Article Interview

EP Survive และการอยู่รอดในโลกยุคใหม่ของ Brown Flying

  • Writer: Montipa Virojpan
  • Photographer: Chavit Mayot

เตรียมพบกับ EP รวม 4 เพลงสะท้อนตัวตนของ Brown Flying แบบเน้น ๆ ใน Survive และไปมันในโชว์ของพวกเขาเร็ว ๆ นี้ที่ Cat Expo

img_6870

สมาชิก

เดียว–อัษ นิลปั้น (ร้องนำ, กีตาร์)
โน้ต–ณัฐพล ฤกษ์อรุโรทัย (กลอง)
นะ– ธนวิต พงษ์เจริญ (เบส)

EP ชุดนี้เริ่มทำตั้งแต่เมื่อไหร่

เดียว: อันนี้ทำตอนที่ได้ย้ายมาอยู่ที่ What the Duck ครับ คุยกันว่าจะมีอัลบั้ม แต่ว่า ทำไปทำมาพอทำครบอัลบั้มปุ๊บ ทางต้นสังกัดบอกว่าเราควรจะตัดมาเป็น EP ก่อน เพราะช่วงต้นปีจะมีงาน Cat Expo หรืองานที่เป็นกิมมิก ๆ ซะเยอะ ถ้าออกเป็นอัลบั้มเต็มเลยอาจจะไม่เหมาะกับช่วงเวลา เลยคัดมาปล่อย 4 เพลงแรกก่อนเพราะรู้สึกว่ามันต้องปล่อยแล้ว (หัวเราะ) ด้วยความที่เราเป็นวงรุ่นนั้น อาจจะไม่ถนัดทำงานเป็นเพลง ๆ เท่าไหร่ ไอเดียมันมาเป็นก้อน คอนเซปต์มันจะมาชัดกว่า ถ้าทำเป็นอัลบั้ม direction งานมันจะได้ไปในทิศทางเดียวกัน แต่อย่างน้อย EP อันนี้ออกมาก็จะได้มีอะไรให้เขาเอากลับไปฟัง ไปย่อยก่อน

แนวเพลงแตกต่างจากงานก่อน ๆ ยังไงบ้าง

เดียว: ความเป็น Brown Flying ก็เหมือนเดิมครับ แค่เปลี่ยนไปตามประสบการณ์ของวงที่ทำงานเยอะขึ้น ส่วนทิศทางของเพลงก็แล้วแต่ว่ามัน inspired มาจากอะไร หรือช่วงนั้นเราบ้าอะไรกันอยู่

นะ: อย่างช่วงนี้ก็เป็นตาม EP 4 เพลงเลยครับ จะมีความรู้สึกพุ่งพล่าน บางทีก็หล่นหาย เราเล่นเพลงที่เราอยากฟัง เพลงที่เราชอบ

เดียว: มีความดิบ แล้วก็ความหม่นของเมโลดี้ กับความที่อยากให้ได้กลิ่นยุค 70s 80s ที่เพลงร็อกมันจะเป็นบัลลาดซะส่วนใหญ่

โน้ต: จริง ๆ คาแร็กเตอร์ทั้ง 4 เพลงไม่เหมือนกันเลย มีทั้งป๊อปพังก์ กรันจ์ ๆ หน่อย เป็นฟังก์ การาจ เมทัลนิด ๆ ประมาณนี้ ร็อกมันมีหลายอารมณ์ ไม่ได้ว่าพวกเราจะสนุกตลอดเวลา แต่ส่วนใหญ่ก็จะป๊อปเลย เราเป็นวงป๊อป

เดียว: จริง ๆ เราเป็นวงร็อกที่ค่อนข้างจะป๊อปด้วยซ้ำ สามารถเขียนได้ว่าเป็นวงแมสวงนึงได้ คือเราชอบได้ยินเขาบอกว่าเราเป็นวงอินดี้ จริง ๆ เราไม่ใช่นะครับ

เราครอบ EP นี้ด้วยคำว่า Survive ครับ ช่วงนี้ผมบ้าซีรีส์เรื่อง The Walking Dead ด้วย เลยเอามาใช้กับชีวิตตัวเอง Brown Flying มันก็เหมือนกลุ่มบุคคลกลุ่มนึงที่ survive ไปกับงานดนตรีที่ไม่เหมือนกับที่เราเริ่มแล้ว ตอนนี้มันมีแต่ดนตรีที่เรารู้สึกว่าเราไม่คุ้นชิน บ้านเราอาจจะเรียกว่าอินดี้ที่ทำเองที่บ้านในห้องนอน สามารถมีคีย์บอร์ดตัวเดียวก็ทำกลอง ทำเบส อะไรได้ แต่ว่าเราโตมากับการฝึกฝน เราอยากได้กลองแบบนี้ก็ต้องฝึกตีให้ได้ เพราะงั้นมันก็เลยกลับขั้วมาเป็นวงที่หัวโบราณ ก็ต้อง survive ไปกับแนวเพลงของบ้านเราที่มันเปลี่ยนไป

นะ: แต่พวกเราก็จะไม่เปลี่ยน เราจะคงสิ่งที่พวกเราทำได้ดีที่สุด นั่นคือการนอน (หัวเราะ)

img_6882

รู้สึกยังไงที่แนวดนตรีที่เป็นที่นิยมเปลี่ยนไป

เดียว: คือมันก็เป็นเรื่องปกติที่มันเปลี่ยนไป มันก็คือแฟชัน ที่น่าคิดมากขึ้นก็คือคนฟัง คนเสพเขาเลือกยังไง สิ่งที่เขาชอบอยู่มันใช่ตัวตนเขาหรือเปล่า ซึ่งเราคิดแล้วว่าสิ่งที่เราเป็นคือตัวตนเรา ให้เราไปเล่นแบบอิเล็กทรอนิกก็ได้ แต่เรารู้สึกว่ามันอาจจะเขิน แต่เราโอเคกับดนตรีแนวใหม่นะ

นะ: มันก็เปิดโลกทัศน์ของเราเหมือนกัน จริง ๆ แล้วไม่มีอะไรผิดทั้งสิ้นล่ะครับ แต่ตัวเราเองก็ต้องปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัย โดยที่ตัวเราก็ยังเป็นตัวเราอยู่เหมือนเดิม

สังเกตเหมือนกันว่าวงร็อกคล้าย ๆ กัน อย่าง Brand New Sunset ก็ทำออกมาเป็นอัลบั้มเต็มหมดเลย

เดียว: ใช่ครับ พวกเราเป็นแบบนั้น แต่ด้วยการที่เราทำงานกับต้นสังกัด ด้วยความที่เราไม่ได้เป็นเจ้าของความคิดทั้งหมด เราทำงานร่วมกับคนอื่นแล้ว ทีนี้เราก็ต้องตาม

นะ: มันเป็นมติในห้องประชุมว่า ถ้าเป็นอย่างนี้มันจะเวิร์กไหม เราก็ยอมรับในการประชุมนั้นที่มันมีส่วนดี มีผู้ใหญ่มาช่วยเราคิด แล้วเราก็ช่วยกัน แล้วมันก็โอเค

อะไรเป็นตัวเชื่อมโยง 4 เพลงที่เป็นคนละแนวกันให้ไปทางเดียวกัน

เดียว: หลัก ๆ ก็จะเชื่อมโยงด้วยเมโลดี้ที่ทาง Brown Flying ค่อนข้างจะมีความเป็นตัวของมัน แล้วก็เนื้อเพลงที่ค่อนข้างชัดเจนว่าเราพูดถึงอะไร เรารู้สึกอะไร 

นะ: ทุกเพลงมันเป็นลายเซ็นของพวกเราอยู่แล้ว คือจะบอกว่ามันไปคนละทิศก็ใช่ แต่ด้วยความที่เป็นเราเล่น เนี่ย ท่อนตี จริตของเรามันเป็นแบบนี้ เราหนีจริตแบบนี้ไม่ได้ ผลสุดท้ายมันก็ต้องออกมาอยู่ดี

เจาะลึก 4 เพลงใน EP

เดียว: เพลงแรก หินก้อนสุดท้าย อันนี้ต้องเสียเงิน 159 บาทครับ ฟังแล้วรู้เลย (หัวเราะ) ปากีสถาน

นะ: ปากีสถานมันเหมือนเป็นโค้ดเรียกตามแนวที่เราได้ยินเป็นครั้งแรก

เดียว: ผมขอพูดถึงโดยแยกเป็นสองพาร์ตละกันครับ ดนตรีเป็นอะไรที่ค่อนข้างบ้าดีเดือด

นะ: ฝุ่นตลบตามคอนเซปต์ของ Brown Flying น่ะครับ เป็นวงที่ดูหนังคาวบอยมาเยอะแล้วอยากจะตั้งชื่อวงก็ตั้งชื่อว่า Brown Flying คือจริง ๆ มันไม่มีความหมายอะไรเลย แต่เปรียบมันเหมือน brown คือสีน้ำตาล เป็นฝุ่น flying เหมือนพุ่งไปข้างหน้า เพลงนี้มันก็จะตรงความเป็น Brown Flying มาก กระชากอารมณ์

เดียว: ฝุ่นตลบจริง ๆ ครับ หนักหน่วงด้วยสัดส่วน ด้วยริฟกีตาร์ กลอง อันนี้มันค่อนข้างตัวตนเหมือนกัน เอาให้รู้จักกันไปเลยครับ ซึ่งเพลงนี้ โน้ตจะขึ้นมาก่อน

นะ: เหมือนเขาดูหนัง American Sniper

โน้ต: คือโค้ดปากีสถาน มาจากความทะเลทรายของมันอะ

img_6874

เพลงส่วนใหญ่ของวงได้แรงบันดาลใจมาจากหนัง

เดียว: ก็มีบ้างครับ พอดีว่าง

โน้ต: บางทีดูแล้วเห็นฉาก ฉากนึง มันเป็นเพลงพวกตะวันออกกลาง สวด ๆ หน่อย แล้วอยู่ดี ๆ ตอนที่สวดน่ะมันก็ระเบิดขึ้นมา ผมเลยว่าถ้าเพลงได้คอนเซปต์ไปทำแบบนี้บ้างจะเป็นยังไงวะ ก็เลยทำอันนี้ขึ้นมา เหมือนเดินสวย ๆ อยู่ ระเบิดมา

เดียว: เออ ส่าหรีกำลังฟรุ้งฟริ้ง ตัดภาพมา ตู้ม ตายหมดเลย ส่วนเนื้อเพลงจะพูดถึงความตั้งใจของคนคนนึง หรือถ้าใช้ Brown Flying เป็นตัวแทนก็คือ ต่อให้มันยากเย็น ต่อให้จะมีใครมาคอยขีดอุปสรรคต่าง ๆ มาเลย ยังไงเราก็ไป หยุดเราไม่ได้ สร้างกำลังใจให้กับตัวเอง แล้วก็เปรียบเปรยเป็นความรักว่า ก็เพราะว่าความรักที่ทำให้เราทำอันนี้ได้ จุดหมายอยู่ตรงไหนเรารู้ แต่ว่าระหว่างทางจะเจออะไรก็แล้วแต่ มาเลย มีแรงแค่ไหนมาให้หมดเลย

เพลงต่อไป Can You Hear Me? อันนี้ค่อนข้างโฟลวหน่อยแล้ว ผมร้องให้แฟนเพราะว่าแฟนผมทำงานอยู่ต่างประเทศ เนื้อหาก็จะตรง ๆ ว่า ที่เราร้องอยู่ที่บ้านเนี่ย เธอที่อยู่ห่างไกลออกไปจะได้ยินไหม ผ่านเรื่องราวของดนตรีพังก์ร็อก

