Article ระเห็ดเตร็ดเตร่

Degaruda and Friends งานคืนถิ่นของวงดิบสายเดือด

  • Story and photos by: Montipa Virojpan and Widthawat Intrasungkha

8 เมษายน 2560

นานแล้วเหมือนกันที่เราไม่ได้แวะเวียนมาที่ร้านเบอเกอร์เล็ก ๆ ย่านพระราม 9 อย่าง Fatty’s Bar ที่นอกจากจะมีชิลลีด็อกกับฮาลาปินโญ่ป๊อปเปอร์สสุดอร่อยแล้ว ก็มักจะมีวงดนตรีเล็ก ๆ น่าสนใจแวะเวียนมาเล่นให้ได้ลองดูลองฟังกันอยู่บ่อย ๆ

อย่างงาน Degaruda & Friends เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาก็เป็นอีกงานที่ดุเดือดทีเดียว เพราะมีวงดนตรีที่เคลื่อนไหวอยู่ในกระแสเพลงอินดี้อันเชี่ยวกรากอย่างเงียบเชียบ แต่มีผลงานที่น่าสนใจไม่แพ้วงที่ติดท็อปไฟฟ์ของชาร์ตดังทั้งหลายแหล่ ทั้ง Strange Brew, Abstraction XL, Hariguem Zaboy และ Degaruda

img_0255

เราไปถึงงานก่อนงานเริ่มได้พักนึง ก็ได้ทีสั่งเบอเกอร์และเบียร์มากินพอเป็นพิธี ระหว่างนั้น Strange Brew ก็กำลังซาวด์เช็กอยู่พลาง ๆ ก่อนจะเล่นเพลงแรกโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง ดนตรีไซคีเดลิกร็อก ซาวด์วินเทจ บางเพลงก็เป็นสโตนเนอร์ร็อกเดือดดาล หรือนำร็อกแอนด์โรลมาผสมความเมาย้วยยืดยาด บางเพลงก็มีลูกเล่นที่นึกจะเล่นเร็วก็เร็วแบบไม่ให้สุ้มให้เสียง หรือจะกลับไปช้าก็ไม่มีบอกกล่าวกันก่อน จะเรียกว่าเป็นวงที่เรียบเรียงเพลงได้ยียวนและมีเซอร์ไพรส์ตลอด แต่เพราะเหตุนี้เองเลยทำให้โชว์ของพวกเขามีความสนุกอยู่มาก และน้อยวงนักที่จะทำดนตรียุคเก่าได้ถึงแบบนี้ เนื้อเพลงที่เขียนลงไปก็มีความเก่าและเพราะอยู่ในคำ เพลงที่หยิบมาเล่นที่เราเคยฟังและพอจะจำได้ก็มี นวลนางบางแสน แสงดาว และ แพลงก์ตอนบลูม พวกเขาบอกว่าเร็ว ๆ นี้จะมีอัลบั้มมาให้ได้ฟังกันด้วย

img_0263

ต่อมาก็เป็นวง Abstraction XL วงอัลเทอร์เนทิฟดิบดุดัน ที่ผสมผสานความเป็นสโตนเนอร์และโพสต์ร็อกในบางช่วงบางตอน กับโชว์ที่พุ่งพล่านในอารมณ์และเสียงดนตรีแบบที่คนดูเองก็รู้สึกได้ ครั้งล่าสุดที่เราได้ดูพวกเขาไม่แน่ใจว่าเป็นงานที่ร้านน้อง ท่าพระจันทร์ หรือที่งาน Psych Out 2 นี่แหละ แต่รู้สึกว่าโชว์ครั้งนี้กลมกล่อมดี แม้พวกเขาจะเป็นวงที่เล่นเพียงสามชิ้นแต่ทั้งดนตรี การแสดง ก็หนักแน่นไม่มีผิดหวัง และจากปกติที่มือเบสจะออกกรีดร้องหรือออกอาการเกรี้ยวกราดในโชว์อย่างหนักหน่วง แต่หนนี้มาแบบกำลังดีพอเป็นพิธี ซึ่งก็สร้างสีสันให้โชว์อยู่เหมือนกัน เพลงเก่า ๆ ที่เราคิดถึงอย่าง No GPS, ท่องไป หรือ ลาลับ ก็ถูกนำมาเล่นในครั้งนี้ พวกเขาจะมีโชว์ของตัวเองในเดือนมิถุนายน ลองติดตามรายละเอียดกันดูได้

img_0269

วงที่สามของวันนี้ได้แก่ Hariguem Zaboy โชว์นี้น่าจะเป็นรูปแบบที่เราไม่ค่อยได้ดูเท่าไหร่ ด้วยความที่เป็นร้านเล็กมาก บริเวณที่เรายืนกับวงก็ค่อนข้างจะใกล้กันมาก เสียงที่ได้ยินจึงทะลุทุกโสตประสาทอย่างยิ่งยวด ด้วยความที่เป็นวงที่มีพื้นเป็น shoegaze พวก noise เสียงแตกเสียงพร่าต่าง ๆ มาเต็มหมด ยิ่งอัลบั้มชุดที่สองของพวกเขามันจะได้ฟีลดนตรีที่เล่นกันหนัก ๆ แบบ underground rock 80s ที่เสียงดังมาก ๆ การฟังครั้งนี้เราเลยใช้คำว่า ‘หูดับ’ ได้อย่างเต็มปาก แต่ผลลัพธ์ของมันก็ทำให้ดนตรีทั้งหมดโอบอุ้มเราไว้และไปถึงจุดที่พวกเขาต้องการถ่ายทอด ไม่ว่าจะเป็นเพลง The Colour, Anybody Feels หรือ Real Soon ก็ทำให้เราโยกหัวได้ตลอดโชว์

โชว์สุดท้ายของค่ำคืนนี้คือ Degaruda งานนี้เหมือนการคืนถิ่นของพวกเขา ที่ร้านมีบรรยากาศของความ home coming มาก ๆ ทั้งคนไทยและต่างชาติพากันกอดคอโยกตามจังหวะเพลงโดยไม่รู้ว่าคนข้าง ๆ คือใคร บางคนที่นั่งดูมาตลอดก็ยังทนไม่ไหวกระโดดข้ามโต๊ะเพื่อไปเต้นหน้าเวทีด้วย หลายคนแหกปากร้องเพลงตามได้เกือบทุกเพลง (ยกเว้นเพลงที่เป็นเพลงบรรเลง จะร้องยังไง โว้ะ) จนดำเนินโชว์มาถึงตอนท้าย ๆ พี่ทอป มือกีตาร์และนักร้องนำเริ่มบอกทุกคนว่า นี่จะเป็นโชว์สุดท้ายที่ร้านแห่งนี้ เพราะเขาจะย้ายไปตั้งถิ่นฐานที่ลอนดอน จึงทำให้ไม่สามารถทำวงต่อไปได้ พร้อมทั้งยังขอบคุณร้านที่ให้การต้อนรับที่ดีเสมอมา ก่อนที่จะเริ่มบรรเลงเพลงสุดท้าย ผู้คนต่างกระโดดโลดเต้น และผลักโต๊ะร้านชิดมุมทั้งหมด ราวกับว่าโมเสสสั่งให้ทะเลแดงแบ่งเป็น 2 ซีก ฝรั่งเริ่มบอดี้เซิร์ฟในร้านที่คับแคบ และตะโกน encore ซึ่งทางวงก็บอกว่า Okay, we’ll play one last song and then you guys have to get the fuck out of here.

ปิดท้ายค่ำคืนอย่างดุเดือดเมามัน พร้อมอิ่มอร่อยกับเบียร์และปีกไก่บัฟฟาโล่วิงส์ เราอยากให้ทุกคนลองมาสัมผัสบรรยากาศร้านเล็ก ๆ กับดนตรีที่ไม่ธรรมดาแบบนี้อีกในโอกาสหน้า ไม่แน่อาจจะติดใจและกลายเป็นขาประจำเลยก็ได้

Facebook Comments

Next:


Montipa Virojpan

อิ๊ก เนิร์ดดนตรีที่เพิ่งกล้าเรียกตัวเองว่าเป็นนักเขียนตอนอายุ 25 ชอบเดินเร็ว นอกจากขนมปังกับกาแฟดำแล้วก็สามารถกินไอศกรีมกับคราฟต์เบียร์แทนมื้อเช้าได้