Cat Foodival 2017 1 กรกฎาคม 2560

Article ระเห็ดเตร็ดเตร่

Cat Foodival 2017 ความอิ่มใจของศิลปินและคนฟัง

  • Story and photos by Geerapat Yodnil

Cat Foodival 2017 1 กรกฎาคม 2560

เป็นอีกครั้งที่ชาววิทยุแมวเหมียว Cat Radio ได้ชวนศิลปินน้อยใหญ่มาจับตะหลิว ตั้งไฟ เปิดครัวขนาดย่อม เพื่อรังสรรค์ปรุงแต่งอาหารจานเด็ดในงาน Cat Foodival ครั้งที่ 2 ที่รอให้บรรดาผู้ฟังอย่างเราได้ไปสุขเกษมสำราญกับอาหารจากศิลปินต่าง ๆ นานา ที่แต่ละคนชอบกันไป ในคอนเซ็ปต์  ‘1 จาน 1 ศิลปิน’ ส่วนจะมีอะไรบ้างนั้นก็ตามผมมาเลยครับคุณชาคริต เอ้ย ! ไม่ใช่ ๆ ตาม ระเห็ดเตร็ดเตร่ ไปดูไปชิมกันเลย

Cat Foodival 2017 1 กรกฎาคม 2560

ด้วยความตื่นเต้นที่ในชีวิตนี้ไม่เคยได้ไปก้าวย่ำใน food festival มาก่อน แถมความที่เป็นแบบกึ่งคอนเสิร์ตด้วยนี่ยิ่งห่างไกลจากชีวิต จึงรีบทำให้ตัวเองมาถึงงานตั้งแต่ประตูเปิดได้เพียง 1 ชั่วโมงเท่านั้น ซึ่งก็เป็นเวลาเที่ยงตรงพอดี ที่น่าแปลกสำหรับเราคือ คนน้อยมาก ใจคอไม่คิดที่จะอดข้าวเช้าเพื่อมากินข้าวเที่ยงที่นี่กันเลยหรอ แต่มาคิดดูอีกทีเค้าก็คิดถูกกันแล้วนี่หว่า (แหงสิ ใครมันอยากจะไปเสียสุขภาพแบบมึงวะ) โอเค ๆ ไม่เป็นไร ๆ สำรวจงานดูก่อนดีกว่าว่าจะใช้ชีวิตกับที่ท่างในวันนี้ยังไง…

Cat Foodival 2017 1 กรกฎาคม 2560

30 นาทีผ่านไป เราได้ค้นพบว่า Cat Foodival 2 ได้แบ่งโซนอาหารไว้เป็น 2 โซน คือ โซนภายในอาคาร ที่ส่วนใหญ่จะเต็มไปด้วยบูธขนมและของหวานต่าง ๆ และมีของคาวบ้างนิดหน่อยประปรายกันไป และโซน out door ที่เต็มไปด้วยของทอด ของปิ้ง ของนึ่ง ของย่าง ของต้ม แทบจะร้อยเปอร์เซ็นต์ ส่วน โซนดนตรี นั้น จะอยู่ที่โซน out door เหมือนกันแต่ว่าจะแยกออกไปอีกที (ในแผนที่จะเขียนว่า concert area) เหตุผลอีกอย่างที่ทำให้เรามาตั้งแต่เที่ยงนั้นจริง ๆ คือเราตั้งใจจะมาดู Penny Time วงดนตรีวงแรกที่เล่นในงานครั้งนี้ คือไม่ได้ห่วงว่าจะไม่ได้กินของที่อยากกินไม่ทันเลยแต่กลัวดูวงไม่ทันมากกว่า (อ้าว มา food fest หรือ music fest เนี่ย) แต่โถ่ถัง Penny Time เล่นบ่ายโมงจ้า อีกตั้งชั่วโมงนึง! เพราะฉะนั้นเราควรกลับไปทำในสิ่งที่คนมาเทศกาลอาหารทำกันดีกว่า ก็กินไง

Cat Foodival 2017 1 กรกฎาคม 2560

เราใช้เวลาในคืนก่อน Cat Foodival 1 วัน ทำการบ้านเรื่องเมนูอาหารมาอย่างดีแล้ว เพราะฉะนั้นไม่ต้องห่วงเรื่องของที่(น่า)จะอร่อย เราค่อนข้างมั่นใจตัวเองเลย อาหารจานแรกใน Cat Food ของเราในวันนี้คือ 1 ในเมนูตัวเก็งอันดับต้น ๆ ที่เราเล็งไว้ว่าจะต้องกินให้ได้และเชื่อมั่นมากว่าอร่อยชัวร์

*คำเตือน : เราไม่ใช่กูรูทางด้านอาหารหรือมีความสามารถที่ดีในด้านนี้แต่อย่างใด เราแค่ชอบกินอาหารที่มันอร่อยสำหรับเราก็เท่านั้นเอง*

‘มากกว่าน้ำพริก’ ของหนุ่มเสียงสูงทรงพลัง สงกรานต์ (The Voice, The Bantam) คือจานเดียวกันกับที่เราเกริ่นมาในข้างต้น เมนูก็คือ ข้าวคลุกน้ำพริก มาพร้อมกับปลาทู หนังไก่ทอดกรอบ ไข่ต้มเยิ้ม ๆ และผักต้ม (สมมตว่ากินเสร็จแล้ว) โอวว คุ้มค่าทุกองค์ประกอบจริง ๆ ตั้งแต่ข้าวสวยที่สภาพนางฟ้ามาก หนังไก่ก็กรอบอร่อยไม่เค็มไป ปลาทูหอมเค็มติดหวานที่ปลายลิ้น ตบท้ายด้วยผักต้มเครื่องเคียงที่มันเคียงคู่กันจริง ๆ จานนี้ผมให้ผ่านครับ  (เสียงแบบเชฟเอียน)

งาน Cat Foodival

หลังจากกินจานแรกเสร็จไป เราก็รีบย้ายตัวเองไปที่โซนดนตรีเพื่อไปดูวงแรกของวันอย่างที่ตั้งใจเอาไว้ ด้วยความที่เราทำเวลาในการกินเมื่อกี้ดีมาก เราจึงได้ดู Penny Time ตั้งแต่เพลงแรกเลย  … เด็กหนุ่มทั้ง 4 คน เรียกผู้คนที่ตอนแรกมีจำนวนอันน้อยนิดให้มารวมกันมากมายได้ด้วยเพลงลำดับที่ 3 ของวงที่ชื่อ For Her จากนั้นก็ต่อด้วยเพลง All I Say เพลงจังหวะมีเดียมที่ทำให้คนดูเข้ามาอุ่นหนาฝาคั่งขึ้นเรื่อย ๆ สำหรับเราแล้วนี่เป็นครั้งแรกที่ได้ดูเล่นสดของพวกเค้า เราอยากเชียร์ให้คนที่ไม่เคยมาดู เพราะเป็นวงที่ควรค่าแก่การไปดูเล่นสดมาก ๆ ซาวด์โคตรดี แล้วแต่ละเพลงนี่คือ arrange เยี่ยมมาก สามารถทำให้เครื่องดนตรีจำนวน 4 ชิ้น แสดงสักยภาพในทุก ๆ เพลงลงตัวกันได้อย่างคุ้มค่า เมโลดี้กีตาร์นี่เพราะแบบฆ่าคนฟังตายไปเลย ในความเกรี้ยวกราดของพวกเค้าทำให้เรานึกถึงวงจากแถบเกาะอังกฤษอย่าง The Kooks เอามาก ๆ เพลงเร็วในต้นโชว์ที่ว่าดีแล้ว เจอเพลงช้าเพลงสุดท้ายที่ปิดโชว์คืองดงามไปเลย การเลือก Penny Time เป็นวงแรกของวันคือสิ่งที่ถูกต้องจริง ๆ

