Article ระเห็ดเตร็ดเตร่

ตามไป Doused กับพวกเขาใน #HYHBKK Weekend Noise with DIIV

  • Story and photos by: Panuwitch Boorananut

9 กันยายน 2560

21584265_10209435314854807_1606709599_o

รอคอยกันมานานหลายปีสำหรับสาวกเพลง indie rock/ surf rock ที่จะได้ดู DIIV วงจากบรูคลิน สหรัฐอเมริกา พวกเขาเป็นวงแรก ๆ ในยุคที่ทำให้เราได้มารู้จักกับดนตรีแนวนี้ นำทีมโดย Zachary Cole Smith ฟรอนต์แมนสุดเท่ อดีตมือกลอง Beach Fossils พร้อมด้วย opening act ของไทยอีกถึงสี่วงที่มาเล่นให้เราฟังกันอย่างจุใจในช่วงเย็นไปจนถึงกลางดึกของวันเสาร์สุดร้อนระอุที่ The Link Asoke-Makkasan

21557281_10209435315534824_1133833377_o

เริ่มกันที่ Folk 9 กันก่อน แน่นอนว่าวงนี้เขาไม่ทำให้ผิดหวังเมื่อขนเพลงมาเล่นทั้งเก่าและใหม่แบบจัดเต็ม ทั้ง China Town, Feel Good ทำให้รู้สึกถึงความล่องลอยปนน่ารัก และได้เต้นเป็นสเต็ปช้า ๆ ตามจังหวะกลองเบา ๆ หลังจากนั้น ก็เริ่มปล่อยเพลงที่คุ้นเคย อย่าง Lavender, ผลดอกไม้ และ คิดดูก่อน เป็นซาวด์ดนตรี dream pop ที่ทำให้คนเคลิ้มไปตาม ๆ กันเลยทีเดียว

img_3573

จบวงแรกได้ไม่นาน วงที่สองอย่าง Triggs and the Longest Day ก็พร้อมขึ้นไปเสิรฟ์เพลงร้อน ๆ ไม่แพ้อากาศภายในสถานที่จัดงานให้ผู้ชมได้ฟังกัน สไตล์เพลงของวงนี้เขาจะมีความดิบ ๆ garage ๆ สาด ๆ มัน ๆ โดยนำเพลงที่คุ้นหูกันอย่าง By the Sea , Sometime Somewhere และ Without P มาใส่กันให้ยับ แถมช่วงกลาง ๆ ของโชว์ก็ได้ กล้วย Freeman มือเบสร้อยวง ขึ้นมาเป็นแดนเซอร์เต้นประกอบเพลง ตัวผมเองยังรู้สึกชอบวงนี้เลยหลังจากได้ดูสดเป็นครั้งแรกว่าพวกเขาบ้าดีเดือดจริง ๆ

21584270_10209435315374820_977255143_o

ตอนนี้ก็ต้องมาคลายร้อน ฟังเพลงซอฟต์ ๆ แต่แฝงซาวด์ดีไซน์ซับซ้อนในเพลงอย่าง Cloud Behind เชื่อว่าหลาย ๆ คนคงคิดถึงวงนี้มากเพราะได้พักวงไปช่วงหนึ่ง แต่ตอนนี้ก็กลับมาทำอีกครั้งแล้ว เปิดมาด้วย intro บรรเลงยาวนาน ก่อนจะเข้าเพลง แค่แปลกตา และ ในท้องฟ้า ที่ฟังแล้วก็ชวนลอยด้วยดนตรีเน้นบรรยากาศ ตามด้วยเพลงเก่าชวนคิดถึงอย่าง นกนางนวล ที่ฟังแล้วแทบอยากจะกางปีกออกไปโลกกว้างกันเลยเชียว ต่อด้วยเพลงฮิตอย่าง เทา ชวนโหยหาความหลังที่เคยพบเจอมาด้วยกันกับคนคนหนึ่ง ความพิเศษของโชว์ในวันนี้คือการเล่นเพลงใหม่ซึ่งยังไม่ได้ตั้งชื่อของมาให้เราได้ฟังกัน และปิดท้ายที่ เพลงที่คุ้นหูกันนั่นก็คือ ลาฝัน ให้เราได้ต้อนรับความเป็นจริงของโลกใบเก่าไปพร้อมกัน

img_3593

ต่อกันอย่างไม่หยุดยั้งกับ วง shoegazer สายละเอียด อย่าง Hariguem Zaboy ที่ซาวด์หูพร่าแสนดิบของพวกเขาสามารถขยี้หูคนดูให้ร้อนฉ่าก่อนไปเจอ DIIV ที่ทุกคนรอคอย เมื่อโชว์เริ่ม ไฟบนเวทีก็เปลี่ยนเป็นสีแดงฉาบฟ้าทำให้เราเหมือนต้องมนต์สะกดไปในโชว์ของพวกเขา โดยเพลงที่หยิบมาเล่นก็มีทั้งเก่าและใหม่ ตั้งแต่ The Sailor Song, Anybody Feels, Real Soon, Spinnin Outside, Whispering, This Star Goes to Nowhere, Semi-Sec และแน่นอน เพลงปิดของทุกโชว์อย่าง Echoes

img_3599

สิ้นสุดการรอคอย เมื่อ DIIV ขึ้นเวทีมาพร้อมกับหน้าอ้วน ๆ เมา ๆ ของ Mickey Mouse เป็นแบ็กกราวด์ด้านหลัง ผู้คนก็เริ่มหนาแน่นมากบริเวณหน้าเวทีทำให้บรรยากาศคึกคักตามไปด้วย ต้องบอกว่าโชว์นี้เต็มอิ่มจริง ๆ เพราะพวกเขาขนเพลงมาเล่นอย่างยาวนานจากทั้งชุด Oshin และ Is The, Is Are เริ่มด้วย Druun, Part II, Follow, Under the Sun และ How Long Have You Known? เพลงชาติสายดรีมป๊อปเขาล่ะ คนดูก็ดูจะสนุกมาก ๆ ร้องตามกันแบบบ้าคลั่ง ตามด้วย Dopamine และ Human ระหว่างนั้นโคลก็ทักทายแฟนเพลง ก่อนจะเล่น Sometime, Oshin (Subsume), Mire (Grant’s Song), Incarnate Devil, Healthy Moon ทุกคนต่างเต้นกันฟลอร์ลุกเป็นไฟ เท้าไม่อยู่นิ่งกันเลย ส่วนตัวผมชอบเพลง Bent (Roi’s Song) มาก จากนั้น Loose Ends, Waste of Breath, Dust

21584141_10209435315414821_1541728996_o

เมื่อเข้าสู่ช่วงท้าย ๆ Doused เพลงที่หลายคนรอกันก็บรรเลงขึ้น ความตลกคือมีคนไปตั้งเป็นอีเวนต์ในเฟซบุ๊กเพื่อเพลงนี้โดยเฉพาะ ไม่มีใครอยู่เฉย แถมยังจะมีคนวิ่งไปมา แล้วสมาชิกก็เริ่มสลับตำแหน่งกันเล่นเครื่องดนตรีของแต่ละคน ตอนท้ายที่นึกว่าจะจบแล้ว โคลก็ถามว่าอยากฟังเพลงใหม่ของพวกเราไหม ซึ่งแน่นอนว่าพวกเราไม่ปฏิเสธกันอยู่แล้ว แต่เพลงที่เขาเล่นคือคัฟเวอร์เพลง Judge ของ (Sandy) Alex G เป็นของขวัญกับการมาเล่นครั้งแรกในเมืองไทย และปิดท้ายกันจริง ๆ ที่ Wait

เรียกว่าเป็นค่ำคืนเดือด ๆ ทั้งวงและอากาศ เยี่ยมยอดเด็ดดวงกันทุกวงจริง ๆ ส่วนงานหน้าเราจะไประเห็ดเตร็ดเตร่คอนเสิร์ตไหนก็อย่าลืมติดตามกันนะครัช

Facebook Comments

Next: