Article Interview

เมื่อสิ่งของในชีวิตประจำวันอย่าง เสาอากาศ กลายมาเป็นผลงานแรกในชีวิตของ M Yoss

  • Writer: Wathunyu Suriyawong
  • Photographer: Chavit Mayot

ถ้าให้นึกถึงศิลปินที่แต่งเพลงไม่เหมือนชาวบ้าน เอาอะไรที่ไม่น่าเกี่ยวกันไม่ว่าจะเป็น ฟ้า ฝน การล้างรถ สลากกินแบ่งรัฐบาล มารวมอยู่ในเพลงเดียวกันจนกลายเป็นเพลงรักที่โคตรโรแมนติก ก็คงมีแต่พี่ติ๊ก ชีโร่ เท่านั้น และก็คิดว่าคงไม่มีใครสามารถทำได้อย่างเขาอีกแล้ว หรือต่อให้ทำได้ก็คงไม่ทำอยู่ดี

พอมาวันนี้ เรากลับมีอัจฉริยะเกิดขึ้นมาอีกคน เขาสามารถแต่งเพลงจากเสาอากาศทีวี ทั้งที่ยุคนี้สื่อหลักอยางทีวีถูกลดบทบาทด้วยอินเทอร์เน็ต การพูดถึงเสาอากาศในสมัยนี้จึงออกจะผิดยุคผิดสมัยไปเสียหน่อย แต่เขาก็เล่าออกมาได้อย่างน่ารักและร่วมสมัยอย่างไม่น่าเชื่อ

เรากดฟังเพลงด้วยความสนใจ อยากรู้จริง ๆ ว่าเขาเป็นคนยังไง โตมายังไง จนในที่สุด เรามีโอกาสได้ไปพูดคุยทำความรู้จักเขาอยู่ชั่วโมงกว่า และทุกคนกำลังจะได้รู้จักกับเขาแบบที่เรารู้จักผ่านบทสัมภาษณ์นี้ เขาคือ M Yoss (เอ็ม-ยศ) ศิลปินเบอร์แรกของค่าย 123 Records บริหารโดยท่านประธาน แสตมป์—อภิวัชร์ เอื้อถาวรสุข กับผลงานแรกของเขาในชื่อเพลงว่า เสาอากาศ 

img_1064

แนะนำตัวกันเล็กน้อย

ยศวัศ สิทธิวงค์ ครับ ชื่อเล่นชื่อเอ็ม สมัยประถมมีคนชื่อเอ็ม 2 คน เพื่อนก็เลยว่า ‘เอ็มยศ’ แล้วก็เรียกมาเรื่อย ๆ พอมัธยมจะเริ่มตามด้วยชื่อพ่อแทน (หัวเราะ) เข้ามหาลัยมาก็ได้วาดภาพประกอบในเพจชื่อว่า BLACKHAND แล้วต่อมาก็อยากมีชื่อฝรั่ง แต่คิดไม่ออกเลยใช้ M Yoss แล้วกัน

การเป็นศิลปินรายแรกของ 123 Records มีที่มาที่ไปยังไง รู้จักพี่สแตมป์ได้ยังไง

ตอนเรียนจบมาใหม่ ๆทำอยู่ production house ก็เป็นตากล้อง ผมรู้จักกับพี่กล้วย Morning Surfers ก่อน ระหว่างนั้นก็ได้แต่งเพลงเก็บไว้เพลงแรก ก็คือ เสาอากาศ นี่แหละ ประมาณ 5-6 ปีแล้ว ตอนอยู่ปี 1 เราเป็นเด็กเชียงรายก็ต้องย้ายมาอยู่หอพักธรรมศาสตร์รังสิต ผมอัดกีตาร์โปร่งกับ iPhone แล้วพี่กล้วยเขาก็ส่งไปให้พี่สแตมป์ฟังตามประสาคนทำเพลงอะครับ ไม่รู้คนอื่นเป็นกันหรือเปล่า แบบเดโม่น้องคนนี้เป็นยังไง ให้ลองคอมเมนต์หน่อย เสร็จแล้วก็แค่นั้นเลย คือก็ไม่ได้เจอกับพี่สแตมป์ในทันที

จนกระทั่งได้มาทำงานที่ Salmon House มี mv เพลง มนุษย์ลืม เล่นกับพี่ผ้าป่าน เสร็จแล้วก็เจอพี่สแตมป์ในวันที่เปิดตัวเพลง คือเขามาเล่นสดในงาน exhibition ที่เป็นสถานที่จริงใน mv หลังจากเล่นเสร็จก็เลยเข้าไปถามว่าจำเพลง เสาอากาศ ได้ไหม แบบลองเชิงดู สุดท้ายคือเขาจำได้ ก็แบบ เฮ้ย! ดีใจ จำได้ไงวะ

แล้วพี่แสตมป์เขาพูดถึงเพลงนี้ว่ายังไงบ้าง

เขาก็แบบ อ้าว เราเป็นคนแต่งเหรอ คือเขาฟังแต่เดโม่ในมือถือ ไม่เคยเห็นหน้า เสร็จแล้วก็หายไปเลยครับ (FJZ: ไม่ได้คุยเรื่องนั้นต่อ?) ไม่ได้คุยเลยครับ (หัวเราะ)

