Article ระเห็ดเตร็ดเตร่

Clockenflap Part 1 : ฉลอง 10 ปี เทศกาลดนตรีที่ฮ่องกง กับวงดนตรีในตำนานที่ไม่คิดว่าชาตินี้จะได้ดู

  • Writer: Montipa Virojpan
  • Photographers: Montipa Virojpan, Chris Lusher, and Kitmin

ขอโทษที่ให้ทุกคนรอนาน ระเห็ดเตร็ดเตร่ กลับมาแล้วหลังจากไปเดินเตะฝุ่น ตากฝน ดมปุ๊น ในเทศกาลดนตรีที่ใหญ่ที่สุดในฮ่องกงอย่าง Clockenflap เป็นเวลาสามวันสามคืน กับไลน์อัพตอนประกาศออกมานี่ถึงกับตาลุกวาว ไม่ว่าจะเป็น Massive Attack, The Prodigy, Pond, The Dandy Warhols, Jungle, Young Fathers และอีกมากมายที่แต่ละชื่อนี่โหด ทั้งนั้นแบบเราก็ไม่รู้ว่าทางผู้จัดไปจีบให้มาเล่นได้ยังไง แต่ฉันต้องได้ไปดู! (สงสัยว่าก็อาศัยความที่ครบรอบ 10 ปีในปีนี้ด้วยแหละเลยจัดฉลองกันด้วยวงที่ยิ่งใหญ่จริง ) รวมถึงศิลปินเจ้าบ้านที่น่าสนใจอีกหลายสิบชีวิต และยังมี Gym and Swim วงดนตรีจากไทยเพียงหนึ่งเดียวก็ได้ไปเล่นที่งานนี้ด้วยนะ

p1000437

ข้อมูลพื้นฐานของเทศกาลนี้คือ เป็นงานกล้างแจ้ง จัดขึ้นในวันที่ 17-19 พฤศจิกายน มี 5 เวทีที่ห่างจากกันไม่มาก ใช้เวลาเดินไม่เกิน 5 นาที เวทีใหญ่สุดจะชื่อ Harbourflap Stage ตั้งอยู่ใกล้กับทางเข้างานที่สุด เราจะได้เห็น Observation Wheel หรือชิงช้าสวรรค์ที่เป็นแลนด์มาร์กไว้ให้ขึ้นไปชมวิวเกาะฮ่องกงด้วย วงที่มาเล่นก็จะเป็นพวก headliner ของแต่ละวัน เขยิบไปทางซ้ายมือก็จะเป็น FWD Stage เวทีสปอนเซอร์หลักของงาน วงที่มาเล่นก็จะเป็นชื่อรอง ลงมา แถวนั้นก็มีบูธสปอนเซอร์ทั้ง Levi’s Tailor Shop ที่มี exhibition patched jacket jeans ครบรอบ 50 ปี มีแจกกระเป๋าผ้าที่ให้เราเลือกแพตช์เวิร์กไปแปะรีดกันสด ที่บูธ และมีศิลปิน calligrapher ชื่อ dark.calligrapher มาเขียนชื่อเพลงลงบนไอเท็มลีวายส์ของผู้ร่วมงาน

p1000484

Initial the Unusual Experience มี marble tattoo แบบที่เราเคยเห็นคนเอาแขนจุ่มลงไปในสีที่ลอยอยู่บนผิวน้ำ แล้วก็มีไอศกรีมที่ดุน่ากินมาก (แต่แอบแพง) Adidas Originals in the Mix เป็นบูธที่สอนดีเจสำหรับผู้สนใจไปเล่นคอนโทรลเลอร์กันได้, Facess beYOUty Salon บูธแต่งหน้าทำผม, Payme Chill & Charge ที่ให้คุณนั่งพักไปชาร์จแบตไปได้, Kuuchi Cafe Camper มีโซนอาหารและเครื่องดื่ม, Kiehl’s the Ultimate Experience ที่แจกกระเป๋าผ้าที่ให้เราเลือกสกรีนลายได้เอง สิ่งที่ชอบมากคือมีจุดเติมน้ำดื่มในงานของ BottLess ที่เป็นเหมือนสตาร์ตอัพที่เน้นเรื่องสิ่งแวดล้อม ที่สำคัญคือแจกกระติกไม่ใช่แบบพลาสติกโหลกลาให้ฟรี ด้วย งานนี้เขาทุ่มทุนมากจริง

