Article ระเห็ดเตร็ดเตร่

ไม่ว่าจะวงเล็ก วงใหญ่ วงหน้าใหม่ วงรุ่นเก๋า เราจะได้พบกับพวกเขาใน Cat Expo 3D

  • Writer: Montipa Virojpan
  • Photographer: Montipa Virojpan

4 กุมภาพันธ์ 2560

16107449_631036510436929_5059454236947972552_o

ถ้านับตั้งแต่งาน The Last Fat Fest แล้ว นั่นคืองาน Fat ครั้งแรก และครั้งสุดท้ายของเรา เพราะหลังจากนั้นเราก็ไม่เคยได้ไปงาน Fat อีกเลย…

เหมือนจะเศร้านะ แต่เมื่อ Fat Fest ได้แปรรูปมาเป็นงาน Cat Expo แล้วก็เท่ากับว่าเขาได้ให้โอกาสเราไปสัมผัสกับงานที่จะทำให้นึกถึงวันเก่า ๆ อีกครั้ง แต่พอได้เอาตัวเองเข้าไปอยู่ในงานจริง ๆ แล้วกลับไม่ได้ให้ความรู้สึกแบบตอนนั้น แต่ก็เป็นเรื่องปกติไม่ใช่หรอที่เมื่อวันเวลาเปลี่ยน ทุกสิ่งอย่างรอบกายก็เปลี่ยน แม้แต่ตัวเราเองก็ยังไม่เหมือนเดิม นี่คือสิ่งที่เราเห็นด้วยกับพี่จ๋อง—พงศ์นรินทร์ อุลิศ พ่องาน และหัวเรือใหญ่แห่ง Cat Radio เจ้าของเดียวกับ Fat Radio ในอดีต เมื่อเขากล่าวถึงความเปลี่ยนแปลงของคลื่นวิทยุและงานเด็กแนวที่ใหญ่ที่สุดในบ้านเรา

img_8325

Cat Expo 3D ในปีนี้จึงถือว่าเป็นงานแคตปีแรกที่เราได้ไปเรียนรู้งานตลอดทั้งสองวัน (ขอใช้คำนี้เพราะไม่ได้ไปแค่ enjoy the show แต่อยากไปสำรวจพฤติกรรมแฟนเพลงของชาวคลื่นแมวว่าเป็นแบบไหน) แต่เนื่องด้วยภารกิจติดพันทำให้ไม่สามารถตามดูได้ทุกเวที เราจึงขออนุญาตเล่าในส่วนที่ได้ไปสัมผัสโดยตรงก็แล้วกัน

img_8326

สำหรับวันแรก เราไปถึงที่งานประมาณสามโมงซึ่งเป็นช่วงที่ร้อนระอุที่สุดของวัน แต่หลายร้านค้าศิลปินกลับมาตั้งบูธขายสินค้ากันอย่างพร้อมเพรียง หรือแม้แต่คนมาร่วมงานเองก็เริ่มเดินขวักไขว่กันแล้ว เราเองก็ไปเดินสำรวจแต่ละบูธว่ามีของอะไรมาขายบ้างพร้อมกับช็อปของที่เพื่อน ๆ ฝากหิ้ว ส่วนตัวเองก็สอยแผ่นวง Vega, The Charapaabs มา ซึ่งน่าเสียดายมากเพราะหลาย ๆ วงก็น่ากดมา แต่เงินมันไม่พอน่ะสิ ฮือ ก่อนที่จะกลับไปเฝ้าบูธหนึ่งในงานเป็นเวลาพักใหญ่ ๆ แต่โชคดีที่ด้านหลังบูทของเราอยู่ติดกับเวที D2 เลยทำให้ได้ยินเสียงเพลงลอยมาจากที่ไกล ๆ ไว้ฟังหวังจะบรรเทาความร้อนในช่วงนั้น (แต่จริง ๆ คือแดดมันไล่เลียมาจากด้านหลังบูธเราตลอดบ่าย เหมือนว่าไม่ได้อยู่ในที่ร่มเลยจ้า ฮือ) ก็มีวงอย่าง Supersub, สงกรานต์ ที่ได้ยินเสียงแผดทรงพลังมาแต่ไกล, Sin Singular กับเพลงดังหลายเพลงของเขาที่เราจำชื่อไม่ได้แต่เคยได้ยิน ส่วนด้านหน้าบูธฝั่งตรงข้าม ก็เป็นเวที Acoustic Fullmoon ที่จะเป็นวงอะคูสติกฟังสบาย ๆ เราก็ได้ยิน Young Man and the Sea แล้วก็ Phum Viphurit อยู่ห่าง ๆ แต่จากนั้นเราก็วุ่นกับการขายของจนไม่ได้ตั้งใจฟังเพลงข้างหลังเท่าใดนัก

img_8328

จนประมาณหกโมงเย็นเราได้แวบไปดูเวที D3 เพราะตอนนั้นมีวงอย่าง Counter Clockwise เล่นอยู่ แต่เดินไปไม่ทันเขาเล่นจบก่อน ฮื่อ เลยเป็น The Whitest Crow ที่กำลังจะเล่นเพลงจากอัลบั้มใหม่ของพวกเขา ซึ่งมีทั้ง Siam Psyche, Can’t Get Any Higher, Don’t You Know, Scopolamine และ Be With You ที่ก็มีแฟน ๆ ตามมาร้องเต้นเพลงของพวกเขาอย่างเมามัน จากนั้นก็ต่อด้วยวงที่เราอยากรู้มาก ๆ ว่าพวกเขาจะเล่นสดกันยังไงอย่าง The Charapaabs จากคราวก่อนที่เคยสัมภาษณ์ไปว่าพวกเขาจะไม่เล่นสดแบบเห็นหน้าค่าตา

img_8329

ตอนช่วงต้นของโชว์ เราได้เห็นสมาชิกวงขึ้นไปประจำตำแหน่งเครื่องดนตรีของตัวเอง ตามมาด้วยคอรัสชายหญิงอีก 5 ชีวิตกับไมค์ที่คล้องด้วยช่อดอกไม้คล้ายในปาร์ตี้งานเกษียณ และก่อนโชว์จะเริ่มก็มี backing track เป็นเสียงคล้ายคุณลุงที่พูดในเพลง ตรวจสุขภาพประจำปี เป็นเหมือนคนคอยนำเข้าสู่เพลงต่าง ๆ ในโชว์นั้น เริ่มด้วยเพลงแรก ศาลาคนเศร้า ที่มี อาบู เจ้าของเสียงปริศนาในเพลงนั้นขึ้นมาร้องให้เห็นแบบจัง ๆ ตามมาด้วยเพลงที่ยังไม่ได้ปล่อยแต่อยู่ใน EP ชื่อ สวัสดีวันจันทร์ เป็นเพลงเกี่ยวกับกรุ๊ปไลน์ที่คุณแม่ ๆ ชอบส่งรูปดอกไม้พร้อมข้อความรับวันใหม่ที่เราจะเจอได้ในกรุ๊ปครอบครัวอยู่บ่อย ๆ ความพิเศษในเพลงนี้คือได้คุณแม่ของเต๋อ—นวพล ธำรงค์รัตนฤทธิ์ มาร้อง คุณแม่เสียงดีมากกกก แม้จะมีท่อนนึงที่ร้องเร็วกว่าห้องเพลงไปนิด แต่ก็กลับมาได้อย่างสวยงาม พร้อมหัวโชว์เสื้อกั๊กยีนส์ที่ปักเป็นคำว่า ‘MAKE MONDAY GREAT AGAIN’ เป็นกิมมิกที่น่ารักสุด ๆ ตามมาด้วยเพลงที่เศร้าที่สุดอย่าง อัลไซเมอร์ ที่เรารู้สึกว่าเสียงนักร้องคอรัสจะเบาลงไปหน่อย เสียงจากเรคคอร์ดลั่นเกินไป กีตาร์บางตัวเบา ทำให้ท่อนฮุกที่เคยฟังแล้วรู้สึกว่าทรงพลังไปไม่ถึงจุดนั้น แต่ท่อนท้ายที่เป็นการระเบิดอารมณ์ก็สื่อสารออกมาได้ดี ก่อนจะปิดท้ายด้วยเพลง ตรวจสุขภาพประจำปี ที่มีคุณลุงใน mv มาเต้นให้เราดูตรงหน้า เรียกเสียงกรี๊ดไปอีกระลอก เอาจริงว่าทางวงเพอร์ฟอร์แมนซ์โอเคมาก ๆ แค่จะติดที่ระบบเสียงนิดหน่อยเท่านั้นเอง

img_8341

จบจากโชว์นั้นแล้วเราก็วิ่งไปที่เวที Babb Bed Bed ที่มี VEGA แสดงอยู่ แต่เราก็ได้ไปยืนฟังแค่เพลง เคมี กับเพลงที่สองอีกนิดเดียวเพราะสมควรแก่เวลาที่จะกลับไปเฝ้าบูธ ซึ่งเป็นช่วงที่ Electric Neon Lamp กำลังจะขึ้นเล่น แต่เราได้ข่าวจากสายของเราว่ามีชาวไต้หวันไปดูแล้วบอกว่าวงนี้กู๊ดกู๊ดกู๊ด ในขณะที่ Solitude is Bliss เองก็เล่นเพลงอย่าง ระบายกับเสียงเพรียก สตรี และกระดาษ ซึ่งความจริงพวกเขาบอกว่าจะได้เล่น Vintage Pic อีกเพลง แต่ด้วยเรื่องเวลาทำให้ต้องจบโชว์แค่สามเพลงอย่างน่าเสียดาย แต่การแสดงของพวกเขาท็อปฟอร์มมาก ในขณะที่เราได้ฟังเพลงจากหลังบูธซึ่งเป็น บอย ตรัย กำลังเล่นเพลง ส่งแค่นี้ โอ้โหหห นึกว่าเปิดเพลง จริง ๆ เขาเล่นสด แต่นี่วิ่งไปดูไม่ทัน แง้

img_8344

จากนั้นเราก็แวบอีกครั้งเพื่อไปดูวง PC0832/676 วง math rock ความหวังใหม่จากเชียงใหม่ที่เมื่อใดก็ตามที่เราได้ดูพวกเขาจะทำให้เราคิดถึง aire แทบทุกครั้ง แต่แนวเพลงของพีซีจะมีความ space หลุดขอบจักรวาล เฟี้ยวฟ้าวมากกว่าอีกวงที่จะติดกลิ่นร็อกญี่ปุ่นมาเยอะหน่อย ความโหดของพวกเขาคือ รู้สึกจะเล่นเพลงใหม่ที่มีความ chill hop อยู่ในเพลง คืองงเว้อ เท่เว้อออออ ก่อนหน้านี้เหมือนเราเห็นโพสต์ของพวกเขาว่าจะพักวงกัน แต่ได้เห็นกลับมาเล่นด้วยกันแบบนี้ก็โล่งใจแล้ว ใครไม่เคยฟังเราขอแนะนำจริง ๆ ฮะ แล้วจะไม่ผิดหวัง

img_8350

แล้วเราก็เขยิบมาเวทีข้าง ๆ ไม่รู้จะไปซ้ายที่มี Lostage หรือขวาที่มี Spring.Fall.Sea ดี สุดท้ายก็เลือกงานฝรั่งค่ะ (เดี๋ยว ๆ ไม่ใช่อะไร คือ Lostage ดูไปแล้วเมื่อวันก่อน) แล้วนี่ก็เป็นครั้งแรกที่เราได้ดูโชว์ของพวกเขา ทีแรกนึกว่าจะเป็นโพสต์ร็อกจ๋า ๆ แต่เอาเข้าจริง ไม่ว่ะ มันมีความพังก์ ฮาร์ดคอร์ หนัก ๆ เจืออยู่มากทีเดียว แถมพี่มือกีตาร์แกแหกปาก เท้าเปล่าโดดเหยง ๆ ตลอดโชว์ เร้ามาก แต่ก็อยู่ได้แปปเดียวอีกเช่นกัน ไว้รอดูโชว์เต็ม ๆ ของพวกเขาอีกสักครั้งในโอกาสหน้า

img_8353

กลับมาที่บูธของเรา ที่เวทีด้านหลังเป็น Lullaby เล่นเพลงดังทั้ง สะพาน อยู่ให้ฉัน ซึ่งเราก็ฮัมไปเก็บของไปเพราะตอนนั้นโซนตลาดก็เริ่มซาลงแล้ว เลยวิ่งไปดูสี่เต่าเธอได้ ทั้งเพลง เธอ เธ้อ เธอ เธอ… ยังจำ อวกาศ ที่ยังท็อปอร์มไม่เปลี่ยนแม้พี่ ๆ จะเคยบ่นว่าอายุเริ่มเยอะแล้ว แต่โชว์วันนั้นคือยังวัยรุ่นอยู่จริง ๆ นะ ซึ่งขณะที่เรากระโดดโลดเต้นไปกับเพลงที่โคตรสนุกของพี่ ๆ ประชาชีแฟนเพลงไม่ค่อยดิ้นกันเลย ฮือ ซึ่งขณะเดียวกัน ทางฝั่ง Bomb At Track มีเหล่าชายฉกรรจ์ก็ได้สร้าง mosh pit กันหน้าเวทีแบบฝุ่นตลบ ส่วนคนอื่น ๆ ก็โยกหัวกันคอแทบหักเลยล่ะฮะ

img_8362

5 กุมภาพันธ์ 2560

จบลงไปแล้วสำหรับวันแรก ต่อไปก็จะเป็นบรรยากาศในงานวันที่สอง ได้ยินว่าศิลปินหลาย ๆ วงที่มาเล่นในวันนี้เพิ่งกลับมาจากเทศกาลดนตรีริมผากัน แต่เรามาถึงที่งานประมาณหกโมงเย็นแล้วเพราะติดภารกิจไปสัมภาษณ์และถ่ายปกเล่มใหม่ Fungjaizine (จะเป็นวงอะไรรอติดตามกันด้วยนะ เด็ดดวงจรีม ๆ) วงแรกที่ได้ดูในวันนี้ก็คือ Morningsurfers ที่หลังจากได้ดูพวกเขาในเห็ดสด เราก็อยากดูพวกเขาอีกตลอด ๆ และที่เวที D3 นี้เอง เรากลับวิ่งมาทันในเพลงท้าย ๆ แล้ว นั่นก็คือ เกี่ยวกับเรา และ Airport Song ซึ่งก่อนหน้านี้พวกเขาเล่นเพลง เฝ้ารอ สายตา บางอย่างระหว่างเรา รู้สึกพลาดอย่างรุนแรง ฮื้อออออ

img_8386

จากนั้นเราก็พุ่งไปกดเบียร์ที่บูท Budweiser ครั้งแรกเลยมั้งที่ได้กินบัดแบบปกติ ก่อนหน้านี้กินแบบ Bud Light ก็จืด ๆ เลยคาดหวังกับอันนี้มากเป็นพิเศษ ซึ่งพอได้ลองแล้ว รสชาติเบียร์อเมริกันยี่ห้อนี้กลับมีความเป็นเบียร์ช้างอย่างกับแฝด แต่แพงกว่า ความโหดคือเขาให้ซื้อแล้วนั่งกินให้หมดตรงนั้น ไอ้คนที่อยากไปดูโชว์เวทีอื่นทำไงอะคะ ก็รีบกระดกสิ แล้วมันมีโปรซื้อสี่แถมหนึ่ง ก็แบ่งกับพี่คนละสอง และแค่สองแก้วที่ดื่มไวกันขนาดนั้นก็ทำให้คุณเมาไม่รู้เรื่อง ซึ่งระหว่างนั้นก็มีคนรู้จักมาเจอกันเลยนั่งคุยกันยาว ๆ เคล้าเพลงของ The Caption และ ชนุดม ก็รู้สึกว่าถ้าหมดแก้วแล้วกูควรจะลุกไปจากตรงนี้สักทีไม่งั้นแก้วที่ สาม สี่ ห้า จะตามมาแน่ ๆ

img_8389

ระหว่างที่พยายามประคองร่างเมา ๆ ของตัวเองกลับไปบูธ เราก็เดินผ่าน S.O.L.E ก็หยุดดูพวกเขากับโชว์ 5 เพลงสุดมันแต่ที่จำได้คือมีเพลง Call Me, Psycho Killer, Like a Magic คลั่งสุดไปหมดจนต้องตะโกนแซวทำเป็นเรียกตำรวจให้มาช่วยคุมสถานการณ์จริง ๆ เพราะทุกคนเต้นกันแบบเมายามาก (ฉันก็ด้วย) มีเพลงนึงที่ให้คนดูร้องตามว่า ‘วี้หว่อวี้หว่อ ตำรวจมา’ อะไรแบบนี้ ฮ่า ๆ ความเรฟ ความเดือด จากเบส กลอง และดรัมแมชชีนมันไม่เข้าใครออกใครจริง ๆ แล้วก็ได้แวะดู พี่เล็ก วงพราว กับเพลงดังที่ฟังกี่ครั้งก็ไม่เบื่อ ทั้ง ตลอดไป โดดเดี่ยวในโลกกว้าง และโลกไม่ได้มีแค่เราสองคน ก็ฟินแล้ว น้ำตารื้น จากนั้นก็ผ่านเวที My Life as Ali Thomas ได้ฟังปิดท้ายนิด ๆ หน่อย ๆ เพราะต้องขอตัวกลับบ้านก่อน TT

img_8390

สรุปสิ่งที่ได้จากงาน Cat Expo เมื่อวานนี้

  • ควรทำตารางว่าอยากดูวงไหนเป็นพิเศษแล้ววางแผนวิ่งให้ดี ๆ ไม่งั้นจะพลาดวงที่อยากดูแบบเรา ฮือ
  • วงเยอะ ละลานตา หลากหลายแนว วงเล็กดูได้ วงใหญ่ดูดี วงในตำนานก็วนกลับมาให้ดู วงใหม่ ๆ ไม่เคยฟังก็ค้นพบได้ที่นี่
  • ของซื้อของขายจากเหล่าศิลปิน ทั้งซีดี เสื้อยืด กระเป๋าผ้า น่ารักน่าสะสม ควรเตรียมเงินไว้อย่างน้อยสองพันจะได้ไม่มานั่งเสียใจทีหลัง
  • เหล่าผู้ชมส่วนใหญ่มีตั้งแต่วัยมัธยมต้นไปจนถึงวัยกลางคน ก็น่าดีใจที่เรนจ์การฟังเพลงเริ่มขยายกว้างขึ้นเรื่อย ๆ
  • เวทีวงใหญ่มีฝูงชนจำนวนมากประจำการ แค่คนจะไม่ค่อยเต้น อาจเพราะเหนื่อยหรือร้อนแดดมาแล้วทั้งวันก็เป็นได้ แต่พอเป็นวงเล็กเล่นร็อกหรืองานแดนซ์ยับก็หัวกระเซิงกันถ้วนหน้า
  • มีเสียงตามสายประกาศเป็นระยะ ๆ ถึงวงไฮไลต์ว่ากำลังจะขึ้นเล่นที่เวทีไหน หรือแจ้งว่าบูธขายของศิลปินอยู่ตรงจุดไหนกันบ้าง
  • พบปะกับดีเจประจำคลื่นและกระทบไหล่ศิลปินได้ที่บูธต่าง ๆ เรานี่เห็นคนขอถ่ายรูปกันเป็นระยะ ๆ
  • ถ้าใครยังไม่เคยมา อยากให้ลองมางานนี้สักครั้ง เป็นงานดนตรีทางเลือกที่เราจะได้ลองอะไรใหม่ ๆ จะได้รู้ว่าชอบหรือไม่ชอบอะไร เพราะเขาได้เปิดโอกาสให้ทุกคนได้มารู้จักกับศิลปินหลายร้อยชีวิตและอาจจะกลายเป็นแฟนคลับของวงใดวงนึงในงานนี้เลยก็ได้ ถ้าปีหน้ามีโอกาสก็อยากให้ไปลองกันนะ

img_8397

Facebook Comments

Next:


Montipa Virojpan

อิ๊ก เนิร์ดดนตรีที่เพิ่งกล้าเรียกตัวเองว่าเป็นนักเขียนตอนอายุ 25 ชอบเดินเร็ว นอกจากขนมปังกับกาแฟดำแล้วก็สามารถกินไอศกรีมกับคราฟต์เบียร์แทนมื้อเช้าได้