Penny Time

เราตกลงกับตัวเองว่าจะอยู่ดู The Toys ต่อก่อนที่จะไปหาของกินอีกที เพราะว่าเราเคยมีอดีตฝังใจกับโชว์ของ The Toys เมื่อ Cat Expo 3 ที่ผ่านมา  … โอ้โหววว จู่ ๆ ผู้หญิงก็มาจากไหนไม่รู้เต็มเลยโว้ย โอเค ๆ ทำตื่นเต้นไปงั้นแหละ ก็พอจะรู้อยู่ว่าทำไมมากันเยอะ แต่ประเด็นก็คือ วันนี้ The Toys ได้ลบภาพจำในการเล่นสดที่เราเคยดูไปอย่างหมดสิ้นเลย วันนี้เค้าเติบโตขึ้นมาเป็นศิลปินแล้วจริง ๆ คือนอกจากซาวด์โดยรวมที่ดีแล้ว เราชอบที่เค้าสามารถ arrange audio track ของตัวเองเพื่อมาเล่นสดได้อย่างสนุกอีก หน้าตาก็ดี มีอารมณ์ขันในโชว์ซะด้วย (ขอที่ยืนมั่งเถอะพ่อคุณ) ระหว่างที่ดูเรารู้สึกถึงแสงประหลาดอันอบอุ่นที่ผ่านเสียงเพลงมาตลอดเวลา ไม่รู้ว่าจะพูดยังไงให้ไกล้เคียงกับแสดงสดของเค้าในวันนี้เลย

Inspirative

หลังจากใช้พลังงานกับการดูไป 2 วง เราก็ผละจากเวที เพื่อที่จะใช้เวลาเรียกมันคือมาจากอาหารที่เราสนใจ โดยคราวนี้เป็นตัวท๊อปสายของหวาน ที่เราฉงนกับชื่อและรสชาติตั้งแต่ที่เล็งๆ เอาไว้แล้ว ‘บราวนี่อุโมงค์เวลา’ ตามชื่อเพลงเลย Inspirative ไง แต่วันนี้ปล่อยให้พี่นพมาคนเดียวโดยมีเพื่อนร่วมโซนเป็น Moving Cup Cake ของ Moving And Cut เชื่อเลยว่าคุมโทนแน่นอน (แต่อันนี้เราไม่ได้กินนะ) แล้วรสชาติของบราวนี่ล่ะ? โอเค สบายใจได้ ไม่มีสิ่งที่คิดไว้ว่าจะมี (ละไว้ในฐานที่เข้าใจกันเนอะ) แต่อร่อยครับบบ หว๊านหวาน ห๊อมหอม กินไปยิ้มแก้มปริกันไปเลย แถมทางวงยังแถมสติกเกอร์น่ารัก ๆ มาด้วยนะ ซึ่งเราก็กินเคล้าไปกับเสียงดนตรีจาก Fwends ที่กำลังทำการแสดงในตอนนี้ ซึ่งเสียงก็ดังลอดผ่านมาถึงโซน out door ที่เรากำลังกินอยู่พอดี ฟินไปเลย

โซนอาหาร

กำหนดการต่อไปของเรา ถูกชักนำโดยความเชื่อของตัวเองที่ว่า ‘มา cat food ก็ต้องได้กินข้าวแมวของพี่จ๋องเซ่! ไป ๆ กินข้าวแมวกัน’ … ก่อนอื่นต้องขอชมก่อนว่าบูธนี้น่ารักมากกก เหมือนเราได้เป็นแมวรออาหารจากเจ้านายเลยหละ และในส่วนของข้าวแมวนั้น มินิมอล ง่ายแต่แพง นิยามเท่านี้เลยครับ ปลาทูแกะแล้ว ข้าวสวยนุ่ม ๆ หอมแดงและพริก (พริกกับหอมแดงแมวคงไม่กิน) อยากจะเป็นแมวเลย คือลงตัวเหมือนข้าวกระเพรากับไข่ดาวยังไงอย่างนั้น ที่สำคัญคือทำแค่ 200 จานเท่านั้นนะ อิจฉาล่ะสิ ๆ

Soul - Da พาเพลิน

หลังจากข้าวแมวที่หมดไป เราก็นึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้กินน้ำเลยนี่หว่าตั้งแต่ตอนบราวนี่อุโมงค์เวลาแล้ว ก็พอดีในขณะที่ Telex Telexs กำลังเล่นอยู่ก็เป็นช่วงเดียวกับที่เราเดินไปเจอน้ำหวานน่าสนใจจากศิลปินค่าย SpicyDisc ที่เรารักมากๆ น้ำผึ้งมะนาว ร้านผึ้งรัก by The Parkinson ที่มีพี่เบียร์ มือกลองของวง ของยิ้มแย่มแจ่มใสเป็นคนขายอยู่ เราก็เลยจัดการซื้อน้ำผึ้งมะนาวมา 1 กระติก เพราะว่าสามารถนำมา refill ได้เรื่อย ๆ กะว่าจะกินอีกยาว ๆ ตลอดงาน เสร็จแล้วเราก็ไปนั่งชิว ๆ อยู่โซน out door ในส่วนที่ไกล้กับเวทีที่สุดเพื่อที่จะนั่งดูดน้ำเพลิน ๆ ฟัง Telex Telexs เพลิน ๆ ไป  อื้อหือ ! สดชื่นน

พี่สอง พาราด็อกซ์

เวลาประมาณบ่ายสามเกือบจะสี่โมง คือช่วงหลังจากที่ Telex Telexs เล่นเสร็จพอดี พึ่งสังเกตุว่าคนเยอะมากจากตอนเช้าก็ตอนที่แตกรังกันออกมาจาก Telex Telexs นี่แหละ เราก็ลุกไปหาของกินอีกรอบ (กินอีกแล้ว) แต่คราวนี้มาหาของหวานในโซนภายในอาคาร แต่ทว่า ! เดิน ๆ อยู่ก็เกิดสะดุดกับมุม work shop ทำอาหารที่มีศิลปินเป็น master class แบ่งเป็นประเภทตามเวลากันไป ซึ่งเรามาเจอคิวของพี่สอง Paradox ที่กำลังสอนทำ ‘สมูทตี้หมอสอง’ พอดี แอบตลกเพราะพี่สองเป็นคนตลก เอ๊ะ ยังไง แต่เค้าก็สอนกันจริงจังนา ซึ่งเราก็ไม่ได้ลงทะเบียนหรอกแต่แอบดูแอบฟังอยู่ห่าง ๆ ฮ่า ๆ

บรรยากาศในงาน

หลังจากเดินวนอยู่นานสุดท้ายก็ไม่รู้ว่าจะกินอะไรและท้ายสุดจึงตัดสินใจกลับเข้าเวทีอีกครั้งเพื่อไปดู The Jukks ด้วยใจหวังว่าจะได้ฟังเพลงจากชุดใหม่ … ใช่ เราได้อย่างที่หวังไว้จริง ๆ เพราะ setlist ในวันนี้เป็นเพลงใหม่เกือบทั้งหมดเลย เราไม่เคยดู The Jukks มาก่อนเลยสักครั้งด้วยโอกาสและอะไรหลายๆ อย่าง และเราก็ไม่เคยอยากดู The Jukks เท่าวันนี้มาก่อนเลยเช่นกัน แต่ต่างกันตรงที่วันนี้มีโอกาสแล้ว พวกเค้าในวันนี้เหมือนเด็กวัยรุ่นที่เติบโตโดยก้าวผ่านเหตุการณ์มาเป็นผู้ใหญ่ในระดับนึงแล้ว ในความ punk ที่แสนดิบดาลก็แฝงไปด้วยความ pop อันเย็นฉ่ำที่คอยให้ความรู้สึกดีกับคนฟังตลอด ถ้าจะให้เปรียบเทียบโชว์ในวันนี้ มันก็คงเป็นเหมือนสภาพสุดท้ายของฟ้าหลังฝนที่ตกหนักอย่างยาวนานได้ผ่านไปแล้ว

ยำมาม่ารวมมิตร

หลังจากจบ The Jukks ท้องฟ้าอากาศรวมถึงเวลาก็เข้าถึงช่วงตอนเย็นพอดี (16.00) ข้อดีของตอนนี้คือสภาพฝนที่ดูเหมือนตั้งเค้ามาเพื่อจะตกนั้นไม่ได้ตกลงมาจริง ๆ ในความอบอ้าวจึงแฝงไปด้วยความเย็นอยู่บ้าง แต่ท่าทางที่ดูเหนื่อยของเรานั้นคราวนี้เราเหนื่อยจริง (แหงหละ ก็กินไม่หยุดเลยตั้งแต่เช้า แถมยังดูไปหลายวงอีก) เราจึงตัดสินใจหยุดพักอย่างจริงจังก่อน โดยการกลับมาชวนชิมกันอีกครั้งนึง โดยคราวนี้เอาใจคนรักเส้นหน่อยนะครับ  

img_1704

ร้าน หมึกนึ่ง…เมื่อเช้านี้ By Mango ที่อยู่ในโซน out door ที่ไกล้กับเวทีที่สุดคือแลนด์มาร์คในครั้งนี้ของเรา … โปรดเปิดเพลงของ ไม่คิดถึงเลย ของ Nap a Lean แล้วอ่านไปด้วยจะยิ่งอิน เพราะในขณะนี้เรากำลังสูดเส้นของยำมาม่าไปพร้อมกับการฟังเพลงนี้ของพวกเค้าอยู่ น้ำยำแสนอร่อย ถูกซดผ่านเข้าลำคอในท่อน ‘รู้ว่าเธอยังคงห่วงใยใช่มั้ย’ อย่างแสนเหงาในความเผ็ดร้อน ส่วนเส้นที่เหนียวนุ่ม ถูกเคี้ยวอย่างเจ็บปวดในท่อน ‘ฉันไม่เคยจะเหงา ไม่คิดถึงเลย’ ปลาหมึกตัวใหญ่ หมูสับที่เยอะมากประปราย ถูกกินไปในตอนที่พูดเข้าเพลงอื่นแล้วอะ แป่ว!  ข้อเสียอย่างเดียวของจานนี้ก็คงเป็นการที่ให้ตะเกียบหุ่นผอมเพียวคู่เดียวมาใช้กินนี่หละครับ กินย๊ากยาก แต่อร่อยคุ้มค่าน้ำตาจะไหลครับ (อินเพลงหรอ…เปล่าเลย เผ็ด !)

วง Mean

เสร็จจากนี้เรามีแผนจะไปดูวง Mean วงน้องใหม่จากค่าย LoveIs ในตอน 17:40 ต่อ แต่ก็ต้องมาสะดุดกับสลัดโรลของบูส โรซ่า ซะก่อน … โอ๊ยยย ถูกสุดเยอะสุดของวันนี้ ไม่ได้อร่อยที่สุดแต่อร่อยดีงามมาก ให้ทูน่าไม่หวงเลย น้ำสลัดก็เด็ดมากจนอยากจะซื้อกลับบ้าน pr ก็ขายของอย่างเก่ง (น่าจะเป็นเหตุผลหลักที่หลงกลมาบูธนี้) แซนวิชที่ให้ลองชิมก็จี๊ดไม่แพ้กัน  รักโรซ่าไป 1 วันครับวันนี้ อิ่มแล้วไปทำความตั้งใจในบรรทัดที่แล้วกันต่อได้

เรากลับเข้ามาสู่โซนเวทีอีกครั้งด้วยความหงุดหงิดระดับ 7 ตลอดทั้งโชว์ที่เกิดขึ้น Mean คือ (cute) boy band ที่เล่นดนตรีโคตรเก่ง การเปิดตัวมาด้วย coustume ผ้ากันเปื้อนไสตล์บาริสต้าทำเอาใจสาวๆ ล่วงหล่นและกรี๊ดแตกกันไปเลย แต่ไม่ใช่สำหรับเรานะ เพราะ Mean มีพาร์ทดนตรีทั้ง rhythm และ เมโลดี้ ที่แข็งแรงโดดเด่นจนเราไม่สามารถจะสนใจอย่างอื่นได้เลย เป็น pop ชั้นดีที่หากเป็น audio track ก็ฟังเพราะ แต่พอเล่นสดก็สนุกและเพลิดเพลิน แอบเสียดายที่มีเพลงของตัวเองน้อยไปหน่อย แต่ได้ฟังเมดเล่ย์และเพลง arrange ใหม่จาก LoveIs ก็ไม่เลวเลย

แวะชิมขนมปัง

จนถึงตอนนี้สังเกตได้ชัดเจนว่าท้องฟ้าได้มืดลงแล้ว (18:00) แต่คนก็ดูกลับเหมือนจะเยอะขึ้นมากๆ จากตอนเช้า แต่จุดที่เยอะสุดในตอนนี้ก็คงหนีไม่พ้นโซน work shop ทำอาหารที่ตอนนี้ master class คือ BNK 48 ! ขอออกตัวก่อนนะว่าที่ได้ไปดูเนี่ยเป็นเพราะความบังเอิญทั้งนั้นไม่ได้ตั้งใจเลยจริงๆ ครับ … โหววว คนเยอะโคตร เป็นโซนเล็ก ๆ ที่คนเยอะพอ ๆ กับโซนเวทีเลย เห็นว่าวันนี้น้อง ๆ มากันตั้ง 7 คน และมา work shop ทำบราวนี่ สรุปคือ ได้ยินแต่เสียงคิขุ ๆ ที่น้องพูด เห็นน้อง ๆ แค่ปลายผมเท่านั้นจริง ๆ จบครับสำหรับูธนี้ ..

Friday

เราเลือกที่จะไม่ดู Jelly rocket ในตอน  18:20 แต่ไปซ้ำข้าวน้ำพริกของสงกรานต์ที่กินเมื่อเช้าอีกครั้ง เพื่อรอเวลาไปดู Friday ต่อ …  อื้อหือ น่าจะเป็น 1 ในวงที่คนดูเยอะที่สุดของวันนี้แล้ว ไม่รู้มาก่อนเลยว่าแฟนคลับ Friday เยอะมากขนาดนี้ คนมารอตั้งแต่ jelly ลงเลย ต้องบอกก่อนว่าเราไม่ใช่แฟนคลับของ Friday เลยนะ เพลงที่เค้าดัง ๆ ก็ไม่รู้ชื่ออีก แถมนี่ก็เป็นครั้งแรกที่ได้ดูเล่นสดอีกเช่นกัน แต่สิ่งที่ในวันนี้เราสามารถรับรู้ได้เลยคือนี่คือวงที่มีอิทธิพลกับวัยรุ่นในช่วงหนึ่งมาก ๆ เพราะตลอดโชว์อันแสนอบอุ่นของ Friday คนฟังมีอารมณ์ร่วมกันไปตลอดทางเลย มันเหมือนครอบครัวที่นัดรวมญาติกัน เป็นโมเมนท์ที่งดงามที่ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยๆ เลยนะ ส่วนเซอไพรส์ที่ไม่คิดจะเจอเลยคือการชวน อิ้งค์ วรันธร มาร้องร่วมด้วย เพลงที่ตัดสลับเนื้อกับเพลง เหงา เหงา นี่คือดีจริง แต่ไฮไลท์ที่สุดคงหนีไม่พ้นการเล่นเพลง กลับมา  มันคือเพลงชาติของเพลงรักสายเศร้ามาเสมอ ยิ่งในวันนี้ที่ทุกคนร้องเป็นเสียงเดียวกันยิ่งยืนยันอย่างชัดเจน เราขนลุกในความทรงพลังในครั้งนี้อย่างที่สุดจริง ๆ

Palmy
Palmy

หลังจาก Friday ลงจากเวทีไป ความอ่อนล้าของเราดันกลับขึ้นมาอีกครั้งเราจึงมานั่งดู Sin ที่โซน out door ติดกับเวที … Sin เป็นศิลปินที่เราเซอไพรส์มาก จำได้ว่ารู้จัก Sin ครั้งแรกจาก Singular ด้วยเพลง Pop ที่มีความอคูสติกสูง เย็นๆ เบาๆ แต่วันนี้ในฐานะศิลปินเดี่ยวของ Sin กลับต่างกันออกไปเลย คือ deep และสุขุมมมาก อารมณ์คล้าย ๆ Birdy มีเปียโนเป็นเมโลดี้นำพา แต่ทว่ากลับมีพาร์ทของ Brass Section ประสานในดนตรีที่เนี๊ยบมาก หลงรักเพลง หรือ ของ Slur ที่เอามา re-arrange ใหม่มาก ๆ แม่งคือ happy sad จริง ๆ