p1000476

ข้าง กันเป็น VIP Lounge และลานกิจกรรม FWD Passionland มี Silent Disco powered by FWD Max ที่จะมีสองดีเจผลัดเปลี่ยนกันมาเปิดเพลง รวมถึงโซนสนามเด็กเล่นให้เด็ก ทำเวิร์กช็อปกัน ใกล้ กันเป็น Acorn/ Robot Stage ที่ช่วงกลางวันจะเป็นโชว์เล่าเรื่อง การแสดงสำหรับเด็ก และมีศิลปินมาเล่นดนตรีโฟล์ก ตกกลางคืนก็จะกลายเป็นผับตึ๊ดย่อม มีตั้งแต่ deep house, techno ไปจนถึง reggae dub รอบ นั้นก็เป็นพวก installation ที่เราว่าไม่ค่อยโดดเด่นเท่าไหร่ เดินเลยไปอีกนิดจะมีโซนงานคราฟต์ ขายของทำมือต่าง แล้วถึงท้ายงานที่เป็นเวที YourMum ซึ่งเป็นเวทีรวมวงหน้าใหม่หรือพวก act แปลก ที่น่าสนใจ อะ จบงานกราบสปอนเซอร์บวกกับรู้พิกัดคร่าว กันแล้วก็ได้เวลาพาไปสัมผัสบรรยากาศงานกันแล้วล่ะ โย่ว

17 พฤศจิกายน 2560

p1000442

ตามตารางบอกว่า งานวันแรกสตาร์ตที่เวลา 5 โมงตรง เราเดินทางมาถึง Central Harbourfront Event Space ซึ่งเป็นสถานที่จัดติดทะเลบรรยากาศดีงาม เมื่อเดินเข้ามาภายในงาน ทุกอย่างเหมือนเพิ่งจะเซ็ตอัพเสร็จหมาด และผู้ร่วมงานก็ยังน้อยอยู่ เราเดินตรงไปยังเวที FWD ซึ่งมีวงแรกกำลังขึ้นเล่นในเวลา 17.30 นั่นก็คือ DJ Matt Force เจ้าบ้าน เปิดแนวประมาณ chill hop เพลิน เข้ากับอากาศช่วงนั้นที่แดดร่มลมตกเลยแหละ แต่เวทีแอบเหงาจริง มียืนดูกันอยู่ไม่กี่คน จากนั้นเราก็เลยแวบไปดูเวที YourMum มี Shumking Mansion (เป็นอะไรกับ Chungking Mansion ชื่อดังย่าน Tsim Sha Tsui หรือเปล่านะ) ก็เป็นวงอิเล็กโทรร็อก แดนซ์ร็อกจากฮ่องกงอีกเหมือนกัน เพลงก็มีส่วนประกอบของซินธ์แต่เพิ่มเบสและกลองเดือด เข้าไปอะไรแบบนั้น เท่อยู่นะ แต่ตอนเล่นเพลง Auto Dreaming มีเล่นกีตาร์หลุดคร่อมจังหวะนิดนึง

p1000439

แล้วเราก็เดินข้ามไปเวทีใหญ่สุดหน้างาน มีวง ANWIYCTI (อย่าถามนะว่าออกเสียงยังไง อ่านไม่ออกเหมือนกัน แต่ย่อมาจาก A New World If You Can Take It) เป็นวงที่เล่นเบสกันสามตัว ไม่มีกีตาร์แม้แต่ตัวเดียว แบบนี้ซาวด์หม่นแน่นอน ซึ่งเอาเข้าจริงก็ตามนั้นอะฮะ เล่นสไตล์อัลเทอร์เนทิฟ นอยซ์ แอมเบียนต์ดาร์ก มีส่วนผสมของ Godspeed You! Black Emperor และ Pavement ซึ่งก็เป็นตามนั้น ถ้าเปรียบกับวงญี่ปุ่นก็เหมือน The Novembers ฝั่งฮ่องกง เล่นอย่างแน่น วงเท่มากเด้อ

img_5067

ประมาณทุ่มนึงที่เวที FWD ก็ได้ยินเสียงดนตรีกรูฟ ลอยมาแต่ไกล ขณะนั้นเองมีหนุ่มเกาหลีพูดอังกฤษคล่องปรื๋อกำลังแร็ปลิ้นรัว เห็นว่าน่าสนใจดีเลยต้องเข้าไปดูใกล้ ซะหน่อย (เอ๊ สนใจเพลงหรืออะไรเอาดี ) ตอนแรกนึกว่า Dean ที่หลายคนเขากรี๊ดกัน ปรากฏว่าไม่ใช่นะจ๊ะ นี่คือ Samuel Seo หรือ ซอทงฮยอน แร็ปเปอร์ดาวรุ่งคาริสม่ากระจายอีกคน ที่ผสานฮิปฮอปเข้ากับเพลง r&b แจ๊ส โซล ได้อย่างกลมกล่อม แล้วโชว์ของเขามีวงดนตรีแบ็กอัพสด มาเล่นด้วย วันนี้เพลงที่เล่นก็มี Mango, Off You, B L U E เราไปยืนอยู่กับสาวกเขาอยู่ได้แปปนึง จู่ อปป้าแกก็ลงเวทีมาเล่นไม้เล่นมือท่ามกลางแฟนคลับอย่างใกล้ชิดในเพลง G O Y O ก็ถือว่าเป็นโมเมนต์ช่วงที่พี่แกยังไม่โด่งดังมาก ถ้าท็อปฮิตติดชาร์ตคงไม่ได้อยู่ระยะประชิดออร่าวิ้ง เยี่ยงนี้แน่นวล

p1000495

จากนั้นก็ได้เวลาที่เรารอคอย Feist ขึ้นเล่นที่เวที Harbourflap ในเวลาทุ่มครึ่ง แฟนเพลงก็มากระจุกตัวกันอย่างเนืองแน่น เธอมาในชุดแจ็กเก็ตสีชมพูสดคลุมเสื้อถักไหมพรมกับกระโปรงยาวที่น่ารักมาก ประเดิมเพลงแรกด้วย My Moon My Man ต้องบอกว่า วิธีใช้เสียงร้องของไฟสต์คือการร่ายมนต์ ทั้งอ่อนโยนและน่าหลงใหล เราไม่สามารถละหูและสายตาไปจากเธอได้เลย แล้วนักดนตรีของเธอเองก็เล่นได้กระชับเข้มแข็ง ดีงามไร้ที่ติ จากนั้นก็เป็น A Commotion ที่โดดเด่นด้วยเครื่องสายทรงพลังประโคมตอนต้นเพลง ต่อด้วยเพลงโปรดของเรา The Bad in Each Other กับลิกกีตาร์อันมีเอกลักษณ์ ออกไซคีเดลิกปนโฟล์กเท่ กับเสียงร้องที่แผดกร้านของไฟสต์นี่ทำเอาขนลุกไปหลายรอบ

clockenflap17_artist_feist_03_photo-by-chris-lusher

พอเล่นเพลงนี้จบเธอก็บอกให้คนดูหันไปดูไฟที่กระพริบบนตึกด้านหลังแล้วพูดว่านี่เราเล่นเปนซาวด์แทร็คประกอบแสงสีหรือเปล่าเนี่ยแล้วก็ได้เวลาของเพลงจากอัลบั้มใหม่ Pleasure ท่ีมีความร็อก คลั่ง และขลังขึ้นจนเรานึกไปถึงว่าได้ส่วนผสมของ PJ Harvey มานิดนึง ตามด้วย Any Party แล้วจึงเป็น Sea Lion Woman ที่แฟนเพลงพากันร้องตามและตบมือในท่อนคอรัสว่า ‘sealine’ คล้ายต้นฉบับของ Nina Simone ที่ชื่อ See Line Woman ซึ่งเธอได้แรงบันดาลใจมานั่นเอง เป็นเพลงที่เธอเล่นสดได้สนุกเร้าใจมาก

