Article Import

ชวน Mark กับ Jay จาก Kodaline มาคุยกันถึงความรู้สึกที่ได้มาเล่นที่ไทยถึงสองครั้ง

 

Kodaline ส่งสองสมาชิก Jason Boland และ Mark Prendergast มาคุยถึงความประทับใจจากโชว์แรกเมื่อปีก่อนที่ทำให้พวกเขาอยากกลับมาบ่อย ๆ และเพลงใหม่ Wherever You Are

เดี๋ยวต้องไปซาวด์เช็กกี่โมงเนี่ย

เจย์: ไม่ถึงกับต้องไปเช็กครับ เดี๋ยวแค่เราตรงไปที่งานแล้วตอนนั้นก็มีทีมงานของเราคอยเซ็ตให้อยู่ เราทำงานกับทีมเดิมมาโดยตลอดอยู่แล้วก็เลยรู้กันว่าต้องทำอะไรบ้าง พวกเขาเจ๋งมาก

มาร์ก: ใช่ครับ พวกเขาทำให้ชีวิตเราง่ายขึ้นเยอะเลย

ทำงานด้วยกันมานานขนาดไหน

มาร์ก: ตั้งแต่วันแรกเลย อย่างนีล tour manager ของเรา เป็นเพื่อนที่โตมาด้วยกันกับสตีฟ (Steve Garrigan กีตาร์, ร้องนำ) ก็เคยเป็นเทคนิเชียนให้เรา แล้วตอนนี้ก็ช่วยจัดการตลอด ส่วนคนอื่น ก็น่ารักเขา พวกเขาทำให้เรามีความสุขตลอดการไปทัวร์ มันเหมือนเป็นค่ามาตรฐานของทุกวงรึเปล่าที่เวลาจะเลือกคนมาทำงานด้วยกัน ก็จะเลือกคนที่ทำให้เราแฮปปี้

เจย์: เหมือนแต่งงานกับผู้ชายหลาย คนอะครับ (หัวเราะ)

นี่เป็นครั้งที่สองที่มาเล่นที่ไทย

เจย์: เมื่อปีที่แล้วเองครับที่กรุงเทพ มันยอดมาก แม้แต่ทีมงานของเรายังพูดเลย ว่านั่นเป็นโชว์ของ Kodaline ที่เราประทับใจมาก มีคนมาดูเยอะมาก

มาร์ก: เราก็ไม่เคยมาที่ประเทศนี้มาก่อน มันค่อนข้างแปลกสำหรับเราเพราะเราเองก็ไม่รู้ว่าจะมีใครมารอดูไหม แต่พอเป็นแบบนั้นแล้วก็เยี่ยมเลยครับ เราหน้าบานกันไปทั้งสัปดาห์เลย

เจย์: เหมือนมันเป็น Asian Tour แรกของพวกเราด้วย ก็เป็นการเปิดเส้นทางทัวร์ใหม่ที่ดีครับ

มาร์ก: เป็นงานใหญ่มาก ด้วย เราชอบเล่นในเฟสติวัล มีคนมาดูคุณเยอะมาก แล้วก็ได้รับพลังงานที่ต่างไปจากการเล่นโชว์เดี่ยว ของเรา อย่างงานแบบนี้ คนจะมาดูเราก็ได้ จะเดินออกจากเวทีเราไปดูโชว์อื่นก็ได้

แล้วอย่างเวลาไปเฟสติวัลในฐานะคนดู พวกคุณจะทำอะไรกัน

เจย์: เราก็พยายามจะไปเป็นคนดูนะ อย่างเวลาเราไปเล่นงานไหนก็จะไปดูวงอื่น เขาเล่นด้วย แต่มันก็เป็นความรู้สึกดีนะที่ได้มาเล่นเฟสติวัล เหมือนอย่างตอนนั้นผมไปงานนึงในปี 2012 แล้วอยากดูวงนึงมาก ในนั้น แต่ตอนนี้เรากลายมาเป็นคนที่เล่นดนตรีแล้วมีคนอยากดูเรามาก เราก็เหมือนเข้าใจความรู้สึกทั้งในฐานะคนดู แล้วก็คนที่ได้มาเล่นในเฟสติวัลเลย

All I Want กับ High Hope เป็นเพลงที่ทำให้คนรู้จัก Kodaline อยากรู้ว่าอะไรเป็นแรงบันดาลใจที่ทำให้เขียนเพลงสองเพลงนี้ขึ้นมาได้

มาร์ก: All I Want เป็นเพลงอกหักครับ ซึ่งสตีฟเขียนขึ้นมาตอนเขาเจอเหตุการณ์แบบนั้น ผมจำได้ว่าตอนเขาเขียนเนื้อขึ้นมา มันค่อนข้างเป็นอะไรที่ซื่อสัตย์กับความรู้สึกมาก ไม่ได้เก็บซ่อนอะไรไว้แต่อธิบายมันออกมาแบบหมดจด เหมือนเป็นการปลดปล่อยเพื่อให้ก้าวผ่านช่วงเวลายากลำบากจากที่ต้องเลิกกับใครสักคน