ตอนเจอพี่แสตมป์ครั้งแรกรู้สึกว่าเขาเป็นคนยังไง

ก็เหมือนในทีวีเลย เขาเล่นดนตรีแบบสดจริง หมายถึงว่าอยากจะหยุดก็หยุด อยากจะเล่นท่อนนี้ก็เล่นขึ้นมา ดูตอนนั้นก็รู้สึกว่าเขาเป็นอัจฉริยบุคคล มีทั้งแร็ปสด คิดสด

1-2

แต่งเพลงชื่อ เสาอากาศ แสดงว่าน่าจะชอบดูโทรทัศน์ มีรายการที่ชอบเป็นพิเศษไหม

ดูได้ทุกอย่างเลยครับ อย่างในเพลงก็จะเป็นพวกที่เราชอบที่สุด ก็จะมีมิวสิกวิดิโอ ดูฟุตบอลก็ชอบดูแมตช์ Arsenal ครับ ผมเชียร์อยู่ แต่สมัยก่อนตอนเด็ก ๆ ชอบดูพวก ‘สโมสรผึ้งน้อย’ ‘ซุปเปอร์จิ๋ว’ ตอนนี้เป็น ‘Super 10’ ไปละ แล้วก็มี ‘เวทีทอง’ ครับ ที่มีเปิดป้ายใบ้คำ ‘Gamezone’ ไรงี้ พอช่วงกินข้าวเย็นก็มีดูข่าว หรือ ‘ตำนานรักดอกเหมย’ ‘ไซอิ๋ว’ คือดูหมดเลย ตอนนั้นต่างจังหวัดเน็ตไม่แรงไง 56k กว่าจะต่อติดมันทรมาน ทีวีเลยกลายเป็นแหล่งความบันเทิงของเรามากที่สุด 

เสาร์อาทิตย์ในวัยเด็กมีผังการดูทีวียังไงบ้าง

ช่วงเช้าเน้น ๆ เลยจะเป็นช่องเก้าการ์ตูนก่อน โคนัน อาลาเล่ แต่พอจังหวะช่วงเปลี่ยนการ์ตูนไม่กี่นาทีจะแวะไปช่องเจ็ด ดูน้าผี ละครจักร ๆ วงศ์ ๆ (หัวเราะ) ถ้าเบื่อ ๆ ก็ไปช่องสาม ช่องห้า ก็ว่ากันไป สลับกับดูการ์ตูนไปเรื่อย ๆ พอช่วงกลางวันก็จะมีแบบ ช่องห้ามีระเบิดเถิดเทิง เสร็จกลับมาช่องเจ็ดช่วงบ่ายมี ‘เฮง เฮง เฮง’ ช่วงเย็นก็จะมีข่าว พอแม่ดูละครเราก็ดูตาม ตกดึกมี ‘Big Cinema’ จนถึง ‘J Zone’ ที่เป็นรายการเพลงญี่ปุ่น ๆ อะ

คิดยังไงกับการที่สื่อผลิตซ้ำวน

ตอนนี้มันไม่ได้มีแค่ทีวีต่อเสาอากาศอย่างเดียวแล้ว มันมี YouTube มีช่องทางอื่น ๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตอีกเยอะ เรารู้สึกว่ามันจะซ้ำกันก็ไม่เป็นไร พอออกมาซ้ำ ๆ มันก็จะมีการแข่งขันกันเกิดขึ้นอยู่แล้ว อย่างรายการประกวดร้องเพลง รายการข่าวแบบที่แข่งกันพูด พวกเต้าข่าวสนุก ๆ มันก็มีเยอะ แต่ก็ไม่เป็นไร  เราก็เลือกสิ่งที่ดีที่สุด ไม่ก็ดูรายการอื่นไป แต่ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมบางช่องฉายแต่ Liverpool ไม่ฉาย Arsenal เลย (หัวเราะ)

อยากให้มีรายการอะไรใหม่ ๆ ที่ไม่เคยมีในช่อง free TV

ตอนนี้สนใจสุดก็น่าจะเกี่ยวข้องกับเพลงมั้ง อยากให้มีการ create เป็นในรูปแบบอื่น อย่างเช่น จะเอานักดนตรีไปทำอย่างอื่นที่ไม่เกี่ยวกับดนตรีเลยก็ได้ จับมาแมตช์กันกับการท่องเที่ยวก็ได้ แบบให้ไปเที่ยวลำปางแล้วก็เล่นซึงเล่นอะไรแล้วก็ทำเพลงให้เสร็จในหนึ่งวัน ของฝรั่งมันจะมีอยู่รายการนึงที่เอา Maroon 5 มาอยู่ในห้องแล้วแต่งเพลงภายใน 24 ชั่วโมงให้เสร็จ ออกมาเป็นซิงเกิ้ล แล้วก็อยากให้มี live session นี่แหละ ไม่รู้อะ อยากให้มีแบบอื่นบ้าง เพราะตอนนี้เหมือนกับรายการประกวดร้องเพลงเยอะไปหน่อย อีกอันที่อยากให้มีก็คงจะเป็นพวกสารคดี

ตอนนี้ดูสารคดีอะไรอยู่

ของ Netflix (หัวเราะ) เพิ่งดู George Harrison The Beatles 3 ชั่วโมง โคตรดี

img_1025

ช่วยเล่าความรู้สึกของการเป็นแฟน Arsenal

รู้สึกว่า มันไปไกลกว่าการคาดหวังแมตช์แต่ละแมตช์ละ คือเอาจริง ๆ นะ ถ้าจะเปลี่ยนกุนซือ เปลี่ยนนักเตะทั้งชุด แต่เราก็ยังรู้สึกว่าเรายังเชียร์ Arsenal อยู่ เหมือนเราติดแบรนด์

ทำไมถึงเชียร์ทีมนี้

น่าจะช่วง France ’98 หรืออะไรสักอย่างนี่แหละ เป็นช่วงก่อนไร้พ่าย ยุคนั้นคนจะฮือฮากับ Man U กับ Liverpool มาก ๆ เราก็หาทีมอื่นมาเชียร์ขำ ๆ Arsenal ช่วงนั้นจะมี Tony Adams, Dennis Bergkamp, David Seaman พวกยุคก่อน ๆ ดูไปสักพักแล้ว เออ สนุกดี พ่อดู พี่ชายข้างบ้านดู โตมาช่วงมัธยมไปกินหมูกะทะก็ไปดูบอล ยิ่งดูกันเยอะ ๆ ยิ่งสนุก

รู้สึกยังไงเวลาทีมไหนแพ้จะเกิดการแซวกันจนเกินเลย

ผมว่ามันเป็นเคสเดียวกับการล้อชื่อพ่อชื่อแม่นะ เรารักทีมขนาดนั้น มันแบบผูกพันไปแล้ว 

มาคุยถึงตัวงานกันดีกว่า อยากให้เล่าถึงที่มาของการร่วมงานกับ ปกป้อง จิตดี (Plastic Plastic, Gym and Swim) ในฐานะโปรดิวเซอร์ของเรา

คนนี้เขาสุดยอด ประทับใจตั้งแต่ Plastic Plastic ละ แล้วมันมีงานที่พี่กล้วยให้เขียนเนื้อเพลงให้กับศิลปินคนนึง เขาก็จับคู่เรากับปกป้อง ตอนเขียนเพลงด้วยกันสนุกมาก คือที่บ้านเขามีกาแฟ มีสวน มีโรงเรียน มีร้านอาหารอยู่ตรงนั้นหมด แต่ว่ามีห้องนั่งเล่นที่มีเครื่องดนตรี เป็นสภาพแวดล้อมที่เราไปอยู่แล้วรู้สึกอยากทำเพลง บวกกับปกป้องเขาเป็นคนอัจฉริยะแล้วไม่อีโก้ขนาดนั้น เลยรู้สึกว่าทำเพลงด้วยกันแล้วสนุกแน่นอน พอพี่แสตมป์ให้เลือกว่าอยากทำเพลง เสาอากาศ กับใคร เราเลยเลือกปกป้อง พอทำด้วยกันแล้วเราเหมือนเด็กหัดเดินใหม่เลย ปกป้องเขามีสกิลเล่นเครื่องดนตรีได้ทุกชิ้น แล้วจริง ๆ แล้วอินโทรเพลง เสาอากาศ มันจะมีแค่สองคอร์ด ปกป้องก็เกลา ๆ ท่อนให้มันมี โอ๊ะ โอ๊ะ โอ อะไรให้มันสนุกขึ้น ก็คือลองกันไปลองกันมา กดนู่นกดนี่ในห้องนั้นแหละ 

เพลง เสาอากาศ ในเวอร์ชันที่เราได้ฟังกันเปลี่ยนแปลงจากเดโม่เยอะไหม

นิดหน่อยครับ คือท่อน pre-chorus พี่สแตมป์มาช่วยดูแล้วรู้สึกว่ายาวไป ก็ลดทอนลง แต่พวกเมโลดี้เหมือนเดิมทุกอย่างเลย ทำไม่นาน แก้กับปกป้องอยู่ 2-3 ดราฟต์

ได้ reference จากวงไหนไหม

อย่างเพลง เสาอากาศ ก็มาจากพวก พระอาทิตย์ยิ้มแฉ่ง เพลง สับปะรด พวกนี้แหละ ปกป้องจะคอยเสิร์ฟไอเดียพวกกลิ่นดนตรี แต่จริง ๆ เหมือนเป็นการทดลองมากกว่า อย่างพี่กล้วยจะมีซินธ์อะไรที่เสียงมันวู้บวั่บ ๆ 

พอจะนิยามแนวดนตรีของตัวเองได้ไหม

เราตั้งใจอยากให้เป็นเพลงป๊อปฟังง่าย เหมือนเราฟังเพลงพวก พระอาทิตย์ยิ้มแฉ่ง อะไรพวกเนี้ย คืออยากให้มันจับต้องได้ ฟังได้ทุกคน

img_0985

งานนี้นอกจากตัวเพลงแล้วเราคิดเองทำเองหมดเลยหรือเปล่า มีอะไรที่ยาก

โปรดักชัน mv ก็ให้ จีน—คำขวัญ เป็นคนทำเลยครับ อย่างพาร์ตดนตรีก็มีปกป้องช่วยทำ แล้วก็เล่นกีตาร์ กลองก็ให้พี่เส็งมาตี พี่กล้วยอัดเบสไปเลย คอรัสก็ร้องกับพี่กล้วย กับเพื่อนกับพี่แสตมป์ช่วยกันร้อง เรื่องความยากก็คิดว่าตอนเล่นสด มันน่าจะวัดกันตรงนั้น ตอนทำเพลงมัน edit ได้ไง เคยคุยกับพี่กบ Big Ass เขาก็บอกว่า ‘เอ็ม มึงต้องซ้อมเยอะ ๆ นะ ต้องฟอร์มวงให้ได้ พี่ว่าเพลงมันได้แล้วล่ะ’ ก็เลยรู้สึกว่ามันเป็นอีกโหมดนึง คล้าย ๆ กับกีฬา ต้องซ้อมและต้องรู้จักจังหวะ ดนตรี เสียงดังเบาแค่ไหนยังไง เคมีกับวง ก็เลยรู้สึกใหม่มาก

พูดถึง mv หน่อยดีกว่า เห็นมีท่าเต้นนี่เป็นไอเดียของใคร ซ้อมนานไหม

คิดสดเลยครับ เราก็ไม่ได้เห็น storyboard ขนาดนั้น คือน้องจีนเขาก็บรีฟมาว่า เป็นนักประดิษฐ์ที่กำลังจูนสัญญาณเพื่อไปหานางเอกในอนาคต… แค่เนี้ยะ (เสียงสูง) มี sync วงด้วยนะพี่เอ็ม แล้วตอนจะถ่ายก็บอกว่า ‘เตรียมตัวเตรียมใจไว้นะ’  (หัวเราะ) มันจะมีช็อตที่เป็นห้องทดลอง พอเรายืน ๆ เขาก็บอกว่า sync ไปเลย เต้นเลย เราก็ เอ๊า!? แล้วก็ยืนเต้นทั้งเทค เต้นตามคำพูด มันจะมีเทคที่เป็นเต้นทั้งเพลง แล้วเขาก็ตัดมาแค่ท่อนฮุก ก็ไม่ได้เตรียมตัวมาก่อนครับ แต่ว่าสนุกดี

นางเอก mv เป็นน้องขิม—จุฬารัตน์ เลือกเองหรือเปล่า

จีน เลยครับ ผมรู้ก่อนวันถ่ายหนึ่งวันว่าเป็นขิม คนนี้เขาดูโดดเด่น พอเป็นคนนี้ก็น่าสนใจ ไม่เคยคิดว่าจะได้เจอเขา เพราะเราเห็นแต่ใน instagram (หัวเราะ) (FJZ: พอรู้ว่าเป็นน้องขิม รู้สึกตื่นเต้นไหม) ไม่ขนาดนั้นครับ จริง ๆ เขาน่าจะกดดันมากกว่าอีก เพราะเราไร้สาระ เลอะเทอะหน่อย ก็กลัวว่าเราจะดูเป็นนักแสดงมากกว่าเป็นนักดนตรีหรือเปล่า ไรงี้ แต่สนุกดีครับ แล้ววันนั้นคือแอร์เสีย มันร้อนตั้งแต่หกโมงเช้าถึงเที่ยงคืน ก็เลยเล่นไปเรื่อย ๆ เหงื่อเราก็ท่วมเลยอะ จะเห็นว่าหน้าผมเราอะไรไม่เหมือนเดิมละ น้องขิมก็สปิริต ให้ใส่วิกใส่อะไรก็ไม่ร้อน หรือร้อนแต่เขาไม่บ่นกับเราก็ไม่รู้ (หัวเราะ) แต่เขาตั้งใจมากเลยครับ

ตอนนี้ฟังวงไทยไหนบ้าง

คงเป็น Gym and Swim แหละครับ วงฝรั่งฟัง George Harrison มั้ง กำลังอิน ถ้าเมื่อก่อนคงเป็น Iron & Wine เป็นต้นครับ

ถ้าเราได้ไปอยู่ในบ้านของ M Yoss เราจะได้ยินเพลงอะไรบ้าง

เพลงไทยเก่า ๆ ครับ อย่างเพลง Dog ของ Acappella 7 ครับ เพลงพี่ปุ๊ อัญชลี, Raptor ไรงี้ หลังจบมหาลัยก็ฟังเพลงเยอะขึ้น วงฝรั่งอื่น ๆ ก็เพิ่งมาฟังจากพี่กล้วยนี่แหละ แกเคยบ่นว่า ‘มึงฟังแต่เพลงอะไรแบบนี้ ลองเอานี่ไปฟัง’ แล้วก็ยื่นมาเป็น Sigur Rós (หัวเราะ)