clockenflap17_artist_feist_04_photo-by-chris-lusher

เพลงช้า A Man Is Not His Song ที่เธอโชว์เล่นกีตาร์คนเดียวก็สะกดคนดูได้อยู่หมัด จบเพลงก็ชวนคนดูหันไปดูเรือใบแล้วพูดว่าพวกคุณคงเห็นกันจนชินแล้ว เรืออะ แต่สำหรับฉันมันงดงามไร้ที่ติมาก’ สวยไปอีกกกก ตามด้วยเพลงน่ารัก Mushaboom และเพลงจากอัลบั้มใหม่ Century แต่เสียดาย Jarvis Cocker ไม่ได้มาด้วย เธอบอกว่ารู้สึกดีมากที่ได้มาเล่นไกลขนาดนี้ แล้วถามว่าทุกคนรู้สึกยังไงบ้าง ก่อนจะส่งท้ายด้วยเพลงดัง I Feel It All จบโชว์นี้บอกเลยรักไฟสต์ขึ้นสิบเท่า เล่นน้อยแต่มาก ทรงพลัง ปัง ปัง ปัง

clockenflap17_artist_feist_05_photo-by-chris-lusher

ต่อกันที่เวที FWD ที่ผู้ชมเนืองแน่นไม่แพ้กัน เพราะมีวงฮิปฮอปดาวรุ่งพุ่งแรงเฟร่อจากจีนนาม Higher Brothers แห่งคณะ 88rising ที่เราเคยแนะนำกันไป บอกเลยว่าคนดูนี่เอามาก ตั้งแต่เพลง WeChat นี่ก็โยกกันหัวหลุด เราก็ไปโยกกับเขาด้วยโดยเฉพาะกับเพลงดัง Made in China เอาเรื่องมาก ๆๆๆๆ

clockenflap17_artist_higher-brothers_06_photo-by-kitmin

แล้วไม่นานนักเราก็รีบวิ่งไปที่เวทีใหญ่อีกครั้งเพื่อสนุกกับ Kaiser Chiefs เป็นวงสุดท้ายของวัน แม้ว่าเพลงในอัลบั้มใหม่จะไม่ได้ถูกใจเราร้อยเปอร์เซนต์ขนาดนั้น น่าเสียดายที่ระบบเสียงเวทีใหญ่ในวันแรกมันทื่อ ไม่ค่อยพุ่งเท่าไหร่ด้วย อาจเพราะหันหน้าเข้าหาทะเลมันเลยคุมยาก (เกี่ยวไหมนะ) แต่ก็ต้องยอมรับว่าเป็นวงที่เล่นสดได้ดีงาม เหมือนได้ย้อนวัยกันอีกครั้ง หลายเพลงที่หยิบมาเล่นนี่โซอังกฤษ โซบอยไม่รู้จะยังไงแล้ว พี่ อายุเท่าไหร่กันแล้วน้า ตั้งแต่ Everyday I Love You Less and Less คนดูร้องตามกันแบบคำต่อคำ จากนั้นก็ถึงคิวเพลง Everything Is Average Nowadays เคยแอบคิดนะว่าเป็นอะไรทำไมต้องตั้งชื่อเพลงยาว แต่ไม่เป็นไร ไลน์กีตาร์เพลงนี้ซิ่งมาก วัยรุ่นมาก มีปีนขึ้นไปร้องบนกลองด้วยเด้อ