ส่วน High Hope เป็นเหมือนตอนที่สตีฟจบจากโรงเรียน แล้วไม่ไปต่อมหาลัยเพื่อที่จะมาเป็นนักดนตรี ทั้งเนื้อร้องและดนตรีออกมาตอนเขาเล่นให้พวกเราฟัง แล้วผมก็รู้สึกแบบ โห ผมรู้สึกว่าเพลงนั้นมันเป็นเพลงแรกของเราที่บ่งบอกความเป็น Kodaline ได้จริง มันทำให้เรารู้สึกดีมาก ส่วนเนื้อเพลงมันทำให้คนฟังรู้สึกมองตัวเองในแง่บวกมากขึ้น มองอนาคตอย่างมีความหวังมากขึ้น และเพลงนี้ก็เป็นเหมือนเหตุผลสำคัญที่บอกได้ว่า ทำไมเราถึงยังทำวงด้วยกันอยู่

ในปีนี้ปล่อยซิงเกิ้ลใหม่ Wherever You Are แนวดนตรีแบบใหม่ของวงเปลี่ยนแปลงไปจากเพลงก่อน ยังไง

เจย์: ผมว่าทุกวงอยากจะลองค้นหาว่าตัวตนจริง ของพวกเขาคืออะไร ตั้งแต่การทำอัลบั้มแรก อย่างพวกเราก็เอาโครงเพลงมาก่อน แล้วดูว่าแนวทางมันควรจะไปทางไหน เราก็ค่อย ใส่องค์ประกอบดนตรีเข้าไป เพลง Kodaline ก่อนหน้าที่ออกมามันก็เลยมีรายละเอียดค่อนข้างแตกต่างกันไป ส่วนเพลงล่าสุดนี้เราเหมือนเอาส่วนผสมของทั้งสามอัลบั้มทอนลงไป และจะกลับไปเป็น Kodaline แบบที่เราเริ่มทำเพลงกันมา มีแค่อะคูสติกกีตาร์กับเปียโน แล้วดูว่ามันจะออกมาในทิศทางไหน แต่มันก็เป็นประสบการณ์ที่ดีครับ ที่เรามีการพัฒนาแนวดนตรีและทดลองไปเรื่อย จนถึงจุดนึงคุณก็จะมองกลับมาเห็นสิ่งที่ทำไปทั้งหมด และรู้ได้ว่าแบบไหนคือทางที่สะดวกใจจะทำที่สุด

มาร์ก: เนื้อเพลงมันพูดประมาณว่า ‘forget the violence, forget the world’ ให้เราลืมเสียงน่าหนวกหูนั้นไป ข่าวอะไรที่ทำให้กังวลใจ สิ่งที่สำคัญที่สุดตอนนี้คือคุณ และคนที่คุณรัก เหมือนคุณได้ใช้เวลากับคนคนนี้มากขึ้นกว่าเดิมโดยไม่ต้องสนใจอะไร ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ให้คิดถึงคนที่คุณรักไว้เสมอ อย่างตอนนี้พวกเราอยู่ที่เมืองไทย เราก็ยังคิดถึงคนที่บ้านตลอด

มิวสิกวิดิโอเพลงก็เกี่ยวกับการเดินทาง จริงไหมที่การเดินทางท่องเที่ยว ทำให้เราค้นพบตัวเอง

มาร์ก: จริงซะยิ่งกว่าจริง

เจย์: มันคงจะดีถ้าคนเปลี่ยนจากการหมดเงินไปกับการจับจ่ายของหรูราคาแพง เพื่อมาซื้อประสบการณ์จากการท่องโลก แล้วประสบการณ์พวกนั้นมันทำให้เรารู้สึกเหมือนเป็นคนใหม่ ส่วนวิดิโออันนั้นบอกว่า ถึงแม้ว่าเราจะต้องผ่านช่วงเวลาอันหนักหน่วง คุณก็ยังสามารถเลือกไปไหนสักที่เพื่อค้นพบบางอย่างด้วยตัวเอง แล้วมันก็จะทำให้ความทุกข์พวกนั้นผ่านไป คุณจะได้เจอคนใหม่ ที่ได้แชร์ประสบการณ์นั้นร่วมกัน

มาร์ก: แต่มันก็มีหลายคนนะที่ไม่ได้ออกไปท่องโลกจริง หลายคนยังเลือกไปที่ที่คนชอบไปเที่ยวกันตอนวันหยุด อย่างคนไอริชก็จะไปสเปน โปรตุเกส มันสะดวกดีที่จะไปที่เดิมซ้ำ ในทุกปี คือถ้ามันทำให้พวกเขามีความสุขมันก็โอเคแหละ แต่การที่คุณตั้งใจจะไปเปิดโลกจริง คือการไปในที่ที่คุณไม่เคยไป ที่ที่ไม่คุ้นเคย ที่ไหนก็ได้ มันจะทำให้คุณได้เจอกับตัวเองในด้านใหม่ ได้เจอที่ที่คุณเกลียด ที่ที่คุณรัก ได้เจอวัฒนธรรมและผู้คนที่แตกต่างออกไปมันคือส่ิงที่สำคัญที่สุดในการไปเดินทาง เอาจริงถ้าผมไม่ได้ทำ Kodaline ผมก็คงไม่มีโอกาสได้ไปเจอที่พิเศษ มากมาย อย่างที่นี่ ผมก็คงไม่ได้มา แล้วการทัวร์มันเป็นสิ่งที่พวกเราทำได้ตลอด ไม่เคยรู้สึกเบื่อเลยจนถึงตอนนี้

ชอบไปเล่นที่ไหนที่สุด

เจย์: มันเปลี่ยนไปตลอดเลย อย่างตอนเราไปทัวร์อเมริกาก็ดี แล้วเราเริ่มไปทัวร์เอเชียก็ดี ทุกที่มันเจ๋งไปหมด อย่างตอนนั้นเรามากรุงเทพ เราไม่เคยมาที่ไกลจากบ้านขนาดนี้ เราก็เลยอยู่กรุงเทพ ไปเลยเต็ม 5 วันเพราะเป็นที่สุดท้ายที่ไปทัวร์ เลยได้ชิล ที่อื่น เราอยู่แค่วันสองวัน แล้วบินต่อ แต่จริง ก็หวังว่าจะได้อยู่แต่ละที่พักใหญ่ เพื่อจะได้ค้นพบอะไรบางอย่างในที่นั้น ครับ

นับจากวันแรกที่ทำวง มาจนถึงตอนนี้ รู้สึกมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้าง

มาร์ก: ความอ่อนต่อโลกมั้งครับที่มันค่อย หายไป ตอนเราทำวงแรก เราคิดแค่ว่าอยากทำอัลบั้ม ไปเล่นที่เล็ก ในดับลิน ที่ไหนก็ได้ แต่มาถึงตอนนี้เรากลายมาเป็นวงเฮดไลเนอร์ที่ไทย มันเป็นอะไรที่คิดไม่ถึงเลยครับ ถ้ามองย้อนกลับไปตอนนั้นเราแทบไม่รู้เลยว่าต้องทำอะไร จะไปทางไหนต่อ แต่ตอนนี้เราออกทัวร์ เราเล่นคอนเสิร์ตมาเยอะ เรารู้ว่าเราต้องทำอะไรในหน้าที่ของเรา แต่ถึงอย่างนั้นแล้ว สิ่งที่เรารู้ว่าจะไม่หยุดทำคือการค้นพบสิ่งใหม่

เจย์: อย่างใน Spotify เราจะเจอเพลงใหม่แทบจะตลอดเวลา เพราะแนวดนตรีมันเปลี่ยนไปตลอด

มาร์ก: ถ้าคุณบอกว่าคุณเข้าใจเพลงดีแล้ว นั่นแปลว่าคุณยังไม่รู้จักมันเลยด้วยซ้ำ

มาเที่ยวพัทยา ได้ไปเจออะไรมาแล้วบ้าง

เจย์: โห เยอะเลยแหละครับ (หัวเราะ) เมื่อคืนเราไปเดิน Walking Street มา กับอีก 2-3 ถนนข้างหลังตรงนั้น แต่ว่ามันยังมีอะไรให้ไปดูอีกเยอะในเมืองนี้ คิดว่าเดี๋ยวจะไปเดินดูอีกหน่อยหลังเราเล่นเสร็จ เราเดินทางกลับวันพรุ่งนี้ครับ

มาร์ก: เราตั้งตาราการมาทริปนี้มาก เพราะเราจะได้ไปทะเลหลังจากเจ็ตแล็กที่แย่มาก วันก่อน อยู่ในไอร์แลนด์มันหนาวอะ เราเฝ้าฝันจะได้ไปเล่นทะเลอุ่น มาตลอดเลย มันต้องเป็นประสบการณ์ที่ประหลาดมากแน่ ขอบคุณที่ชวนมาเล่นครับ

Kodaline

ฝากอะไรถึงแฟน

มาร์ก: ขอบคุณครับที่ทำให้โชว์เมื่อปีที่แล้วเป็นโชว์ที่ดีที่สุดของพวกเรา แล้วก็ขอบคุณที่ชวนเรามาเล่นอีกครั้ง พวกเราหวังว่าจะได้มาเจอกับทุกคนบ่อย

อ่านต่อ

สิ้นสุดการรอคอยที่จะได้ดู Kodaline สด ๆ ใน Mangosteen Festival: Detour

Facebook Comments

Next:


Montipa Virojpan

อิ๊ก เนิร์ดดนตรีที่เพิ่งกล้าเรียกตัวเองว่าเป็นนักเขียนตอนอายุ 25 ชอบเดินเร็ว นอกจากขนมปังกับกาแฟดำแล้วก็สามารถกินไอศกรีมกับคราฟต์เบียร์แทนมื้อเช้าได้