img_1040

หลังจากปล่อยเพลง เสาอากาศ ไป ผลตอบรับเป็นยังไงบ้าง

มันมีความเซอร์ไพรซ์ในคอมเมนต์ของคนที่ฟัง เหมือนตอนแรกเราคาดหวังไว้น้อยเพราะมันเป็นเพลงที่ไม่ใช่เพลงรักด้วยแล้วเราก็แค่คิดว่าเราอยากแต่งเพลงให้กับเสาอากาศทีวีบนดาดฟ้า เหมือนกับเพลงพวก พระอาทิตย์ยิ้มแฉ่ง เพลง สับปะรด หรือเพลงยุค XYZ ที่ตอนมัธยมก็เคยเอามาเล่น รู้สึกว่าเพลงแบบนี้มันสนุกดี แล้วตลาดเพลงบ้านเรามันไม่มีเพลงแนวนี้ ก็เลยเลือกเสาอากาศ ก็กังวลว่าเขาจะเข้าใจที่เราพูดหรือเปล่า พอลองปล่อยออกไปมี feedback บางคนคิดเป็นเรื่องคู่รักชายหญิง ตีความต่าง ๆ นานา แล้วมันดูกว้างมาก บางคนก็ชอบฮุก บางคนก็ไม่ชอบฮุก บางคนคิดว่าฮุกร้องยาก บางคนชอบอินโทร คือมันกลายเป็นแบบจับฉ่ายไปหมดเลย เราก็รู้สึกว่า เอาแล้วว่ะ น่าจะสนุกละ ที่ร้านกาแฟที่ไปกินบ่อย ๆ เขาบอกว่าได้ฟังเพลงนี้แล้วนะ สนุกจังเลย แต่ท่อนฮุกไม่รู้ว่าร้องอะไร บีทเพลงมันเร็วมาก แล้วเครื่องดนตรีมันเยอะ ก็ทดลองมิกซ์เพลงให้เสียงร้องมันไม่มันเด้งออกมาเหมือนเพลงตลาดที่เสียงร้องมันจะเด่น ๆ ก็ไม่เป็นไร ก็ได้ลองไปละ พอมันมาสเตอร์แล้วปล่อยไปก็จบละ หลังจากมันปล่อยไปแล้วก็ให้มันทำงานของมันไป เราไม่ยึดติดอะไรกับมัน ตอนนี้ก็โฟกัสที่เพลงอื่นต่อเลย

พอใจกับผลลัพธ์แล้วหรือยัง

การที่เราเป็นคนทำเพลง แล้วเพลงมันกำลังจะออกมา คือน้ำตามันจะไหล… ตอนที่พี่แสตมป์บอกว่า “เอ็ม จะปล่อยแล้วนะ” โมเมนต์นั้นมันที่สุดแล้วอะ เราเล่นกีตาร์อยู่เชียงราย ตีคอร์ดเพลงพี่เสกมาแต่เด็ก ๆ จนมันสั่งสมขึ้นมาแล้วเราฝันว่าจะออกเทป จนเทปหายไปละมาเป็นซีดี จนซีดีหายไปกลายเป็นไฟล์ เราก็ เออ อยากทำเพลงสักเพลงนึง พอวันนี้มีพี่แสตมป์คอยจูงมือเรา ทำอันนั้นมั้ย อันนี้มั้ย จนมันเป็นผลงานอันนึงขึ้นมา เรารู้สึกว่ามันพอแล้วอะ มันอิ่มมากแล้วตอนนี้ แต่เขาก็บอกเราว่า นี่มันเพิ่งเริ่ม ตั้งแต่แรกที่เขาทำ 123 Records เขาบอกว่า ‘เอ็ม พี่อยากทำค่ายที่มันเหมือนเราเริ่มใหม่ เริ่มจากคนที่ยังไม่เป็นที่รู้จักก่อน’ เราก็กังวลแบบ พี่! พี่เลือกผมทำไมครับ (หัวเราะ) พี่มีลูกทีม The Voice ตั้งเยอะน่าจะมีตัวเลือกที่ดีกว่าเรา ในวงการก็มีคนอีกเยอะ แล้วพอเราได้มาลองทำกับเขา โอ้โห…

แล้วตอนที่พี่แสตมป์บอกว่าจะปล่อยแล้วนะ ตอนนั้นทำอะไรอยู่

ยังถ่ายงานอยู่เลยครับ (หัวเราะ) ก็คือระหว่างนี้ก็ยังทำหนัง ทำโฆษณาอยู่ ก็แอบ panic อยู่เหมือนกัน สุดท้ายพอได้ปล่อยแล้วก็โล่งเลย

เล่าถึงผลงานในชื่อ BACKHAND หน่อย

ตอนแรกเป็นแค่เพจวาดภาพประกอบ วาดภาพให้พี่ หนุ่ม—โตมร ศุขปรีชา วาดเล่นในเน็ต ต่อมาก็ทำเพลง อย่างเพลงแรกที่ทำคือ เมื่อมีเธอ ตอนนั้นส่งที่ Fat Radio หรือเป็น Cat แล้วก็ไม่แน่ใจ ทำจาก GarageBand เพราะพี่มอร์ Ten to Twelve เป็นรุ่นพี่ที่มหาลัยก็บอกว่า เฮ้ย จริง ๆ แล้ว ถ้าเราเริ่มทำเพลงอะ GarageBand ก็พอแล้วนะ ก็เลยลองเชื่อพี่มอร์ มีอุปกรณ์อัดกีตาร์แล้วก็ไมค์  ได้พี่กล้วยช่วยประคองจนทำ BACKHAND 2-3 เพลงได้มั้ง ทำระหว่างทำโปรดักชันเฮาส์ เป็นตากล้อง