clockenflap17_artist_kaiser-chiefs_03_photo-by-chris-lusher

ตามด้วย Ruffians on Parade ขณะนี้เริ่มดิ้นกันปวดตัวละ ต่อกันที่ Na Na Na Na Naa กับท่อนที่ชวนให้ร้องกันลั่นว่า ‘หน่า หน่า นา น้า นา’ แล้วจึงเป็นเพลงจากอัลบั้มใหม่ที่ซาวด์อิเล็กทรอนิกชัดเจนขึ้น เราก็คิดกันเล่น กับเพื่อนว่า พี่เขาจะเล่นเชื่อมเพลงอัลบั้มเก่าที่ร็อกมาก กับชุดนี้ยังไง สรุปว่าทำได้นะคะ ด้วยการ เล่นเพลงใหม่ให้ร็อกขึ้นนั่นเอง ฮ่า เจอกันที่เพลงแรก Parachute ซึ่งเขาบอกว่าเป็นวันเกิดของซาวด์เอนจิเนียร์ ก็มีการถือเค้กลงไปอวยพรวันเกิดกันที่เต๊นท์คอนโทรลเลย ก่อนจะวิ่งกลับเวทีไปเล่นงานเก่า Modern Way ที่แฟนบอยร้องตามรัว

clockenflap17_artist_kaiser-chiefs_01_photo-by-chris-lusher

Born to Be a Dancer อื้ออึงไปด้วยการตะโกน ‘โอ โอ๊ะ โอ โอ๊ะ โอ โอะ โอ่ โอ๊ โอ’ หรือ Ruby ที่แค่กีตาร์ขึ้นมาก็เดือดล้าว ยิ่งในท่อน ‘Ruby Ruby Ruby Rubayyy’ นี่คอแทบแตก แล้วเขยิบมาที่เพลงใหม่อีกครั้ง Hole in My Soul แล้วคอมโบเพลงดังรัว ตั้งแต่ Good Days Bad Days, Never Miss a Beat, The Angry Mob, I Predict a Riot, Coming Home คือแต่ละเพลงนี่มีท่อนติดหู มีท่อนให้ร้องตามอย่างฮึกเหิมทั้งสิ้น จบจากตรงนี้ก็เป็นอังกอร์กันละ แฟนบอยเดนตายโห่ร้องให้พวกเขากลับขึ้นมา และส่งมอบเพลงคัฟเวอร์ The Who อย่าง Pinball Wizard ให้ได้ฟัง ก่อนจะปิดท้ายที่ Oh My God วัยรุ่นจังเร้ยยยยย

clockenflap17_artist_kaiser-chiefs_02_photo-by-chris-lusher

น่าเสียดายที่เราไม่ได้ดูอีกสองวงอย่าง Kid Ink และ Tokimonsta ที่เล่นพร้อมกันแบบ ไม่รู้จะแยกร่างยังไงก็เลยเลือกเดินทางสายหลักแล้วกัน และงานจบในเวลาสี่ทุ่มครึ่งอย่าง ไม่รีบเลิกแต่ก็ไม่เลต คือต้องการให้ผู้ชมสามารถกลับบ้านได้ทัน MTR เที่ยวสุดท้าย ซึ่งดีงามมากจรีม ๆ

clockenflap17_harbourflap-stage_01_photo-by-chris-lusher

จบวันแรกกันไปแล้ว เพื่อไม่ให้ต้องอ่านกันจนตาแฉะ เดี๋ยวเราจะมาต่อวันที่ 2 กับวันที่ 3 เร็ว นี้จ้า บอกเลยว่าอีกสองวันพีคไม่แพ้วันแรกเด้อ

Facebook Comments

Next:


Montipa Virojpan

อิ๊ก เนิร์ดดนตรีที่เพิ่งกล้าเรียกตัวเองว่าเป็นนักเขียนตอนอายุ 25 ชอบเดินเร็ว นอกจากขนมปังกับกาแฟดำแล้วก็สามารถกินไอศกรีมกับคราฟต์เบียร์แทนมื้อเช้าได้