คอนเสิร์ต Girl Vol II พลังหญิงเดือด จุด Loyshy ร้อนระอุ
- Writer: Chawanwit Imchai
- Photographers: Benjamin Pfau and Catherine Costa
11 กุมภาพันธ์ 2561
เป็นอีกค่ำคืนที่นักเล่นและนักฟังดนตรีมารวมตัวกันแน่นขนัดใน Loyshy ราชเทวี เพราะคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมาเป็นช่วงเวลาของงาน Wildest Youth x Kuaha presents Girl Vol. II ที่ศิลปินหญิงจะมาทำลายกำแพงความเชื่อเชย ๆ ที่ว่าผู้หญิงเล่นดนตรีเป็นสิ่งที่แปลกประหลาด มนุษย์ทุกเพศที่มางานนี้ต่างตั้งใจมารอดูโชว์จาก Lukpeach, The 10th Saturday, Sasi และ My Life As Ali Thomas กันอย่างคึกคัก ท่ามกลางแสงไฟและ art direction ที่เป็นเหมือนสภาพจำลองของโลกที่พวกเธออยู่
ทันทีที่มาถึงงานก็พบว่ามีผู้ร่วมงานจออกมาสูดอากาศข้างนอกกันมากมาย อันเป็นสัญญาณบอกว่าโชว์แรกได้จบลงไปแล้ว เมื่อเดินผ่านก็ได้ยินเสียงพูดคุยถึงโชว์ของ Lukpeach อยู่เนืองๆ พลันให้รู้สึกโกรธตัวเองจริง ๆ ที่มาไม่ทันโชว์ของเธอ
เมื่อผลักประตูไม้กันเสียงหนัก ๆ ของ Loyshy เข้าไป ก็สะเทือนใจอีกรอบกับจำนวนคนที่เยอะจนทำให้แสงไฟมืดสลัวลงไปอีก และทันที The 10th Saturday เริ่มเล่นเพลง Wander เป็นเพลงเปิดโชว์ แสงไฟก็มืดลงจนเหลือไว้แค่วิชวลที่ฉายลงบนวัตถุต่าง ๆ ที่แขวนลงมา ทำให้เพลงนี้ที่เท่อยู่แล้วเท่ขึ้นไปอีกหลายระดับ ตามมาด้วยเพลง Bitch Please!, I.F. และซิงเกิลใหม่ที่เพิ่งปล่อยสด ๆ ร้อน ๆ อย่าง Luna ที่มีจังหวะชวนโยกแบบโมเดิร์นร็อกเท่ ๆ และคั่นความเข้มข้นด้วยเพลงที่ได้แรงบันดาลจากมังงะในตำนาน ‘One Piece’ ที่วงตั้งชื่อเพลงว่า Going Merry ตามชื่อเรือโจรสลัดที่ปรากฏในการ์ตูน
แล้วก็เซอร์ไพรส์แฟน ๆ ต่อด้วยเพลง No Surprises ของวง Radiohead ที่นำมา cover ให้มีความร็อกมากขึ้นตามสไตล์ของวง ส่งท้ายด้วยสองซิงเกิลที่ทำให้ทุกคนได้รู้จักกับพวกในเพลง Farewell และ A New Beginning ซึ่งสาเหตุที่นำเพลงที่ใช้เปิดโชว์ทุกครั้งมาไว้หลังสุดในเซ็ตลิสต์ก็เพราะตามเนื้อร้องที่บอกไว้ว่า ‘Every ending is a new beginning.’ นั่นเอง
เบียร์ในมือเริ่มเหลือไม่ถึงครึ่งแก้วก็ถึงคิวของ Sasi วงโฟล์กร็อกเสียงร้องหม่นสวยที่เสกมนต์สะกดจนทุกคนเคลิ้มไปกับเพลงอย่าง Lisa, หน้าต่าง, Bang Bang อันเป็นเพลงเปิดโหมดดึงดูดประสาทที่สุดในเซ็ตลิสต์ของวง ก่อนจะพ้นขึ้นจากผิวน้ำด้วยเพลง ใจ, ละเมอ, Evening แล้วซัดด้วยคลื่นเสียงไร้รูปแบบก่อนจบโชว์ด้วยเพลง แสงแดดที่ผิดกฏหมาย และ ถ้า เป็นเพลงสุดท้าย ก่อนจบโชว์ เดือน ร้องนำของวง Sasi ถึงกับบอกว่าตื่นเต้นมากกับจำนวนคนที่มางานเยอะขนาดนี้
