Article Guru

5 โรคประหลาดที่เกือบพรากอนาคตของศิลปินระดับโลกไป

  • Writer: Peerapong Kaewthae

ด้วยการแพทย์ที่เจริญถึงขีดสุดจนเราสามารถรักษาโรคได้เกือบทุกชนิดบนโลก ธรรมชาติและพฤติกรรมของคนเราที่เปลี่ยนไปก็ยังคงสร้างโรคใหม่ ๆ ขึ้นมาได้ทุกวัน บางโรคก็ร้ายแรงและคุกคามชีวิตประจำวันจนน่ากลัว คนดังหลายคนที่เคยทุกข์ทรมานด้วยโรคเหล่านั้น หรือตื่นตัวถึงความน่ากลัวของมันต่างก็ใช้ชื่อเสียงของตัวเองในการสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับการมีอยู่ของโรคให้คนทั่วไป อย่างแคมเปญ ‘Ice Bucket Challenge’ ที่คนดังในทุกวงการต่างออกมาร่วมสนุก ร่วมบริจาคเพื่อวิจัยโรคนี้และให้ความรู้เกี่ยวกับโรค ALS จนมันไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดอีกต่อไป

แต่ยังมีศิลปินหลายคนเหมือนกันที่ต้องผ่านช่วงเวลาอันยากลำบากกับอาการเจ็บป่วยจากโรคร้ายแรงที่คนส่วนใหญ่ยังไม่ค่อยรู้จัก บางคนเกือบต้องหันหลังให้เส้นทางดนตรีเพราะโรคประหลาดเหล่านั้น ศิลปินบางคนเลยอยากแชร์อาการเจ็บป่วยของเขาให้โลกรู้ จะได้เฝ้าระวังตัวเองและมีความเข้าใจเกี่ยวกับอาการเหล่านั้น ลองมาดูกันว่ามีโรคอะไรบ้างที่รุมเร้าศิลปินที่คุณอาจชอบจนพวกเขาเกือบหมดอนาคตกันมาแล้ว

Ankylosing Spondylitis (AS) : โรคกระดูกสันหลังอักเสบยึดติด

แม้ปัจจุบันยังหาสาเหตุที่แท้จริงไม่ได้ แต่เชื่อว่าเป็นโรคที่เกิดจากพันธุกรรมทำให้เกิดการอักเสบเรื้อรังของตัวข้อต่อกระดูกสันหลัง และข้อต่อต่าง ๆ ในร่างกาย จนมีการอักเสบของเยื่อหุ้มข้อหรือเอ็นยึดกระดูก ทำให้ร่างกายสร้างกระดูกมาแทนที่เกิดการเชื่อมติดกันของกระดูก นอกจากนี้แล้วตัวโรคอาจทำให้เกิดการอักเสบของตา หัวใจ ปอด ไต และทางเดินอาหารร่วมด้วย มีผลให้ข้อต่อแข็ง เคลื่อนไหวได้ไม่เป็นธรรมชาติหรือไม่ได้ดั่งใจ หากกระทบกับข้อต่อซี่โครงทำให้ปอดขยายตัวได้ลดลง ส่งผลต่อการหายใจ

Dan Reynolds หรือนักร้องนำแห่งวงมังกรมโน Imagine Dragons ต้องพบกับฝันร้ายของโรคนี้ตั้งแต่อายุ 23 แม้แต่พี่ชายของเขาซึ่งเป็นผู้จัดการวงก็เป็นโรคนี้ด้วย เข้าต้องขึ้นคอนเสิร์ตถี่ขึ้นเพื่อต่อสู้กับโรคร้ายนี้ก่อนที่ความเจ็บปวดจะช่วงชิงร่างกายของเขาไปทั้งหมด เพราะการอยู่เฉย ๆ จะยิ่งทำให้ร่างกายของเขาแย่ลงไปเรื่อย ๆ จนถึงขั้นขยับไม่ได้ แต่มันก็ตามมาด้วยชั่วโมงการทำงานที่หนักขึ้นจนเขาเกือบรับไม่ไหว เขาโชคดีที่พบหมอบ่อยจนค่อย ๆ ดีขึ้นหลังจากพบหมอโรคไขข้อที่แนะนำอาหารการกินได้ถูกหลักโภชนาการและทำโยคะ ออกกำลังกายอย่างต่อเนื่องเพื่อต่อสู้กับโรคนี้อย่างถูกวิธี แดนยังเคยไปออกรายการสัมภาษณ์ทางอินเทอร์เน็ต บอกเล่าประสบการณ์และให้ความรู้เกี่ยวกับโรค AS นี้ด้วย เพื่อให้ทุกคนตระหนักถึงความน่ากลัวเกี่ยวกับโรคนี้อีกด้วย