คือมันเหมือนความชอบในแต่ละช่วงจังหวะ ที่ตอนแรกเราเป็นตากล้องเป็นหลัก แล้วเพื่อนก็ทำงานในสายโปรดักชัน จบมาทุกคนมีกล้อง Canon กันหมด เราเลยไปทำอย่างอื่น พี่เขาถามว่าทำกราฟิกได้มั๊ย เราก็ลอง AfterEffect ดู แปบนึงก็เริ่มทำ motion วาดเป็น source พอวาดไปวาดมาก็แบบ เฮ้ย ชอบภาพนี้ มันเหมือนเราแอบมองคนอยู่ข้างหลังเลย เวลาที่เราแอบมองเขา เขาไม่รู้ตัวหรอก แล้วมันจริงดีอะ ก็เลยอยากวาดจากข้างหลังมากขึ้น คือตากล้องจะมีเซนส์บางอย่าง เวลาที่ถ่ายรูปต้องไม่ให้เขารู้ตัว

แล้วอะไรคือจุดเปลี่ยนที่ทำให้รู้สึกว่าชอบเสียงเพลงจนอยากแต่งเพลง

จริง ๆ ชอบมาตั้งแต่เด็กเลย เล่นซึงตั้งแต่ ป.3 เล่นกีตาร์ เล่นเชลโล เล่นดับเบิ้ลเบส เล่นไล่มาเรื่อย ๆ แล้วเหมือนช่วงม.ปลาย ชีวิตครอบครัวเราหม่นหน่อย ที่บ้านมีปัญหา มีทั้งเรื่องเอนทรานซ์ มีปัญหาเรื่องเงินอีก ตอนนั้นเป็นนักกีฬาคาราเต้ ก็เอาความเครียดไปลงตรงนั้น กับดนตรีก็เอากีตาร์มาตี ๆๆๆ ร้องไห้ ๆๆๆ เป็นสิ่งที่เยียวยาเราประมาณนึง อย่างเพลงบางที่เครียด ฟังแล้วร้องไห้ก็มีนะ คนเราจะมีบางอย่างไว้ยึด เหมือนเป็นศาสนานึงที่ทำให้เรารู้สึกว่าเราอยู่กับมันแล้วโล่ง รู้สึกสบายใจ พอเข้ามหาลัยก็เครียดกับการปรับตัวอยู่เหมือนกัน เพราะเราเป็นเด็กต่างจังหวัด ปีหนึ่งพอเราอยู่หอ เพื่อนกรุงเทพ ฯ ก็กลับบ้านกันหมด เราก็มีกีตาร์โปร่งของเพื่อนที่ยืมมาเล่นที่ห้อง ก็เลยลองแต่งเพลงดู มันเกิดจากช่วงที่เราอยากทำแล้วทำเลยมากกว่า 

ในฐานะที่เป็นศิลปินเบอร์แรกของ 123 Records มีอะไรอยากจะบอกเจ้าของค่ายไหม

อย่างแรกเลยคืออยากขอบคุณครับ เราเป็นคนเริ่มต้นทุนจากศูนย์ เราไม่มีวง เราใหม่กับวงการเพลงมาก ก็เลยรู้สึกว่า พอมีพี่แสตมป์มาเป็นคนชี้ทาง เราก็อุ่นใจประมาณนึง แล้ววิธีการที่เขาให้เราได้เลือกเครื่องดนตรีทุกชิ้น เสียงทุกเสียงที่จะออกมาในเพลงเรา มันสนุก ต่างจากความกังวลตอนที่เราจะเริ่มทำเพลง ตอนแรกกังวลว่าทำแล้วคนจะชอบมั้ย แต่เขาเปลี่ยนมุมมองให้เราว่า เฮ้ย ทำให้สนุกก่อนดิ ก็ขอบคุณมากที่ให้ผมได้ลองอะไรเต็มที่ ก็จะพยายามพัฒนาตัวเองไปเรื่อย ๆ เพราะทีแรกเราเป็นคนฟัง เรารู้สึกว่ามันง่าย เรากดคลิกเข้าไป ฟังใจ ฟังเพลง เปลี่ยนเพลง แต่มาพอเป็นคนทำมันเหมือนเป็นโปรดักชันที่เราต้องรู้จักกล้อง รู้จักกระบวนการ รู้จักทุกอย่าง มันไม่มีการที่คนจับกล้องแล้วเป็นเลย ดนตรีก็เหมือนกัน เหมือนผมได้กล้องเล็กมาอันนึง ได้เริ่มจับได้เริ่มอะไรใหม่ ๆ ซึ่งคงต้องใช้เวลา หลังจากนี้คงไม่ใช่แบบตีคอร์ดแล้วร้องอย่างเดียว มันต้องซ้อม ยิ่งคนอย่างเราต้องซ้อมเยอะมากกว่าคนอื่น

