‘นี่’ อาจเป็นเพลงของ ‘เดือน จงมั่นคง’ ที่ทำให้ทบทวนอะไรมากกว่าแค่ความสัมพันธ์
- Writer: Montipa Virojpan
แม้ว่าจะเป็นการถ่ายทอดชุดคำที่มีใจความเดียวกันหรือทำให้เกิดปฏิกิริยากับผู้รับสารได้คล้ายคลึงกัน แต่ด้วยองค์ประกอบตามธรรมชาติรวมถึงรูปแบบที่เลือกนำเสนอจึงทำให้ ‘บทเพลง’ ถูกแยกออกจาก ‘กวี’ แต่แปลกไหมที่บางครั้งเรารู้สึกว่าเพลงเพลงนึงให้ความรู้สึกได้เหมือนบทกวี หรือบทกวีนี้ก็มีความไพเราะไม่ต่างไปจากเพลง ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่พบได้บ่อยนักกับโลกฉาบฉวยและว่องไวเช่นทุกวันนี้
แต่ทันทีที่เราได้ฟังเพลงล่าสุดของ เดือน จงมั่นคง ศิลปิน นักเขียน และนักดนตรีที่มีผลงานออกมามากมายตั้งแต่หนังสือรวมบทกวี ภาพถ่าย วงดนตรีที่ชื่อ Sasi จนล่าสุดเธอก็กลับมาจับโปรเจกต์เพลงโฟล์กอะคูสติกที่เธอทำมาโดยตลอดอีกครั้งโดยใช้ชื่อจริงของเธอเอง และเรารู้สึกว่า เพลงเพลงนี้ของเธองดงามและรู้สึกได้ไม่ต่างจากบทกวี
ความรู้สึกหลังจากที่ฟังเพลงนี้จบไปในรอบแรกเราคงมองว่า นี่ คงเป็นแค่เรื่องเกี่ยวกับความสัมพันธ์ประเดี๋ยวประด๋าวที่มีผลกับอุณหภูมิร่างกายและจังหวะการเต้นของหัวใจ เมื่อทุกอย่างได้ผ่านพ้นไปก็เกิดการตระหนักรู้ในที่สุดว่ามันก็เป็นเพียงวัฏฏะหนึ่งที่เกิดขึ้นและจบลง แต่พอได้ซึมซับกับเพลงนี้ไปอีกซักสองสามรอบก็จะพบว่า นี่ คือการเข้าใจความเป็นธรรมดาของชีวิตที่ไม่มีอะไรอยู่กับเราได้ถาวร แม้แต่ความสุขของเราเอง จนบางทีเราก็เกิดความสงสัยอีกครั้งว่าเมื่อทุกสิ่งไม่จีรัง แล้วมันมีอะไรที่เป็นจริงบ้าง เพราะการที่มันได้เกิดขึ้นและผ่านพ้นไปแล้วแบบไม่มีหลักฐานรูปธรรมหลงเหลืออยู่ก็เหมือนว่าสิ่งเหล่านั้นไม่เคยมีอยู่มาก่อน ตรงนี้อาจเป็นเหตุผลที่ทำให้เพลงนี้ถูกเรียกในชื่อภาษาอังกฤษว่า Surreal ที่อะไรก็ดูเหนือจริงราวกับเป็นแค่ฝัน แต่ก็แปลกนะที่บ่อยครั้งความฝันเหล่านั้นดันเหมือนจริงเสียเหลือเกิน
สิ่งที่โดดเด่นของเพลง นี่ น่าจะเป็นการขึ้นต้นเกือบทุกวรรคเป็นคำเดียวกันหมดคือคำว่า ‘นี่’ แต่ไม่ได้บอกในทีแรกว่า ‘นี่’ ในที่นี้คืออะไร ซึ่งเป็นวิธีอธิบายความหมายของคำว่า ‘นี่’ ได้อย่างเป็นธรรมชาติที่สุด เพราะคำว่า ‘นี่’ หรือ ‘this’ มันไม่ได้เป็นการระบุสิ่งเจาะจง แต่เป็นการบอกตำแหน่ง บอกสถานะของสิ่งที่อยู่ตรงหน้าหรือกำลังเกิดขึ้นแบบคร่าว ๆ เท่ากับว่ามันคือความคลุมเครือในตัวเองอยู่แล้ว ลองนึกถึงเวลาคนพูดว่า ‘นี่’ ขึ้นมาลอย ๆ ถ้าไม่ได้มองเห็นด้วยตาของตัวเองหรืออยู่ในสถานการณ์นั้นเราก็จะต้องถามว่า ‘นี่’ ที่พูดถึงอยู่คืออะไร แต่พอฟังไปเรื่อย ๆ เนื้อเพลงก็จะเล่าเรื่องว่า ‘นี่’ หมายถึงความรู้สึกหนึ่งที่เกิดขึ้นมาในหัวใจ ทว่าก็เป็นความรู้สึกที่ไม่สามารถอธิบายได้ชัดเจนเสียทีเดียว
พาร์ตดนตรีเป็นสิ่งที่ช่วยถ่ายทอดความรู้สึกที่อบอวลอยู่ในเนื้อหาของเพลงออกมาได้อย่างสมบูรณ์ ผ่านการสร้างสรรค์ร่วมกันของเดือนและนักดนตรีมากฝีมือทั้ง เป้—อารักษ์ อมรศุภศิริ, ยุ้ย—เสาวคล ม่วงครวญ (เชลโล่) และ กวิน ก้อนทอง (เปียโน) นำเสนอท่วงทำนองช้า ๆ ที่บรรเลงด้วยกีตาร์แต่น้อย คลอไปกับการพรมเปียโนวนลูปเบา ๆ ให้บรรยากาศความงดงามและชวนฝันของความรัก แต่พรั่งพรูความเศร้าอันรวดร้าวออกมาผ่านเสียงเชลโล่ทุ้มต่ำคอยเอื้อนเอ่ยความผิดหวัง การร้องด้วยเสียงแผ่วเบาคล้ายกระซิบกระซาบของเดือนก็ยิ่งขับชัดถึงความเปราะบางและลึกล้ำในจิตใจมนุษย์ที่เราไม่สามารถคาดเดาได้ บวกกับภาพเคลื่อนไหวของ จอร์จ—ธาดา วาริช ช่างภาพชื่อดังที่มานำเสนอความงดงามฟุ้งฝันของความรู้สึกในห้วงรักผ่านมิวสิกวิดิโอตัวนี้ และเดือนก็รับหน้าที่ลำดับภาพด้วยตัวเอง
นี่อาจเป็นความเหงา
นี่อาจจะต่างไป
ใครบอกทีได้ไหม บอกให้เข้าใจ ให้ชัดเจนเสียที
นี่อาจเป็นความรัก
นี่อาจคือหลงเพ้อฝันไป
น้ำตาที่มันไหล นี่คืออะไรใครช่วยบอกที
นี่อาจคือความหวาน
ที่อาจไม่ยาวนานเท่าไหร่
นี่อาจหลอกให้ฉันเข้าใจว่าชีวิตนั้นยังมีอะไร…ที่สวยงาม
นี่อาจไม่มีความหมาย
พรุ่งนี้อาจคล้ายไม่เคยมีอะไร
เมื่อตะวันลับขอบฟ้า
พอตื่นขึ้นมาคงเป็นเพียงแค่..ฝันไป
ฉันไม่เคยจะรู้
ยังอยู่ในความสงสัย
ชีวิตมีอะไรให้ฉันสุขใจ
และเปลี่ยนไปทุกครา