Article Import

Japanese Breakfast เธอผู้เปลี่ยนความเศร้าจากการสูญเสียให้เป็นบทเพลงสุดล่องลอย

  • Writer: Montipa Virojpan

เรามาพูดคุยกับ Michelle Zauner หรือที่รู้จักกันในชื่อ Japanese Breakfast ก่อนจะไปดูเธอสด ๆ ที่ #HYHBKK Live! with Japanese Breakfast 4 ธันวาคมนี้ที่ Rockademy

japanese_breakfast_-_soft_sounds_from_another_planet_-_press_pic_credit_to_ebru_yildiz

อัลบั้ม Soft Sounds From Another Planet ต่างจากงานชุดที่แล้ว Psychopomp ยังไงบ้าง

คิดว่าน่าจะเป็นเรื่องขั้นตอนการทำงานที่ชุดนี้มีความตั้งใจทำมากกว่าชุด Psychopomp มันเป็นโปรเจกต์ที่ฉันทำขึ้นช่วงสองเดือนหลังจากที่แม่ของฉันเสียไป มันก็เลยเป็นเหมือนอัลบั้มที่ใช้เป็นการจัดการกับตัวเอง ได้เรียกสติกลับมา ได้ทบทวนความรู้สึกที่แท้จริงในตอนนั้นว่ามันเป็นยังไง และได้เปลี่ยนไปโฟกัสอย่างอื่นแทนที่จะมานั่งเศร้าเสียใจเพียงอย่างเดียว ตอนที่อัดเพลงก็อัดจากห้องนอนสองห้อง ใช้เวลาอัดนานด้วยความที่ไม่มีความคาดหวัง ไม่ได้กำหนดว่าต้องเสร็จเมื่อไหร่ และไม่ต้องการทุน

ในขณะที่ Soft Sounds From Another Planet เป็นอัลบั้มแรกที่ทำแบบมีค่ายเพลง ทำให้ฉันสามารถทำงานในสตูดิโอจริง ตลอดหนึ่งเดือนเต็ม แล้วก็ได้ร่วมโปรดิวซ์และเรียบเรียงดนตรีกับ Craig Hendrix เราสองคนเล่นเครื่องดนตรีทุกชิ้นในอัลบั้มนี้ด้วยตัวเอง เว้นแต่แซ็กโซโฟนกับทรัมเป็ต แต่เราก็เป็นคนเขียนเมโลดี้เครื่องดนตรีพวกนั้นเองนะ ฉันว่ามันเป็นอัลบั้มที่โตขึ้นกว่าชุดก่อนในทุก ด้านเลย

อะไรคือสิ่งที่คุณค้นพบในการทำอัลบั้มชุดนี้

ฉันได้รู้ว่าฉันสามารถเรียบเรียงและโปรดิวซ์งานได้มากกว่าที่เคยคิด เหมือนว่ามีความมั่นใจในความสามารถของตัวเองมากขึ้นน่ะค่ะ ฉันได้เรียนรู้ที่จะเชื่อในสัญชาติญาณหรือรสนิยมดนตรีของตัวเอง เพราะนั่นเป็นส่วนสำคัญของการเป็นศิลปิน ที่เราจะต้องจริงใจกับตัวเองและยอมวิ่งไล่ตามสิ่งที่เราเห็นว่าน่าตื่นเต้น

ทำไมถึงอินกับเรื่องจักรวาลและอวกาศ แล้วทำไมถึงตีความออกมาเป็นเรื่องเศร้า

ฉันรวมเอาเรื่องอวกาศเข้ากับโลกอนาคตสุดอัศจรรย์ ฉันคิดว่าถ้าเราต้องประสบกับความเศร้าหรือความเจ็บปวดมาก เข้า สถานการณ์เหล่านั้นจะกลายเป็นที่ที่เปี่ยมไปด้วยความหวังโดยอัตโนมัติ เหมือนเราได้ค่อย ปลดตัวเองออกจากปัญหาพวกนั้นไปในตัว คล้ายว่ากำลังล่องลอยไปในอวกาศ

เพลงไหนในอัลบั้มที่อธิบายความรู้สึก ขณะนี้ของคุณได้ดีที่สุด

ตอนนี้ฉันรู้สึกแบบในเพลง Diving Woman เพลงนั้นเกี่ยวกับการทำแต่งาน เป็นผู้หญิงที่อยู่ใต้โอวาทหรือการปกครองของคนอื่น ใช้ชีวิตในแต่ละวันไปกับการพยายามฉกฉวยเอาสิ่งที่เคยถูกเอาออกไปจากชีวิตให้กลับมา คล้ายทำตัวเป็นคนวางอำนาจที่ค่อย แผ่ความรู้สึกว่าไม่ควรมีใครได้อยู่ในจุดเดียวกับเธอ

ฉันออกทัวร์เยอะมากในช่วงสองปีที่ผ่านมา แทบจะเป็นเวลาที่ใช้ไปส่วนใหญ่ในชีวิตกับการเดินทางจากอีกที่ไปอีกที่ แล้วเพลงนี้ก็เหมือนเป็นการร่ายมนต์ให้ฉันมีพลัง มันให้ความรู้สึกว่าเป็นแรงผลักดันให้ฉันเสมอ

เชื่อเรื่องการเคลื่อนที่ของดวงดาวที่มีผลต่อชีวิตไหม

เชื่อนิดนึงนะ มันเหมือนเป็นการปลอบประโลมตัวเองเบา เวลามีความเชื่อในบางสิ่งบางอย่าง แล้วฉันชอบพูดกับคนอื่น เกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วย ถึงแม้ว่าเพื่อนร่วมวงของฉันจะรำคาญน่ะนะ (หัวเราะ)

ฉันว่ามันมีบางอย่างเกิดขึ้นกับดวงดาวหลังจากที่แม่ฉันเสีย เหมือนดาวพวกนั้นคือแม่ที่ยังดูแลฉันอยู่ ให้ฉันมีความคิดสร้างสรรค์อยู่เรื่อย และยังยึดที่จะทำงานตรงนี้แม้ว่าแม่จะไม่อยู่แล้ว

คิดว่าการที่ศิลปินเล่าเรื่องชีวิตโดยเทียบเคียงกับดวงดาว อวกาศ กาลเวลา เป็นเรื่องโรแมนติกไหม

แน่นอน สำหรับตัวฉันเองแล้วฉันเล่าเรื่องผ่านจังหวะเวลาที่ค่อนข้างจำเพาะ ฉันพยายามทำให้แต่ละเพลงมีความเป็นเรื่องสั้น เพราะมันเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดที่จะทำเพลงของตัวเองออกมาด้วยการเล่าประสบการณ์จริงจากชีวิต

อัลบั้มต่อไปจะเป็นยังไง

ฉันยังไม่ได้เริ่มทำเลย ปกติธีมหรือคอนเซปต์อัลบั้มจะไม่ได้ถูกคิดขึ้นทีแรก ส่วนใหญ่จะตามมาทีหลัง แต่ที่รู้ คืออยากให้มันแตกต่างจากสองอัลบั้มแรก เหมือนชุดที่สามนี้เราจะเข้าที่เข้าทางในความเป็นศิลปินมากขึ้นแล้ว และฉันตื่นเต้นมากที่จะได้ใช้เวลาอยู่กับมันเยอะ เพื่อเรียนรู้และทดลองหาซาวด์ใหม่ ก่อนที่มันจะออกมาเป็นรูปเป็นร่าง

คิดว่าเพลงของตัวเองถูกจัดในประเภท sad girl (boy) music ไหม แบบ Lana del Rey หรือ Morissey แล้วคิดว่าคำว่า sad girl เป็นการเหยียดรึเปล่า

แต่ละเพลงของฉันพูดถึงหลายสิ่งอย่างมาก แล้วมันก็รวมสารพัดความรู้สึกไว้ สำหรับฉันแล้ว Soft Sounds From Another Planet เป็นเรื่องเกี่ยวกับการฟื้นตัวหลังจากที่พบวิกฤตทางอารมณ์ เหมือนเป็นการต่อสู้กับความเศร้าที่คอยกัดกินเรา แน่นอนว่าฉันเสียแม่ไปเมื่อสามปีก่อน เพลงมันก็คงจะสะท้อนความรู้สึกส่วนนั้นออกมาเลยทำให้มีเพลงเศร้าเยอะ เอาจริงฉันว่าฉันชอบงานของศิลปินทุกคนที่คุณกล่าวมา แล้วฉันก็ไม่คิดว่าเขาอยากจะถูกเรียกด้วยชื่อนั้นเท่าไหร่ คนพวกนี้เป็นมากกว่าแค่คนเศร้า พวกเขาเขียนเรื่องราวมากมายที่มีทั้งสุขหรือเศร้า และมันสร้างความอิ่มเอมใจให้กับคนฟัง เพลงของฉันก็คงเป็นเหมือนกัน