Yellow Fang
Yellow Fang

หลังจากที่สุขปนเศร้าไปกับ Sin แล้ว ในตาราง line up ของวันนี้วงต่อไปที่จะเล่นคือ Yellow Fang ตอน 20:40 แต่เราเลือกที่จะไปกินอาหารจานมื้อสุดท้ายเพื่อสั่งลา cat foodival ครั้งที่ 2 ซะก่อน … ก่อนอื่นเลยเราต้องเล่าก่อนว่า กว่าเราจะทำใจกินมื้อนี้ได้เราต้องใช้เวลานานมาก มองแล้วมองอีก แอบ preview ดูของคนที่ซื้อไปแล้วเดินผ่านหน้าไปก็แล้ว สุดท้ายก็อดไม่ไหวจริง ๆ ก็ของมันต้องกินอะ …  ‘กิวด้งหลงกลเธอแล้ว / โอยาโกะด้งมันก็ยังงง ๆ กันอยู่’ แค่ชื่อร้านก็กินขาดแล้ว เจ้าของร้านก็ไม่ใช่ใครที่ไหนไกล พี่บอม Benda 5000 หรือ พี่บอม ภูมิจิต นั่นเอง เมนูที่เรากินนั้นจะอารมณ์แบบข้าวหน้าไข่ใส่ไก่ของญี่ปุ่นเลย ส่วนรสชาตินั้นเป็นไปอย่างที่ตั้งใจเล็งอยู่นาน อร่อยมากกก เป็นจานที่หอมที่สุดในวันนี้เลย ไก่ก็นุ่ม เห็ดก็หวาน พี่บอมท๊อปฟอร์มอีกแล้วครับ ดีใจทุกครั้งเวลาที่เจอพี่บอมเปิดบูธอาหารในเฟสติวัลที่เราไป

หิวอีกแล้ว @Cat Foodival

20:40 ตามเวลาไทย เป็นเวลาของ Yellow Fang พอดี เราจึงอยากจะโซน out door ไปยังโซนเวทีโดยทันที  … Yellow Fang ก็คือ Yellow Fang ไม่ว่าจะดูอีกกี่ครั้ง ประทับใจ Setlist ที่พี่ ๆ เตรียมมาในวันนี้มาก ถูกต้องตั้งแต่เพลงแรกไปจนถึงเพลงสุดท้ายจริงๆ ทั้งเพลงหนักๆ อย่าง หมึก ใหม่ ปิ๊กโก้ หรือเพลงที่ไม่คิดจะเล่นอย่าง สบตา ที่ประกอบซีรี่ย์ I See You ของ GDH หรือเพลงใหม่อย่าง Morning ปิดท้ายด้วย ห่มผ้า ทำเอาแฟน ๆ รุ่นใหม่รุ่นเก่า ฟินกันไปเลย

Rasmee Cat Foodival

ถ้าหากว่าเราอยู่ดู Rasmee ที่นี่ มันก็จะกลายเป็นครั้งที่ 3 ของเราแล้ว ซึ่งคำตอบก็ชัดเจนจาก 2 ครั้งที่ผ่านมา เราจะอยู่ดูอีกครั้งเพื่อให้ตัวเองประทับใจอีกครั้ง … ความเก๋าของ อิสานโซล คือถึงแม้กีตาร์ของพี่ก้องจะสายขาด แต่ show must go on ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นจริง ๆ เราว่ารัสมีในวันนี้สุขุมและโลดเต้นกว่าทุกครั้งเลยนะ คือทุกคนในวงสุดมาก ท่อน solo ที่ปล่อยให้ พิณ กีตาร์และเสียงร้อง นำพากันนี่คือขนลุกจริง ๆ เป็นการส่งเข้าช่วงสุดท้ายที่ดีเหลือเกิน