นะ: ช่วงนั้นจะล้างคอมพอดี เลยเอาเดโม่มานั่งฟังเรื่อย ๆ เพราะเวลาเราทำเดโม่ ทำเพลง จะมีงานที่อัดไว้ แล้วมันจะเจอพวกที่จำไม่ได้แล้วว่าเคยเล่น ก็เลยเอาส่วนผสมนั้นมาใช้กับ Can You Hear Me? อย่างอันนี้มันจะมีท่อนโซโล่เบสที่เล่นไว้จนลืมไปแล้วว่าเราเล่นอะไร

เดียว: ใช่ หลัก ๆ มันมาจากท่อนเบสท่อนนั้นท่อนเดียวเลย รู้สึกว่าอันนี้น่าจะเอามาทำอะไร มันจะเป็นฟีลในห้องซ้อม ถ้าอัดเก็บไว้แล้วกลับมาฟังมันก็จะได้อะไร ถ้าเรานั่งคิดเองอาจจะได้แต่อะไรเดิม ๆ แต่ถ้าเรามาแจมวงก็จะได้ลูกเผลอ ๆ แล้วเราก็จะชอบฟีลสด แล้วถ้ามันดีก็จะดีเลย ใช้กับทุกเพลงเลย

โน้ต: เพลงที่สาม ฝัน เป็นอารมณ์ที่แต่งตอนที่เศร้า แล้วเล่นคอร์ดกีตาร์ เพลงนี้เริ่มจากขึ้นกีตาร์มาก่อน แล้วก็ขยายความต่อ คือเพลงมันจะดาร์ก ๆ หม่น ๆ เลยเอาเป็นคอนเซปต์ของเพลงนี้ไปเลย คือท่อนฮุกมันจะโกลว สว่างขึ้นมา

ทำไมทำให้ดาร์กและสว่างในเพลงเดียวกัน แล้วทำไมถึงใช้ชื่อฝัน

โน้ต: ความรู้สึกตอนนั้นคือคนเรามันก็ต้องมีดาร์กด้วย สดใสด้วย ถ้าดาร์กตลอดเวลามันจะตายเอา คือมันก็ไม่ได้ใสไปเลย มันก็เหมือนว่าความทุกข์บางทีมันก็คิดได้ อาจจะรับสภาพแล้ว ไม่ได้เป็นคนสองบุคลิกขนาดนั้น คือรู้สึกเศร้าแต่ก็ทำใจได้

นะ: โดยสัจธรรมแล้ว คือมันไม่มีมืดไปทั้งหมดหรอก หนสุดท้ายเราก็จะมีทางออกอยู่ดี ซึ่งเพลงนี้เราก็ตั้งใจจะให้มีความรู้สึกนั้นอะ คือผลสุดท้ายมันก็คลี่คลายนะ มันไม่แย่ไปซะทีเดียวหรอกนะ เราต้องมีกำลังใจที่จะเดินหน้ากันต่อไป

เดียว: จริง ๆ เพลงนี้สำหรับผมมันค่อนข้างจบที่ตัวดนตรี โดยที่มันยังไม่มีเนื้อเพลงเลยนะ ที่ความเป็นดนตรีมันกลมขนาดว่า มันแยกกันชัดเจนว่า พอดาร์กเสร็จ ถ้าไม่เข้าใจก็ดาร์กไปเลย แต่ถ้าชีวิตเราดาร์กแล้วเราเข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น ความสว่างมันก็จะค่อย ๆ กลับมาหา ก็เชื่อมกันโน้ตเพลงที่ ถ้าคนจะไปก็ต้องไป แต่บางทีคนเราก็เลือกที่จะอยู่กับความเจ็บปวดทั้ง ๆ ที่รู้ว่าเราทำแบบนี้มันไม่มีประโยชน์ แต่ว่าบางคนถ้ารู้ปุ๊บแล้วก็จะไปได้เลย ถ้าแฮปปี้กับความเจ็บปวดก็เชิญครับ ยินดีด้วย

นะ: สุดท้ายมันมีประโยคที่คลี่คลายว่า ‘รู้ดี สุดท้ายมันก็เป็นแค่ฝันไป’ เราก็พูดง่าย ๆ ว่าถ้ามีความสุขยังไงก็ทำไปเถอะ ถ้าโอเคกับตรงนั้น เราอยู่ได้แต่เราอย่าไปคิดไม่ดีเท่านั้นเอง

เดียว: แต่ตัวเพลงเราอยากพูดให้มันกว้างกว่ามานั่งเสียใจ ให้ได้ตีความได้หลาย ๆ อย่าง

โน้ต: เพลงที่สี รู้ว่ามี ก็เป็นฟังก์ร็อก เพลงนี้ขายริฟกีตาร์โดดเด่นเลย แล้วก็หักมุมไปตอนท่อนกลางเพลงจะเซอร์หน่อย เป็น middle eight คลี่คลาย

เดียว: เหมือนถ้าเป็นเนื้อเพลง ท่อนนี้ก็จะเป็นการสรุปเรื่องราวทั้งหมด เพลงนี้จะพูดถึงเวลาเราสูญเสียอะไรบางอย่างเหมือนเราเสียคนที่เรารักไป ญาติผู้ใหญ่เสียไป เราจะใช้สิ่งที่ดีตอนเราอยู่ด้วยกันเอาไว้ดำเนินชีวิตต่อ มันเป็นเหมือนลมที่คอยผลักดันเราให้เราเดินต่อไป ซื้อหวย ซื้ออะไร ไม่ใช่ (หัวเราะ) เนื้อเพลงส่วนใหญ่จะพูดเรื่องชีวิต แต่ก็ต้องมีความรักอยู่แล้วครับ เพราะคนเรามันดำเนินได้ด้วยความรัก เงินทอง no money, no honey แต่สำหรับเราเรื่องเงินไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่มาเป็นเรื่องแรก ๆ (หัวเราะ) เลยไปพ้องกับชื่อ Survive

อยากให้คนฟังได้ลองฟังเพลงไหนก่อน

เดียว: สำหรับคนที่ไม่รู้จักกัน ผมขอแนะนำ หินก้อนสุดท้าย เลยครับ ถ้าไม่รักก็เกลียดกันเลย

img_6888

ใครเป็นคนออกแบบกราฟฟิกในงานชุดนี้

เดียว: เป็นน้องชื่อเจมส์ เขาเป็นรุ่นน้องที่ออฟฟิศเพื่อนผม ผมอยากได้อาร์ตเวิร์กที่ค่อนข้างเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ Brown Flying ก็พยายามหา ซึ่งเราก็ไม่มีความสามารถ เราก็ถามเพื่อนที่ทำงานพวกนี้ เพื่อนก็ไปแนะนำน้องคนนึงว่า เฮ้ย สนใจทำปกซีดีเปล่า เขาก็ถามว่าวงอะไร พอบอกว่า Brown Flying เขาเป็นแฟนเพลงวงเราอยู่พอดี ก็เลยมาทำให้เลย คือเราจะทำงานกับทั้งภาพและเสียง ถ้าโปรดักชันเสียงก็จะเป็นโน้ตส่วนใหญ่ ส่วนทั้งภาพและมีเดียต่าง ๆ ก็จะเป็นผมคอยควบคุมว่าจะให้มันออกมาเป็นแบบไหน ทั้งวิดิโอ ทั้งภาพนิ่ง ทุกอย่าง เหมือนเป็น art director

กระแสตอบรับตอน pre-order เป็นยังไงบ้าง

เดียว: เยี่ยมเลยครับ ผมไม่แน่ใจว่าขายไปเท่าไหร่แล้ว แต่รู้สึกว่ามันมีความตื่นเต้นเกิดขึ้น เพราะความที่ว่าเราไม่ค่อยมีอะไรพวกนี้มาเท่าไหร่ ส่วนใหญ่พวกนี้มันก็เป็นซิงเกิ้ล ที่จับต้องได้ที่สุดสำหรับเราคือเราเอาเสื้อไปขายตอนเราเล่นคอนเสิร์ต อย่างตอนนี้มันมีซีดี มันก็จะครบวงจรวงนึงที่ควรจะมี

นะ: เราออกเป็นซิงเกิ้ลมาตลอด เราไม่มีอัลบั้ม

โน้ต: คือตอนนี้เราออกซิงเกิ้ลเป็นอัลบั้มได้แล้ว (หัวเราะ)

เดียว: เราน่าจะทำได้สองอัลบั้มแล้ว เรารู้สึกว่ารวมมันก็ไม่ได้ยาก แล้วเรารู้สึกภูมิใจกับมัน

จะออกอัลบั้มเต็มกันเมื่อไหร่

เดียว: คือเราก็ทำเพลงกันตลอด แค่ช่วงเวลาไหนหรือความเหมาะสมตรงไหนให้อัลบั้มเต็มลงได้เราก็พร้อมลง แต่จริง ๆ เราแพลนไว้ว่าเราอยากลงอัลบั้มใหญ่สักหนึ่งดอก ทีนี้เราจะทำ EP นี้ให้เกิดปรากฏการณ์ ไปทัวร์คอนเสิร์ต แล้วก็ปีหน้าเราจะได้กลับมากับอัลบั้มใหญ่ ปลายปีก็จะปล่อยซิงเกิ้ลสองซิงเกิ้ลฮิต ๆ แบบลาบานูน แพ้ทางซักเพลง เชือกวิเศษซักเพลง แล้วจะหายไปอัลบั้มใหญ่

นะ: อยู่ที่ที่ประชุมเขาจะว่ายังไงครับ

เพลงต่อไปที่จะออกคือหินก้อนสุดท้าย มี mv ด้วยไหม

เดียว: มีครับ ตอนนี้ถ่ายทำไปแล้วบางส่วน คือผมอยากได้ช่วงกุมภา ค่ายบอกว่ารอก่อนได้ไหม เพราะปีที่แล้วเราติดเรื่องในหลวงน่ะครับ ก็เลยยังโปรโมตไม่ได้เต็มที่ ปีนี้เลยยกยอด ฝัน มาเป็นเครื่องหลัง แล้วหินก้อนสุดท้ายก็น่าจะเป็นหลังจากนี้

คาดหวังกับ EP นี้ขนาดไหน

เดียว: ถล่มทลายครับ ผมพูดกันแมน ๆ เลยว่าผมตั้งใจทำงานมาก เพราะงั้นมันก็ไม่แปลกที่ผมอยากจะให้มันขายโคตรดี เพราะผมนั่งฟังเองผมยังรู้สึกว่า แม่งเจ๋งอะ ถ้าเราเป็นคนฟังเพลงร็อกคนนึง เราไปเจอวงที่ไม่รู้จักเลย แล้วเราเจอแบบนี้ เราจะไม่คิดเลยนะ พูดแบบเข้าข้างตัวเองตรง ๆ ต้องลองฟังครับ คาดหวังให้มันไปใหญ่ที่สุดเท่าที่มันจะสามารถไปได้

img_6908

เร็ว ๆ นี้จะไปเล่นที่ไหนบ้าง

เดียว: มี Cat Expo ครับ วันที่ 4 มีงานริมผา

วงมีแพลนจะทัวร์ทั่วประเทศ

เดียว: ใช่ครับ ด้วยความที่ระบบของค่ายเพลง หรือธุรกิจดนตรีทุกวันนี้มันจะเป็น pattern เดิม ๆ ตลอด ซึ่งเรารู้สึกว่าอย่างวงเรามันไม่เหมาะกับการทำซิงเกิ้ล ทำทีละเพลง แล้วหายไปสามเดือนแล้วมาใหม่ เรารู้สึกว่าเราทำอัลบั้ม เราออกไปทัวร์ เราออกไปเล่นให้ทุกคนฟัง เราคิดว่าน่าจะมีแฟนเพลงอยู่ทั่วประเทศครับ ทีนี้เราก็อยากเอาโมเดลนี้ ยกทุกอย่างไปเล่นที่จังหวัดเขาเลย เราก็เลยถามในเฟสบุ๊กว่า แฟนเพลงของเราอยู่ที่ไหนกันบ้าง เราเหมือน Bodyslam อะครับ แต่เป็นไซส์ที่เล็กมาก โปรดักชันเราก็คือเวทีกับโต๊ะวางของ เราไม่มีไฟไม่มีอะไร แต่เรารู้สึกว่าเราสามารถขยับไปได้ทุกจังหวัดที่เขาอยากดูเรา ซึ่ง feedback จากโพสต์ก็ดีมาก รู้สึกว่าเอาซักทีนึง เรามาลุยซักตั้งนึง เราไม่รู้ว่าแฟนเพลงเราจะถนัดมาดูในกรุงเทพ ฯ ไหม เราเลยรู้สึกว่า มีนา ถึง มิถุนา เราอยากจะออกไปต่างจังหวัดหมดเลย ไปขาย ไปเจอกัน ไปเล่นคอนเสิร์ตให้ดู ชอบก็ซื้อกันไปเลย เวลาไปเล่นเขาก็ตอบรับดีครับ ส่วนใหญ่ที่ไปแล้วรู้สึกว่ามันไม่ต้องลุ้นอะไรมากก็คืออีสาน จริง ๆ ทุกวงของไทยน่าจะไปเปิดตลาดที่นู่นก่อนในกรุงเทพ ฯ เพราะว่ากรุงเทพ ฯ มันเป็นเหมือนประเทศที่ค่อนข้างหลากหลายทางด้านเชื้อชาติ เพราะงั้นอะไรที่เป็นกระแสจะค่อนข้างมาก่อน ถ้าอะไรที่มันเฉพาะทาง… คือเมื่อก่อนเราก็เป็นกระแสหลักถูกปะ แต่ทีนี้ถ้าจะเอา base on rock จริง ๆ ผมว่าไม่ใต้ก็ควรจะเป็นอีสาน

โน้ต: ผมว่าตอนนี้ในกรุงเทพ ฯ มันทางเลือกเยอะ ไม่ได้ว่ามันไม่ดีนะ ก็ดีครับ แต่ถ้าเป็นยุคก่อนตอนพวกผมเด็ก ๆ Silly Fools, Black Head, Loso, The Sun เมื่อก่อนมันคือเพลงร็อกที่เป็นเพลงกระแสหลัก ตอนนี้มันเป็นดนตรีแนวเบ็ดเตล็ด คือมันเยอะไปหมด

เดียว: ตัวเราเองก็ต้องหาจุดที่มันเหมาะสม รู้สึกว่าอีสานเนี่ย ร็อกเลย

โน้ต: ทั้งที่เขาก็เลือกฟัง เบ็ดเตล็ดเหมือนกันนะ แต่เขาก็เลือกที่จะออกไปดูวงร็อก

เดียว: ทั้งที่ใน YouTube มันดูได้หมด เราไม่ได้ดูแค่ในประเทศไทยแล้วอะทุกวันนี้ แต่ว่าคนอีสานสำหรับเรา เวลาเขาได้ยินว่าวงร็อกจะมาเล่น เขาจะรู้สึกตื่นเต้น อยากออกมาซื้อซีดี อยากออกมาเจอ เราก็เลยรู้สึกว่า เราควรจะไปทำอะไรที่อีสานก่อน

จะมีคอนเสิร์ตใหญ่ไหม

เดียว: ที่ผมแพลนไว้คือเราจะไปทัวร์ มีนา ถึง มิถุนา แล้วเราจะหยุดกรกฎาเพื่อที่จะเอาร่องรอยอารยธรรมจากนั้นน่ะครับ ก็คือเอาฟุตเทจทั้งหมดมาตัดเป็น DVD ที่แพลนไว้นะครับ แล้วก็จัดคอนเสิร์ตใหญ่ที่กรุงเทพ ฯ สิงหาอีกทีนึง แต่ก็จะพยายามทำให้ได้อย่างที่พูดไว้วันนี้นะ

อะไรจะเป็นอุปสรรคให้ทำไม่ได้

เดียว: เงินทองครับ แต่เราก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าทุกวันนี้เราไม่มีเงิน เราก็ขี้เกียจเหมือนกัน เพราะว่าจริง ๆ แล้วมันก็ทุกอย่าง การเดินทาง ค่าน้ำมัน เราก็ไม่ได้มีขนาดที่เราจะออกเองทุกอย่างแล้วไปเล่นได้เลย คือเราก็เหมือนต้องช่วยกัน ที่ร้านก็ต้องช่วยกัน อาจจะเป็นหาสปอนเซอร์หรืออะไร แต่เราคิดว่า เสียงเพลงจะทำให้เราได้มาเจอกันในปีนี้

img_6890

เคยมีคนพูดว่าเพลงร็อกกำลังจะตาย

เดียว: มันไม่มีวันตาย มันคือการสร้างสรรค์ของมนุษย์ เราไปเดินที่ไหนพอได้ยินจังหวะ เท้ามันก็ขยับแล้ว คนที่พูดว่าเพลงร็อกตายแล้วก็อย่าไปคุยด้วย ผมไม่เชื่อแบบนั้น ผมเคยได้ยินว่าอิเล็กทรอนิกเป็นเพลงขยะ เราก็ไม่ได้เชื่อแบบนั้นอยู่ดี ใครจะพูดยังไงก็พูดไป หรือ Silly Fools ยังทัวร์คอนเสิร์ตอยู่เลย กลับกันวงที่มาใหม่ ๆ ไม่ได้ว่านะครับ เขายังไม่สามารถสร้างปรากฏการณ์แบบเสก Loso ได้ ถ้างั้นจะพูดว่าเราตายแล้วก็ไม่ได้