และแล้วก็ถึงเวลาของเจ้าถิ่น Petite ที่จะสำแดงพลังของ Queen of Loyshy ให้แฟน(เพลง)ทั้งเก่าและใหม่ ได้ขยับตัวเบา ๆ ไปกับเพลงครึ่งเซ็ตแรกอย่าง Happy, Blanket, Complicated และ Rather Be ไลน์เบสและกรูฟที่ดำเนินไปด้วยสไตล์โซลป๊อปและ r&b บวกกับคำถากถาง ทั้งแซะ ทั้งแขวะ คนที่ทำให้ Petite ต้องเจ็บช้ำน้ำใจ เรียกเสียงเฮ เสียงกรี๊ด และเสียงขยับเท้าจากแฟน ๆ ได้เป็นอย่างดี
เมื่อระอุได้ที่ เธอก็หมุนวอลลุ่มไปที่ความดังสูงสุดแล้วซัดเพลงคัฟเวอร์ที่โดนใจคนเคยเกรียนด้วยเพลง ไม่มีเธอ ของ Retrospect (คงจะอารมณ์ค้างจากคอนเสิร์ต G19 เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา) ตามมาด้วยคลาสสิกคัฟเวอร์ที่แทบจะเป็นเพลงชาติลอยชายไปแล้วอย่าง Crazy in Love ของ Beyoncé ก่อนจะตบท้ายด้วยซิงเกิลแรกของเธอที่ออกมาภายใต้ชายคาของ Smallroom ซึ่งก็คือเพลง Ai ที่เธอแต่งขึ้นมาเพื่อใช้ด่าคนรักเก่านิสัยไม่ดี ในตอนนี้ฟลอร์ชุ่มไปด้วยเบียร์ที่กระฉอกออกมาจากแก้วและหยดเหงื่อ เป็นการบอกว่า Petite คือเอนเตอร์เทนเนอร์ผู้เจนจัดบนเวทีอย่างแท้จริง หากรู้ข่าวคราวการแสดงสดครั้งหน้าของเธอก็อย่าได้พลาดด้วยประการทั้งปวง
ส่งท้ายด้วย headliner ของงานนี้ เมื่อเสียงกีตาร์ชุ่มรีเวิร์บของ แร็ก—วิภาต เลิศปัญญา เริ่มทำการห่อหุ้มคนดู เสียงร้องของพายก็พาให้ทุกคนหลุดจากร้านลอยชายไปสู่โลกของวง My Life As Ali Thomas บอกก่อนเลยว่าโดยส่วนตัวรู้สึกเฉย ๆ กับเพลงและโชว์ของวงนี้มาตลอด จนกระทั่งได้มาอยู่ในโชว์นี้ที่ซาวด์และสถานที่ช่วยเอื้อประโยชน์ให้กันและกันจนกลายเป็นโชว์ที่สมบูรณ์แบบทันที ซึ่งตอนนี้ก็ได้ถวายตัวเป็นแฟนเดนตายไปแล้วเรียบร้อย ซึ่งเพลงที่อยากมาดูก็ได้ดูครบหมดทุกเพลง และเป็นอีกวงที่บอกว่าตื่นเต้นกับจำนวนคนดูที่มากมายเกินคาด
ไอร้อนระเหยออกมาทางประตูพร้อม ๆ กับผู้ร่วมงานที่ทะยอยกันเรียกรถกลับบ้าน ส่วนหนึ่งก็รอถ่ายรูปกับศิลปินที่ตัวเองตั้งใจมาเชียร์(และเพิ่งตัดสินใจได้ว่าจะเชียร์) เป็นอีกงานที่เรียกได้ว่าประสบความสำเร็จอย่างน่าสนใจอีกงานหนึ่ง เพราะจากคอนเซปต์ตั้งต้นของงานที่มีความเฉพาะกลุ่มพอสมควร แต่กลับดึงคนมาได้มากขนาดนี้ ทำให้อยากติดตามว่าในอนาคตจะมีอะไรสนุก ๆ จาก Wildest Youth และ Kuahua อีก