ใครคือศิลปินที่สร้างแรงบันดาลใจให้คุณ

Björk คือแรงบันดาลใจคนสำคัญของฉันเลย เหมือนทุกครั้งที่เธอกลับมามีผลงานทำให้รู้สึกว่าคนอย่างเรา มันธรรมดาไปเลย เธอมหัศจรรย์มาก เป็นอัจฉริยะที่ไม่ยอมก้าวออกมาจากโลกของเธอแต่ดึงให้ทุกคนเข้าไปหา ภาพและเสียงในโลกของดูน่าหลงใหลตื่นตาตื่นใจ เธอไม่เคยรู้สึกแย่กับการเป็นตัวเองเลย แถมยังเป็นแหล่งพลังของความคิดสร้างสรรค์ ฉันหวังว่าในวันนึงฉันจะเป็นศิลปินที่มอบสิ่งเหล่านั้นให้กับคนฟังได้

รู้สึกยังไงที่ได้ทัวร์กับวงชูเกซในตำนานอย่าง Slowdive

เหมือนฝันเลย พวกเขาเป็นคนที่น่าทึ่งมาก เป็นเกียรติและรู้สึกยินดีสุด ที่ได้ดูพวกเขาเล่นสดทุกคืน ฉันได้เรียนรู้อะไรหลายอย่างมากจากการทัวร์ครั้งนั้น

คุณสนิทกับ Frankie Cosmos และ (Sandy) Alex G อยากจะร่วมงานกับสองคนนี้ไหม

ฉันชอบคนพวกนี้มาก และหวังว่าวันนึงจะได้ร่วมงานกันค่ะ

ไปร้องเพลง Maybes ให้กับศิลปินอิเล็กทรอนิกไต้หวัน-อเมริกันที่ชื่อ Giraffage ได้ยังไง อยากทำเพลงอิเล็กทรอนิกของตัวเองบ้างไหม

Giraffage ถามฉันว่าอยากลองร้องเพลงของเขาดูไหม ฉันก็ลอง ปรากฏว่าเขาชอบมัน เป็นการทำงานที่แตกต่างจากสิ่งที่ฉันเคยทำมา สำหรับฉันการเขียนเมโลดี้และเนื้อเพลงเป็นอะไรที่ฉันมั่นใจสุด แล้วเพราะได้เป็นคนแต่งเพลงเอง แต่หนนี้พอมาร้องอย่างเดียวก็เป็นประสบการณ์ที่สนุกมากเหมือนกัน ฉันหวังว่าจะมีโอกาสได้ทำงานแบบนั้นอีก แล้วก็อยากจะลองใส่องค์ประกอบพวกซาวด์อิเล็กทรอนิกลงในเพลงของฉันมากขึ้นด้วย

ในฐานะที่เป็นคนอเมริกันเชื้อชาติเกาหลี คุณผนวกวัฒนธรรมสองประเทศนี้เข้าไว้ด้วยกันในเพลงยังไงบ้าง

ฉันว่าฉันไม่ได้ตั้งใจจะรวมมันไว้ในเพลงซะทีเดียวนะ อีกอย่างคือคนอื่น น่าจะมองฉันเป็นเอเชียนมากกว่าเป็นคนประเทศไหน แล้วมันก็เป็นเรื่องฉันหยิบมาพูดบ่อยมาก ในอัลบั้มใหม่ฉันก็อ้างอิงประเด็นนี้อยู่ในสองสามจุด ฉันไปถ่ายมิวสิกวิดิโอเพลง In Heaven ที่ย่าน Flushing ในนิวยอร์ก ซึ่งถือว่าเป็นย่านที่คนเอเชียอาศัยอยู่เยอะ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่จงใจจะใส่วัฒนธรรมเอเชียนลงในเพลงขนาดนั้น แค่มันเป็นส่วนสำคัญในชีวิตของฉัน เป็นสถานที่ที่ฉันรัก เลยเป็นเหมือนการเลือกเองโดยธรรมชาติมั้ง

หรือในเพลง Everybody Wants to Love You ฉันแค่คิดว่ามันน่าจะตลกดีถ้าใส่ชุดฮันบกของแม่แล้วทำทุกอย่างที่ดูตรงกันข้ามกับที่คนอื่นมักจะคิดว่าเป็นสิ่งที่ผู้หญิงเอเชียนจะทำกัน ส่วนนี้เอง (ตัวตนกับเพลง) มันค่อนข้างเป็นอะไรที่ส่วนตัวมาก สำหรับฉัน มันเลยจะมีบ้างแหละที่จะบังเอิญเชื่อมเข้าไว้ด้วยกัน

การเป็นผู้หญิงเอเชียนในอุตสาหกรรมดนตรีสหรัฐมีผลดีหรือผลเสียยังไงบ้าง

ฉันมีแค่ประสบการณ์การเป็นเอเชียนในวงการเพลงอเมริกัน อย่างอื่นฉันไม่รู้จริง แต่เอาตามตรงสิ่งที่ฉันรู้สึกได้ว่ามันต่างจากคนอื่นคือฉันถูกถามคำถามนี้ในแทบจะทุกบทสัมภาษณ์ ขณะที่ผู้ชายผิวขาวจะถูกถามเกี่ยวกับเรื่องเพลงของพวกเขาเท่านั้น

