป้: กลัวที่ไหน เขาไม่ให้ใช้คำว่ากลัว เขาใช้คำว่าให้เกียรติ ถ้าใช้คำว่ากลัวเดี๋ยวจะมีการแข่งขันเกิดขึ้นแล้วเราจะซวย (หัวเราะ) คือ กุญแจสำคัญที่ทำให้บ้านมีความสุขไม่ใช่ลูกนะครับ แม่ครับ เชื่อผมเถอะ ไม่มีใครพ้นหลักการนี้ไปได้ เคยพยายามแล้ว คุณต้องทำให้ภรรยาของคุณมีความสุขไว้แล้วคุณจะมีความสุขเอง ปัญหาของภรรยา สักวันมันก็จะตกมาเป็นปัญหาของคุณอยู่ดี เพราะฉะนั้นนะครับ เวลาแต่งงานแล้ว คุณดูแลภรรยาของคุณให้มีความสุข เรื่องจบทุกเรื่อง

มีเวลาไปเที่ยวด้วยกันบ่อยไหม

โป้: ไม่บ่อยครับ แต่มีเรื่อย ๆ พี่ชอบให้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากัน โดยเฉพาะตอนตื่นนอนพร้อมหน้าพร้อมตากัน ลูกจะไปนอนที่อื่นไม่ได้เลย ต้องอยู่กับพ่อ

อยากมีลูกอีกคนไหม

โป้: พี่อยากครับ คราวนี้ผู้หญิงหรือผู้ชายก็ได้ เพราะเดี๋ยวชินาจะช่วยดูแล แล้วพี่ปิ๊งไอเดียอันนึงขึ้นมาได้ ปัญหาระหว่างลูกคนแรกกับลูกคนที่สอง ที่น้องจะมาแย่งความรัก โดยการให้ลูกคนแรกตั้งชื่อลูกคนที่สอง พี่ว่ามันน่าจะโอเค เพราะจะรู้สึกว่าเขาเป็นคนตั้งชื่อ ก็ต้องเป็นคนดูแล

เคยลองให้ตั้งชื่อน้องแล้วหรือยัง

โป้: เคยหลอกถามดูจะออกไปทางแนวชื่อหมาหมดเลย (หัวเราะ)

หนูเล็ก: พี่โป้เคยจะตั้งชื่อลูกว่าเป้าบิน แบบ เอา ป.ปลามั้ย บ้านเขา ป.ปลาหมด เป้าบินละกัน

โป้: พูดเล่น ๆ พูดให้เธออารมณ์ดี แต่เชื่อเถอะ ชื่อที่พ่อแม่ตั้งมันแฝงความมุ่งหมาย ความดีงามเอาไว้อยู่แล้ว อย่างเป้าบินพี่ก็มีเป้าหมาย… ไม่บอกละกันครับอันนี้ แต่ชื่อชินาชอบมาก คุณแม่เขาเป็นคนตั้ง ชื่อชินาจริง ๆ มาจากชื่อพี่กับชื่อเขา มีสระกับพยัญชนะมารวมกัน อีกนัยยะนึงมันคือ ชินบัญชร ชินนะ แปลว่า ผู้รู้ ผู้ชนะ หรือหมายถึงพระพุทธเจ้า ในบทชินบัญชรจะมีพูดว่า ชินา ขึ้นต้น อีกความหมายถึงคือพ่อแม่ให้พระคุ้มครองลูก

แล้วธุรกิจร้านอาหารเป็นยังไงบ้าง

โป้: ตอนที่ท้องชินา อยากมีเวลาดูแลลูกเยอะ ๆ ซึ่งดูจากคู่พี่แล้วก็ดูจะไม่มีเวลาเพราะแม่เขาทำงานประจำตอนนั้น ซึ่งช่วงเวลานี้สำคัญที่สุด ต้องให้ลูกได้อยู่ใกล้ชิดกับแม่ มันจะทำให้พัฒนาการเขาดี สร้างภูมิคุ้มกันบางอย่างให้เด็ก เติมเต็มเด็กให้เขารู้สึกปลอดภัยหรือเป็นตัวของตัวเอง เลยคุยกับแม่เขาให้ลาออกเถอะ

หนูเล็ก: แต่ก็คิดว่าถ้าออกมาก็อยากทำอะไรที่ชอบ ซึ่งพี่ก็ชอบอาหาร แล้วที่บ้านคุณแม่ทำอาหารเก่งมาก มีสูตรอาหารเยอะ ก็เลยเริ่มจากขายอาหารเดลิเวอรี่ออนไลน์ ตอนนั้นเฟซบุ๊กยังไม่ค่อยมีคนทำ อินสตาแกรมยังไม่มี ก็ขายขนมจีนน้ำยาปักษ์ใต้อย่างเดียวก่อน แล้วมีลูกค้าเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ก็ตัดสินใจลาออกเลย ทำเมนูเดลิเวอรี่แค่ 3 ปี พัฒนากลายเป็นร้านอาหารทำมา 2 ปี รวม ๆ ก็ 5 ปีแล้ว ก็โอเคค่ะ ชื่อร้าน ปรุง ร้านสีแดง ๆ อยู่หน้าหมู่บ้านชลนิเวศน์เลย หลักการเดิมที่มาเปิดร้านตรงนี้เพราะมันอยู่ใกล้หมู่บ้านที่เราอยู่ โรงเรียนลูกก็อยู่ใกล้แบบเดินถึง แต่มันก็ไม่ค่อยดีนักในเชิงธุรกิจเพราะไม่ใช่ย่านธุรกิจ แต่เราก็คิดว่าไม่เป็นไร ค่อย ๆ ไปในระยะยาว เป็นธุรกิจอย่างนึงที่คนทำก็เหนื่อย มันจุกจิกเยอะแยะมากมาย แต่พวกพี่ก็สู้ไปได้เพราะมันตอบโจทย์หลาย ๆ อย่าง รับลูกกลับมาจากโรงเรียนก็มานั่งเล่นอยู่ที่ร้าน เราก็อยู่ใกล้ ๆ ลูกได้ ทำงานไปด้วยได้ ร้านพี่สังเกตว่าจะมีสนามเด็กเล่นอยู่ในร้านเลย ลูกค้าที่มีลูกเล็กก็ชอบเพราะพอพาลูกมาก็มาเล่นได้ แต่บรรยากาศร้านโดยรวมจะนั่งสบาย โล่ง เหมือนเราไปบ้านใครสักคนเราไม่ต้องรีบกินมาก แล้วเราก็ไม่ได้นั่งชิดมากกับโต๊ะข้าง ๆ วางโต๊ะไว้ห่าง ๆ มีที่ให้เด็กวิ่งเล่น คอนเซปต์อาหารก็เป็นอาหารไทย โฮมเมด รสจัด เน้นเมนูภาคใต้

โป้: เป็นมุมเด็กเล่น ทำร้านอาหารต้องอดทนครับเพราะมันกะเกณฑ์ไม่ได้ว่าลูกค้าจะเข้าเมื่อไหร่

มีแฟนคลับมากินที่ร้านไหม

โป้: มีครับ เข้าไปดูได้นะครับในเฟซบุ๊ก ชื่อ ปรุง

การเป็นทั้งศิลปิน พ่อ และเจ้าของร้านอาหาร ท้าทายสำหรับเราไหม

โป้: มันเกี่ยวเนื่องกันครับ นักดนตรีไม่ใช่คนทำธุรกิจไม่เป็น นักดนตรีทำได้ดีด้วยเนื่องจากละเอียดอ่อน แล้วรู้จักผ่อนปรนหลายเรื่อง โชคดีที่พี่วางทุกอย่างให้เชื่อมกันได้ ให้ร้านอยู่ใกล้ ๆ ที่ทำงาน ที่ทำงานก็อยู่ที่บ้าน บ้านปู่ย่าตายายก็อยู่ในละแวกนี้เหมือนกัน มันก็จะกลมกลืนกันหมดเลย ที่เหลือคือความเป็นพ่อ ก็แบ่งเวลาส่วนนึง จะทำเป็นเหมือนเมื่อก่อน ตะลุยงานแหลก 24 ชั่วโมงก็ไม่ได้ เพราะเด็กต้องการเวลา พาเขาไปเที่ยวบ้าง ไปกินอาหารนอกบ้านพร้อมหน้าพร้อมตากัน แค่นี้ก็มีความสุขแล้ว ในหมู่นักดนตรีก็แค่อยู่ให้มันไม่ฟู่ฟ่า อยู่อย่างสมถะ แค่นั้นก็พอแล้ว มีชีวิตอยู่ได้ดีด้วย

pic7

Part 5 ตอนนี้

กำลังจะมีคอนเสิร์ต 20 ปี โยคีเพลย์บอย

โป้: คอนเสิร์ตโยคีเพลย์บอยครั้งนี้มันไม่ใช่การเล่นดนตรีแน่นอน เรามากันถึงจุดนี้แล้ว พี่ว่าให้พี่แสดงละครก็ได้อะ (หัวเราะ)

จะมีใครมาเป็นแขกรับเชิญพิเศษไหม

โป้: มีชวน ๆ ไว้ครับ ถ้าเป็นวงเพื่อน ๆ ก็จะเป็น 2 Days Ago Kids แต่ถ้าแขกรับเชิญจะเป็นน้อง ๆ ที่เคยมีประสบการณ์ร่วมกับพี่ ซึ่งจะมีใครบ้างต้องติดตามกันครับ

หนูเล็ก: หรือจะเป็นหลาย ๆ คนที่เข้ามาบอกว่าอยากร่วมงานกับเรา หรือเป็นศิลปินรุ่นไล่เลี่ยกันที่มีเพลงของโยคีเพลย์บอยเป็นแรงบัลดาลใจ นี่คือประสบการณ์จริงที่เขามาพูดกับพี่โป้ว่า ผมชอบงานพี่

โป้: ก็เลยชวนเขาขึ้นคอนเสิร์ตเลย

จะได้ฟังเพลงจากทุกอัลบั้มเลยหรือเปล่า

โป้: เพลงเยอะมากครับ ตัดออกแล้วยังเหลือ 40 เพลงเลย แต่ตลกดีเพราะว่าพอเรายิ่งอายุมาก โชว์ที่จะไปเล่นก็ต้องร้องเยอะขึ้น ทุกที่เลย จากโชว์ชั่วโมงนึงก็จะกลายเป็นชั่วโมงครึ่งตลอดเลย เพราะว่าคนเริ่มรู้จักเพลงของเรา

หนูเล็ก: ในเวลาที่นานขึ้นมันก็ดีตรงที่เพลงไม่ได้หายไป กลับกลายเป็นว่ากลุ่มคนที่ฟังเพลงใหม่ ๆ กลับมาย้อนฟัง มีคนฟังเพลงมากขึ้น ชอบเพลงมากขึ้น คนอายุน้อย ๆ ก็ร้องได้ ก็งงว่าเขาไปชอบโยคีเพลย์บอยช่วงไหน แล้วเวลามีโชว์ก็จะมีคนอายุน้อย คนวัยทำงาน คนรุ่นเดียวกัน มารวมด้วยกันหมด แต่เพลงเก่า ๆ ก็ยังได้รับความนิยมอยู่

โป้: แต่ตอนนี้โยคีเพลย์บอยเป็นวงลุงไปแล้ว

จะได้ดูเมื่อไหร่

หนูเล็ก: ขณะนี้เตรียมงานอยู่ ใกล้จะมีข้อสรุปเร็ว ๆ นี้ แต่คิดว่าน่าจะเป็นภายในปีนี้

อัลบั้มใหม่จะได้ฟังกันไหม

หนูเล็ก: ทำอยู่ค่ะ 7 – 8 เพลง ทำมา 3 – 4 ปีแล้ว แล้วบางเพลงใช้เวลานานมาก พี่ก็ฟังอยู่ลูปเดิม เมื่อไหร่มันจะขยับไปไหน การแต่งเพลงของพี่โป้ บางทีคอนเซปต์กับตัวเพลงแป๊บเดียวก็นึกออก แต่รายละเอียดของเพลงพี่โป้จะใส่เยอะ เสียงที่จะเกิดขึ้นในเพลงหนึ่งเพลงเขาตั้งใจมาก ประดิษฐ์ประดอยให้เกิดวิธีนำเสนอแบบใหม่ เขาเป็นคนที่ไม่อยากให้ไปซ้ำงานเดิม และไม่ซ้ำงานใคร สิ่งที่ชอบคือการคิดค้นซาวด์ใหม่ ๆ วิธีการเล่นใหม่ ๆ ซึ่งผลก็คือกว่าเพลงใหม่จะไปติดหูคนก็ใช้เวลานานมากด้วยความใหม่ของมัน คนฟังตอนแรกก็จะงง โยคีเพลย์บอยอัลบั้มแรกก็เป็นอย่างนี้ เพราะเป็นศิลปินครั้งแรก อัลบั้มเลยไม่ประสบความสำเร็จ แต่หลังจากนั้น ชุดแรกดังมาก ผ่านไปซักระยะแล้วคนชอบ เพราะเพลงต้องใช้เวลาให้คนได้ซึมซับ ได้ทำความรู้จัก เพราะพี่โป้ชอบคิดอะไรที่ต่างจากเดิมที่คนไม่คุ้นหู

ทั้งหมดที่พี่โป้ทำมาถือว่าเข้าใกล้เป้าหมายสูงสุดของชีวิตแล้วหรือยัง

โป้: ถ้ามองเป็นภูเขา ลูกแรกมันผ่านไปแล้วครับ แล้วยุคนี้ไม่ใช่ยุคของพี่แล้ว มันเป็นยุคของน้อง ๆ เห็นน้อง ๆ เก่ง ๆ หลายคน พี่ก็ได้แต่เชียร์แล้วแหละ ในส่วนของพี่ก็คือ ยังอยากทำงานออกมาให้คนที่เคยชื่นชอบเราให้เขารู้ว่าเรายังทำหน้าที่อยู่ และทำตรงนี้เพื่อขอบคุณเขา เพราะตอนนี้มีความสุขดีตลอด

มันเกิดความรับผิดชอบอะไรบางอย่าง เราต้องทำให้ดีกว่านั้น ต้องเต็มที่กับมัน อย่าปล่อยผ่าน เพราะนี่คือรางวัลที่เขาให้เรา แบบ พี่ชอบเพลงนี้ พี่เอาเพลงนี้ไปใช้นั่นนี่ มันเข้าไปเกี่ยวพันกับชีวิตเขา

ฟังเพลงวงใหม่ ๆ บ้างไหม

โป้: ฟังครับ เก่ง ๆ หลายวงเลย รุ่นใหม่ ๆ อย่าง Somkiat ถึงเขาจะร้องไม่ค่อยชัดแต่ซาวด์ดนตรีอะไรดี เพลงน่ารักดี แล้วเร็ว ๆ นี้ที่เพิ่งฟังแล้วเพลงเพราะมากคือ แอมมี่ The Bottom Blues เพลง เก็บรัก Polycat ก็ชอบBetter Weather ด้วย เราดูน้อง ๆ ในวงการว่าเป็นยังไงบ้าง คอยเชียร์

รู้สึกว่าวงหน้าใหม่ ๆ เข้ามาแล้วเราแก่ขึ้นไหม

โป้: เราทำอะไรไม่ได้หรอก เราต้องแก่ขึ้นตามวัยอยู่แล้ว ของพี่ก็คงทำเพลงตามวัยพี่ อาจจะจี๊ดจ๊าดก็ตามวัยพี่ คือเราต้องยอมรับอย่างนึงว่าคนในแต่ละรุ่นเขาต้องการฟังเสียงของคนรุ่นเขา มันเป็นแรงบันดาลใจแบบนึง ตอนรุ่นพวกพี่อาจจะมีพี่ป๊อด Moderndog เป็นเสียงของยุค ส่วนรุ่นใหม่ ๆ เราอย่าไปหวังว่าเราจะไปทำให้เขาชื่นชอบ ถ้าเขาชอบก็โอเค ดีใจ แต่วัยเขาต้องอยากฟังคนวัยใกล้ ๆ กันพูดออกมาในเรื่องนั้น ๆ ที่เขาเชื่อ  ศรัทธา ให้เขามีความสุข ความหวัง พี่ก็ไม่ได้ต้องการอะไร ก็แค่ทำตามหน้าที่ของเราต่อไป แล้วก็คอยดูว่าน้องรุ่นใหม่ ๆ วงไหนมีอะไรน่าติดตาม ก็จะตามเชียร์เขาไป บอกทุกคนว่าไม่ต้องห่วงพี่ พี่มีลูก มีความสุขดี