โน้ต: พี่เสกยังร็อกอยู่เลย (หัวเราะ) ไม่ว่าจะเป็นแนวไหน ดนตรีมันไม่ตายหรอก

นะ: เกิดขึ้นมา มนุษย์รู้สึกว่าไม่มีอะไรทำ มันเงียบจนเกินไป มนุษย์ก็เลยสร้างเสียงขึ้นมา ขณะเดียวกันผมก็ไม่ได้ไปบอกว่าเพลงป๊อกจะตายแล้ว เพลงอินดี้จะตายแล้ว ไม่มี ผมฟังหมด เราให้เกียรติดนตรีทุกแนว เวลาผมไปดู EDM มัน ๆ ก็โห ขนลุกนะ

คิดว่าดนตรีเป็นเรื่องอันดับหนึ่งในชีวิตไหม

โน้ต: ผมว่าดนตรีมันมากกว่าดนตรีนะ มันเป็นมากกว่าเสียงเพลง ผมว่ามันสามารถสร้างพฤติกรรมของคนที่ขี้เกียจ หรือสำหรับคนที่ไม่มีความฝัน ทำให้ฝันอยากมีแรงอะไรบางอย่างที่ต้องทำ หรืออยากไปให้สุดของผมหรือสุดของแต่ละคนมันก็ไม่เหมือนกันหรอก แค่ได้เล่นดนตรี ได้ทัวร์ ผมก็รู้สึกว่ามันก็สุดสำหรับผมแล้ว มันสร้างพลังชีวิตให้ผมอยู่อย่างมีความหมายนะ ผมสามารถทำอะไรได้มากขึ้น เก่งกว่าเดิม ไม่ได้ตีกลองเก่งนะ คือผมสามารถคิดวิเคราะห์ได้เก่งขึ้นในการเล่นดนตรียังไงให้มันชาญฉลาดมากขึ้นกว่าเมื่อก่อนที่เล่นก็ เอาเว้ย มันคะนองอย่างเดียวเลย พอระยะเวลาที่เล่นดนตรีมันบ่มก็ทำอะไรให้มันดีขึ้นกว่าก่อน ๆ อาจจะไม่ได้เล่นเก่งสุดยอดเท่ากับที่เขาเล่นเก่งกันมาก เราก็อยากเล่นได้อย่างเขาเหมือนกัน แต่ว่าศักยภาพของเรามีได้แค่นี้ เราก็ทุ่มเวลาหลายอย่างให้มัน เพราะดนตรีสามารถจัดการชีวิตของเราให้มีวินัย ดีครับ เป็นสิ่งที่ดี

เดียว: ดนตรีก็คือทุกอย่างของชีวิตนะครับ ทุกวันนี้ก็เป็นเหมือนลมหายใจที่เลี้ยงพวกเรา อาจจะไม่ได้เรื่องรายได้ แต่ว่าเรารู้สึกว่า direction ของชีวิตเรามันเดินไปตามสิ่งที่เราเลือกมาตั้งแต่ตอนแรกแล้วว่า เราจะมีอาชีพเป็นนักดนตรีที่วันนึงเราจะเลี้ยงดูตัวเองได้โดยใช้ดนตรี ผมว่าที่ทำมันมีแต่ความสุข แต่พอเดินมาเรื่อย ๆ มันก็จะเจออะไรที่เราไม่ได้คาดคิด ผมว่ามาถึงทุกวันนีเได้ ผมเชื่อว่าดนตรีทำให้ผมอยู่ได้จนทุกวันนี้ เราไม่รู้สึกว่าอาชีพอื่นหรือว่าอะไรมันทำให้เรารู้สึกว่าอยู่กับมันได้จนตาย ผมรู้สึกว่าดนตรีอยู่ได้จนตายเลย ก็จะเล่นดนตรีครับ

นะ: ดนตรีเป็นอันดับหนึ่งครับ จริง ๆ ผมคุยกับเดียวอยู่ตลอด ดนตรีจะพาเราไปในที่ที่เราไม่เคยไป แล้วก็พาผมไปในที่ที่ไม่เคยไปจริง ๆ พิสูจน์มาแล้วจริง ๆ ตั้งแต่เด็ก ๆ มาเลยนะ ผมเล่นดนตรีตั้งแต่อายุ 13 มาจนตอนนี้ผม 36 แล้วอะ ผมก็อยู่กับตรงนั้น ยังสนุกกับการเล่นดนตรี แล้วก็มาคิดว่า เฮ้ยเราได้ไปที่นี่ด้วยหรอ คือมหาสารคามเนี่ยผมไม่เคยคิดเลยว่าชีวิตนี้ผมจะไปเพื่อไปเล่น ไม่มีความคิดจะไปเที่ยวขอนแก่น พบปะ คน ทุกอย่าง มันแทรกซึมไปในชีวิตของเราแล้ว ทุกวันเราต้องเล่น อย่างน้อยที่บ้านเราจะมีอุปกรณ์วางไว้ทุกมุม อยู่ตรงไหนผมก็หยิบเล่นได้ คงมีดนตรีไปจนตาย เล่นจนกว่าจะไม่มีแรงเล่น จนกว่ามือจะเล่นไม่ได้แล้ว ตอนนั้นคงเครียดน่าดู มีอยู่ช่วงนึงตอนบวช เขาห้ามเลย เราเคยถามพระอาจารย์ว่า พระอาจารย์ครับ ถ้าเกิดผมเอามาไล่สเกลด้วยสมาธิ จะได้ไหมครับ โดยหลักก็คือไม่ได้ มันอาบัติ (หัวเราะ) แต่จริง ๆ เวลาเราเล่นจิตมันก็นิ่งนะ เหมือนกับเขาเคาะป๊อก ๆๆๆ แต่นี่แค่ผมเอาเบสมาเล่นเท่านั้นเอง แต่ก็ไม่ได้ ช่วงนั้นเนี่ยแบบ เอาไงดีว้า ต้องละกิเลสให้ได้ นี่ก็คือกิเลสอย่างนึง (หัวเราะ)