รู้สึกยังไงที่คนเริ่มหันมาตระหนักและให้ความสนใจเรื่องบทบาททางเพศและการถูกล่วงละเมิดทางเพศในวงการบันเทิง/ดนตรีกันมากขึ้น

ฉันว่าเป็นเรื่องที่ดีมากค่ะ ที่นี่ให้การสนับสนุนมาก  เรื่องนี้กันมาก ถึงเวลาแล้วที่เราจะทำให้คนพวกนั้นหมดไปจากทุกแวดวงสังคม และถึงเวลาแล้วที่เราจะช่วยกันผลักดันศิลปินดี ที่ไม่เคยได้รับโอกาสได้นำเสนอผลงานของตัวเองบ้าง

ทำไมถึงทำเกมของตัวเองขึ้นมา (Japanese Breakquest) มีใครช่วยทำบ้าง

20170920134718

ตอนที่ค่ายเพลงได้ยินเพลงของฉันในเวอร์ชัน midi ที่สามีของฉัน Peter Bradley เป็นคนทำ เขาก็คะยั้นคะยอจะให้ทำเกมออกมาให้ได้ แล้วก็ให้ฉันได้ร่วมงานกับดีไซเนอร์ที่เก่งมาก ชื่อ Elaine Fath

ฉันโตมากับการเล่นเกม rpg ที่เยอะมาก แน่นอนว่าฉันรักเกมพวกนั้น ถึงขนาดว่าสงสัยว่าเขาทำเพลงในเกมกันยังไง รวมถึงอยากเขียนเพลงประกอบเกมขึ้นมาเลยแหละ ผลตอบรับก็ดีมาก คนเล่นกันเยอะกว่าที่คิดไว้ ดีใจค่ะที่ทุกคนชอบกัน

ชอบเล่นเกมอะไรมากที่สุด

Secret of Mana ค่ะ ฉันรักเกมนี้มากเพราะมันเป็น rpg ไม่กี่เกมที่คนสองคนสามารถเล่นในทีมเดียวกันได้ เพลงกับตัวละครในเกมดีมาก พิเศษมาก ตอนนั้นจำได้ว่าโตขึ้นอยากเป็นตัวหัวแดง ในเกม (หัวเราะ) หมกมุ่นมากจริง แล้วพ่อกับฉันก็เล่นกันหลายชั่วโมงเลย พูดตามตรงมันเหมือนเป็นส่วนสำคัญในความสัมพันธ์พ่อลูกของเราเลยนะ

ใช้เวลาเล่นเกมนานสุดกี่ชั่วโมง

มันมีบอกใน Nintendo Switch ของฉันว่าเล่น Stardew Valley มา 60 ชั่วโมงแล้ว แต่ความจริงฉันว่าฉันใช้เวลาในการเล่น Secret of Mana ไม่ก็ Final Fantasy เป็นเดือน ๆ

ถ้าได้ยินคำว่ากรุงเทพ เป็นครั้งแรกจะนึกถึงอะไร คาดหวังอะไรกับการมาที่นี่

ตอนนี้พ่อของฉันอาศัยอยู่ที่ภูเก็ต ฉันเลยมีโอกาสได้มากรุงเทพ แล้วสองรอบ และฉันมีช่วงเวลาที่ดีเสมอในการมาเที่ยวแต่ละครั้ง ได้กินอาหารอร่อย เจอผู้คนที่ดี และแน่นอน อากาศร้อน! สิ่งเดียวที่ฉันคาดหวังในตอนนี้คือฉันกับพ่อจะได้มีโอกาสนั่งดื่มด้วยกันบ่อย ตอนที่ฉันไปถึงนะ

ฝากอะไรถึงแฟนเพลงหน่อย

ฉันตื่นเต้นมาก ที่จะได้เล่นคอนเสิร์ตต่อหน้าพวกคุณในวันที่ 4 ธันวาคมนี้ที่ Rockademy ฉันหวังว่าพวกคุณจะสนุกกับโชว์ของฉัน แล้วพอคอนจบเราจะมาเจอกัน ถ่ายรูปกัน ฉันจะแจกลายเซ็นให้คุณด้วย เจอกันนะคะ

Facebook Comments

Next:


Montipa Virojpan

อิ๊ก เนิร์ดดนตรีที่เพิ่งกล้าเรียกตัวเองว่าเป็นนักเขียนตอนอายุ 25 ชอบเดินเร็ว นอกจากขนมปังกับกาแฟดำแล้วก็สามารถกินไอศกรีมกับคราฟต์เบียร์แทนมื้อเช้าได้