Cat Foodival คอนเสิร์ต

ในหลาย ๆ ครั้ง ที่เรามักพ่ายแพ้ให้กับวงสุดท้ายของ music festival ที่ยาวนาน ในที่นี้หมายถึงเหนื่อยล้าเกินกว่าจะมีอารมณ์ร่วมใดๆ ทั้งสิ้น ในตอนแรก Cat Foodival 2 ก็เหมือนจะเป็นอย่างนั้น แต่พอชายคนนี้ขึ้นไปบนเวทีเท่านั้นแหละบรรยากาศก็ต่างออกไปเลย … ถ้าไม่ได้อยู่ดู Nop Ponchamni & The Groove To Matrix 11 feat. V.Violette ในวันนี้ เราคงจะเสียใจมาก นานแล้วที่เราไม่ได้เจอ first impression ที่ยอดเยี่ยมขนาดนี้ เราเข้าใจคำว่า ‘รักครั้งแรก’ ชัดเจนขึ้นมาจริงๆ ก็เมื่อได้มาดูพี่นพในวันนี้  ความสวยงามแรกของ Nop Ponchamni & The Groove To Matrix 11 คือดนตรีที่มีส่วนผสมของ soul jazz และ funky ที่พาเราย้อนกลับไปในช่วง 1950s มี brass section ชุดใหญ่ที่คอยเป่าเคล้าคลอเป็นเสียงเพลงคอยสะกดเราราวกับนี่คือความฝัน สำหรับเรา พี่นพก็เปรียบเสมือน Frank Sinatra เลย ลิสเพลงในวันนี้คือ LoveIs ในยุคที่เพลงรักเป็นมากกว่าแค่เพลงรัก ทั้ง ลมหายใจ ในจังหวะสนุกที่ทำเอาทุกคนอดที่จะโยกย้ายกันไว้ไม่ไหว หรือเพลง เผลอ ที่พี่นพได้ชวนพี่โต้ง P.O.P ขึ้นมาเล่นกีตาร์ด้วย และคนที่ทุกคนรอคอย วี วีโอเลต ที่นอกจากจะมาร้องเพลงใหม่ ก็แค่ไม่มีฉัน ในไสตล์ของ Nop Ponchamni & The Groove To Matrix 11 แล้ว (ซึ่ง arrange ดีมาก กลายเป็นเพลง funky jazz ที่ดีมาก ๆ เพลงนึงเลย) ก็ยังร่วมร้องคู่กันกับพี่นพในเพลง ดาว Pause ในแบบที่เราไม่เคยได้ยินมาก่อน ความสวยงามก็คือเรารู้สึกว่ามันคือดาวดวงเดียวกับพี่โจ้จริง ๆ จนมาถึงช่วงสุดท้ายในเพลงสุดท้ายของโชว์ (ซึ่งตรงนี้วีได้ลงไปแล้ว) สิ่งที่ทุกคนไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น พี่นพเลือกใช้เพลง Season Change บอกลาทุกคนโดยหวังให้มีความสุขกับค่ำคืนนี้เพื่อพร้อมเจอกันวันใหม่ที่กำลีงจะมาถึง แต่ทว่า! เกิดการเซอไพรส์การขอแต่งงานกันขึ้นบนเวที โห ทำเอาเสียงเชียร์ดังกระหึ่ม เราเองก็อดที่จะขนลุกต่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้าไว้ไม่อยู่เหมือนกัน เป็นวันที่ฟังเพลง Season Change เพราะที่สุดในชีวิตวันนึงเลย เราว่านี่หละคือ ‘อาหารจานสุดท้าย’ ที่ทำให้ค่ำคืนนี้มีความหมายอย่างที่ควรจะเป็น   

จบงาน  Cat Foodival

เราเชื่อจริง ๆ ว่าคนที่มาในวันนี้ไม่ได้แค่แบกท้องอิ่ม ๆ กลับบ้านหรอกนะแต่ใจก็คงพองโตจากความอิ่มไม่แพ้กัน เราเห็นถึงความตั้งใจของศิลปินทุกคนจากอาหารทุกจานทั้งที่กินและไม่ได้กิน แอบเสียดายเหมือนกันที่หลาย ๆ อันไปกินไม่ทัน ทางฝั่งคอนเสิร์ตก็จัดจ้านไม่แพ้ฝั่งอาหารเลย สำหรับใครที่ไม่ได้มาเราว่าเรื่องของอาหารอะมันเป็นเรื่องเราต้องไปลองให้รู้ด้วยตัวเองหวะ แล้วที่ ๆ มีศิลปินที่เรารักมาทำจานอร่อยมากมายขนาดนี้มันก็ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยเลยนะ (อาจจะมีที่เดียวด้วยซ้ำ) ขอบคุณ Cat Radio ที่จัดงานที่ดีต่อใจของผู้ฟังมาโดยตลอด เจอกันอีกที Cat Expo 4 วันที่ 25 – 26 พ.ย. 2560 นะ

10 ลายเสื้อน่าโดนในงาน Cat T-Shirt ครั้งที่ 6 1-2 มิถุนายน นี้

 

Facebook Comments

Next: