Article ระเห็ดเตร็ดเตร่

ตะลุยไนต์ไลฟ์ในปีนัง ปิดฉาก Converse_X_ กับ Showcase ในคืนสุดท้ายก่อนแยกย้าย (ตอนที่ 3)

  • Writer: Montipa Virojpan
  • Photographer: Converse Team and Montipa Virojpan

วันที่ 5 สำหรับแคมเปญ Converse_X_ ที่ทุกคนได้ลงมือสร้างสรรค์งานจริง พร้อมกับ showcase จัดแสดงงานและปาร์ตี้ทิ้งท้าย ณ Hin Bus Depot เมืองปีนัง เราก็แอบแว้บไปสำรวจ Georgetown เพิ่มเติมอีกสักนิดก่อนที่ทุกคนจะต้องแยกย้ายกลับบ้าน

ต่อจากตอนที่แล้ว Part I, Part II

แตมพิมพ์มาในกรุ๊ปว่าคนอื่น กำลังจะไปที่บาร์เสียงดัง แสงนีออนจัด ข้างโรงแรม แต่พอเราเดินไปจนถึงระยะที่พอจะได้ยินเสียงก็เริ่มคิดว่าจะไปดีไม่ไปดี ทีนี้ระหว่างที่ลังเลก็เจอเฮียน (อีกแล้วววว) เดินมาก็บอกว่าจะไปบาร์อันนั้นเหมือนกัน เอาวะ ลองดู พอไปถึงก็ไม่เจอใคร แถมเพลงมีความโลคัลมาก คือเหมือนเป็นเพลงอินเดียหรือภาษามลายูไม่รู้ มีความภารตะผสมดีเจรถบั๊มพ์ แล้วย่านเบสดังมาก แสงแสบตามาก ดีเจบทจะเปลี่ยนเพลงก็เปลี่ยนแบบไม่สนใจความสมูธหรือความซิงค์ของบีตใด ผมกับเฮียนนี่ถึงกับรีบเดินหนีกลับโรงแรมเลยครับ แล้วมาพบว่าพวกทีม Converse นั่งกันอยู่ที่บาร์ตรงล็อบบี้โรงแรม ตอนแรกพวกเขาก็จะไปบาร์นั้นเหมือนกัน แต่เห็นว่าปิดเลยเดินกลับมา เราบอกว่าไม่ปิด แต่ต้องเดินอ้อมไปทางฝั่งถนนใหญ่ ขณะที่เฮียนตัดสินใจนั่งกินเบียร์กับคนอื่น ที่นี่ แตมกับอีฟก็เดินลงมาในชุดคลุมอาบน้ำ ตรงไปสั่งเบียร์หกเหยือกที่เคาน์เตอร์ พวกนางจะเปิดตี้ที่อ่างอาบน้ำในระเบียงห้องจ้าาา จัดแจงพิมพ์ชวน Converse_X_ คนอื่น ๆ ในกรุ๊ป เรียบร้อย บอกว่า bring your own booze แล้วมาจอยกัน เพราะทางโรงแรมเขาให้เรากดเหล้ามาดื่มกันได้ฟรี ไปจนถึงตีหนึ่งเล้ย

ส่วนเราเนี่ย ยังไงก็ยังอยากออกไปท่องราตรีในปีนังอยู่ดี พวกทีม Converse ก็ห่วงว่านี่น้องนีอย่างฉันจะไปคนเดียวจริง เหรอ ก็ทำไงได้ล่ะ ชวนเพื่อนแล้วก็ไม่มีใครไปเลยฉายเดี่ยวซะเลย! แล้วก็ถามดีเจ Smiley ว่าบาร์ไหนในจอร์จทาวน์ที่ค็อกเทลอร่อยบ้าง ก็ได้ลายแทงมาเป็น ChinaHouse กับ Mish Mash แต่ตอนนี้เป็นเวลาห้าทุ่ม ได้ยินว่าแถวนี้ร้านปิดเที่ยงคืน เลยต้องรีบจัดแจงเรียกแกร๊บราคา 18 ริงกิตจากโรงแรมเข้าเมืองไปให้รู้แล้วรู้รอด ถ้าสองร้านนี้ปิดก็ค่อยว่ากันเพราะ Smiley บอกอีกว่ามันมีถนนชื่อ Love Lane ที่มีบาร์เยอะมาก ค่อยไปเดินเลือกเอาก็ได้

เราใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงก็มาถึงย่านจอร์จทาวน์ แม้จะเป็นเวลาดึกดื่นแต่ถนนยังสว่างสไวไปด้วยแสงไฟจากบาร์และผู้คนคลาคล่ำ เราเข้าไปใน ChinaHouse และต้องพบกับความตื่นตามาก ที่มันเป็นร้านขนาดสองคูหา แต่ด้านในยาวเข้าไปสุดลูกหูลูกตา แต่ละห้องแบ่งเป็นคาเฟ่ออสเตรเลียนสไตล์ชื่อ Kopi C และร้านอาหาร BTB ห้องสมุด (ที่เอาอาหารและเครื่องดื่มมากินไปด้วยอ่านไปด้วยได้) มี co-working space ชื่อ 14 Chairs และบาร์ที่ชื่อ Vine & Single มีแกเลอรี่ กับสวนหลังร้านที่มีสระน้ำร่มรื่น และ The Canteen เป็นบาร์ ร้านอาหาร มีดนตรีสดทุกคืน แต่ในวันนี้เราขอจอดที่ Vine & Single ก็แล้วกัน

บาร์ตกแต่งสไตล์น่ารักมาก มีพวกภาพวาดแขวนเต็มผนัง โต๊ะขนาดใหญตั้งอยู่กลางห้อง และมีบาร์ที่หันหน้าเข้าหากระจกบานใหญ่ มีโต๊ะตรงมุมห้อง และดีเจที่เล่นเพลงจากไวนิล เรียกว่ากลับสู่ชีวิตสงบสุขหลังจากสุดเหวี่ยงกับปาร์ตี้ที่ต้องเต้นกับเพลงอิเล็กทรอนิกฮิปฮอปรัว จนหูปวด ที่นี่เขาเล่น The White Stripes, Kasabian, The XX, Radiohead, Kaiser Chiefs, Alex Turner เหมือนกลับสู่สามัญเลยค่ะ ฮือ ส่วนค็อกเทลที่นี่ก็ไร้ที่ดิ มีทั้งคลาสสิกค็อกเทลและซิกเนเจอร์ของทางร้าน ซึ่งเราก็เพลย์เซฟด้วยการจัดเนโกรนีมาลอง ปรากฏว่าอร่อยมาก!!! แล้วบาร์เทนเดอร์ก็เฟรนด์ลี่ เห็นนี่มาคนเดียว แต่พอเราจะอยู่ในโลกของเราเขาก็ไม่กวนละ ลองถามเขาว่าปิดกี่โมงก็พบว่าปิดตีสอง เหมือนที่นี่เขาแค่ใส่เวลาในเว็บว่าปิดเที่ยงคืนแค่ให้มันไม่ผิดกฎหมายแค่นั้นแหละ เราก็เลยถือโอกาสนั่งยาวไป อ้อ ด้วยความที่ชื่อร้านเขาเป็น Vine & Single แน่นอนว่าต้องเสิร์ฟ single malt whisky กับไวน์เป็นหลัก แล้วไวน์ที่ก็มีที่เป็นแบบ organic, natural, biodynamic ให้เราเลือกละลานตามาก สรุปกดแกร๊บพร้อมกด Basket Range เป็น merlot ผสม carbernet sauvignon กลับบ้านหนึ่งขวดถ้วน พอถึงโรงแรมก็กลับไปที่ห้องแตมเพื่อจอยปาร์ตี้อ่างอาบน้ำกับอีฟและเอพริลสักพักก่อนแยกย้ายกันไปนอน

25 พฤษภาคม 2562

ในที่สุดวันเวิร์กช็อปก็มาถึง เมื่อทานอาหารเช้ากันเสร็จ พวกเราก็เตรียมตัวกันขึ้นรถบัสเพื่อไป Hin Bus Depot ซึ่งเป็นเหมือน creative space ในจอร์จทาวน์ ที่มีร้านอาหาร คาเฟ่ แกเลอรี่ ร้านไอศกรีม เครื่องดื่มออแกนิก และ event space ให้ทุกคนได้ใช้พื้นที่ทำ final project กัน เราก็ตามดูแต่ละกลุ่มทำผลงานของตัวเองที่ตีความจากโจทย์ที่ได้ ระหว่างนั้นก็มีดีเจ Smiley รับหน้าที่เปิดเพลงชิล ให้ฟังระหว่างทำงาน

เมื่อทุกคนทำเสร็จแล้วก็พอจะเหลือเวลาว่างก่อนจะถึงปาร์ตี้และงานเปิดตัว Converse_X_ showcase ที่จะจัดแสดงผลงานของทุกคนในค่ำคืนนี้ที่สถานที่เดียวกัน เรา แม็กซ์ วินดี้ เลยไปเดินสำรวจในเมืองปีนัง ปล่อยให้ชาว Converse_X_ คนอื่น ไปถ่าย street fashion กัน

Dani, Pat, Pyra
Dani, Pat and Pyra
Fernanda, Charmaine, Denilson
Lurear, Price, Hien
Tamm, Bas Boi, Shahera
Bastien, Aysha, Nicola
Eryk, Xandro, April
Atta, Hy, Embher

เราเรียกแกร๊บจาก Hin Bus Depot มาลงยัง Chew Jetty ซึ่งเป็นหมู่บ้านชาวประมงของปีนัง เชื่อหรือไม่ว่าสภาพร้านค้าและบ้านมีความคล้ายคลึงกับตลาดน้ำบ้านเรามาก คือใช้พื้นไม้ปู สร้างบ้านด้วยไม้ ทำอาชีพจับปลาหาเลี้ยงชีพ แล้วก็คลาคล่ำไปด้วยผลิตภัณฑ์แปรรูปจากทุเรียน คือมันไทยมากกกกก ถึงกับพูดกับเพื่อน ว่า เหมือนดอนหวาย อัมพวา บ้านไอเลย แง่

แต่ไม่ปฏิเสธว่าบริเวณท่าน้ำบรรยากาศดีมาก

จากนั้นเราก็กะจะเดินต่อไปยัง Little India แต่ก็มาผ่าน ChinaHouse ซะก่อน เลยบอกเพื่อน ว่าเนี่ยร้านที่มาเมื่อคืน แล้วทุกคนก็ตรงดิ่งเข้าไปทันที พบว่าฝั่งที่เราเข้ามาในวันนี้คือคนละฝั่งกับเมื่อคืน เป็นส่วน The Canteen และมีสวนหลังร้านกับสระน้ำ ซึ่งบรรยากาศตอนกลางวันของที่ outdoor ตรงนี้ร่มรื่นอย่างไม่น่าเชื่อเมื่อเทียบกับแดดจ้าและความร้อนอบอ้าวจากที่เราเดินผ่านมาตลอดทาง เราจัดแจงสั่งเครื่องดื่มกันตั้งแต่ตอนสี่โมงครึ่ง (เห็นจะมีก็แต่ประเทศไทยเราเนี่ยแหละที่จำกัดเวลาจำหน่ายแอลกอฮอล์) โมฮิโต้ดิฉันดีงามมาก ส่วนคนอื่น สั่งเบียร์ไทเกอร์เพราะมีโปร happy hour ถูกม้ากกก นี่รู้ช้าไม่งั้นก็สั่งด้วย แล้วก็นั่งเม้าท์มอยประสามีเดียกันไปพักนึง

Vindy and Max

จากนั้นก็ออกเดินต่อไปยัง Little India ก็พบว่าบ้านเมืองเขาสะอาดมาก เป็นย่านน่ารัก คล้าย Arab Street ในสิงคโปร์

เดินต่อไปอีกนิดก็จะเจอกับโซนศาลากลางเมือง เป็นอาคารยุโรปอยู่ใกล้ สวนสาธารณะริมทะเล

หลังจากเดินมาได้พักนึง อยู่ดี เกิดนึกอะไรขึ้นมาไม่รู้ อยากนวด แต่ลืมไปว่าที่นี่ไม่ใช่บ้านเรา จะมีร้านนวดแผนโบราณได้อย่างไร ปรากฏว่าแม็กซ์บอกว่าเคยเซิร์ชหาร้านนวดอยู่เหมือนกัน (เอ้า งง คนชิลีก็ติดนวดเหมือนกันหรอ) แล้วเราก็เจอร้านนวดชื่อ Legacy Massage เท่านั้นแหละ มุ่งหน้าตรงไปยังร้านนวดทันที และพอถึงก็เด๋อถามเขาว่ามีหมอนวดไทยไหมคะ เขาบอกว่าไม่มี แต่เป็นการนวดสไตล์เกาะบอร์เนียว เราก็ไม่คิดไรมาก ไหน ลองอะไรที่มันโลคัลแล้วก็ไปให้สุด ด้วยการเลือกนวดเท้าคนละ 30 นาที ราคา 40 ริงกิต นั่งให้เขานวดไปสักพักพบว่ามันคล้ายนวดแผนไทยเลย แค่ของเขาเป็นการกดจุดที่เมามันมาก ถึงขนาดต้องขอนวดตัวต่ออีก 30 นาที โฮ่ ฟินนนนนน เสร็จแล้วก็เริ่มหิวก็ได้เวลาไปหาของกิน ใจนี่อยากกินลักซามาก มันฟีลเหมือนขนมจีนน้ำยากะทิ ใส่อาหารทะเลลวกไม่ค่อยสุก ปรากฏเดินหาอยู่พักใหญ่ไม่เจอเลยจบที่ร้านอาหารจีนใกล้ ปรากฏว่าสั่งมาไม่ดูตาม้าตาเรือเพราะความหิว ชามใหญ่มาก ของฉันเป็นหม่าโปเต้าฝุ ของแม็กซ์เป็นเต้าหู้ผักเพราะนางเป็นมังสะวิรัติ ส่วนวินดี้ก็ได้ราดหน้าหมี่กรอบขาเป็ดมา ใหญ่มากแม่ และจานกลางก็เป็นฮะเก๋าที่อร่อยสุด น้ำตาจะไหล ไม่มีเวลาชื่นชมมาก ต้องมูฟกันไปที่จัดงานกันแล้ว

เวลาประมาณสองทุ่มนิด เราเห็น Converse_X_ และทีมงานมายืนกรูกันด้านหน้า Hin Bus Depot พร้อมกับประตูเหล็กที่ค่อย ถูกเปิดออกให้ทุกคนได้เข้าไปร่วมชมนิทรรศการจัดแสดงผลงานของพวกเขา เฟอร์ย่าเอากระป๋องสเปรย์มาพ่นคำว่า Penang ลงไปบนโลโก้งานและทุกคนก็เข้าไปชื่นชมงานคอลลาจที่ถูกจัดแสดง

หลายคนยืนดูงานของตัวเองและเพื่อน แล้วโผเข้ากอดกัน บางคนก็น้ำตาไหลออกมาเหมือนกับความรู้สึกตลอดเวลาห้าวันที่อยู่ด้วยกันมันมีค่ามาก สำหรับพวกเขา และวันนี้ก็เป็นคืนสุดท้ายที่ทุกคนจะได้ใช้ชีวิตด้วยกันก่อนที่ต่างฝ่ายจะต้องแยกย้ายกันกลับประเทศของตัวเอง

จากนั้นก็ได้เวลาของปาร์ตี้ที่มีการแสดงจากวง experimental noise punk ของปีนัง (ขออภัยจำชื่อไม่ได้ แต่เพลงคือบีตดีมาก เสียดายเสียงนักร้องแสบแก้วหูไปหน่อย อะแง)

แล้วดีเจ Smiley ก็มาสร้างความสนุกในค่ำคืนนี้อีกเช่นเคย แต่เซ็ตเพลงที่เปิดวันนี้คือ turn up มาก ทุกคนมุ่งตรงไปยังโต๊ะเบียร์ free flow กดกันแบบไม่ยั้ง มีช็อตเยเกอร์ไมสเตอร์ เตกิลา ไวน์ และสารพัดสิ่งที่พวกเขาจะหามาทำให้เมาได้ จับกระดกกันช็อตแล้วช็อตเล่า รู้สึกกลัวตัวเองมาก ไม่อยากคิดเลยค่ะว่าคืนนี้จะรอดไม่รอด แต่สักพักนึงเราก็เริ่มเต้นเหนื่อย (อีกแล้ว) ไหน ตอนนี้เราก็อยู่ในจอร์จทาวน์แล้ว ก็ไปตามเก็บบาร์อีกที่ที่เขาแนะนำมากันเลยดีกว่าค่ะ

เรามาถึง Mish Mash โดยใช้เวลาเพียงสิบนาที ลักษณะเป็นบาร์เล็ก แต่งสไตล์เปอรานากัน กลิ่นบุหรี่ลอยมาเตะจมูกทันทีที่ก้าวเข้าไป แล้วเราก็จับจองที่นั่งหน้าบาร์พร้อมกับสั่งสิ่งที่เรียกว่า Cross Country เป็น signature cocktail ของที่นี่ พอดูเมนูอาหาร เราก็ถลึงตาทันทีเพราะที่นี่มีอาหารจานหมู!!! โอ้โฮ ไม่รอช้าค่ะ สั่งมาเลย เมนู PNG เป็นคอหมูทอด จิ้มกับซอสที่มีส่วนผสมเป็นเบียร์ Guinness สูตรพิเศษ กินกับแตงกวาสด อร่อยมาก แต่กินคนเดียวไม่หมดเลยห่อกลับบ้าน แต่คิดว่าตอนนี้ที่ปาร์ตี้คงยังไม่เลิก เราเลยหิ้วกล่องหมูทอดขึ้นแกร๊บกลับไปที่งาน

ซึ่งก็เป็นอย่างงั้นจริง เมื่อเราเห็นชาว Converse_X_ เต้นกันราวกับจะไม่มีพรุ่งนี้อีกแล้ว สายรายงานมาว่าไพร่าต้องเคลียโต๊ะให้แตมขึ้นไปเต้น เพราะก่อนหน้านี้น้องลงไปทเวิร์คที่พื้นหญ้าจนเข่ากางเกงยีนกลายเป็นสีเหลือง เยี่ยมมากค่ะ ทีมไทยแลนด์ต้องไม่แพ้ชาติใดในโลก ตอนนั้นก็เริ่มมีการจับเหล้ากรอกปากเกิดขึ้นอีกครั้งโดยเฮียน นี่ก็โดนเตกิล่าไปอีกรอบ เต้น อยู่สักพักก็กลับไปนั่งที่โต๊ะกับ Charmaine สไตลิสต์ที่ทำงานกับ Kittie Yiyi และแฟชันไคคอนแห่งกัวลาลัมเปอร์ และ Dani vlogger/ วีเจช่อง MYX ของฟิลิปปินส์ นั่งวิจารณ์วงดนตรีที่เพิ่งเล่นจบไปกันอย่างสนุกสนาน

จนประมาณตีสองที่ทุกคนดูจะหมดแรงละพร้อมที่จะกลับไปยังที่พักกันแล้ว ระหว่างที่ขึ้นรถกัน ไพรซ์ก็นำร้องเพลงอีกครั้งโดยคราวนี้ร้องว่า ‘Last night in Malaysia’ แล้วก็ส่งเสียงเชียร์ให้ทีมงานหลาย คนและเรียกให้ Converse_X_ แต่ละคนออกมาเต้นกันแบบไม่กลัวเมารถ และตอนนั้นเองที่เราได้ค้นพบว่าคนที่กิ๊กกันในกลุ่มที่ไพรซ์กับซานโดนเม้าท์กันคือ Eryk ช่างภาพอิสระจากโปแลนด์ และ Embher นักร้องนักแต่งเพลงจากนิวซีแลนด์เพราะแม็กซ์ดันตะโกนแซวที่พวกเขานั่งด้วยกันว่า ‘Get a room!’

ในที่สุดเราก็ถึงที่พัก เราบางส่วนมุ่งตรงไปยังแมคโดนัลด์ ส่วนเราก็ไปเอาไวน์ที่เหลือมาแบ่งกินกับพวกที่รออยู่ที่สระ มี Ayesha สาวซ่าจากนิวซีแลนด์ ชาฮีร่า เฟอร์ย่า ซานโดร เอพริล และฮี ส่วน บาสบอย เฮียน เมสัน ว่ายน้ำลอยคออยู่สบายใจเฉิบ เรากับอีฟก็เลยลงไปแบ่งไวน์ให้พวกนั้นกินด้วย ก่อนจะโดนยามไล่ออกจากสระ เพราะสระปิดแล้วจ้าเพลานี้ ก็เลยขึ้นมานั่งเศร้าซึมคุยกันว่า เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็ไม่เจอกันแล้วนะ ถึงขั้นมีแพลนว่าต่างคนต่างจะบินไปหากันในประเทศต่าง ส่วนบาสบอยนี่ก็เอาไวน์ผมไปกินจนเรากลายเป็น wine buddies กันเฉย ฮ่า พักนึงก็คิดว่าถึงเวลาอันสมควรแล้ว ก็บอกลาเพื่อน ที่สระแล้วกลับไปนอน เตรียมตัวออกเดินทางในวันรุ่งขึ้น

26 พฤษภาคม 2562

*เสียงโทรศัพท์สั่น*

เราสะดุ้งตื่นอย่างรวดเร็วเมื่อได้ยินเสียงแกรก แล้วเห็นว่าสายที่โทรเข้ามาคือไพร่าอิ๊ก เขากินข้าวกันเสร็จหมดแล้ว รถจะออกแล้วชิบหายยยยยย วางสายจากไพร่าแล้วเราก็ดูนาฬิกา 9.30 จริง ด้วย ว้ากกกก นี่ลืมตั้งนาฬิกาปลุกหรอ เกือบแล้ววว ดีนะที่ไม่ได้เอาของออกมาจากกระเป๋าเยอะขนาดนั้นเลยพอจะยัด ๆๆๆ ทุกอย่างกลับเข้าไปได้ ส่วนรองเท้าสามคู่นี่ก็ยัดแยกไปในกระเป๋าอีกใบนึงละกัน สำรวจข้าวของทั้งหมดว่าไม่มีอะไรตกค้างแล้วก็รีบวิ่งไปคืนคีย์การ์ดที่ล็อบบี้พร้อมกับขึ้นรถตู้ไปยังสนามบินได้ทันเวลา แฮ่ก

ระหว่างที่เช็กอินที่สนามบิน แดนี่กับซานโดรนั่งรถมากับทีมไทยของเราด้วย รวมถึงทีมอินโดนีเซียที่มี Atta ช่างภาพ บาสบอย และ วินดี้ ที่ตามมาสมทบ ตอนนั้นเราเห็นซานโดรกำลังร้องไห้และมีแดนี่คอยปลอบ เรากับไพร่าก็เลยต้องเขาไปโอ๋ซิสด้วยคน ทุกคนใน Converse_X_ สนิทกันมากจริง และคงไม่อยากให้วันนี้มาถึง แต่สุดท้ายแล้วงานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา แต่อีกไม่นานก็คงถึงวันที่เสียงเพลงจะดังขึ้น และแสงไฟจะสว่างสไวอีกครั้ง แค่ตอนนี้เราก็ทำได้แค่ส่งเซลฟี่หน้าตัวเองแล้วคุยกันใน instagram story สถานที่แรกที่ทำให้ทุกคนได้มาเจอกันใน Converse_X_ ครั้งนี้แทนแหละนะ

ขอบคุณทีม Dudesweet, Converse_Thai, Converse_X_, PYRA, อีฟ และ แตม ที่ให้ Fungjaizine ได้มาร่วมติดตามชีวิตของกลุ่มคนสร้างสรรค์ตลอดระยะเวลา 5 วันเต็ม ใน 3 เมืองที่เต็มไปด้วยความแตกต่างทางวัฒนธรรม สถาปัตยกรรม ผู้คน ภูมิทัศน์ และเราเองก็ได้ร่วมงานกับมืออาชีพในแต่ละสาขาอาชีพ ได้เพื่อนใหม่จากหลายหลายประเทศ คือถ้าไม่มีโครงการนี้โอกาสแบบนี้คงเกิดขึ้นได้ยากมาก และนี่ยังไม่ใช่โครงการสุดท้ายของ Converse Global มารอดูกันว่าพวกเขาจะสร้างแรงขับเคลื่อนอะไรให้กับโลกอีกบ้าง เร็ว นี้

Follow at:
PYRA: @onlypyra
Eve: @_l_u_r_e_a_r_
Tam: @tamm.c

@Converse_X_
#Converse_X_

Facebook Comments

Next:


Montipa Virojpan

อิ๊ก เนิร์ดดนตรีที่เพิ่งกล้าเรียกตัวเองว่าเป็นนักเขียนตอนอายุ 25 ชอบเดินเร็ว นอกจากขนมปังกับกาแฟดำแล้วก็สามารถกินไอศกรีมกับคราฟต์เบียร์แทนมื้อเช้าได้