img_6899

อยากให้มีอะไรเกิดขึ้นในวงการดนตรี

นะ: อยากให้ยังมีสาขา Tower Records อยู่ในเมืองไทย โดยที่คนสามารถซื้องานโดยที่เขาคำนึงถึงผู้ผลิต คำนึงถึงตัวศิลปิน ว่า เวลามันออกมาก็ยากเหมือนกันนะ เอาใจเขามาใส่ใจเรา ผู้ฟังก็ใส่ใจ คนเล่นก็ใส่ใจ แล้ววงการเพลงจะอยู่ได้

โน้ต: ผมว่าดนตรีก็เหมือนทำอาหารอะ มันต้องมีวัตถุดิบ ต้องใช้เงินอยู่แล้ว เบสก็แพง รถก็ต้องซื้อ ขับมาทำงาน ขับมาซ้อม ตังค์ค่าข้าวก็ต้องจ่าย ทุกอย่างมันคือปัจจัย ดนตรีไม่ใช่พุ่งออกจากบ้านมาแล้วแต่งเพลงเสร็จเลย มันไม่ใช่ละ กว่าจะได้หนึ่งเพลงต้องคุยกัน ซ้อมกันผมว่าพวกเราก็ทำเพลงกันมาแบบตั้งใจมาก ไม่ได้ชุ่ย ๆ อะ มันทั้งหัวใจ ทั้งกาย ทั้งเงิน มันคือทุกอย่าง เพื่อให้คนฟังมีความสุข เพื่อให้เขามีทางเลือกได้ฟังเพลงดี ๆ ผมว่ามันก็แลกกัน อาจจะไม่ต้องมาจ่ายเงินผมก็ได้ ถ้าคุณออกมาพบปะ ถ่ายรูป แชร์อะไรก็ได้ สำหรับผมยุคนี้มันเปลี่ยนไปหมดแล้ว คือมันก็แค่ความรู้สึกที่ดีให้กันก็พอ ไม่ต้องมาซื้อซีดีเราก็ได้ ผมไม่ได้ว่าหรอก แค่ติดตามผลงานเรา ไปดูคอนเสิร์ตเรา แชร์สิ่งที่เราอยากเสนอให้ ผมว่ามันก็โอเคแล้วสำหรับแฟนเพลง

เดียว: ของผมก็ฝากเพื่อน ๆ นักดนตรีด้วยละกันนะครับว่า เรามาเล่นเพลงร็อกกัน เพราะว่าตอนนี้วงร็อกก็เริ่มเยอะขึ้น จากที่วงเก่า ๆ ก็กลับมาใหม่ หรือว่าเด็กยุคใหม่ที่เล่นเพลงร็อกกันนะครับ อยากให้มาสัมผัสกับอะไรแบบนี้ เพราะก็เหมือนมีเพื่อน ตอนนี้เราเหมือนไม่ค่อยมีเพื่อน มีแต่อะไรก็ไม่รู้ที่เราไม่รู้จักเลย ไม่ได้ว่าเขาไม่ดีนะ แต่รู้สึกว่าทำไมเบสกับกลองไม่ใช้มือวะ ทำไมเป็นคีย์บอร์ดเหมือนเลย ซึ่งมันก็เป็นแนวของเขา แต่ก็รู้สึกว่า บางทีมันมีเยอะกว่าที่เราจะมานั่งจิ้ม ๆ กด ๆ ในห้องนอนครับ เราควรจะทำวงขึ้นมา ให้มันมีประสบการณ์ไปขอเขาเล่นที่นู่นที่นี่ ไม่ใช่อะไรก็อินเทอร์เน็ตไปหมด อินเทอร์เน็ตใช้ศึกษาหาความรู้นะครับ แล้วก็ใช้โปรโมตตัวเอง ใช้ทักทายแฟนเพลง แต่มันไม่ใช่ทั้งหมดของชีวิต คือไม่ได้ให้ออกไป extream เล่นสเกตบนรถไฟฟ้า ไม่ขนาดนั้น เอาแค่ออกมาทำให้มันเหมือนว่าเรายังเป็นมนุษย์อยู่ เราไม่ได้อยู่ในโลกไซเบอร์ขนาดนั้น ออกมาพบปะกันให้มันมีปฏิสัมพันธ์กัน

โน้ต: ผมมีเรื่องอยากจะฝากอีกนิดนึงครับ คนจัดงานคอนเสิร์ต ทุกอย่างเลย นี่ผมส่วนตัวนะ อย่างแรกเลย การจัดงานคอนเสิร์ต เราขายเสียง เครื่องต้องดีหน่อย อันนี้อย่างแรกเลย รู้สึกว่าที่ผมเล่นมาเป็นสิบปีแล้ว

เดียว: อย่าจ่ายไฟแพงกว่าเครื่องเสียงครับ ควรจะจ่ายเครื่องเสียงแพงกว่าไฟ

img_6898

โน้ต: ไม่ใช่แค่นักดนตรีรู้สึกไม่ดีนะ คนฟังไปเสพการดูคอนเสิร์ต เฮ้ยเครื่องเสียงเหี้ยอะไรวะเนี่ย แล้วพอมาเสพเพลง เสียงต้องดี ไม่ใช่ไฟดี คุณไม่ได้มาดูไฟ อีกอย่างคือการให้โอกาสศิลปินหน้าใหม่ได้ขึ้นเวทีที่ใหญ่ ๆ ไม่จำเป็นต้องเป็นศิลปินเบอร์ใหญ่ เมืองนอกเขาจัดไลน์อัพไม่จำเป็นต้องให้มันเกาะกันทุกแนว หลากหลาย ถ้าคุณอยากจะให้วงการดนตรีไปข้างหน้าได้จริง ๆ คุณต้องหลากหลาย นี่ผมไปดูเฟสติวัลทุกที่ เหมือนเดิม วงอีสานที่มีพิณอะไรยังเงี้ย ผมอยากให้เล่นเฟสติวัลใหญ่ ๆ เลย เพราะบ้านเราสปีชีส์มันหลากหลายนะ ผมว่ามันน่าจะเปิดมากกว่านี้ ไม่ใช่เอาแต่ระบบทุนนิยมจนเอาแต่วงใหญ่ จริง ๆ วงเขาก็ดี เพลงดี แต่บางทีผมว่าให้มันหลากหลายบ้าง คนฟังจะได้มีทางเลือกมากขึ้น บางทีผมว่าบางคนก็มีวงที่ชอบ ก็อยากจะดูเขาเล่นเวทีใหญ่บ้าง เขาจะเอาอยู่หรือเปล่า ได้ฝึกฝนประสบการณ์กันไป ฝากผู้จัดเฟสติวัลด้วยนะครับ ผมก็ไม่ได้อยากเล่นเวทีใหญ่ขนาดนั้น ผมก็ศักยภาพแค่นี้ ก็ถ้าได้เล่นก็ดี วงปิดต้องเป็นวงเดิมอย่างเดียวหรอ ก็ไม่ใช่ ลองเปลี่ยนบ้างไหม ถ้าทำแล้วมันไม่เวิร์กค่อยกลับไปเป็นแบบเดิมก็ได้ คนสมัยนี้เขาฟังเพลงกันเยอะขึ้นนะ อยากฝากว่า ให้นักดนตรีทำงานดี ๆ อย่างเดียวก็ไม่ได้ มันต้องช่วยกัน

เดียว: นักดนตรีก็ต้องทำตัวเองให้พร้อมที่จะใหญ่ขนาดนั้น ผมว่าถ้าวันนึงคุณได้เล่นเวทีใหญ่แต่ฝีมือคุณห่วย เครื่องเสียงมาดีก็ไม่มีประโยชน์กับเพลงของวคุณ และคุณจะตายภายในไม่ช้า ทุกคนต้องขยันขันแข็ง ไม่ใช่เราอยู่ในวงการดนตรี เราทำงานเพื่อได้เงินเดือน เราต้องมีความครีเอท เราต้องมีการพัฒนา ไม่งั้นเราก็จะมานั่งพูดกันว่า เพลงมันตายแล้ว เพราะว่ามันดีแต่พูดกันในเฟสบุ๊กอะ แต่มันไม่เห็นมีใครจะมานั่งแบบ เฮ้ย เราทำแบบนี้ ผมเห็นแค่ Rock and Roll Come Back ที่พี่ใหม่ Zero Hero พี่เล็ก Hugo ที่เขามาโดยไม่ง้อสปอนเซอร์

โน้ต: หรือชนุดมก็ไม่ใช่วงแมสด้วย ผมว่ามันต้องอย่างนี้อะ ฝากผู้จัดด้วย เราก็ต้องพึ่งผู้จัด ผู้จัดก็ต้องพึ่งนักดนตรี อยู่ที่วิธีคิด แต่อย่างแรกเครื่องเสียงต้องดีก่อนเลย

เดียว: ถ้าคุณคิดจะทำอะไร ไม่ต้องมานั่งพ่นในเฟสบุ๊ก ชวนเพื่อนชวนฝูงเลยครับ มันไม่มีอะไรยากเลยเดี๋ยวเนี้ย อีเวนต์แค่ดูว่าคนมากี่คนในเฟสบุ๊กก็จัด คือมันง่ายกว่าเยอะ กีว่ามานั่งบ่นซีพี บ่นเซเว่น วงการเพลงจะโตขึ้นได้ทุกคนต้องช่วยกัน เราทำคนเดียวไม่ได้ โลกมันเปลี่ยนไปขนาดนั้นแล้ว

Community นักดนตรีสำคัญไหม

โน้ต: ก็สำคัญนะ เราเหมือนเป็นคนอาชีพเดียวกันอะ ทำงานด้วยกัน มันก็มีอยากคุยกับคนนั้นมั่ง ไม่อยากคุยกับคนนั้นมั่ง สุดท้ายแล้วเราหนีกันไม่พ้นหรอก ค่บางทีอีโก้ของบางคนเราก็เข้าไม่ถึง บางทีเขาก็ไม่ค่อยสะดวกที่จะมาคุยกับเรา แต่ว่าทุกครั้งที่เรามีงาน เราก็ต้องเจอกัน เอาอีโก้พวกนั้นมาพัฒนางานแล้วก็เดินหน้ากัน

img_6871

ฝากผลงาน

เดียว: EP Survive ผมรู้สึกว่าเป็น the best of Brown Flying เลยครับ 2017 นี้อยากให้เจอกันด้วย EP นี้เลย เพลงเก่า ๆ ก็ชอบเหมือนเดิม แต่ว่าเราอยากจะให้ชิมรสชาติของ EP นี้ คนที่รักกันอยู่แล้วก็น่าจะเข้าใจกันได้ดี แต่สำหรับคนใหม่ ๆ เชื่อว่าอันนี้เป็นอะไรที่ไม่รักก็เกลียดเลยอะ มันก็เท่านั้นอะ ทุกวันนี้ก็ต้องเร็วด้วย ฝากด้วยครับ

Facebook Comments

Next:


Montipa Virojpan

อิ๊ก เนิร์ดดนตรีที่เพิ่งกล้าเรียกตัวเองว่าเป็นนักเขียนตอนอายุ 25 ชอบเดินเร็ว นอกจากขนมปังกับกาแฟดำแล้วก็สามารถกินไอศกรีมกับคราฟต์เบียร์แทนมื้อเช้าได้