เพลงที่เป็นเรื่องราวชีวิตในช่วงนี้คือเพลงอะไร

โป้: เพลงที่กำลังทำอยู่ในช่วงนี้ครับ เป็นแนวลีลาศ (หนูเล็ก: ลีลาศยังไง รักเธอมากจนอยากจะแดนซ์เนี่ยนะ) ไม่ใช่ ชื่อ รักรอที่ฟลอร์เต้นรำ หน้าที่ของพวกรุ่นพี่คือต้องให้น้อง ๆ เห็นว่าเราทำอาชีพอย่างนี้ก็มีความสุขได้นะครับ มีเกียรตินะ ก็ทำตัวเองดี ๆ มีความรับผิดชอบด้วย ส่วนพี่ก็ต้องมีความสุขให้น้อง ๆ เห็น

วันนี้มาถ่ายปก Fungjaizine ที่เยาวราช มีร้านเด็ดเยาวราชแนะนำไหม

โป้: โห เยอะเลยครับ แถวทรงวาดเต็มไปหมดเลย ก๋ำหล่งนี่พี่มาบ่อยมาก เมื่อก่อนมีแค่ห้องแถวเดียวตอนนี้ โอ้โห ยิ่งใหญ่ มีบะหมี่เจ้าอร่อยอยู่ข้างทาง ชื่อลิ้มเหล่าโหงว ลูกชิ้นปลาเด้งได้ แล้วก็มีก๋วยเตี๋ยวเนื้อเบคแฮม อยู่ใกล้ ๆ วัดเล่งเน่ยยี่ เดินออกมาจากวัดแล้วเลี้ยวซ้าย ตรงไปสักพักจะมีตรอกมืด ๆ อย่ากลัว ให้เดินเข้าไป (หัวเราะ) จะมีอาแปะอยู่คนนึง ใส่หมวก ชอบเชียร์บอล ฉายาแกคือก๋วยเตี๋ยวเนื้อเบคแฮม ให้เนื้อเยอะ แล้วเนื้อแกนุ่มกำลังดี เป็นก๋วยเตี๋ยวที่มีถ้วยน้ำจิ้มแยกมาให้ด้วย

อยากฝากอะไรทิ้งท้าย

โป้: ก็ขอให้ฟังใจเจริญ ๆ นะครับ ไม่โตแบบสูงชะลูดตูดปอดนะ โตแบบมั่นคงเข้มแข็งไปเรื่อย ๆ แล้วก็พี่เองจะมีเพลง รักรอที่ฟลอร์เต้นรำ ได้ฟังกันแน่ ๆ ปีนี้

 

ตลอดเวลาชั่วโมงกว่าที่เราได้พูดคุยทำความรู้จักกับพี่โป้ ครอบครัว และงานเพลงของเขามากขึ้น ยิ่งทำให้เรารู้สึกว่าตลอด 20 ปีที่ผ่านมาเขาคือผู้สร้างสรรค์และพัฒนาสิ่งใหม่ให้กับวงการดนตรีอย่างไม่หยุดนิ่ง และความลึกซึ้ง ละเอียดอ่อน ต่องานดนตรีที่เขารัก ทำให้เพลงของเขายังวนเวียนอยู่ในชีวิตของเราอยู่เสมอ ปลายปีนี้ คนรักโยคีเพลย์บอยต้องคอยติดตามข่าวคราวให้ดี ๆ แล้วรอไปเจอกันในคอนเสิร์ตครบรอบ 20 ปี โยคีเพลย์บอยค่ะ

Facebook Comments

Next:


Montipa Virojpan

อิ๊ก เนิร์ดดนตรีที่เพิ่งกล้าเรียกตัวเองว่าเป็นนักเขียนตอนอายุ 25 ชอบเดินเร็ว นอกจากขนมปังกับกาแฟดำแล้วก็สามารถกินไอศกรีมกับคราฟต์เบียร์แทนมื้อเช้าได้