Peripheral Neuropathy : โรคเส้นประสาท

โรคนี้อาจจะไม่ประหลาดเท่าไหร่แต่นักดนตรีรุ่นใหม่ไม่ค่อยตระหนักถึงโรคนี้กัน นี่น่าจะเป็นโรคที่นักดนตรีกลัวกันมากที่สุดก็เป็นได้ เพราะมันทำให้มึน ชา อ่อนแรง ที่นิ้วมือ แขน เท้า ขา บางครั้งอาจมีอาการ ปวดแสบ ปวดร้อนคล้ายไฟไหม้ น้ำร้อนลวก หรือเหมือนมีตัวแมลงมาไต่ เป็นต้น และกรณีเป็นโรคของเส้นประสาทสมองก็จะสูญเสียหน้าที่ของเส้นประสาทสมองคู่นั้น ๆ เช่น ปากเบี้ยว หลับตาไม่สนิท ซึ่งมีสาเหตุส่วนใหญ่จากการทำงานที่ต้องใช้ข้อมือมากเกินไป หรือคนเป็นเบาหวานก็เสี่ยงด้วย พันธุกรรมก็มีส่วนด้วย

โรคนี้เกือบปิดตำนานมือกีตาร์ระดับโลกอย่าง Eric Clapton เลยทีเดียว การเป็นนักดนตรีที่ใช้มือในการหากินแล้วโดนสั่งให้เลิกเล่นนี่คงเป็นเรื่องที่สะเทือนใจเหมือนกันนะ และแม้จะรักษาตัวจนดีขึ้นก็ไม่มีทางกลับมาดีเหมือนเดิม 100% ได้เลย แต่ลุงเอริกก็ยืนยันว่าจะเล่นดนตรีต่อไปแม้ผลกระทบของโรคนี้จะสร้างความลำบากให้เขาอยู่เหมือนกัน จนกว่าเขาจะเล่นดนตรีไม่ได้อีกนั่นแหละ

Moyamoya : โรคโมยาโมยา

แม้ชื่อโรคจะดูน่ารักแต่อาการน่าเป็นห่วงเอามาก ๆ มันคือโรคที่มีการอุดตันของหลอดเลือดสมองบริเวณหลอดเลือดที่อยู่ในส่วนใต้สมอง คำว่าโมยาโมยาในภาษาญี่ปุ่นแปลว่ากลุ่มควันบุหรี่ เพราะภาพเอ็กซ์เรย์ลักษณะของหลอดเลือดข้างเคียงที่มีจำนวนมากและขนาดเล็ก ๆ จึงดูลักษณะคล้ายกลุ่มควันบุหรี่ที่ลอยอยู่ในอากาศเพราะมีการอุดตันก็เลยมีหลอดเลือดข้างเคียงมาช่วยเลี้ยงสมอง ถือว่าเป็นโรคประหลาดที่แท้จริงเพราะอัตราการพบเจอต่ำมาก ๆ และสาเหตุก็เป็นไปได้ยากมาก

Jennifer Lee หรือที่เราคุ้นเคยกับเพลงไซคีเดลิกฮิปฮอปชวนโยกของเธอในชื่อ TOKiMONSTA คือหนึ่งในไม่กี่คนบนโลกที่ต้องต่อสู้กับโรคหายากโรคนี้ มันเกิดขึ้นครั้งเมื่อเธอเริ่มปวดหัวไม่หยุดจนเธอรีบไปพบหมอเพื่อเอ็กซ์เรย์เพราะกลัวว่าจะเป็นเนื้องอก แต่พบว่าสมองของเธอปกติดี ยกเว้นหลอดเลือดในสมองส่วนนึงที่หดลงจนน่าเป็นห่วง ซึ่งเป็นหลอดเลือดหลักที่เลี้ยงสมองซีกซ้ายเกือบทั้งหมด มันผิดปกติอย่างมากและเธอยิ่งเครียดมากขึ้นไปอีกเพราะไม่มีใครบอกได้ว่ามันคืออะไร มีหมอเพียงคนเดียวเท่านั้นที่บอกกับเธอว่าเธอน่าจะเป็นโรคโมยาโมยา จนสิบปีต่อมา วันหนึ่งขาของเธอก็ไม่มีความรู้สึกไปดื้อ ๆ เหมือนเธอถอดขาของเธอแล้วลืมไปที่ไหนซักแห่ง แม้มันจะหายในเวลาต่อมาแต่เธอก็กลัวมากจนเลือกที่จะไปหาหมอทันที หมอบอกว่าเธอเป็นโรคโมยาโมยาแน่นอนและต้องผ่าตัดอย่างเร่งด่วน หลังจากการผ่าตัดครั้งแรกผ่านไปด้วยดีกลายเป็นว่าเธอพูดไม่ได้ และไม่สามารถเข้าใจคำพูดของคนอื่นได้ แล้วที่แย่กว่านั้นคือฟังเพลงอะไรก็ไม่เข้าใจถึงดนตรีของมันอีกเลย ซึ่งเป็นผลข้างเคียงของการฟื้นตัวของสมอง ต้องใช้เวลานานมากกว่าเธอจะกลับมาทำเพลงได้อีกครั้ง ก่อนจะผ่าตัดครั้งที่สองซึ่งประสบความสำเร็จไปได้ด้วยดี เป็นประสบการณ์เฉียดตายที่เธอไม่เคยลืมและปิดเป็นความลับมาตลอด แต่เธอคิดว่าทุกคนควรรู้จักโรคโมยาโมยาให้มากว่านี้เลยออกมาเล่าให้ทุกคนเมื่อไม่นานนี้เอง

Synaesthesia : ปรากฎการณ์การรับรู้ข้ามช่องสัมผัส

เจ้าแม่อินดี้อย่าง Lorde คือหนึ่งในผู้ที่มีอาการสุดแฟนตาซีของโรคนี้ ซึ่งทำให้เห็นสีลอยไปลอยมาอยู่ในอากาศเมื่อฟังเพลง หรือเห็นเป็นรูปร่างอยู่ในหัวเมื่อได้ยินเสียงเครื่องดนตรีบางชิ้น เธอเลยนำอาการพิศดารเหล่านี้มาสร้างสรรค์เป็นผลงานเพลงซะเลยจนเกิดเป็นดนตรีใหม่ ๆ ขึ้นมา เธอบอกว่าเพลงของเธอนั้นเหมือนกำลังสำรวจการทำงานในสมองของเธอว่ามันสวยงามแค่ไหน

แต่พอขึ้นชื่อว่าเป็นโรคแล้วก็อาจจะไม่ได้โรแมนติกสวยงามอย่างที่นักร้องชื่อดังบอกซักเท่าไหร่หรอก เจ้าตัวยังบอกเลยว่าบางทีแสงสีเหล่านี้ก็มากเกินไปจนรบกวนเธอเหมือนกัน คนปกติจะมีประสาทสัมผัสในการรับรู้อยู่ 5 อย่างคือ รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส แต่ในกลุ่มที่มีอาการซินเนสทีเซียเนี่ยจะมีประสาทสัมผัสที่ปนเปกันมั่วไปหมด เช่น เห็นตัวอักษรเป็นสี ได้ยินเสียงเพลงแล้วรู้สึกเหมือนมีอะไรมาสัมผัส ส่วนใหญ่มองเห็นของบางคนก็ไปเชื่อมกับการได้ยินจนเห็นเป็นสีเมื่อได้ยินเสียงต่าง ๆ หรือการสัมผัสดันไปเชื่อมกันการรับรสชาติ ไปจับอะไรซักอย่างแล้วจะมีรสเปรี้ยวในปาก บางคนก็เห็นเดือนต่าง ๆ บนปฎิทินเป็นตู้ชิงช้าสวรรค์ เออ งงมั้ย ผมก็งง

พอมานั่งคิดดูแล้วมันก็น่ารำคาญจะตายไม่ได้ดูสวยงามอย่างที่เราวาดฝันไว้หรอก หรือคนที่มีอาการซินเนสทีเซียก็มักจะรู้สึกแปลกแยกหรือไม่ได้บอกใคร เพราะไม่มีทางมีใครเข้าใจพวกเขาหรอก

Ménière’s : โรคน้ำในหูไม่เท่ากัน

เวลาเราเห็นคนเซ หรือล้มแบบน่าไม่อาย เราจะพูดติดตลกว่าน้ำในหูไม่เท่ากันหรอวะ อาจเพราะเรานำมาพูดขำ ๆ กันจนชินกับมันเลยรู้สึกว่าไม่น่าใช่โรคประหลาดอะไร แต่ความจริงแล้วต่างชาติไม่ค่อยรู้ถึงการมีอยู่ของโรคนี้ และอาการของมันน่ากลัวกว่าที่คิดมาก มันเกิดจากความผิดปกติของหูชั้นในซึ่งมีน้ำอยู่มากเกินไป เกินปริมาณที่พอดีกับการทำงานของเซลล์ประสาทที่ทำหน้าที่ควบคุมการทรงตัวและการได้ยิน เลยตามมาด้วยอาการประสาทหูเสื่อม หูอื้อ ได้ยินไม่ชัด แน่นในหูและปวดหูด้วยในบางครั้ง แล้วยังทำให้เวียนศีรษะ มีอาการบ้านหมุนเป็นชั่วโมงและยืนไม่อยู่ ขยับร่างกายเร็ว ๆ ก็ทรงตัวไม่อยู่แล้ว ซึ่งรบกวนการใช้ชีวิตประจำวันเป็นอย่างมาก ซึ่งเกิดได้หลายสาเหตุทั้งติดเชื้อในหู หรือเคยเกิดอุบัติเหตุกับศีรษะมาก่อน ในคนที่เป็นภูมิแพ้หรือกรรมพันธุ์ก็อาจมีสิทธิ์เป็นได้

James Page ตัดสินใจปิดฉากการเป็นนักดนตรีของเขาในนาม Sivu ลงอย่างน่าเสียดาย เขายังจำครั้งแรกที่เป็นโรคนี้ได้เมื่อตื่นเช้าในวันธรรมดา ๆ วันหนึ่งและพบว่าบ้านหมุนอยู่นานถึงสามสิบนาที ก่อนจะพบว่าหูขวาของเขาดับสนิทไม่ได้ยินเสียงอะไรอีกเลย ในตอนแรกเขาคิดว่ามันจะไม่กระทบการทำงานเพลงของเขา แต่เมื่อหูเขากลับมาได้ยินอีกครั้งและได้ฟังเพลงที่อัดไว้เมื่อสัปดาห์ขณะหูอื้อนั้นเพี้ยนแหลกลาญไม่ตรงคีย์เลย เขาก็หมดกำลังใจที่จะทำเพลงต่อไป แม้การออกกำลังกายจะช่วยให้หูเขากลับมาดีขึ้นได้ แต่บนเส้นทางดนตรีมันก็ยากเกินไปที่จะรักษาสุขภาพให้ดีไว้ได้ตลอด ยิ่งมีคอนเสิร์ตที่ต้องไปเล่นด้วยแล้วก็ไม่อยากทำให้แฟนเพลงผิดหวัง เขาบอกว่าอัลบั้ม Sweet Sweet Silent อาจจะเป็นอัลบั้มสุดท้ายของเขาก็ได้ ไม่รู้ว่าเราจะได้ฟังเพลงอินดี้ป๊อปสุดแนวของเขาใหม่ ๆ อีกมั้ย

อ้างอิง

Imagine Dragons Lead Singer Opens Up About His Rare Disease
โรคกระดูกสันหลังอักเสบยึดติด
The disease that could end Eric Clapton’s career: why musicians fear peripheral neuropathy
TOKiMONSTA Lost Speaking and Musical Abilities After Brain Surgery. This Is How She Regained Them.
โรคโมยาโมยา
Lorde Opens Up About How Synesthesia Helps Her Make Music
เห็นตัวเลขเป็นสี…ฟังดนตรีรู้สึกหวาน : ปรากฏการณ์ซินเนสทีเซีย
Musician Sivu says a rare condition called Ménière’s is threatening his career

Facebook Comments

Next:


Peerapong Kaewthae

แม็ค เป็นคนชอบฟังเพลงเพราะเป็นกิจกรรมที่ทำคนเดียวได้ และก็ชอบแนะนำวงดนตรีหรือเพลงใหม่ ๆ ให้คนอื่นรู้จักผ่านตัวอักษรตลอดเวลา