ซีดี, จุดจบ

Article Guru

หรือนี่จะเป็นจุดจบของซีดี?

  • Writer: Malaivee Swangpol

ในปี 2002 ซีดีเคยทำรายได้กว่า 95.5% ของยอดขายโดยรวมในอุตสาหกรรมดนตรี กวาดรายได้ไปเกือบ 20,000 ล้านดอลลาร์​ แต่หลังจากนั้นยอดขายก็ตกลงมาเรื่อย ๆ จนเหมือนจะกลับมามีหวังและเติบโตทีละนิดขึ้นช่วงปี 2015 ในทางกลับกัน ไวนิลก็เคยกลับมาฮิตทั่วบ้านทั่วเมือง คนซื้อเครื่องเล่นและซื้อแผ่นไวนิลมาสะสมกันอย่างสนุกสนานจนทำยอดขายเติบโตสูงสุดเป็นประวัติการณ์ตั้งแต่โลกก้าวเข้าสู่ยุค 2000 แต่ปีที่ผ่านมากลับมีรายงานว่ายอดขายไวนิลเริ่มนิ่ง สรุปแล้ว ใครจะอยู่ใครจะไป? ​เรามามองสู่ 2019 กัน ว่าเราจะเข้าสู่โลกยุคดิจิทัลอย่างเต็มตัว หรือจะกลับมาโหยหาอดีตแบบที่เคยเป็นอีกหรือเปล่า?

ปี 2017 ยอดขายซีดีในสหราชอาณาจักรลดลงกว่า 23% เพราะทุกคนย้ายไปฟังสตรีมมิ่งกันหมด โดยในปีต่อซีดีทำยอดขายไปได้เพียง 32 ล้านแผ่นเท่านั้น ซึ่งน้อยกว่าในปี 2008 กว่า 100 ล้านแผ่นเลยทีเดียว โดยในขณะเดียวกันไวนิลซึ่งเป็นความหวังของกลุ่มสินค้า physical ก็เติบโตเพียงแค่ 1.6% เท่านั้น ไม่ต่างกันกับในสหรัฐอเมริกาที่ยอดขายซีดีตกลงกว่า 80% ตลอดทศวรรษที่ผ่านมา จากกว่า 450 ล้านแผ่นเหลือแค่ 89 ล้านแผ่น

ในไทยเองก็เช่นกัน ในปีที่แล้ว B2S ร้านขายเครื่องเขียนเจ้าใหญ่ก็ปิดตัวแผนกซีดีตามสาขาย่อยไปหมดแล้ว จะเหลือวางจำหน่ายที่สาขาใหญ่ ๆ อย่างที่สาขาเซ็นทรัลเวิลด์ กับที่สาขาเมกะบางนาเท่านั้น เช่นเดียวกับห้างค้าปลีก Tesco และ Sainsbury’s ในสหราชอาณาจักรที่ลดขนาดการจำหน่ายซีดี เหลือเพียงซีดีเพลงยอดฮิตเท่านั้นที่จะอยู่บนแผง แต่ร้านที่น่าเป็นห่วงน่าจะเป็น HMV ร้านขายซีดีที่มีกว่า 125 สาขาทั่วเกาะอังกฤษ ซึ่งกำลังอยู่ในช่วงการยื้อให้ร้านอยู่ต่อไปได้ ซึ่งเป็นผลพวงจากภาวะวิกฤติของร้านค้าปลีกในอังกฤษและพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป โดย Paul McGowan ผู้บริหาร HMV คาดการณ์ว่า รายได้ของธุรกิจการขายสินค้า physical ต่าง ๆ จะลดลงอีกกว่า 17% ในปีนี้ ซึ่งจะทำให้ร้านไม่สามารถอยู่ได้แน่ ๆ (จนถึงกับมีคนออกมาแนะนำให้รีบใช้บัตรกำนัล HMV ซะก่อนร้านจะเจ๊ง) ซึ่งนอกจากพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป ผลพวงจาก Brexit (การออกจากสหภาพยุโรปของสหราชอาณาจักร) ก็ทำให้ภาษีนำเข้า,​ ค่าแรงขั้นต่ำ​ ฯลฯ​  เพิ่มขึ้นอีกด้วย

มาดูสถติอัลบั้มที่ขายดีที่สุดของปี 2018 โดยส่วนมากจะเป็นอัลบั้มรวมฮิตหรือซาวด์แทร็ค ลองดูภาพได้ด้านล่าง

 

Top Album 2018

อีกจุดเปลี่ยนที่น่าสนใจคือ สองอัลบั้มที่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล Grammy Awards สาขา Album of the Year ปี 2019 อย่าง Cardi BInvasion of Privacy และ H.E.R.self titled ก็ไม่มีการวางจำหน่ายเป็นซีดีในสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 1984 ที่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น

“พวกเราเปลี่ยนวิถีการฟังเพลงและชมภาพยนตร์ไปเยอะมาก ไปสู่การสตรีมจาก Netflix และ Spotify มากขึ้น” คิม เบย์ลีย์ จากสมาคมผู้ค้าปลีกธุรกิจบันเทิงให้ความเห็น “​แต่ฉันคิดว่าเราควรจะระลึกไว้ว่าธุรกิจการขายสินค้า physical คือธุรกิจที่มีเงินสะพัดกว่าสองพันล้านปอนด์​ แม้กระทั่ง HMV เองก็ยังมีส่วนแบ่งยอดขายไปกว่าสองร้อยห้าสิบล้านปอนด์เลยทีเดียว”

แต่จอน ทอลลีย์ เจ้าของร้านซีดีอิสระ Banquet Records ยังคงยืนยันว่าสตรีมมิ่งยังคงอยู่ควบคู่กับซีดีและไวนิล “ผมไม่คิดว่ายอดขายของซีดี ไวนิล จะต้องมาแข่งอะไรกับสตรีมมิ่ง พวกเราเข้าถึงเพลงและภาพยนตร์บนอินเทอร์เน็ต และมันถูกต้องแล้ว มันดีกับอุตสาหกรรมเพลง แต่คุณคงไม่นั่งดูรูปโมนาลิซ่าในโทรศัพท์และคิดว่ามันแทนการไปพิพิธภัณฑ์ได้” นอกจากนี้เขายังเสริมอีกว่า “เหตุผลที่ยอดขายไวนิลสูงสุดในรอบ 25 ปีเพราะว่าผู้คนเริ่มปฏิเสธสังคมยุคปัจจุบันที่ทุกอย่างมันไว ซึ่งมันไม่มีความหมายอะไรเลย”

Jack White เห็นต่างจากนั้น เขาเชื่อว่าซีดีกำลังจะตาย “ผมเชื่อว่าทศวรรษหน้าจะเหลือแค่สตรีมมิ่งและไวนิล สตรีมมิ่งในรถและห้องครัว ส่วนไวนิลก็เอาไว้ฟังในห้องนั่งเล่นและห้องอื่น ๆ มันจะมีแค่ 2 ฟอร์แมตนี้แหละ และผมก็รู้สึกดีถ้ามันจะเป็นแบบนั้น”​

ซีดี

ในขณะเดียวกัน สตรีมมิ่งก็กำลังเติบโตเต็มที่ในทางตรงกันข้ามกับตลาดซีดีและไวนิล (ดูภาพบน)​ โดยในปี 2017 ในสหราชอาณาจักรมีการสตรีมเพลงกว่า 91 ล้านครั้งในแอพสตรีมมิ่งต่าง ๆ หรือเท่ากับกว่า 1,300 เพลงต่อคน และตอนนี้การสตรีมนับเป็น 63.6% ของการฟังดนตรีในสหราชอาณาจักร แต่ข้อดีก็คือ ยอดสตรีมก็ได้กลับมาช่วยอุตสาหกรรมดนตรีทำให้พอจะเติบโตได้บ้าง โดยสร้างรายได้ไปกว่า 1.33 พันล้านปอนด์ ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลช่วยกันให้อุตสาหกรรมดนตรีกลับมาเติบโตอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2016 และยังคงเติบโตเรื่อย ๆ อย่างในสหรัฐอเมริกา ยอดการสมัครสตรีมมิ่งแบบพรีเมียม (เสียเงินรายเดือน)​ ก็นับเป็น 3 ใน 4 ของยอดสตรีมมิ่งทั้งหมด ซึ่งคิดเป็นกว่า 2.5 พันล้านดอลลาร์เลยทีเดียว

สุดท้ายแล้วซีดีจะอยู่ต่อไปได้อีกนานแค่ไหน? นี่ก็เป็นเรื่องที่ยังไม่อาจสรุปได้ ในที่สุดแล้วอาจมีการปรับตัวบางอย่างเกิดขึ้นเพื่อให้ซีดียังคงอยู่ อย่างการจำหน่ายสินค้าแถมซีดีอย่างโมเดลของวงไอดอลญี่ปุ่นหรือเกาหลีใต้ ซึ่งอาจเป็นหนทางที่ชาว audiophile อาจไม่ได้เห็นด้วยมากนัก แต่ที่แน่ ๆ คิดว่าไวนิลน่าจะยังอยู่ได้อีกหลายปีอย่างแน่นอนจากกระแสการโหยหาอดีตและความอยากหลบหลีกจากสังคม 4.0 จากนี้เราก็คงต้องมาติดตามดูกันต่อไป ว่าโลกจะหมุนพาเสียงเพลงไปทางไหน


อ้างอิง
หมดยุค ? B2S สาขาย่อย ยุติจำหน่าย CD แล้ว
Unhappy shoppers?: What changes in supermarket retail mean for the music biz
HMV calls in administrators for second time in six years
MID-YEAR 2018 RIAA MUSIC REVENUES REPORT
Visualizing 40 Years of Music Industry Sales
Is this the end of owning music?
Facebook Comments

Next:


Malaivee Swangpol

มิว (เรียกลัยก็ได้)​ โตมาข้าง ๆ วงมอชแต่ตอนนี้ฟังทุกแนว ชอบอ่านหนังสือ ตามหาของกินอร่อย ๆ และตอนนี้ก็คงกำลังวางแผนเที่ยวรอบโลกอยู่