Article ระเห็ดเตร็ดเตร่

เมื่อ Stylish Nonsense แจมกับ The Photo Sticker Machine และสองศิลปินเกาหลีญี่ปุ่น โลกดนตรีไร้ขีดจำกัดจึงถือบังเกิดขึ้น

  • Story and photos by Montipa Virojpan

20 กรกฎาคม 2560

img_1843

เป็นเวลาพักใหญ่ ๆ แล้วเหมือนกันที่ไม่ได้ไปดูคอนเสิร์ตวงดนตรีแนวทดลองที่มักจะมี jam session หรืออิมโพสไวส์ดนตรีสดร่วมกันในแบบที่คนดูคาดเดาไม่ได้ แล้วเผอิญว่าเมื่อวานนี้เราเห็นโปสเตอร์งาน Carrier Wave ที่คุณป๊อก Stylish Nonsense แชร์ เป็นงานที่มีวงของเขา ร่วมเล่นกับ The Photo Sticker Machine แค่นี้ก็น่าดูมาก ๆ แล้ว แต่พอเห็นอีกสองวงที่จะมาแจมด้วยคือ Amatuti Dub Drawing Space หรือ Kota Taki ศิลปินกีตาร์ลูปชาวญี่ปุ่นที่คนชอบงานสายทดลองน่าจะคุ้นเคยกับชื่อของเขามาบ้าง กับแขกรับเชิญจากเกาหลีอย่าง Tengger ที่พอเราลองฟังเพลงของพวกเขาไปนิดนึงแล้วก็รู้สึกว่าน่าสนใจมาก ๆ

img_1839

แต่เมื่อวานก็เกือบจะไม่ไปแล้ว เพราะเหนื่อยมากจากงานที่ตรากตรำทำมาทั้งวัน แต่พอมาคิดดูว่า แต่ละวงนี่ก็ไม่ได้หาดูได้บ่อย ๆ หรือเขาก็ไม่ได้มานั่งแจมกันให้แกดูแบบนี้ตลอดเวลา บาร์ที่จัดงานอย่าง 12 x 12 ก็ดูน่าสนใจไม่แพ้กันเพราะเหมือนเป็นเวนิวใหม่ที่หลายคนเริ่มพูดถึง ก็เลย… เอาวะ ลองให้ดนตรีเป็นเครื่องบรรเทาความเหนื่อยล้าของเราอีกสักหนแล้วกัน

img_1841

เราเดินทางจากอารีย์มุ่งตรงสู่ทองหล่อ แล้วให้พี่วินพาซอกแซ่กซอกซอยไปจนถึงซอยธารารมณ์ 2 ในราคา 25 บาท ซึ่งเป็นที่ตั้งของบาร์ในตำนานอย่าง Shades of Retro โดยที่หารู้ไม่ว่าแยกข้างหน้าก็เป็นที่ตั้งของร้าน 12 x 12 สถานที่จัดงานในวันนี้มีขนาดเล็กกะทัดรัด มีการตกแต่งที่ผสมอะไรหลาย ๆ อย่างที่พอดูแยกชิ้นแล้วไม่เข้ากัน แต่เวลาอยู่รวมกันก็ออกมาเข้ากันซะอย่างนั้น บรรยากาศดูอบอุ่น เป็นกันเอง อาจด้วยเพราะไฟสลัวและมีกลิ่นของแอลกอฮอลและบุหรี่แตะปลายจมูกเบา ๆ ตอนนั้นเป็นเวลาประมาณสองทุ่มครึ่ง เราจ่ายค่าบัตรแล้วเดินไปสั่งเครื่องดื่มที่บาร์ ทีแรกคิดว่าเขาจะมีแค่เบียร์ขายง่าย ๆ แต่ที่นี่ค่อนข้างซีเรียสในเมนูค็อกเทลทีเดียว เขามีทั้งเมนูคลาสสิก และเหล้าญี่ปุ่นที่ทำเองอย่างอูเมะชู (เหล้าบ๊วย) หรือยูซุชู (เหล้าส้ม) ให้ลิ้มลองด้วย เราเลือกสั่งอย่างหลังแล้วหาพื้นที่ให้ตัวเองเป็นโซฟาเก่า ๆ ตรงมุมหนึ่งของห้อง นั่งจับเจ่ารอศิลปินเตรียมตัวขึ้นเล่น

img_1850

เวลาประมาณสามทุ่มกว่า ผู้ชมเริ่มตบเท้าเข้ามาภายในตัวร้านและกระจายตัวไปตามพื้นที่ของตัวเองจนแน่นขนัด บ้างก็นั่งที่โซฟา ไม่ก็ที่พื้น หรือที่บาร์ จากนั้น คุณจูนและคุณป๊อก Stylish Nonsense ก็เข้ามาประจำที่ของตัวเองพร้อมกับคุณโหน่ง The Photo Sticker Machine บทเพลงในช่วงแรก ๆ เหมือนเป็นการค่อย ๆ ปรับคลื่นสัญญาณจูนเข้าหากัน เสียงที่ออกมามีทั้งความเป็นแอมเบียนต์ล่องลอย ทั้งสัญญาณอานาล็อกที่จับทิศทางไม่ได้ แต่ยังมีบีทกลองฟรีสไตล์ที่ไม่เชิงว่าเป็นตัวคอยคุมจังหวะ ทว่าเป็นการเล่นไปพร้อม ๆ กันอย่างแท้จริง

img_1846

ไม่นานดนตรีก็ปรับรูปแบบกลายเป็นเพลงที่มีจังหวะที่ติดหูและเข้าใจง่ายมากขึ้น มีช่วงที่โยกหัว เคาะเท้าตามได้ มีเมโลดี้สวยงามจากเสียงเปียโนเพียว ๆ คลอไปพร้อมกับซินธ์หน่วงคล้ายเบสที่มาเป็นไลน์ประสาน สำหรับกลองเองก็ตีแต่น้อย แต่ทุกบีทที่เคาะลงไปล้วนมีความหมาย จากนั้นคุณโคตะก็เข้ามาแจมกีตาร์เป็นไลน์ที่ไม่ซับซ้อน พาให้บรรยากาศดนตรีตอนนี้มีทั้งความสงบ วุ่นวาย น่างุนงง แต่ก็น่าหลงใหลชวนเคลิ้มในขณะเดียวกัน

img_1854

เมื่อ session แรกจบไปศิลปินที่เล่นไปแล้วก็ไปพักกันก่อน แล้วโชวกลับมาเป็น Tengger ขึ้นโชว์ ศิลปินสามคนพ่อแม่ลูกจากเกาหลีที่มาพร้อมอานาล็อกซินธ์และหีบเพลงเครื่องใหญ่ พวกเขาสร้างสรรค์ให้สุ้มเสียงนอยซ์ต่าง ๆ ที่เหมือนจะเป็นเพียงบรรยากาศโอบอุ้มทั้งห้องไว้ แต่อันที่จริงมันอาจเป็นสาส์นที่เขาต้องการสื่อออกมาจากจิตวิญญาณของตัวเองถึงผู้ฟัง เราต้องใช้เวลาปรับหูตัวเองและเปิดใจฟังเสียงของพวกเขา ในบีทหนัก ๆ ของซินธ์ที่แทบจะเป็นโมโนโทนนั้นก็มีห้วงจังหวะของมันอยู่ เสียงโหยหวนไม่เป็นภาษาของนักร้องผู้หญิงและหีบเพลงที่เธอควบคุมก็ประสานทำให้เกิดมิติ รวมถึงลูกน้อยตัวเล็กที่เป็นอีกหนึ่งผู้แสดงที่ออกมาเต้นรำอย่างไร้เดียงสา ทั้งสามร่วมกันสร้างอาศรมดนตรีแห่งนี้ให้เต็มไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ และที่เป็นธรรมชาติมากคือในขณะโชว์ก็มีช่วงที่น้องปวดฉี่ คุณแม่ก็ต้องหาจังหวะแวบพาน้องไปฉี่แล้วรีบกลับมาแสดงต่อ

img_1855

ในช่วงหนึ่งของโชว์คุณแม่และคุณลูกจะเดินมาหาพวกเรา คุณแม่จะเป่าหวูดลม (ไม่แน่ใจว่าเรียกว่าอะไร) ที่ข้างหูผู้ฟังทีละคน ๆ ส่วนคุณลูกจะถือของคล้าย ๆ ลูกแซกมาเขย่าตรงหน้าเรา ตอนนั้นถ้าหลับตาแล้วลองฟังดนตรีของคุณพ่อ ประกอบกับมิติเสียงที่แต่ละคนจะได้รับจากคุณแม่คุณลูกในช่วงเวลาที่ต่างกัน ดังเบาไม่เท่ากัน มันเป็นประสบการณ์ที่ใหม่มากและน่าประทับใจมากสำหรับเรา

ช่วงสุดท้ายของโชว์มาถึง ระหว่างที่ Tenggar ยังแสดงอยู่ คุณจูนก็มาประจำที่กลองชุด คุณป๊อกไปที่ซินธ์ คุณโคตะพร้อมกีตาร์ของเขา และคุณโหน่งมาที่คีย์บอร์ด ทุกคนค่อย ๆ ปะติดปะต่อเสียงจากเครื่องดนตรีของตัวเองเข้ากับท่วงทำนองที่บรรเลงมาอยู่แล้ว เรารู้สึกว่าตอนนี้เองเป็นช่วงที่กลมกล่อมที่สุด บทเพลงมีตั้งแต่พาร์ตที่ละมุนละไมด้วยเมโลดี้สุดไพเราะจนน้ำตารื้น มีฟรีแจ๊สเท่ ๆ ให้โยกหัวจนเพลิน ไปจนถึงพายุทอร์นาโดถาโถมของการประโคมทุกซาวด์เข้าด้วยกัน เราขอยกให้งานเมื่อคืนนี้เป็นอีกหนึ่งในโชว์ที่ทำให้เบิกบานใจและคลายเหนื่อยได้อย่างแท้จริง

img_1866

ปล. ก่อนกลับบ้านเราได้แวบไปที่เวนิวข้าง ๆ กันอย่าง BEAM ซึ่งมีงานของ Zudrangma Records ที่ดีเจ Maft Zai, Dangdut Banget และ Kanehbos ไปเปิดเพลง แล้วมี Paradise Bangkok Rhythm Section ที่มีแค่ครูไสว (หมอแคน) อาร์ม (มือกลอง) และปั๊ม Apartment Khunpa (มือเบส) มาแสดงสดประกอบกับบีทที่ดีเจเปิด โดยคนดูเป็นกลุ่มที่เราไม่คุ้นเคยเลยจริง ๆ ส่วนมากเป็นฝรั่งและคิดว่าเป็นขาประจำของ BEAM อยู่แล้วด้วย เราว่าเป็นอะไรที่เปิดโลกเหมือนกันที่เอาหมอลำมาเล่นกับดนตรีอิเล็กทรอนิกในจังหวะเนิบนาบ แต่มีบีทชวนโยกให้ขยับตัวได้เรื่อย ๆ แล้วคนดูก็ดูจะชอบเอามาก ๆ ซะด้วย

Facebook Comments

Next:


Montipa Virojpan

อิ๊ก เนิร์ดดนตรีที่เพิ่งกล้าเรียกตัวเองว่าเป็นนักเขียนตอนอายุ 25 ชอบเดินเร็ว นอกจากขนมปังกับกาแฟดำแล้วก็สามารถกินไอศกรีมกับคราฟต์เบียร์แทนมื้อเช้าได้