ได้ขอบคุณไปแล้ว เราเปิดโอกาสให้เล่าวีรกรรมเด็ดของพี่แสตมป์บ้าง

โหยเยอะเลย (ครุ่นคิด) เอาเป็นเรื่อง mv แล้วกัน คือผมทำเพลง The Modern Man ให้เขา อันนั้นไปญี่ปุ่น ผมกำกับ ถ่าย ตัดต่อ ทำเสียงหมดเลยคนเดียว โจทย์ก็คือเขาให้เพลงนี้มาแล้วบอกว่า ‘เอ็ม ๆ ถ่ายพี่เดินอะ เดินแบบ เหมือนคิด ๆ อะไรอยู่แบบเครียด ๆ อะ’ (หัวเราะ)  เพราะเพลงมันพูดถึงการหนีจากจุด ๆ นึงของคน ๆ นึงออกมา เป็น space ใหม่ เป็น modern man เราก็คิดว่าทำได้แหละ แล้วตอนที่ไปถ่ายคือเขากินเยอะ ลองไปเปิดดูนะ เขาอ้วนมาก อ้วนกว่านี้สิบโล มันมีช็อตบางช็อตที่ถ่ายออกไปแล้วเขาหลังไมค์มาบอกว่าเอาอั้นนี้ออกให้หน่อย (หัวเราะ) บางรูปเราก็เอาออกให้ ใน mv ก็จะรับแต่ด้านหลัง ๆ กล้องก็ไม่มีไฟ

img_1052

มิวสิกวิดิโอ The Modern Man กับที่ไปถ่ายเบื้องหลังการทัวร์ญี่ปุ่นของ Stamp STH เป็นทริปเดียวกันเหรอ

ใช่ครับ จริง ๆ เขาจะให้ไปถ่ายเบื้องหลังทัวร์อย่างเดียว รวมแล้ว 15 วัน จริง ๆ ก่อนหน้านั้นผมก็อยู่ญี่ปุ่นถ่ายงานอื่นอยู่แล้ว 15 วัน พักอยู่ 2 วันก็ลุยทริปนี้ต่อเลย

15 วันนั้นได้เห็นตัวตนของพี่แสตมป์ที่ต่างไปจากที่คิดไว้บ้างไหม

ภาพเขาในสื่อจะเห็นเขาเป็นคนขี้เล่น หรือทำอะไรก็เหมือนดูง่ายไปหมด ดูเหมือนไม่จริงจัง จริง ๆ แล้วเขามุ่งมั่นมาก คือทำแล้วทำ มีโชว์นึงคือเขาต้องร้องเพลง ความคิด เป็นภาษาญี่ปุ่น ก็ซ้อมร้องอยู่นั่นอะ ตั้งใจพูด ตั้งใจที่จะสื่อสารเป็นภาษาญี่ปุ่น ถึงเขาเป็นคนไทยแต่เขาคิดว่ามันก็ควรจะพูดภาษาญี่ปุ่นด้วย ทำการบ้านหนัก ค่อนข้างมืออาชีพเลย แล้วเขาเป็นคนคิดที่จะพูดเรื่องอะไรก็จะต่อยอดเลย จู่ ๆ เขาชวนคุยเรื่องไอเดียเพลงนี้ขึ้นมา ‘เอ็ม เราแต่งเพลงกับเกี่ยวกับอันนี้ดีมั้ย’ เราก็ เออ พี่ ดี เป็นยังไงอะ แล้วเขาจะพูดเป็นคอนเซปต์ มีขึ้นมาเป็นภาพ เป็นคนที่เขียนเพลงต่างจากที่เราเขียน เราไม่ได้คิดถึงคอนเซปต์อะไรเลย เราคิดเป็นภาพเสาอากาศ มีคนไปหมุนมันเฉย ๆ แต่นี่มาแบบครอบคลุม เพลงของเขาก็จะมีจุดเริ่มต้นที่แปลกแต่เจ๋งดี

แปลว่าตอนนั้นได้อยู่ญี่ปุ่นประมาณเดือนนึงเลย มีสิ่งที่ประทับใจในการอยู่ญี่ปุ่นครั้งนั้นไหม

น่าจะเป็นตรอก เป็นซอย อย่างโตเกียวมันจะมีไฟมีอะไรที่ดูสวย ยืนตรงไหนก็ถ่ายรูปตรงนั้นได้เลย แล้วมันก็ปลอดภัยดีนะ ลองเทียบกับไปเดินซอยในกรุงเทพ ฯ ดูดิ แล้ว live house ก็ดีฮะ ช่วงที่พี่แสตมป์พักเบรกผมก็ไปดู คือไม่รู้จักวงที่มาเล่นเลย แต่เล่นสนุกมาก คนดูก็ตั้งใจฟังจริง ๆ อย่างบ้านเราคนมากินข้าว มาสังสรรค์ แล้วก็ฟังดนตรีประกอบ ที่ตั้งใจฟังจริง ๆ มีน้อยอะ ที่ญี่ปุ่นส่วนใหญ่คือกินประกอบแล้วฟังดนตรี คอนเสิร์ตวงเล็ก ๆ บ้านเราก็ไม่มีถี่ขนาดนั้น แต่ของบ้านเขามันมีทุกวันเลย ซาวด์เช็กสิบนาที เล่นวงละครึ่งชั่วโมง พี่แสตมป์ก็ต้องเข้าไปอยู่ในสล็อตนี้ ไม่มีการที่แบบวงนึง 1 ชั่วโมงกับ 45 นาที บางวงเป็นพนักงานออฟฟิศมาเล่นร็อกนูเมทัล พูดคุยกัน เป็นเพื่อนกัน เล่นเสร็จแล้วก็แพ็กของกลับบ้าน เหมือนแบบในการ์ตูนเรื่อง Beck เลย คนมาดูแค่สี่ห้าคน แต่เต้นกันแบบ free form แล้วไอ้สามคนเล่นกันโคตรแน่นอะ 

ตอนนี้มีงานเล่นที่ไหนหรือยัง

คงเป็นปีหน้าไปเลยครับ ตอนนี้ก็ทำ live session ไปก่อน ไม่ให้มันหายไป

คิดว่าจะผันตัวเองมาเป็นศิลปินเต็มตัวเลยไหม

ไม่ได้คิดเลยครับ ไม่ได้วางแผนว่าจะต้องเป็นศิลปินอย่างเดียว อย่างพี่แสตมป์ก็บอกเราว่า ถ้าชอบที่จะทำวิดีโออยู่เขาก็จะให้เราทำวิดีโอ อย่างคลิปเปิดตัวเราก็ให้เขามาเล่นเลย อย่างวิดีโออันนี้ก็คือพี่เขาก็ออกไอเดียเรื่องมา เราก็ออกไอเดียภาพมา สนุกดีเวลาได้คุยกับพี่แสตมป์ แล้วก็ถ่ายกันเองแบบนี้สองคน ครึ่งชั่วโมงเสร็จเลย แล้วเราไม่ได้รู้สึกว่าเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องทำ แต่รู้สึกว่าเป็นสิ่งที่เราอยากทำมากกว่า แบบกลับบ้านเสียบการ์ดแล้วตัดเลย (หัวเราะ) เขาก็บอกว่าต่อไปนี้ถ้าทำคลิปอะไรแบบนี้ออกมาอีกก็สนุกดีนะ

เพื่อไม่ให้ผู้อ่านคิดอะไรไปเอง ขออนุญาตถามคำถามนี้ ‘มีแฟนแล้วหรือยัง’

มีแล้วครับ

คิดว่าความรักตอนนี้เป็นยังไง วางแผนกับมันไว้ยังไงบ้าง

คือแฟนเราตอนนี้จะอายุมากกว่าเราปีนึง แต่ว่าไม่ได้คาดหวัง หมายถึงเราก็คบพูดคุยกันปกติ เพียงแต่ว่ายังไม่มีโมเมนต์มองไปถึงอนาคตขนาดนั้น เหมือนต่างคนต่างมีสิ่งที่เรายังอยากทำอยู่ อย่างเรายังชอบดนตรีอยู่ เราเข้าใจเลยว่า ถ้าจะแต่งงานทั้งที่ยังอยู่ในสถานะนี้ หมายถึงว่า เรารู้ว่าตัวเราเองก็ยังไม่พร้อม เลยยังไม่ได้คาดหวังขนาดนั้น ก็ค่อยเป็นค่อยไปตามเวลาครับ

img_0990

สุดท้ายนี้ให้ฝากผลงาน หรือมีอะไรอยากบอกกับผู้อ่าน จัดได้เต็มที่เลย

เสาอากาศ เป็นผลงานชิ้นแรกในชีวิต แล้วก็ตั้งใจทำออกมาให้สนุกสนาน ก็อยากจะเขียนเพลงที่มันเกิดจากสิ่งรอบ ๆ ตัวของเราแล้วออกมาป็อบ และเพราะในแบบที่เราชอบมากที่สุด หวังว่าจะมีคนชอบแนวนี้ หรือชอบเนื้อเพลงที่เราเขียน ตอนนี้เหมือนฝึกเรียนกับพี่แสตมป์อยู่ กำลังสนุกกับมันอยู่ แล้วก็อยากทำเพลงที่ออกมาแล้วคนฟังสนุกตามไปด้วย คือผมไม่เคยเขียนเพลงรักเลย เคยเขียนอยู่ฮุกนึงแล้วมันไม่ชิน ก็เลยรู้สึกว่าต้องหาในแบบที่เป็นของเราในมุมมองของเรา เพลงต่อไปพี่แสตมป์ก็ให้โจทย์มาว่า ถ้าเป็นเพลงรัก แล้วเอาแบบเสาอากาศ จะออกมาเป็นยังไง ซึ่งก็เขียนเสร็จแล้ว เดี๋ยวจะทำออกมาครับ คาดว่าจะได้ฟังเร็ว ๆ นี้ ต่อจากนี้จะมีซิงเกิ้ลอื่น ๆ ตามมา ภายใต้ 123 Records สำหรับใครที่อยากจะติดตาม เข้าไปตามได้ที่เพจ 123 Records แล้วเพจ M Yoss แล้วก็ฟังได้ทุกช่องทางรวมถึง ฟังใจ ด้วย หลังจากนี้ก็จะมีศิลปินคนอื่นของ 123 Records ตามมาด้วยครับ ฝากเนื้อฝากตัวครับ

Facebook Comments

Next: