Article ระเห็ดเตร็ดเตร่

DYGL พาเราย้อนกลับไปเป็นวัยรุ่นต้น 2000s อีกครั้ง

  • Writer: Widthawat Intrasungkha and Montipa Virojpan
  • Photographer: Seen Scene Space

21 พฤษภาคม 2560

img_0428

หลายคนอาจจะไม่คุ้นชื่อวงอินดี้แดนปลาดิบนาม DYGL (อ่านว่า เดย์ โกลว์) กันนัก แต่ถ้าได้อ่านจากบทสัมภาษณ์ก่อนโชว์จะทราบว่าวงนี้มีสมาชิกของ Ykiki Beat อยู่ด้วยถึงสามคน งานนี้ Seen Scene Space นอกจากจะเปิดเวทีให้วงอินดี้ฝีมือคุณภาพนี้มาเล่นที่บ้านเราแล้ว และยังมีวงเปิดที่ฝีมือดีไม่แพ้กันอย่าง Wave and So และ Penny Time ซึ่งเล่นเอาสถานที่ที่คุ้นเคยอย่าง Play Yard by Studio Bar แน่นขนัดไปเลยทั้งที่เป็นคืนวันอาทิตย์ที่ทุกคนต้องเตรียมตัวไปทำงานวันรุ่งขึ้นแล้วแท้ ๆ

img_0042

เปิดฟลอร์ด้วยวง Wave and So ที่ขนทั้งเพลงตัวเองและเพลง cover มากกว่า 10 เพลง ซึ่งครั้งนี้ 2 หนุ่ม โซ่ และโอ๊ต ได้แบ็กอัพเป็นเพื่อนร่วมค่ายอย่าง อารอน และ อารยาจาก Seal Pillow มาเล่นให้ โดยวงสองหนุ่มค่าย Parinam ไม่ได้ขนเพลงฮิตตัวเองมาเล่นอย่างเดียว แต่มีการ cover เพลงวัยจิ๊กโก๋อย่าง Boys Don’t Cry ของ The Cure และ Ceremony ของ New Order ที่ทำให้คนดูรุ่นใหญ่ต้องดิ้นตามกันเป็นแถบ

img_0052

นอกจากนั้นยังมี How Long Have You Known และ Under the Sun จากคณะ DIIV และ Birthday ของ Beach Fossil วงรุ่นใหม่ติดสอยห้อยตามมาด้วย ส่วนเพลงฮิตของตัวเองก็ขนมามากมายเช่นกัน อย่างซิงเกิ้ลล่าสุด Sunshine, Wish You Knew, วันที่เรานัดกัน, Deal และปิดท้ายอย่างสวยงามกับเพลง Flower สังเกตุได้ว่ามีแฟนมารอดูอย่างเหนียวแน่นเลยทีเดียว

img_0159

วงต่อมาคือ Penny Time เวลานี้คนดูเริ่มอัดแน่นภายในร้าน Play Yard อย่างชัดเจน การเจาะเข้าไปหาตำแหน่งดี ๆ ในการยืนดูค่อนข้างลำบาก น่าจะเป็นเพราะหลายคนเห็นตรงกันว่า วงนี้เป็นวงหน้าใหม่ไฟแรงที่น่าติดตามอย่างยิ่ง แต่ที่เซอร์ไพรส์ยิ่งกว่าคือการที่แดเนียล (กีตาร์/ร้องนำ) พูดออกไมค์ถึงเพื่อนใหม่ที่เขาชวนมาดูงาน ซึ่งก็คือ มือเบส และ มือกลอง ของ Cigarettes After Sex ที่พึ่งเปิดคอนเสิร์ตครั้งแรกในเมืองไทยไปนั่นเอง!

img_0199

ส่วนวง Penny Time เริ่มด้วยการเปิดตัวเรียกคนดูด้วยเพลง I Can’t Get You ต่อด้วยซิงเกิ้ลล่าสุดที่ปล่อยเมื่อต้นปีอย่าง For Her เรียกให้คนดูเริ่มรู้สึกคุ้นหูกับเพลงมากขึ้น ก่อนที่จะบรรเลงเพลงของตัวเองที่ยังไม่ได้ปล่อยอย่าง All I Say และ Smile และเล่นเพลง Now ทีแจ้งเกิดบน YouTube และต่อเนื่องด้วย Conversating และเพลง cover ของวงรุ่นพ่อ The BeatlesHelter Skelter ที่ยกระดับความมันเข้าไปอีก หลังจากที่โยกหัวกันอย่างดุดันก็ผ่อนจังหวะลงเล็กน้อยด้วยเพลง Jam ที่เล่นครั้งแรกที่ Cat Expo ปีก่อน ก่อนที่จะปิดโชว์ด้วยเพลง I Wanna ที่ Penny Time ได้ปล่อยพลังออกมาสุดฤทธิ์จนเราทึ่งไปเลย

img_0458

ต่อกันด้วยวงที่ทุกคนรอคอย DYGL ซึ่งตอนเริ่มเล่นร้าน Play Yard ก็เต็มไปด้วยผู้คนที่รอมาดูวงอินดี้ gen ใหม่ที่ทำให้เรานึกถึงยุครุ่งเรื่องของ The Libertines หรือ แม้กระทั่งการาจร็อกรุ่นใหญ่ อย่าง The Strokes ซึ่งทางวงขนเพลงฮิตกันมามากมาย และเรียกเสียงกรี้ดของแฟนเพลงสาว ๆ ได้อย่างท่วมท้น โดยเฉพาะมือกลอง โคเฮ และมือเบส โยทาโร่ ที่ดูจะเป็นที่ถูกใจของสาว ๆ เป็นพิเศษ และเพลงแรกที่พวกเขาเล่นคือ Come Together เพลงล่าสุดที่เพิ่งปล่อยมาจากอัลบั้ม Say Goodbye to Memory Den ซึ่งจากชื่อเพลงและทำนองบางอย่างทำให้ปฏิเสธไม่ได้ว่าเผลอนึกไปถึงเพลงของ The Beatles ด้วยเหมือนกัน จากนั้นก็เป็นเพลง Take it Away เพลงที่ทำให้เราเต้นเหยง ๆ เหมือนกลับไปเป็นวัยรุ่นตอนต้นแบบที่สนุกกับเพลง What Katie Did ของ The Libertines อีกครั้ง

img_0271

และต่อด้วย Let it Sway เพลงดังจังหวะมัน ๆ จาก EP Don’t Know Where It Is กับเพลงน่ารัก ๆ Let’s Get Into Your Car ตามมาด้วย Crazy, Boys on TV, Slizzard แล้วดรอปจังหวะลงมาที่เพลงช้า ๆ สุดเซ็กซี่ A Matter of Time จากอัลบั้มใหม่ที่ทำให้เราได้ฟังสำเนียงบริติชของโนบุกิกันแบบชัด ๆ แม้จะเสียงหลงไปเล็กน้อยแต่ก็ยังสามารถคุมอารมณ์ของเพลงได้ จากนั้นจึงเป็นเพลง Happy Life, Thousand Miles และต้องยอมรับว่าเพลง Let it Down คือเพลงที่หลาย ๆ คนเฝ้ารอที่จะฟัง (โดยเฉพาะตัวข้าพเจ้าเอง) ซึ่งก็มีผู้คนแหกปากร้องตามกันได้พอสมควร นอกจากนั้นก็มี I’ve Got to Say It’s True ก่อนที่จะเป็นอีกเพลงจังหวะน่ารักสุดเพราะ Waste of Time ก่อนที่เขาจะชวนเราทุกคนชนแก้วเป็นภาษาไทย แล้วปิดท้ายด้วยเพลง Don’t Know Where It Is ก่อนจะเป็นอังกอร์ที่แฟน ๆ เรียกร้องกันอยู่นานสองนานที่เพลง All I Want แม้ว่าโชว์นี้คนดูจะไม่ได้เต้นกันฟลอร์ระเบิดแต่สังเกตว่าทุกคนก็โยกตัว ผงกหัว สนุกไปกับเพลงอยู่ไม่น้อยเลย

img_0601

พอจบคอนเสิร์ต คนดูที่ติดใจก็ออกมาจับจองเสื้อ อัลบั้ม และ merchandise ต่าง ๆ ปต่อแถวให้วงเซ็นกัน ทางวงเองก็ยิ้มแย้มเป็นกันเองแบบสุด ๆ

ถือเป็นการเปิดโลกดนตรีอีกมุมของโลกที่เราไม่คุ้นเคย อย่างวงญี่ปุ่นที่ทำเพลงเป็นภาษาอังกฤษและได้อิทธิพลจากการาจร็อกยุค 2000s ที่เป็นยุคสมัยอันเต็มไปด้วยเพลงโปรดของใครหลายคน แถมฝีไม้ลายมือของพวกเขาก็ไม่ธรรมดาในฐานะนักดนตรีอายุ 25 ใครที่ยังไม่เคยฟังอยากให้ได้ลองฟังเพลงของพวกเขากันดู DYGL บอกกับคนดูตอนท้ายโชว์ว่าพวกเขาชอบสถานที่นี้มาก และอยากกลับมาเล่นให้ทุกคนได้ฟังอีกครั้ง ถ้าโชคดีก็อยากให้พวกเขามาเล่นกันอีกสักที ไม่งั้นก็ต้องตามไปดูกันที่ Fuji Rock Festival ให้หายคิดถึงกันไปก่อนล่ะเนอะ

img_0654

Facebook Comments

Next: